spacer.png, 0 kB
John McLaughlin and Mahavishnu Orchestra (AFM)
Top Ten Songs from Genesis (Analog Kid)
5 Greatest Major Fusion Jazz Albums from 70's (AFM)
The Red Stratocaster and EMGs (AFM)
Diggin' Deeper "Shine On You Crazy Diamond - Pink Floyd" (AFM)
Roger Waters - Amused to Death (AFM)
Porcupine Tree - Fear of a Blank Planet (Parid)
Top Ten Songs from Yes (Analog Kid)
Top Ten Songs from King Crimson (Analog Kid)
Aviv Geffen - Blackfield : Part I (Parid)
The Rise and Fall of Queensryche (Lilium)
13 Essential Albums of “Extreme Progressive Metal” (Lilium)
Eloy Albums Guide (PSLK)
13 Greatest Rhythm Section Albums (AFM)
Robert Fripp's Soundscapes Technique (AFM)
Penguin Cafe Orchestra (Panyarak)
Penguin Cafe Orchestra & Simon Jeffes (Polotoon)
Mike Oldfield (Panyarak)
John Cale (Panyarak)
Philip Glass - Part I (Panyarak)
Philip Glass - Part II (Panyarak)
Van der Graaf Generator (Panyarak)
Sally Oldfield (Panyarak)
Family (Panyarak)
Renaissance & Annie Haslam (Panyarak)
Strawberry Fields Forever by George Martin (Winston)
Syd Barrett (Panyarak)
Peter Gabriel (panyarak)
Telecasters plus Les Paul Goldtop & Gretsch Duo Jet (AFM)
7 Phases in Prog Heads Life (Analog Kid)
Aviv Geffen - Blackfield : Part II (Parid)
Aviv Geffen - Blackfield : Part III (Parid)
Pink Floyd's Back Up Role
Ayreon - 01011001 (Parid)
Roger Waters – Amused to Death (Parid)
Snowy White & His Guitar : Interview (AFM)
Rick Wakeman (panyarak)
Coldplay - Viva la Vida (parid)
Jeff Beck - Blow By Blow & Wired (AFM)
Interview with \"Dredg\" (Lilium)

spacer.png, 0 kB
spacer.png, 0 kB
Home arrow Robert Fripp's Soundscapes Technique (AFM)
Robert Fripp's Soundscapes Technique (AFM) PDF Print E-mail
Written by Agent Fox Mulder   
Sunday, 23 March 2008

Robert Fripp's Soundscapes Technique

Written by Agent Fox Mulder


Sound = เสียง
Scape = ทิวทัศน์
Soundscape = ทัศนียภาพของเสียง

Soundscapes เป็นรูปแบบชนิดหนึ่งในการสร้างเสียงดนตรีขึ้นมา โดยผู้พัฒนามันขึ้นมาคือ Robert Fripp โดยฟริปป์เริ่มพัฒนาดนตรีในรูปแบบนี้มาตั้งแต่ช่วงปลายยุค 70's โดยใช้หลักการของลูป นำเสียงกีตาร์
ที่ผ่านการสังเคราะห์มาสร้างเป็นลูปวนๆ ต่อกันไปเรื่อยๆ ซึ่งก่อนหน้านี้ Fripp เรียกเทคนิคของการสร้างเสียงแบบนี้ว่า
Frippertronics ซึ่งในขณะนั้น Frippertronics ใช้วิธีการสร้างลูปด้วย Analog Delay ซึ่งทำงานด้วยระบบเทป Reel to Reel โดยบันทึกเสียงกีตาร์ลงไปทับซ้อนๆ กันเป็นชั้นๆ แล้วนำไปผ่านกระบวนการปรุงแต่งอื่นๆ ต่อไป

ภายหลังฟริปป์ได้นำเทคโนโลยีเข้ามาปรับปรุงขั้นตอนเหล่านี้ จากการใช้ Analog Delay สมัยเก่าในการสร้างลูป
มาเป็นการสร้างลูปด้วยระบบดิจิตอล เปลี่ยนระบบการปรุงแต่งเสียงด้วยเครื่องมือไม้เครื่องมือจากอนาล็อก
มาเป็นดิจิตอลทั้งหมด และฟริปป์ก็ทำการเปลี่ยนชื่อ จาก Frippertronics เป็น Soundscapes ในช่วงยุค 90's


ระบบการทำงานและขั้นตอนในการสร้างเสียงแบบ Soundscapes จาก wikipedia

- เสียงเริ่มมาจากกีตาร์ของ Robert Fripp
- เสียงกีตาร์ถูกส่งผ่านปิ๊คอัพของกีตาร์ซินธ์เข้าไปยัง Guitar Synth Module เพื่อ "สังเคราะห์" รูปแบบของเสียงต่างๆ
ตามที่ Fripp ต้องการ
- เอาต์พุตถูกส่งต่อไปยัง Digital Audio Processor ในที่นี้คือเอฟเฟคต์กีตาร์ต่างๆ หรือเอฟเฟคต์ที่ใช้ในการปรุงแต่งเสียงอื่นๆ
เช่นเสียง Distortion, Modulation หรือ Pitch Control
- สัญญาณถูกส่งต่อไปยัง Digital Delay Unit เพื่อใช้ในการสร้างลูป โดย Digital Delay Unit อาจมีมากกว่าหนึ่งตัวขึ้นไปก็ได้
โดย Fripp จะตั้งให้ช่วงเวลาของ Delay Time มีค่าต่างๆ กัน เพื่อทำให้เกิดลูปที่แตกต่างกัน แล้วนำลูปเหล่านี้มาผสมกัน
อีกทีในตอนท้าย
- เสียงของลูปที่ถูกสร้างด้วย Digital Delay Unit ออกมาแล้ว อาจนำไปผ่านกระบวนการปรุงแต่งอีกครั้ง
อย่างในกรณีของ Fripp คือจะวาง Harmonizer เพื่อสร้างเสียงประสานในตอนท้ายสุดก่อนนำไปออกที่ Output จริงๆ


 

นี่คือชุด Rig ของ Fripp เมื่อปี 1997 นะครับ ซึ่งจนถึงปัจจุบันนี้ก็คงจะมีการเปลี่ยนแปลงไปบ้าง แต่ก็คงจะช่วยพอทำให้เห็นภาพของระบบและขั้นตอนของวิธีการที่ Fripp ใช้มากขึ้นนะครับ
ดูภาพประกอบตามกันไปได้เลยครับ

- สัญญาณ Input ถูกส่งมาจากกีตาร์ ผ่านไปยัง Guitar Synth Module ของ Roland จำนวนสามตัว คือ VG-8, GR-1
และ GR-30 ซึ่งผมเข้าใจว่า VG-8 คือตัวหลักที่เค้าใช้ เนื่องจากมีการต่อ Midi Controller ออกไปใช้
เพื่อการควบคุมด้วยเท้าที่สะดวกขึ้น (คือตัวสีฟ้านั่นเองครับ)
- ส่งต่อมายังส่วนของ Digital Audio Processor ที่เป็นเอฟเฟคต์กีตาร์ทั้งหลาย Digitech Whammy Pedal
สำหรับใช้ควบคุม Pitch ส่วน TC Electronic G-Force นั้นเป็นมัลติเอฟเฟคต์แบบ Rack ซึ่งตรงนี้หลังจากผ่าน
G-Force แล้วสัญญาณจะถูกแยกออกเป็น 2 Channels ด้วยเอฟเฟคต์ของตัว G-Force เอง
(เช่นเอฟเฟคต์ Modulation ที่ให้เสียงสเตอริโอต่างๆ เป็นต้น)
- ซึ่งจะแยกกันไปเข้า Preamp คนละตัว ซึ่งมันจะแยกสัญญานไปอีก 2 Channels ในแต่ละตัว
ซึ่งสุดท้ายเราจะได้สัญญาณทั้งหมดเป็น 4 Channels ( จะบ้าตาย!)
- แล้วแต่ละแชนแนลก็จะแยกไปเข้า Digital Delay Unit คนละตัว ( ซึ่งในที่นี้คือดีเลย์แบบ Rack ยอดนิยมที่ใครๆ
ก็ใช้กัน TC Electronics TC 2290) โดยแต่ละตัวจะถูกตั้งค่าดีเลย์ไทม์ไว้ที่เวลาต่างๆ กัน
- จากดีเลย์ยูนิตสองตัวก็จะถูกรวมสัญญาณมาเข้าที่ Eventide Harmonizer อีกครั้ง โดยมี 4 แชนแนล แยกกันเข้าคนละสอง
ซึ่งท้ายที่สุดแล้ว เราจะได้สองแชนแนลก่อนที่จะส่งไปยังแอมป์ต่อไป

ฟริปป์ให้ความเห็นเกี่ยวกับระบบ Soundscapes ไว้ว่า " has the aim of finding ways in which intelligence and music,
definition and discovery, courtesy and reciprocation may enter into the act of music for both musician
and audience" โห เว่อร์ได้อีก จริงๆ ผมว่ามันยุ่งยากซับซ้อนเกินไปหน่อย ถ้าจะทำกันแบบเต็มรูปแบบอย่างที่กล่าวมาจริงๆ
แต่ก็แหละนะ อัจฉริยะก็งี้แหละ


คราวนี้ก็จะลองเอา Soundscapes ที่ผมสร้างขึ้นเองมาให้ลองฟังกันบ้างครับ โดยวิธีการของผมคือใช้เจ้าตัวแดง
ของผมเนี่ยแหละ ผ่านโปรแกรม Guitar Rig 3 โดยผสมเสียงเอาแล้วสร้างเป็นลูปวนขึ้นมา โดยพวกเอฟเฟคต์ก็ใช้ซาวน์ที่โปรแกรมสร้างแบบไว้ให้แล้วก็เอามาใส่โน่นใส่นี่เพิ่มเข้าไปอีก ลองโหลดไปฟังกันเล่นๆ
ดูเป็นตัวอย่างกันนะครับ

Agent Fox Mulder - Soundscape #1 : Distorted Birds
http://www.thaiprog.net/xbasnaphon/AFM_Soundscape1.mp3
Signal Path : Guitar > Big Muff > Split แยกเป็นสองแชนแนล > LFO Filter > Pro-Filter Synth > Fading Volume Pedal >
Split Mix รวมสองแชนแนลเข้าด้วยกัน > Step Sequencer สองตัวต่อกันแบบอนุกรม > เครื่องสร้าง Loop
อันนี้ก็ยังพอฟังดูออกว่าเป็นเสียงกีตาร์อยู่นะครับ ผมใช้ Filter สองตัวเพื่อให้เสียงมันบิดๆ ออกไปทางซินธ์นั่นแหละ ส่วนการเล่นก็เล่นเป็นลิคบลูส์ธรรมดาวนไปวนมาเท่านั้นเอง เสียงมันคล้ายๆ นกแปลกๆ (จริงๆ ก็ไม่ค่อยเหมือนเท่าไหร่)
ผมเลยตั้งชื่อว่า " นกที่ถูกบิดเบี้ยว" ครับ คือบางทีถ้านกถูกบิดมันอาจจะร้องออกมาเป็นเสียงแบบนี้ก็ได้นะ แต่ผมว่าฟังแล้วเสียงมันน่ารักดีมากกว่า เสียงอันนี้แยกซ้ายขวาเป็นสเตอริโอชัดเจนสุดๆ

Agent Fox Mulder - Soundscape #2 : Variance
http://www.thaiprog.net/xbasnaphon/AFM_Soundscape2.mp3
Signal Path : Guitar > Distortion > Tremolo > Split แยกเป็นสองแชนแนล > Tube Compressor > Phaser > EQ > Chorus > Delay > Split Mix รวมสองแชนแนลเข้าด้วยกัน > เครื่องสร้าง Loop
อันนี้ผมใช้เทคนิคการแทปปิ้งมือเดียว ( จริงๆ มันก็คือ Hammer-Off, Pull-On ธรรมดาเนี่ยแหละ) แล้วก็มีการรูดสายไปมา เสียงที่ฟังดูสั่นๆ นั้นมาจากการปรับ Delay Time ขึ้นๆ ลงๆ ของผม ซึ่งจะทำให้เสียงถูก "บิด" ไปมา ถ้าฟังด้วยหูฟังดีๆ จะสังเกตได้เลยว่า เสียงมันวิ่งวนไปวนมาระหว่างซ้ายขวา ให้มิติของเสียงดีมากๆ ครับ เสียงมันฟังเหมือน.... เอ่อ เหมือนอะไรซักอย่าง เหมือนเสียงลม เหมือนเสียงน้ำ ตั้งชื่อว่า " ความแปรปรวน" แล้วกัน อันนี้จะฟังดูตื่นเต้นและหวือหวากว่าอันที่แล้วพอสมควร

Agent Fox Mulder - Soundscape #3 : Black Hole

http://www.thaiprog.net/xbasnaphon/AFM_Soundscape3.mp3
Signal Path : Guitar > Sanamp Distortion > Cabinet & Mic Simulation > LFO Filter >  Pro-Filter > Delay > LFO Filter > Tremolo > Leslie Sim > EHX Micro Synthesizer > Delay > Delay > Reverb > เครื่องสร้าง Loop
อันนี้ออกแนว Noise มากๆ คือขอให้ทำใจก่อนฟังซักนิดนะครับ ฟังแรกๆ จะหนวกหูมาก แต่ถ้าเปิดไปซัก 2 นาที
ผมเชื่อว่าจะเพราะขึ้น การเล่นตัวนี้ก็อยากจะเล่นเป็นคอร์ดบ้าง เพราะอันอื่นเล่นเป็นโน๊ตเดี่ยวๆ แทบหมด
อันนี้เลยใช้วิธีเล่นคอร์ดสุ่ม เป็นคอร์ดเมเจอร์แบบมั่วๆ ไป สุ่มไปเรื่อยๆ ส่วนของการปรุงแต่งก็เยอะมากๆ Filter หลายตัว
แล้วก็มีซินธ์ของ EHX แล้วก็อื่นๆ อีกมากมาย เสียงก็จะออกมาหนวกหูมาก เหมือนอยู่ในอะไรซักอย่างที่ไม่ใช่โลกนี้ มันเหมือนมีอะไรมากมายเต็มไปหมด เลยตั้งชื่อเป็นรายการทีวีว่า "หลุมดำ" ซะเลย

สำหรับผลงานของ Robert Fripp ที่ใช้ Soundscapes เป็นเครื่องมือหลักในการทำอัลบั้มแทบทั้งหมด จะอยู่ในงานโซโล่ของเขาในช่วงยุค 90 's โดยอัลบั้มที่เด่นๆ มีดังนี้ครับ


1999 Soundscapes: Live in Argentina (1994)

A Blessing of Tears: 1995 Soundscapes, Vol. 2 

 Radiophonics: 1995 Soundscapes, Vol. 1

That Which Passes: 1995 Soundscapes, Vol. 3

 November Suite: 1996 Soundscapes –

Live at Green Park Station 

 The Gates of Paradise (1998)

Last Updated ( Sunday, 23 March 2008 )
spacer.png, 0 kB
spacer.png, 0 kB
spacer.png, 0 kB
Top 10 Best Sellers in Clothing for 2017 Top 10 Best Sellers in Clothing Sellers in Clothing