spacer.png, 0 kB
John McLaughlin and Mahavishnu Orchestra (AFM)
Top Ten Songs from Genesis (Analog Kid)
5 Greatest Major Fusion Jazz Albums from 70's (AFM)
The Red Stratocaster and EMGs (AFM)
Diggin' Deeper "Shine On You Crazy Diamond - Pink Floyd" (AFM)
Roger Waters - Amused to Death (AFM)
Porcupine Tree - Fear of a Blank Planet (Parid)
Top Ten Songs from Yes (Analog Kid)
Top Ten Songs from King Crimson (Analog Kid)
Aviv Geffen - Blackfield : Part I (Parid)
The Rise and Fall of Queensryche (Lilium)
13 Essential Albums of “Extreme Progressive Metal” (Lilium)
Eloy Albums Guide (PSLK)
13 Greatest Rhythm Section Albums (AFM)
Robert Fripp's Soundscapes Technique (AFM)
Penguin Cafe Orchestra (Panyarak)
Penguin Cafe Orchestra & Simon Jeffes (Polotoon)
Mike Oldfield (Panyarak)
John Cale (Panyarak)
Philip Glass - Part I (Panyarak)
Philip Glass - Part II (Panyarak)
Van der Graaf Generator (Panyarak)
Sally Oldfield (Panyarak)
Family (Panyarak)
Renaissance & Annie Haslam (Panyarak)
Strawberry Fields Forever by George Martin (Winston)
Syd Barrett (Panyarak)
Peter Gabriel (panyarak)
Telecasters plus Les Paul Goldtop & Gretsch Duo Jet (AFM)
7 Phases in Prog Heads Life (Analog Kid)
Aviv Geffen - Blackfield : Part II (Parid)
Aviv Geffen - Blackfield : Part III (Parid)
Pink Floyd's Back Up Role
Ayreon - 01011001 (Parid)
Roger Waters – Amused to Death (Parid)
Snowy White & His Guitar : Interview (AFM)
Rick Wakeman (panyarak)
Coldplay - Viva la Vida (parid)
Jeff Beck - Blow By Blow & Wired (AFM)
Interview with \"Dredg\" (Lilium)

spacer.png, 0 kB
spacer.png, 0 kB
Home arrow Top Ten Songs from Yes (Analog Kid)
Top Ten Songs from Yes (Analog Kid) PDF Print E-mail
Written by Agent Fox Mulder   
Wednesday, 19 March 2008

 "หยิบสิบ" เพลงเอกของ 10 วงโปรเกรสซีฟร็อค :
    ภาค 2 "Spiritual Guidance"

Written by Analog Kid
จากกระทู้ในเว็บบอร์ด Pantip.com ห้อง Rock & Roll วันที่ 8 สิงหาคม 2549



เนื่องจากภาคแรกตั้งมานาน ประมาณเดือนมีนาที่ผ่านมา เลยขอเล่าย่อๆว่า นี่เป็นการเลือก 10 เพลงเอกของวงโพรเกรสซีฟหลัก 10 วงโดยหนังสือ Mojo ฉบับ Prog

ภากแรกใช้ชื่อว่า "The Garden of Eden" ซึ่งเป็นการเลือก 10 เพลงของวง Genesis ส่วนภาคสองนี้ใช้ชื่อว่า "Spiritual Guidance"

ให้ทายกันเล่นๆจากชื่อของภาค คือคำว่า "Spiritual Guidance" คิดว่า น่าจะหมายถึงวงโพรเกรสซีฟไหนเอ่ย



Mojo บอกว่า "Free your inner yogi with these 10 wonderous Yessongs"

ทายถูกกันมั๊ยครับ


1.)  Beyond and Before - Yes (1969)

เพลงเปิดอัลบั้มของอัลบั้มเปิดตัววง Yes ที่ Mojo บอกว่าเป็น "A delicious statement of intent" คนที่ฟังเพลงนี้ คงจำเสียง riff กีตาร์ของ Peter Banks ที่เปืดเพลงนี้ได้ว่าเริ่มได้น่าสนใจพอควร แต่ที่เด่นที่สุดน่าจะเป็นการเล่นเบสของ Chris Square ที่ได้แสดงถึงเอกลักษณ์ของตัวเองอย่างชัดเจน ส่วน Bill bruford ก็เล่นได้แน่นดี เสียงของ Adnerson นั้นในเพลงนี้ออกแหบๆไปหน่อย แต่การประสานเสียงระหว่าง Jon กับ Chris ที่ถือว่าเป็นอีกเอกลักษณ์ของวง ก็สามารถฟังจากเพลงนี้เลย

โดยรวมแล้วอัลบั้มชุดแรกของวง แม้ว่าจะไม่ยิ่งใหญ่อย่างของ King Crimson หรือ Pink Floyd แต่ผมว่า Yes แสดงถึง สไตล์ และ ซาวด์ ของวงออกมาได้ชัดพอสมควร ซึ่งจะเห็นได้ว่า ในอัลบั้มต่อๆมา จะได้มีการพัฒนาไปได้ให้ดีขึ้นเรื่อยๆ

ซึ่ง Mojo ตบท้ายว่า หนังสือดนตรี Melody Maker ในสมัยนั้นบอกถึงเพลงของ Yes ในชุดนี้ว่า "Much more than the usual wallpaper sound"  ถูกต้อง


2.) Starship Trooper - The Yes Album (1971)

เพลง Starship Trooper ถิอว่าเป็น เพลงแรกในแบบ Suite และแฟน Yes ก็ถือว่าเป็นเพลงคลาสสิคของวง โดย Mojo บอกว่า "Squire's booming bass and the tune's three distinct sections help define their new prog-rock approach"  บางคนถึงกับยกย่องว่า arrangement ในภาคที่ 3 ของเพลงนี้อาจจะเป็นเพลงแรกๆที่มีการใช้ลักษณะการ build up ที่ค่อยๆนำไปสู่ไคลแม็กซ์

ทั้ง Squire และ Howe เด่นพอๆกันเลยในเพลงนี้เลย โดยเฉพาะ Howe ที่เล่นกีตาร์หลากหลายแบบ ส่วนตัวผมชอบภาคที่ 3 ของเพลงคือ Wurm ที่สุด น่าจะเป็น 1 ใน 5 ของสุดยอดท่อนปิดเพลงร็อคของผมได้เลย

 


3).  I've Seen All Good People - The Yes Album (1971)

จริงๆแล้วอัลบั้ม The Yes Album มีเพลงเอกของวงมากพอควร แต่ Mojo เลือกเพลง  I've Seen All Good People โดยบอกว่า "Beginning with an impressive a cappella section, another two-part gem with woodwind and a rollicking prog-meets-50's-rock'n'roll section. An early example of Anderson'smellifluous vocals"

โดยรวมเพลงนี้ค่อนข้างทำออกมาให้ "ง่าย" ถ้าเทียบกับเพลงอื่นๆในอัลบั้มชุดนี้ ซึ่งน่าจะเป็นเหตุผลว่าทำไมอัลบั้มนี้สามารถติดอันดับสูงได้ แต่ผมว่า แม้ว่าจะทำออกให้ติดหู ความเป็นโพรเกรสซีฟในเพลงนี้ยังคงมี แม้ว่าจะไม่เต็มตัวเหมือนเพลงอื่นๆก็ตาม

แน่นอน การประสานเสียงในเพลงนี้เด่นมากๆ Yes เป็นอีกวงที่ให้ความสำคัญของเสียงประสานมากๆ และพวกเค้าก็ทำออกมาได้ซะด้วย อ้อ ผมยังชอบเสียง recorder ในภาคแรกขอเพลง แปลกดีครับ

ส่วนตัวผมคงไม่เลิอกเพลงนี้ให้เป็น 1 ใน 10 เพลงเอกของวง Yes


4). Roundabout - Fragile (1972)

เพลงที่ดังที่สุดของ Yes ในยุค 1970 เคยอ่านมาว่า Anderson แต่งเพลงนี้จากการรับท้าพนันจาก Bill Bruford ที่ว่า ตัวเค้าสามารถแต่งเพลงเกี่ยวกับอะไรก็ได้ พอดีตอนนั้นวงนั่งรถผ่านวงเวียนพอดี ไม่รู้จริงๆหรือเปล่า แต่ที่แน่เพลงนี้ทำให้ Yes กลายเป็นวงระดับพรีเมียร์ลีกในยุคนั้น

แม้ว่าจะเป็นเพลงที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงในชาร์ท แต่เพลงนี้ไม่ได้ลดความหนักแน่นของการเล่นโพรเกรสซีฟเลย ตรงกันข้ามสมาชิกทุกคนเล่นออกมาได้ยอดเยียมมาก ไม่ว่าจะเป็นภาคริทึ่มที่แน่นจริงๆ หรือการโซโลคีย์ยอร์ดของ Rick Wakeman ที่สอดไส่มาอย่างได้เหมาะเจาะ รวมไปถึง vocal-harmony ที่เป็นเอกลักษณ์ของวง

สมควรกับ 1 ใน 10 เพลงเอกของวงจริงๆ


5). Heart of The Sunrise - Fragile (1972)

เพลงที่ปิดอัลบั้ม Fragile ด้วยความยาวเกือบ 11 นาที เพลงนี้แสดงถึงความเป็นโพรเกรสซีฟได้อย่างเหลือล้น โดย Mojo บอกว่า "Yes push the envelope to magnificent effect, flitting between schizophrenic rock and moments of pastoral serenity."

ไม่แปลกใจเลยที่ Mojo บอกอย่างงั้น เพลงประกอบด้วยท่อนต่างๆมากมาย ทั้งหนักแน่น อ่อนหวาน หรือแจมกันแบบบ้าคลั่ง ทั้งหมดในเพลงเดียว คนที่ชอบเพลงที่มีการเปลี่ยนแปลงจังหวะตลอดเวลา (time-shifting) ต้องฟังนี้ให้ได้ แล้วคุณจะรู้ว่า 11 นาทีทำไมมันสั้นนัก !!

ที่น่าสนใจคือท่อนต่างๆเหล่านี้ มันเรียงร้อยไปด้วยกันแบบไม่สะดุดเลย ผมว่าภาคริทึ่มของ Squire กับ Bruford เด่นมากๆ ประมาณเป็นการดวลกันของคนทั้งคู่ เสียงของ Anderson ก็สุดยอกเช่นกัน โดยเฉพาะตอนที่ร้องท่อน "SHARP - DISTANCE"  อีกอย่าง ผมชอบเสียงเมโลตรอนในช่วงนาทีแรกมากๆ

อีกเพลงเอกของ Yes อย่างแท้จริง


6). Close to the Edge - Close to the edge (1972)

ผมฟังเพลงนี้ครั้งแรกจากเทปพีค็อคจากชุด Yessongs แล้วพูดกับตัวเองว่า "อะไรของแม่มว่ะ" โดยเฉพาะท่อนหลังจากเสียงนกค่อยๆหายไป แต่ตอนนี้ผมว่ามันคือ 1 ใน 10 เพลงโพรเกรสซีฟยอดเยี่ยมเท่าที่มาเลย เผลอๆถ้าให้เลือกแค่เพลงโพรเกรสซีฟเดียว อาจจะเป็นเพลงนี้หล่ะครับ

เพลงเปิดอัลบั้มที่แฟนๆ Yes ส่วนใหญ่บอกว่าคือมาสเตอร์พีซของวง  โดย Mojo บอกว่า "Argubly the marker for Rush's Xanadu and the like; a sidelong suite with birdsong, frentic instrumental interplay and more time-signature changes than you can shake a metronome at"  เห็นด้วยทั้งหมดเลยครับ

ท่อน I get up, I get down ทำให้ผมนึกถึงตอนที่ยังเป็นหนุ่ม ไปนั่งบนหลังคาบ้านตอนเย็นๆกับน้องๆ แล้วเอาวิทยูใส่เทปนี้ขึ้นไปฟัง มันให้อารมณ์จริงๆ


7). Siberian Khathu - Close to the edge (1972)

เพลงปิดอัลบั้ม Close to the edge ถ้าสังเกตุดีๆจะพบว่าก่อนเพลงนี้คือ And you and I จะค่อนข้างออกช้าๆเศร้าๆ วงเลยหาทางปิดอัลบั้มในแบบโจ้ะๆหน่อย หลายคนเลยใช้คำว่า Yes go funky กับเพลงนี้เลย โดย Mojo บอกว่า "Steve Howe's best riff? Either way, this saw Yes get funky intermittently." และตัว Steve Howe เองก็บอกว่า "The Power of  Siberian Khathu sums up my feelings about Yes" ก็น่าอยู่หรอกเพราะเฮียแกเล่นได้เด่นมากๆในเพลงนี้

จริงๆคนอื่นๆไม่ได้ด้อยไปกว่าเลย ไม่ว่าจะเป็น การเล่นเบสที่ไหลลื่นของ Squire หรือการโซโล Harpsichord ของ Rick เพียงแต่กีตาร์ของ Howe มันส่งให้เพลงเด่นมากๆเท่านั้นเอง ไม่น่าแปลกใจที่วงจะเลือกเพลงนี้เป็นเพลงเปิดคอนเสิร์ทอย่างในชุด Yessongs

เพลงคลาสสิคอีกเพลงของ Yes ที่แสดงถึงความสามารถในการเล่นโพรเกรสซีฟที่สามารถเต้นตามไปด้วย


8). Going For The one - Going for the one (1977)

เพลงแรกจากชุดชื่อเดียวกันกับเพลงจากอัลบั้มที่ Rick Wakeman ได้กลับมาร่วมวงอีกครั้งหลังจากออกจากวงไป  ในช่วงการทำอัลบั้มชุดนี้คือราวๆปี 1976 เป็นปีที่ดนตรีแนวอื่นๆเริ่มเข้ามา โดยเฉพาะ Punk  เลยทำให้ soubnd ของชุดนี้เปลี่ยนไปมากพอควร เพลงนี้แทบจะเป็นการบอกแฟนๆว่า ทางวงไม่ได้อยากจะทำผลงานในแบบอัลบั้มก่อนหน้านี้มากนัก ซึ่งใน Mojo บอกว่า "Punk it ain't, but this pedal-steel-appointed rockerproves that the now tax-exiled Yes still had some bite"

อย่างไรก็ตาม ความเป็น Yes ยังคงไม่หาย แม้ว่าจะเพลงจะออกแปร่งๆไปหน่อย ผมว่า Mojo เลือกเพลงนี้เพื่อจะให้เห็นว่า ในช่วงหนึ่งการเพลงของวง ได้มีการทำตามแฟชั่นของยุคสมัยด้วย แต่วงก็ดีพอที่จะไม่สูญเสียความเป็นตัวเองมากนัก

ส่วนตัวผมชอบเพลง Parallels มากกว่า


9). Wonderous Stories - Going for the one (1977)

เพลงหวานๆในแบบฉบับของ Yes เหมาะกับเสียงของ Jon anderson มากๆ และการแต่งเติมสีสันของ Rick Wakeman ทำให้เพลงนี้ดูล่องลอยไปไกล โดย Mojo บอกว่า "Too popy foor some progheads, this dreamlike concoction boasts magical PolyMoog from Wakeman and typically guitar run from Howe."

เพลงหวานที่ใช้ได้ แต่ผมชอบเวอร์ชั่นแสดงสดใน Yesshows มากกว่า โดยเฉพาะเสียงคีย์บอร์ด เยี่ยมจริงๆ


10). Owner Of The Lonley Heart - 90125 (1983)

จุดพีคของ yes ในแง่ความสำเร็จทางด้านการค้า เพลงอันดับหนึ่งของ Billboard ใครจะเชื่อว่าวงอย่าง Yes จะทำได้ โดย Mojo บอกว่า "A US Number 1dazzlingly produced by short-lived singer Trevor Horn. With its insistent riff and Travor Rabin's startling guitar solo, helped reinvigorate a band many deemed over"

ผมไม่ถึงกับเกลียดอัลบั้มนี้เหมือนแฟนฮาร์ดคอของวงบางคนที่ถึงกับสาปส่งอัลบั้มนี้

ก็เข้าใจว่า เพลงนี้มีความสำคัญในแง่ของประวัติศาสตร์ของวง


Last Updated ( Wednesday, 19 March 2008 )
spacer.png, 0 kB
spacer.png, 0 kB
spacer.png, 0 kB
Top 10 Best Sellers in Clothing for 2017 Top 10 Best Sellers in Clothing Sellers in Clothing