Interview with "Dredg" (Lilium) |
|
|
|
Written by Agent Fox Mulder
|
Tuesday, 12 August 2008 |
Progger รุ่นใหม่หัวใจ Indie : Interview with "Dredg"
Translated by Lilium Credit : www.bitemezine.net
Dredg คือวง New-Prog ที่มีชื่อพอสมควร ซึ่งดนตรีของพวกเขาเป็นการบรรจบกันอย่างลงตัวระหว่าง Alternative Rock และ Progressive Rock ซึ่งให้อารมณ์ทางดนตรีหลากหลาย ตั้งแต่ร๊อคไปจนถึงแจ๊ส แอมเบียนท์ไปจนถึงดรัมแอนด์เบส....พวกเขาทั้ง 4 คนอันประกอบไปด้วย Gavin Hayes (vocals), Mark Engles (guitar), Drew Roulette (bass), and Dino Campanella (drums)ได้ออกอัลบั้มอย่างเป็นทางการที่มีชื่อว่า El Cielo กับค่าย Interscope เมื่อประมาณปี 2002 ซึ่งอัลบั้มนั้นถือว่าเป็นคอนเซปต์อัลบั้มที่ยอดเยี่ยมมากๆสำหรับวง สำหรับบทสัมภาษณ์นี้ก็เป็นบทสัมภาษณ์ตอนเมื่อทางวงเพิ่งออกอัลบั้ม El Cielo ใหม่ๆ ครับ อัลบั้มนี้เสร็จตั้งแต่เมื่อไรครับ? Gavin: ก็ประมาณเดือนพฤษภาคมเห็นจะได้นะ แต่สำหรับเหล่ามนุษย์อินเตอร์เน็ตทั้งหลายก็คงจะได้ฟังก่อนที่มันจะวางแผงอยู่แล้วล่ะ!!! Mark: ครับ ก็รู้ๆกันดีอยู่สำหรับเรื่องของการ “Leaking” แต่เราก็ไม่ได้วิตกกังวลตรงจุดนี้มากนัก เพราะเราก็ไม่ใช่วงใหญ่โตอะไร และมันก็เหมือนเป็นการเผยแพร่เพลงของเราให้เป็นที่รู้จักมากขึ้นด้วยเหมือนกัน แต่ก็นั่นแหละ...ผมก็ยังอยากให้แฟนๆไปซื้อแผ่นแท้มาฟังกันเยอะๆน่ะ G: ใช่แล้วครับ...คิดดูสิ ความรู้สึกตื่นเต้นเมื่อยามแกะห่อซีดี ละเลียดไปกับแพคเกจอันงดงาม M: พริ้มพรายไปกับ Artwork อันตระการตา และที่สำคัญ คุณภาพเสียงก็ดีกว่าเป็นใหนๆ G: ภาพปกและภาพประกอบใน Booklet มันเข้ากันกับดนตรีในแบบของเราได้ดีเยี่ยมเลยล่ะ
เพลงของพวกคุณมีความเป็นศิลปะสูงมากและพวกคุณก็ใช้ภาพประกอบต่างๆมากมายเวลาเล่นโชว์ พวกคุณเปลี่ยนพวกภาพประกอบเหล่านั้นบ่อยแค่ใหนเหรอ? M: มันก็แล้วแต่ว่าตอนนั้นพวกเราเอาภาพอะไรติดตัวไปด้วย หรือไม่ก็ต้องดูว่าตอนนั้น Gavin กับ Drew สร้างสรรค์ผลงานศิลปะอะไรกันอยู่น่ะ
เคยมีแฟนเพลงมาขอซื้อผลงานศิลปะของคุณมั้ยครับ? G: บางครั้งเราขายให้แฟนเพลงหรือเพื่อนของเราบ้างเหมือนกันครับ M: เราพยายามที่จะเพิ่มจำนวน Copy ให้มากขึ้น เพื่อแฟนๆของเราสามารถซื้อผลงานศิลปะไปครอบครองกันได้ครับ
คุณขายผลงานศิลปะของคุณหลังการแสดงโชว์หรือขายผ่านทางเว็บไซต์ครับ? M: ส่วนใหญ่จะเป็นแบบปากเปล่ามากกว่าน่ะ ถ้าแฟนเพลงคนใหนอยากได้พวกเขาก็จะมาเอ่ยปากขอซื้อกับเราโดยตรงเลย แต่มันก็ไม่ค่อยบ่อยนักหรอก
Dredg เป็นวงที่มีความเป็นศิลปินสูงมากและก็เป็นวงอินดี้ที่ค่อนข้างหวั่นเกรงในการเซ็นสัญญากับค่ายเมเจอร์? G: ไม่นะ เราไม่ได้หวั่นเกรงอะไร พวกเราใส่ใจและทำความเข้าใจเสมอในสิ่งที่พวกเราทำ ถึงแม้ว่าการเป็นวงอินดี้จะเป็นสิ่งที่เรารักมากที่สุด แต่เมื่อมีข้อเสนอดีๆมา มันก็เป็นการยากที่จะปฏิเสธน่ะ แต่เราก็ต้องคงความเป็นตัวของตัวเองไว้ให้ได้มากที่สุด
ทางค่ายเพลงมีข้อตกลงหรือข้อจำกัดอะไรบ้างไหมในการทำอัลบั้ม? M: ไม่มีหรอกครับ แน่นอนว่าทางค่ายอาจจะมีความเห็นเกี่ยวกับการดำเนินงานบ้าง แต่เรื่องสไตล์เพลงหรือการแต่งเพลงนี่ก็แล้วแต่เรา พวกเขาจะไม่มายุ่งและให้อิสระกับพวกเราอย่างเต็มที่ครับ
El Cielo มีพัฒนาการและมีความเป็นผู้ใหญ่มากขึ้นกว่า Leitmotif (อัลบั้มแรกของวง – ผู้แปล)? M: Leitmotif นี่ก็ 3-4 ปีมาแล้วนะ, ตอนนั้นเราบันทึกเสียงและออกขายอัลบั้มกันเอง ผมคิดว่าโปรดักชั่นของ El Cielo มันสมบูรณ์แบบมากกว่า และการเล่นของเราก็พัฒนาไปมากด้วย G: ด้านการเขียนเพลงก็พัฒนาขึ้นเช่นกัน El Cielo นั้นเป็นเหมือนเงาสะท้อนสำหรับก้าวต่อไปของเรา หมายความว่าอัลบั้มต่อๆไปจากนี้ก็ต้องดีขึ้นเรื่อยๆและมีความแตกต่างกันออกไป ซึ่งแต่ละอัลบั้มก็จะต้องมีเอกลักษณ์ของมันน่ะ
พวกคุณทำงานกับโปรดิวเซอร์ถึงสามคนสำหรับอัลบั้มนี้ พวกเขาได้เพิ่มเติมอะไรพิเศษๆลงไปในซาวนด์ของ Dredg บ้างไหม? G: มันก็ต้องมีบ้างล่ะครับ เพราะฉะนั้นซาวนด์ของเราจะหลากหลายมากขึ้น
มีปัญหาอะไรบ้างรึเปล่ากับการที่ต้องนำวิสัยทัศน์ของโปรดิวเซอร์แต่ละคนมาผูกกันเป็นหนึ่งเดียว? G: ไม่ครับ ไม่มีปัญหาเลย
โดยส่วนตัวแล้ว พวกคุณได้อะไรบ้างจากการทำอัลบั้มนี้? G: คงเป็นความใหญ่โตน่ะ นี่เป็นการออกอัลบั้มที่ค่อนข้างใหญ่โตสำหรับผม ดนตรีและท่วงทำนองได้ช่วยให้ผมปลดปล่อยอารมณ์ ผมได้ขึ้นเล่นโชว์และมันก็ช่วยให้ผมเขียนเพลงได้ดีขึ้น และตอนนี้ผมก็รู้สึกดีมากๆเลย M: มันมีความเป็นส่วนตัวมากสำหรับผม ความรู้สึกนึกคิดของคุณจะถูกปลดปล่อยออกมาสู่ฝูงชนจำนวนมากมาย มันน่าตื่นเต้นมากเลยล่ะ
พวกคุณเคยเล่นดนตรีต่อหน้าผู้ชมที่ไม่เข้าใจว่าพวกคุณกำลังทำอะไรกันอยู่บ้างไหม? G: มันก็มีบ้าง พวกเราเล่นโชว์มากว่า 5 ปีแล้วและมันก็มีบางครั้งที่ผู้ชมไม่เข้าใจเอาซะเลยว่าพวกเราทำอะไรกันอยู่
ลองยกตัวอย่างเหตุการณ์นั้นซิ มันเป็นอย่างไรเหรอ? M: ก็คือ พวกเราพังอุปกรณ์ทุกอย่างและถล่มเวทีจนย่อยยับน่ะ!!!
พวกคุณอยากให้แฟนเพลงได้อะไรกลับไปบ้างหลังจากที่ได้ดูโชว์ของพวกคุณ? M: ผมอยากให้พวกเขาเกิดความรู้สึกอยากริเริ่มทำอะไรบางอย่างเมื่อกลับไปถึงบ้าน....อะไรก็ได้ อยากให้พวกเขาลองขีดลองเขียนหรือลองสร้างอะไรบางอย่างขึ้นมา ทุกๆโชว์ที่ผมได้ไปดูมักจะทำให้ผมรู้สึกอยากที่จะหยิบกีตาร์ขึ้นมาเล่นหรือจับปากกามาขีดเขียนอยู่เสมอ ผมอยากให้แฟนเพลงของเราได้รับแรงบันดาลใจน่ะ G: ผมอยากให้พวกเขาได้ครุ่นคิด.....
คำแนะนำที่ดีที่สุดเท่าที่พวกคุณเคยได้รับมา? M: Keep Playing!!! จงเล่นต่อไป!!! G: Keep Trying!!! จงพยายามต่อไปอย่าท้อถอย!!!
ง่ายๆเลย แค่ยึดมั่นในสิ่งที่คิดทำ? M: เวลาที่คุณชื่นชมวงดนตรีชั้นนำต่างๆ คุณจะไม่นึกถึงหรอกว่าพวกเขาต้องฝ่าฟันอะไรกันมาบ้าง และพวกเขาก็ต้องพบกับช่วงเวลาที่ย่ำแย่หลายต่อหลายครั้ง กว่าจะมายืน ณ จุดนั้นได้ G: คำแนะนำที่ดีอีกอย่างคือ “อย่าไปฟังคำวิจารณ์หรือคำแนะนำอะไรให้มากนัก”!!!
เพราะมันจะทำให้พวกคุณต้องเปลี่ยนแปลงซาวนด์ของตัวเองทุกสัปดาห์? G: ใช่เลยครับ
Dredg รวมวงกันมากว่า 10 ปีแล้ว? G: ก็เกือบๆ 10 ปีนะ พวกเราเริ่มจะมาจริงจังกันเมื่อประมาณ 6 ปีมานี้เอง เพราะในตอนแรกๆพวกเราก็ไม่ค่อยเป็นชิ้นเป็นอันกันสักเท่าไร ซาวนด์ของ Dredg เปลี่ยนไปจากช่วงแรกๆอย่างไรบ้าง? G: ตอนนั้นเราเล่นกันโคตรหนักเลย แต่ตอนนั้นเราสุขุมมากขึ้น อาจเพราะเราแก่ขึ้น.... M: ซาวนด์ของเรามีหลายมิติขึ้น การร้องเพลงของ Gavin ก็พัฒนาขึ้นมากทีเดียว G: เมื่อก่อนผมกับ Mark เล่นกีตาร์ด้วยกัน เราผลัดเปลี่ยนนักร้องหลายต่อหลายคน ส่วนใหญ่เราก็เล่นคัฟเวอร์พวกเพลงเมทั่ลหนักๆ หลังจากนั้นผมก็เริ่มแหกปากมากขึ้น เพราะเราหานักร้องไม่ได้แล้ว ตอนนั้นผมร้องเพลงแบบแหกปากตลอดก็เพราะมันโคตรง่ายเลย (หัวเราะ) นั่นคือช่วงที่เราเริ่มตั้งไข่ แต่เราก็ได้พื้นฐานเรื่องซาวนด์ที่หนักแน่นมาตั้งแต่ตอนนั้นน่ะ M: แต่ผมก็ยังคงถวิลหาซาวนด์แบบนั้นอยู่เสมอนะ G: ใช่ ผมยังคงชอบมันอยู่ แต่ก็ไม่คลั่งเหมือนตอนนั้นแล้ว
คุณพอจะจำได้ไหมว่าซาวนด์ของ Dredg เปลี่ยนไปเป็นแบบปัจจุบันตั้งแต่ตอนใหน? M: มันก็เปลี่ยนตั้งแต่ตอนที่เราเริ่มทำ Leitmotif แล้วล่ะ G: การที่เราได้อัดเสียงและลองฟังสิ่งที่เราได้เล่นไป เป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญมาก เพราะเราจะจับจุดถูกว่าเราต้องการเปลี่ยนแปลงอะไรบ้าง มันช่วยได้มากเลยล่ะ
คุณบันทึกเสียง El Cielo ที่ George Lucas’ Studio ตลอดการทำงานเลยรึเปล่า? M: ไม่ครับ แค่บางส่วนเท่านั้นแหละ
ได้ยินมาว่าสภาพแวดล้อมที่นั่นงดงามมากๆเลย? G: โอ้ ใช่แล้ว....มันสวยมากๆเลย M: เพียงแค่ขับรถไปสตูดิโอในแต่ละวันก็สุดยอดแล้ว เราเข้าไปในสตูดิโอด้วยความรู้สึกที่ดีมากๆเลย G: เราขับรถข้ามสะพาน Golden Gate ทุกวัน และออกไปยังถนนสาย 101 ซึ่งจะผ่านทุ่งหญ้าที่เขียวสดและดูหนานุ่มที่สุดเท่าที่คุณจะจินตนาการได้ นอกจากนั้นวิวของทะเลสาบก็งดงามไม่แพ้กัน M: คุณจะไม่มีวันเสียอารมณ์กับการขับรถเลยล่ะ!!!!
คุณรู้สึกอย่างไรกับการที่ต้องออกอัลบั้มที่เปี่ยมล้นไปด้วยศิลปะในช่วงเวลาที่ตลาดดนตรีเป็นเช่นนี้? M: สิ่งที่เราต้องทำคืออย่าไปใส่ใจชาร์ตเพลงให้มากนัก เราแค่ทำในสิ่งที่เราอยากทำแล้วเกิดมีคนมาชอบเรา ก็เท่านั้น เราทำมันก็เพราะเราแค่รักที่จะเล่นดนตรีน่ะ ไม่มีเหตุผลอะไรแอบแฝงหรอก
ในช่วงชีวิตของคุณ มีอัลบั้มใหนบ้างที่ทำให้คุณประทับใจในสิ่งที่พวกเขาเหล่านั้นได้ทำ? G: ผมประทับใจ Chaos A.D. ของ Sepultura มากๆเลยล่ะ M: ใช่ๆ พวกเขามีพัฒนาการที่ดีมากๆในอัลบั้มนั้น G: พวกเขาเป็นวงที่มีพัฒนาการที่ดีอยู่ตลอดเวลา M: พวกเขาเริ่มจากการเป็นวง Death Metal และค่อยๆพัฒนาซาวนด์เป็นตัวของตัวเองมากขึ้น G: ผมเริ่มชอบพวกเขาตั้งแต่ตอนที่ออกอัลบั้ม Beneath the Remains และ Arise แล้วล่ะ แต่จุดเปลี่ยนระหว่าง Arise กับ Chaos A.D. มันมหัศจรรย์มากๆ M: เราไม่เคยเล่นดนตรีหนักกบาลเท่าพวกเขาหรอก แต่ผมชอบพัฒนาการของพวกเขา พวกเขามีความเป็นตัวของตัวเองสูง ไม่มีวงดนตรีวงใหนๆที่เล่นเหมือนพวกเขาเลย G: ไม่มีแม้กระทั่งซาวนด์ที่ใกล้เคียง.....
คุณเลิกฟังพวกเขารึเปล่า หลังจากที่ Max Cavalera ออกจากวงไปแล้ว? M: แน่นอนซิครับ Drew: ใช่ครับ และผมก็หันไปฟัง Pink Floyd แทน
พวกคุณเป็นแฟนของ Soulfly (วงปัจจุบันของ Max Cavalera อดีตแกนนำวง Sepultura ยุครุ่งเรือง – ผู้เขียน) รึเปล่า? M: พวกเขาก็โอเคนะ แต่ผมไม่ค่อยสนใจแนวเพลงแบบนั้นอีกต่อไปแล้ว ถ้าผมอยากจะฟังดนตรีแบบนั้นขึ้นมาผมก็เลือกที่จะนอนกอดผลงานของ Sepultura ชุดเก่าๆดีกว่า อ้อ...อีกวงที่มีอิทธิพลต่อผมมากสมัยผมเป็นเด็กก็คือ Kyuss ภาคกีตาร์ของพวกเขาเจ๋งเป้งไปเลยล่ะ!!!
เพลงของพวกคุณถูกเปิดออกอากาศที่สถานีวิทยุของเมือง Boston ทั้งๆที่ตอนนั้นพวกคุณยังไม่ได้เซ็นสัญญากับค่ายใหนเลยนี่นา? D: เรามีเพื่อนเก่าแก่ที่ L.A. อยู่คนนึง เขาไปเรียนต่อที่ Boston เขามีหน้าที่จัดรายการเพลงทางวิทยุในช่วงหัวค่ำ เขาเปิดเพลงของพวกเราและมันก็ได้เสียงตอบรับที่ดีมากเลยล่ะ
พวกคุณมาจากเมือง Los Gatos ที่เป็นเมืองเล็กๆในแอลเอ วงการดนตรีที่นั่นเป็นอย่างไรบ้าง? M: วงการดนตรีที่นั่นเล็กมากเลย ไม่มีการแข่งขันกันสักเท่าไร มันเป็นเหมือนกับสมาคมน่ะ ไม่มีใครพยายามที่จะอยู่เหนือหัวใคร มีแต่การช่วยเหลือกันระหว่างวงดนตรี แต่ในตัวเมือง L.A. นั่นมีการแข่งขันที่สูงมากเลย พวกคุณเล่นโชว์กันบ่อยมั้ย ก่อนที่จะเซ็นสัญญากับ Interscope น่ะ? M: เราเล่นโชว์กันแบบจริงจังมาประมาณครึ่งปีก่อนจะเซ็นสัญญานี่เอง เราออกทัวร์กันในแถบเวสต์โคสต์ ก่อนหน้านั้นพวกเรายังเรียนหนักกันอยู่เลย และเราก็เล่นโชว์ได้เฉพาะช่วงฤดูร้อนและช่วงวันหยุดนั้น
พวกคุณเรียนจบรึยัง? M: ยังเลยครับ
พวกคุณเรียนอะไรกันบ้าง? M: ผมเรียนเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ครับ G: ตอนนี้ผมเรียนศิลปะอยู่ ผมฝันจะเป็นนักทำ Special Effect เหมือนกัน หรืออาจจะลองทำวิดีโอเกมน่ะ
พวกคุณจะทำอะไรกันหากไม่ได้เล่นดนตรี? M: ผมอาจจะเป็นนักวิทยาศาสตร์ภาคสนามอะไรเทือกนั้น จริงๆผมอยากเป็นหมอ แต่ผมขี้เกียจไปเรียนแพทย์ซึ่งมันต้องใช้เวลาตั้ง 8 ปีแน่ะ
แล้วงานอดิเรกยามว่างของพวกคุณล่ะ? M: ผมชอบไปดูหนัง หรือไม่ก็ดูโชว์ของวงดนตรีอื่นๆ โดยเฉพาะพวกวงใต้ดิน นอกจากนั้นผมยังโปรดปรานการเดินทางไกลและทำกิจกรรมเกี่ยวกับธรรมชาติครับ D: ผมชอบศิลปะ กีฬา หรืออะไรก็ตามที่ผมทำแล้วมีความสุข ผมชอบไปชมเกมเบสบอลและออกไปสังสรรค์กับเพื่อนอยู่เสมอน่ะ
สถานที่ที่พวกคุณชอบไปเที่ยวใน L.A.? M: ผมชอบไปเดินเรื่อยเปื่อยแถวๆชายฝั่งทะเล ฮอลลีวู้ดก็น่าไปเหมือนกัน แต่มันก็ไม่ใช่ที่ๆผมโปรดปรานสักเท่าไรหรอก G: Artesia!!!!
Artesia? มันคือที่ใหนน่ะ? G: ผมล้อเล่นน่ะ!!! ผมแค่มีเพื่อนแย่ๆคนนึงอาศัยอยู่ที่นั่น....จริงๆผมชอบชายฝั่งทะเลเหมือนกันนะ ชายหาดที่นั่นงดงามมากและก็มีแหล่งสถาปัตยกรรมดีๆให้ดูบ้างเหมือนกัน
พวกคุณมีความสุขกับการที่ได้เป็นวงที่ได้รับการเซ็นสัญญามั้ย? M: งานมันโคตรเยอะเลยนะ แต่ก็มีความสุขดีครับ
โอเคครับ สุดท้ายนี้มีอะไรจากฝากแฟนๆบ้างไหม? M: ง่ายๆครับ “ขอบคุณทุกคนที่รับฟังพวกเราอยู่นะ!!!!!”
|
Last Updated ( Tuesday, 12 August 2008 )
|