13 Essential Albums of “Extreme Progressive Metal” (Lilium) |
|
|
|
Written by Agent Fox Mulder
|
Friday, 21 March 2008 |
13 Essential Albums of “Extreme Progressive Metal”Written by Lilium 20 มีนาคม 2551 พูดถึงดนตรี Extreme Progressive Metal แล้วเชื่อว่าหลายๆท่านในเว็บบอร์ดนี้คงจะส่ายหน้าและเบือนหน้าหนีแน่นอน เพราะมันคือแนวดนตรีโปรเกรสสีฟที่อาจจะเรียกได้ว่า “โหดร้ายที่สุด” เพราะชื่อมันก็บอกอยู่แล้วคือการนำเอาสัดส่วนของดนตรีแบบโปรเกรสสีฟมาผสมกับดนตรีเอ็กซ์ตรีมเมตัลโหดๆแต่ละ ประเภท ไม่ว่าจะเป็น Death Metal, Black Metal, Thrash Metal หรือ Grindcore ซึ่งถ้าไม่มีพื้นฐานเรื่องแนวดนตรีเหล่านี้มาก่อนก็คงจะรับได้ยากครับ
อย่างไรก็ตามดนตรีแนวนี้ก็เหมือนกับทุกแนว ที่จะมีการยกย่องผลงานอันเป็นที่สุดเอาไว้ จะ 5, 10 หรือร้อยชุดก็แล้วแต่ ซึ่งผมที่ค่อนข้างจะชื่นชอบดนตรีแนวนี้เป็นพิเศษก็จะมาลองจัด 13 สุดยอดอัลบั้มของแนวดนตรี Extreme Progressive Metal ดูครับ ถึงไม่ชอบยังไงอ่านเป็นความรู้ประดับไว้ก็ได้ครับ...อิอิ ป.ล. ทั้ง 13 อัลบั้มนี้ไม่เรียงลำดับดีมากไปหาน้อยนะครับ ป.ล. ทั้ง 13 อัลบั้มนี้เป็นเพียงความคิดเห็นของผมเท่านั้น ไม่ได้อ้างอิงจากการโหวตอัลบั้มยอดเยี่ยมที่ใหน จะเห็นด้วยไม่เห็นด้วยอย่างไรก็แล้วแต่วิจารณญาณของแต่ละท่านนะครับ
1. Edge of Sanity – The Spectral Sorrow (1993) Edge of Sanity คือวงโปรเกรสสีฟ/เมโลดิคเดธเมตัลจากสวีเดน โดยมีแกนนำเป็นนักดนตรีมากความสามารถอย่าง Dan Swano ซึ่งหลายๆคนอาจจะสงสัยว่าทำไมผมไม่เลือกงานคลาสสิคตลอดการอย่าง Crimson (ทั้งอัลบั้มมีเพลงเดียว ยาว 40 นาทีกว่าๆ) ก็เพราะว่าบางทีความที่มันมีเพลงเดียวยาวเกินไปนั้น ทำให้ผมไม่สามารถมองภาครวมของอัลบั้มได้อย่างทั่วถึงนั่นเอง อีกทั้งอัลบั้ม The Spectral Sorrow ก็เป็นการผสมผสานกันอย่างแนบเนียนของดนตรีเดธเมตัลหนักๆแต่เปี่ยมด้วยเมโลดี้งดงาม ริฟฟ์กีตาร์สวยๆกับสัดส่วนดนตรีที่หลากหลายแบบโปรเกรสสีฟได้อย่างแนบเนียนลงตัวที่สุด ที่สำคัญคือสามารถฟังได้ทุกเพลงโดยไม่ต้องกดข้ามเลยครับ
2. Opeth – Blackwater Park (2001) คิดว่าหลายๆคนคงจะคุ้นเคยกับชื่อวงนี้อยู่แล้ว เพราะเป็นวงโปรเกรสสีฟเมตัลที่มีซาวนด์เป็นเอกลักษณ์ของตัวเองจริงๆ บทหนักก็เอาซะโหด บทขายอารมณ์มัวหมองก็ทำได้อารมณ์มากๆ และที่สำคัญคือบทนุ่มนวลอ่อนหวานแบบ Camel ที่ทางวงสามารถนำมาผสมผสานได้อย่างน่าทึ่ง ซึ่งจะว่ากันตามจริงแล้วอัลบั้มของวงนี้อยู่ในเกณท์ดีมากทุกชุด แต่ผมยกให้อัลบั้มนี้เพราะดูจะเป็นการพัฒนาการของวงที่ชัดเจนที่สุด เป็นงานที่ลงตัวกลมกล่อมพอดีๆระหว่างความโหดเหี้ยมและความนุ่มนวล และที่สำคัญคืออัลบั้มนี้โปรดิวซ์และได้รับการขัดเกลาซาวนด์โดยปรมาจารย์โปรเกรสสีฟยุคใหม่อย่าง Steven Wilson แห่งวง Porcupine Tree ครับ
3.Dan Swano – Moontower (1999) นี่คืองานเดี่ยวของ Dan Swano แกนนำหลักของวง Edge of Sanity ที่ได้แนะนำไปในข้างต้นแล้ว อัลบั้มนี้ในตอนแรกได้ถูกเตรียมเพื่อใช้เป็นวัตถุดิบในการทำอัลบั้มของ Edge of Sanity ชุดต่อไป แต่ไม่ทันไรก็ต้องมาแตกวงซะก่อน เขาจึงนำวัตถุดิบเหล่านั้นมาปรุ่งแต่งเพิ่มเติมเป็นงานเดี่ยวของเขาเองซะเลย ซึ่งดนตรีในอัลบั้มนี้มีความคล้ายคลึงกับงานของ Edge of Sanity อยู่บ้าง แต่โดยรวมแล้วมันงดงามกว่า นุ่มนวลกว่า และมีความเป็นโปรเกรสสีฟมากกว่าอีกด้วย โดยเฉพาะการเพิ่มเติมเสียงซินธ์ เปียโนและอคูสติกกีตาร์เข้ามามากขึ้น อ้อ....เสียง Moog และ Synth ในอัลบั้มนี้ย้อนยุคไปคล้ายคลึงกับที่วงโปรเกรสสีฟร๊อคยุค 70’s ใช้กันเลยครับ
4. Atheist – Elements (1993) Atheist คือวงดนตรีกลุ่มแรกๆที่นำดนตรีแจ๊สมาผสมผสานกับดนตรีเทคนิคัลเดธ/แธรชได้อย่างลงตัวเคียงข้างกับวงอย่าง Cynic ซึ่งดนตรีที่ออกมานั้นจะค่อนข้างแปลกหูเอามากๆ คือมีความหนักในแบบเดธ/แธรชแต่กลับมีการใช้ไลน์เบสแบบแจ๊สมาผสมผสาน มีทั้งกีตาร์แบบฟลาเมงโก้ หรือกำลังอัดหนักๆอยู่ก็มีการเบรกอารมณ์ไปเล่นแจ๊สงามๆคั่นกลางเลยก็มี รวมถึงมีโครงสร้างดนตรีที่ซับซ้อนแบบโปรเกรสสีฟอีกด้วย ซึ่งอัลบั้ม Elements นี้เป็นอัลบั้มสุดท้ายของวงและเป็นอัลบั้มที่นำแจ๊สเข้ามาผสมได้เนียนและเข้มข้นที่สุดด้วยครับ
5. The Ocean – Aeolian (2005) กลุ่มดนตรี The Ocean มากับแนวดนตรีที่เรียกว่า Epic Progressive Sludgecore (ผมนิยามเอาเองนะครับ) ซึ่ง Sludgecore ก็คือการนำริฟฟ์หนักภูผาถล่มหนืดยืดยานแบบดูมมาผสมกับกับความรุนแรงก้าวร้าวของฮาร์ดคอร์ ซึ่ง The Ocean นั้นได้ผสมความซับซ้อนแบบโปรเกรสสีฟและความโหดร้ายของเดธเมตัลเข้าไปอีก รวมทั้งมีเนื้อเพลงในลักษณะมหากาพย์อันยิ่งใหญ่ ซึ่งในอัลบั้มนี้มีความหนักแน่นมากกว่าชุดก่อนๆ แต่ละเพลงก็อัดกันยาวนานพอสมควร บางทีอัดกันลูกเดียว 7-8 นาทีก็มี วงนี้ไม่มีนักร้องนำหลักนะครับ แต่จะมีการเชิญนักร้องหลายๆคนมาร้องนำแทน ซึ่งอัลบั้มนี้ก็ได้ลงขันนักร้องมาแหกปากโวยวายกันไว้มากถึง 9 คน ซึ่งแต่ละคนก้จะสำรอก กรีดร้อง แหกปากด้วยเสียงที่แตกต่างหันไป ซึ่งเท่าที่อธิบายมานี้ก็คงจะคิดว่าเพลงมันจะต้องขัดหู โกลาหล ปั่นป่วนมากแน่นอน แต่เปล่าเลยครับ ทุกเพลงอัดกันได้ลื่นไหลเหลือเชื่อเลยทีเดียว เป็นอัลบั้มที่ฟังแล้วเบื่อยากมากๆครับ (อาร์ตเวิร์กทำได้วิจิตรมากครับวงนี้)
6. Cynic – Focus (1993) เจ้าของตำนานอันลือลั่นแห่งวงการโปรเกรสสีฟเมตัล วงดนตรีที่เล่นดนตรีได้ประหลาดและไม่เหมือนใครสุดๆ จนถึงบัดนี้ก็ยังไม่เห็นว่าจะมีวงใหนเล่นเหมือนสักที อัลบั้ม Focus ที่เป็นอัลบั้มเดียวที่ทางวงฝากผลงานไว้นั้น เป็นจุดศูนย์รวมของทั้งโปรเกรสสีฟเมตัล, เดธเมตัล, แจ๊สเมตัล รวมถึงไซเบอร์เมตัลมาผสมผสานกันได้อย่างน่าทึ่ง ฝีมือของนักดนตรีฉกาจฉกรรจ์มากๆ และน่าจะเป็นวงดนตรีเมตัลวงแรกๆที่นำเอา Chapman Stick มาเล่นอีกด้วย
7. Mastodon – Blood Mountain (2006) วงโปรเกรสสีฟเมตัลรุ่นใหม่ที่น่าจับตามองมากๆ เป็นอีกวงที่สามารถสร้างซาวนด์เอกลักษณ์ของตนเองได้ แถมการแต่งเพลงก็ยังออกมาในรูปแบบของคอนเซปต์อัลบั้มเสียด้วย ดนตรีในอัลบั้ม Blood Mountain นั้นร้ายกาจมากครับ มันซับซ้อนซ่อนเงื่อนแบบโปรเกรสสีฟที่ผสมผสานความเข้มข้นของแธรชเมตัลและความโจ๊ะชวนโยกของฮาร์ดคอร์ไว้ได ้อย่างลงตัวที่สุด และไม่โหดร้ายอะไรมากนัก บางทีก็มีท่อนหนืดๆแบบดูมเมตัลอีกด้วย ซึ่งอัลบั้ม Blood Mountain นั้นเป็นคอนเซปต์เกี่ยวกับคนหลงป่าอยู่บนเกาะลึกลับที่เต็มไปด้วยสัตว์ประหลาด ภัยธรรมชาติ และอดอยากหิวโหยจนเห็นภาพหลอน อัลบั้มนี้ตื่นเต้นทั้งดนตรีและเนื้อหาครับ
8. Gorguts – Obscura (1998) นี่คือวงที่เปรียบเสมือนต้นแบบของวงเทคนิคัลบรูตัลเดธทั้งหลาย ด้วยความโหดของดนตรีที่ใกล้เคียงบรูตัลเดธ เทคนิคของนักดนตรีที่เต็มเปี่ยม และความซับซ้อนของดนตรีที่ยากจะคาดเดา อีกทั้งบางทียังผสมแจ๊สเข้าไปอีก ทำให้อัลบั้ม Obscura นี่เป็นอัลบั้มที่สุดโกลาหลและชวนเวียนหัวมากที่สุด แต่อย่างไรก็ตามถ้าต้องการศึกษาดนตรีโปรเกรสสีฟ/เทคนิคัลเดธพันธุ์โหดล่ะก็ อัลบั้มนี้ถือเป็นต้นตำรับและไม่ควรมองข้ามไปเลยจริงๆครับ
9. Voivod – Phobos (1997) ถ้าจะถามถึงวงแธรชเมตัลสุดโปรดของผมล่ะก็ต้องวง Voivod นี้เลยครับ พวกเขาคือวงแธรชหัวก้าวหน้าที่ไม่เหมือนใคร คือแทนที่จะไปเล่นเทคนิคัลแธรช เหยาะแจ๊สแบบวงอื่นๆ แต่ Voivod กลับเลือกที่จะนำดนตรีไซคีเดลิกมาผสมผสานแทน!!! ลองนึกดูว่าการนำเอาความมันส์แบบแธรชเมตัลมาผสมกับความเมา หลอกหลอนแบบไซคีเดลิกแล้วมันจะเป็นอย่างไร ผลที่ได้คือเพอร์เฟคต์สุดๆครับ โดยเฉพาะอัลบั้ม Phobos ที่วงเปลี่ยนนักร้องนำใหม่เป็น Eric Forrest ที่มีเสียงร้องก้าวร้าวกว่าคนก่อนอย่างเห็นได้ชัด รวมถึงความหนักหน่วงที่มากขึ้นและยังใส่ความเป็นไซคีเดลิกมากขึ้นอีก นี่จึงเป็นหนึ่งในอัลบั้มแธรชเมตัลที่ผมหลงใหลที่สุดตลอดกาลเลยครับ
10. Between the Buried and Me – Colors (2007) ผมออกตัวเลยว่าไม่ค่อยชอบดนตรีเมตัลคอร์ที่มีอยู่เกลื่อนตลาดสักเท่าไร เพราะกี่วงๆมันก็เล่นออกมาเหมือนกันหมดเลย แต่พอมาได้ฟัง Between the Buried and Me แล้วผมก็ต้องเปลี่ยนความคิดใหม่ว่า วงเมตัลคอร์ที่กล้าแตกต่างและหัวก้าวหน้าก็ยังมีอยู่นะเออ!!! ดนตรีของวงนี้ถ้าจะให้อธิบายง่ายๆก็คือการนำ Muse + Opeth + Converge + Mastodon มาผสมรวมกันแล้วเขย่าๆออกมาเป็น Between the Buried and Me นั่นเอง ซึ่งใน Colors อัลบั้มล่าสุดนั้นทางวงมีพัฒนาการขึ้นมาก เล่นดนตรีได้แนบเนียนขึ้นเยอะครับ เป็นอัลบั้มที่ฟังแล้วไม่หงุดหงิดง่ามเท้าเหมือนวงเมตัลคอร์ทั่วไปเลย ในทางกลับกันจะคิดว่า นี่แหละ คือสุดยอดวงโปรเกรสสีฟเมตัลรุ่นใหม่ตัวจริง!!!!!
11. Death – Symbolic (1995) นี่คือผู้สร้างสรรค์แห่งวงการเดธเมตัลตัวจริงเสียงจริง นอกจากจะเป็นวงดนตรีกลุ่มแรกๆที่เริ่มเล่นเดธเมตัลแล้ว ยังเป็นผู้พัฒนาให้เดธเมตัลก้าวไปไกลกว่าที่เคยเป็นอีก ทั้งนี้ความดีความชอบต้องยกให้ Chuck Schuldiner มือกีตาร์และแกนนำหลักของวงผู้ล่วงลับครับ ซึ่งในอัลบั้ม Symbolic นั้นเป็นเดธเมตัลที่มีมูฟเมนต์หลากหลาย มีความเป็นโปรเกรสสีฟมาก แต่ดนตรีก็ไม่ชวนปวดหัวเท่าพวกเทคนิคัลเดธสักเท่าไร ที่สำคัญคือภาคกีตาร์ในอัลบั้มนี้คือสุดยอดของจริง ลีดกันได้เมามันส์และงดงามมากๆ เป็นวงเดธเมตัลเพียงไม่กี่วงที่ผมยกย่องฝีมือการลีดกีตาร์อย่างสุดๆครับ
12. Sigh – Hangman’s Hymn (2007) ปกติแล้วผมเป็นคนที่ไม่ชอบดนตรีแบล๊คเมตัลเท่าไรนัก โดยเฉพาะเสียงร้องที่โหดแบบกรีดแหลม ซึ่งสำหรับผมแล้วมันรับได้ยากจริงๆครับ แต่สำหรับ Sigh นั้นกลายเป็นวงแบล๊คที่ผมหลงใหลและเทิดทูนสุดๆ ด้วยการเล่นดนตรีแบล๊คที่ไม่เหมือนใคร คือการนำเอาดนตรีแบล๊คมาผสมกับดนตรีคลาสสิคได้อย่างลงตัวจริงๆ (ไม่ได้โอ่อ่าหรือหรูหราแบบ Dimmu Borgir หรือ Cradle of Filth นะครับ เพราะดนตรีวงนี้หนักหน่วง เข้มข้น และซับซ้อนกว่ามาก) รวมถึงมีการทดลองหลายๆอย่างแบบอวองต์-การ์ดในเพลง มีเมโลดี้ที่มืดหม่นสวยงาม มูฟเมนต์หลากหลาย รวมทั้งบางทียังมีเสียงเมลโลตรอนโผล่มาบางช่วงให้ตื่นเต้นอีกด้วย จนลืมเสียงร้องกรีดๆไปเลย ยิ่งอัลบั้มใหม่ที่มีการพัฒนาการและมีความลงตัวมากขึ้นจากอัลบั้มเก่าๆหลายขุมนั้น ทำให้อัลบั้มนี้เป็นอัลบั้มอีกชุดที่ได้ฟังแล้ววางไม่ลงครับจะว่าวงนี้เป็นวงแบล๊คที่ผมชอบที่สุดตลอดกาลเลยก็ว่าได้ครับ
13. Mercenary – 11 Dreams (2004) นี่คือฮีโร่ของผมครับ พวกเขาคือวงเมตัลลูกผสมชั้นยอดจากเดนมาร์กที่สามารถครองใจผมได้ในตั้งแต่ครั้งแรกที่ฟัง เพราะว่าการฟังเพลงของวงนี้เป็นความมหัศจรรย์อย่างหนึ่ง คือเราจะได้ยินซาวนด์ดนตรีแนวต่างๆหลากแนวรายล้อมไปหมด หันไปทางซ้ายเจอเมโลดิคเดธ หันไปทางขวาเจอเพาเวอร์เมตัล มองไปข้องหน้าเจอโปรเกรสสีฟ มองไปข้างหลังเจอแธรชเมตัล มองขึ้นไปบนฟ้ากลับเจอกอธิคเมตัลอยู่ลิบๆซะงั้น ซึ่งทุกอย่างได้ถูกหล่อหลอมเข้าด้วยกันอย่างแนบเนียนอยู่ในอัลบั้ม 11 Dreams นี่แล้วครับ คือฟังดูอาจเหมือนมั่ว แต่ถ้าฟังเผินๆแบบไม่คิดอะไรมาก เราก็จะคิดแค่ว่านี่คือโปรเกรสสีฟเมตัลชั้นเยี่ยมที่เปี่ยมไปด้วยความลงตัวที่สุดวงหนึ่ง และให้ตายสิ...เพลงมันติดหูทุกเพลงเลยครับ!!!! |
Last Updated ( Friday, 21 March 2008 )
|