spacer.png, 0 kB
John McLaughlin and Mahavishnu Orchestra (AFM)
Top Ten Songs from Genesis (Analog Kid)
5 Greatest Major Fusion Jazz Albums from 70's (AFM)
The Red Stratocaster and EMGs (AFM)
Diggin' Deeper "Shine On You Crazy Diamond - Pink Floyd" (AFM)
Roger Waters - Amused to Death (AFM)
Porcupine Tree - Fear of a Blank Planet (Parid)
Top Ten Songs from Yes (Analog Kid)
Top Ten Songs from King Crimson (Analog Kid)
Aviv Geffen - Blackfield : Part I (Parid)
The Rise and Fall of Queensryche (Lilium)
13 Essential Albums of “Extreme Progressive Metal” (Lilium)
Eloy Albums Guide (PSLK)
13 Greatest Rhythm Section Albums (AFM)
Robert Fripp's Soundscapes Technique (AFM)
Penguin Cafe Orchestra (Panyarak)
Penguin Cafe Orchestra & Simon Jeffes (Polotoon)
Mike Oldfield (Panyarak)
John Cale (Panyarak)
Philip Glass - Part I (Panyarak)
Philip Glass - Part II (Panyarak)
Van der Graaf Generator (Panyarak)
Sally Oldfield (Panyarak)
Family (Panyarak)
Renaissance & Annie Haslam (Panyarak)
Strawberry Fields Forever by George Martin (Winston)
Syd Barrett (Panyarak)
Peter Gabriel (panyarak)
Telecasters plus Les Paul Goldtop & Gretsch Duo Jet (AFM)
7 Phases in Prog Heads Life (Analog Kid)
Aviv Geffen - Blackfield : Part II (Parid)
Aviv Geffen - Blackfield : Part III (Parid)
Pink Floyd's Back Up Role
Ayreon - 01011001 (Parid)
Roger Waters – Amused to Death (Parid)
Snowy White & His Guitar : Interview (AFM)
Rick Wakeman (panyarak)
Coldplay - Viva la Vida (parid)
Jeff Beck - Blow By Blow & Wired (AFM)
Interview with \"Dredg\" (Lilium)

spacer.png, 0 kB
spacer.png, 0 kB
Home arrow Renaissance & Annie Haslam (Panyarak)
Renaissance & Annie Haslam (Panyarak) PDF Print E-mail
Written by Agent Fox Mulder   
Sunday, 30 March 2008

Renaissance

Written by Panyarak Poolthup
Transcribed by Polotoon
จากนิตยสาร Starpics (1987)


 วง Renaissance ที่กล่าวถึงนี้ก่อตั้งขึ้นโดยสมาชิกที่แตกแยกมาจาก The Byrds อันประกอบด้วย Paul Samwell-Smith, Keith Relf และ Jim McCarty ซึ่งมีผลงานในนามนี้ในสไตล์ทดลองผสมผสานแนวดนตรี rock, folk และ classic ด้วยวงที่มีสมาชิกห้าคน (Relf กีตาร์และร้องนำ, McCarty กลอง, สมทบด้วยมือเบส Louis Cennamo, มือเปียโน John Hawken, และน้องสาวของ Relf; Jane Relf ร้องสมทบ) ออกผลงานมา 2 ชุดคือ Renaissance (1969) และ Illusion (1971) กับสังกัด Elektra ในอเมริกา และ Island ในอังกฤษ อัลบั้มแรกโปรดิวซ์โดย Samwell-Smith ที่ออกจากวงไปหลังจากนั้นไม่นานนัก ทิ้งให้ McCarty รวมวงขึ้นมาใหม่ด้วยนักดนตรีอื่นแล้ว McCarty ก็ออกจากวงไป
  

 
Renaissance ในยุคบุกเบิกที่ตั้งขึ้นโดยสมาชิกที่แตกแยกมาจาก The Byrds
 
แล้วการรวมวงครั้งใหม่ที่กลายมาเป็นตำนานของวงการ Progressive Rock  อันประกอบด้วยนักร้องนำเสียง Soprano ชื่อ Annie Haslam ผู้ที่ได้ฟังผลงานของวงนี้โดยเฉพาะผลงานเด่นๆของวง ต้องยอมรับว่าเสียงของเธอยอดจริงๆ มีนักร้องหญิงอีกคนหนึ่งที่สุ้มเสียงใกล้เคียง Annie Haslam มากคือ Maddy Prior จากวง Steeleye Span แต่ร้องกันคนละสไตล์
  

 
Annie Haslam


 
Maddy Prior จากวง Steeleye Span
 
 ส่วนสมาชิกที่เหลืออีก 4 คน เป็นชายล้วน คือ
 
1.   Terence Sullivan เล่นกลอง, เครื่องเคาะจังหวะ, ร้อง
2.   Michael Dunford เล่นกีตาร์โปร่ง, ร้อง
3.   Jon Camp เล่นเบส, ร้อง
4.   John Tout เล่นคีย์บอร์ด, ร้อง
 
สมาชิกทุกคนแต่งเพลงได้หมด ยกเว้น Haslam ซึ่งร้องอย่างเดียว แม้แต่ LP. เดี่ยวชุดแรกของเธอเองชุด Annie In Wonderland เธอก็ไปเอาเพลงของคนอื่นมาร้อง วง Renaissance มีบุคคลสำคัญที่มาช่วยแต่งเพลงให้อีกคนหนึ่งคือ Betty Thatcher ซึ่งเธอเป็นผู้ประพันธ์เนื้อร้องเพราะๆ ให้วงนี้หลายเพลง สำหรับ Betty Thatcher นี้เห็นนามสกุลแล้วอดไม่ได้ที่จะนึกไปว่า เป็นญาติกับอดีตนายกรัฐมนตรีอังกฤษ Margaret Thatcher
 
สำหรับวิธีการแต่งเพลงของวงนั้น Dunford จะส่งโน้ตเพลงหรือเดโมเทปไปให้ Thatcher ซึ่งพักอยู่ที่ Cornwall ซึ่งอยู่ทางใต้สุดของอังกฤษ แล้ว Thatcher จะเขียนบทกวีของเธอเป็นเนื้อร้องแล้วส่งกลับไปให้วงที่อยู่ใน London

ผลงานของ Renaissance ในยุคหลังจากที่มี Annie Haslam เป็นสัญลักษณ์และนักร้องนำของวงนั้นมีดังนี้คือ
 
 
 
Prologue (1972)
 
Renaissance เริ่มประเดิมผลงานชิ้นแรกด้วย LP ที่ออกแบบหน้าปกที่เห็นแล้วต้องนึกว่าเพลงข้างในต้องเป็น Progressive แหงๆ แต่จริงๆ แล้วป็นเพลงค่อนข้างไปทาง Rock หลายแนว แต่ละเพลงค่อนข้างยาว โดยมีความไพเราะในตัวของมันเองสำหรับแต่ละเพลง ผู้ที่ชอบ Rock นิ่มนวล แบบหลายเพลงของ Scorpions ก็คงจะชอบ Sound of the Sea ซึ่งให้บรรยากาศของคลื่นและทะเลได้วิเศษสุดสมชื่อ การประเดิมผลงานชุดแรกด้วยเพลงชั้นยอด อาจถือได้ว่านักดนตรี และนักร้องวงนี้มีฝีมือเข้าขั้น
  

 
Ashes Are Burning (1973)
 
LP ชุดนี้ยังคงบรรจุเต็มเอียดไปด้วยเพลงแสนไพเราะเช่นเดียวกับชุดแรก โดยมีการลดท่อนโชว์การบรรเลงเครื่องดนตรีลงไป แล้วหันมาเน้นเสียงร้องของ Haslam มากขึ้น ยกเว้นเพลง title track ที่เริ่มเปิดศักราชความเป็น Progressive Rock ของวง แม้ว่าปกอัลบั้มชุดนี้จะไม่ชวนซื้อเหมือนชุดแรก แต่เพลงข้างในกลับตรงกันข้ามกับหน้าปกอย่างสิ้นเชิง
  

 
ปก Lp. คู่ที่ต่อมากลายมาเป็น Cd เดี่ยว ชุด In The Beginning
 
ในปี 1978 บริษัท Capitol ได้นำ LP  2 ชุดนี้มารวมออกใหม่เป็นแผ่นคู่โดยตั้งชื่อว่า In The Beginning ซึ่งออกแบบปกได้สวยงามมาก เป็นรูปผู้หญิงสวยนอนใส่ชุดราตรีสีแดงอยู่ที่ชายหาด ให้บรรยากาศเพลง Sound of the Sea ทำให้ผู้เขียนเลือกซื้อ LP คู่ชุดนี้แทนแยกซื้อ 2 แผ่น ซึ่งแพงกว่ามาก 
 

 
Turn Of The Cards (1974)
 
Renaissance ย้ายสังกัดจาก Capitol ไปอยู่ Sire ในชุดนี้มีเพลงที่ออกไปทาง Progressive ชั้นเยี่ยมอยู่ 2 เพลงคือ Black Flame กับ Mother Russia เพลงต่างๆ ใน LP ชุดนี้ฟังดูแล้วให้บรรยากาศปราสาทราชวังสมัยเก่า และนักรบในชุดเกราะเหล็กได้ดีมาก
  

 
Scheherazade And Other Stories (1975)
 
และนี่คือ LP แนว Progressive Rock ที่ดีที่สุดในโลกชุดหนึ่ง ในหน้า A มีเพลงที่น่ากล่าวถึงมากที่สุดคือ Ocean Gypsy
 
เพลงนี้กล่าวถึงชีวิตของ Ocean Gypsy ซึ่งฟังดูแล้ว ทำให้ต้องนึกถึงนางผีเสื้อสมุทร จากเรื่องพระอภัยมณีฃองท่านกวีเอกสุทรภู่ทุกที โดยเฉพาะในท่อนที่กล่าวถึงคนรักของเธอว่า "เธอได้พบกับวิญญาณที่ว่างเปล่า" ซึ่งเปรียบเสมือนเธอได้พบกับคนที่เธอรัก แต่เขาไม่ได้รักเธอ
 
ในท่อนนี้ Betty Thatcher ผู้แต่งเนื้อร้อง ใช้อุปมา อุปไมยว่า "เธอเป็นเพียงดวงจันทร์ที่สะท้อนแสงดวงอาทิตย์สีทองของเขา จนเธอต้องตาบอดเพราะแสงของเขา"
 
และในท่อนที่กล่าวถึงความตายของ Ocean Gypsy, Thatcher บรรยายว่า "เธอถูกพันธนาการด้วยคลื่น ... บางสิ่งบางอย่างหายไปจากดวงตาของเธอ นิ้วอันปราศจากชีวิตของเธอเขี่ยทรายไปมา … เธอไม่ร้องไห้อีกแล้ว น้ำตาเธอได้เหือดแห้งไป แต่มหาสมุทรกลับร้องไห้แทนเธอ"
 
สำหรับหน้า B นั้นมีเพลงเดียวคือ Song Of Scheherazade (ออกเสียง ชา-เฮ-รา-สาด) ซึ่งแบ่งเป็น 9 ท่อน อันเป็นเรื่องราวของ 1001 ราตรี ซึ่ง Scheherazade เป็นผู้เล่าให้สุลต่านฟังเพื่อที่สุลต่านจะได้ไว้ชีวิตเธอ เพื่อให้เธอได้เล่าเรื่องต่อไปเรื่อยๆ เพลงนี้ถือเป็นเพลงที่ดีที่สุดของคณะนี้ ซึ่งพวกฝรั่งก็มักจะรู้จัก Renaissance กันจาก LP ชุดนี้
 
เป็นที่น่าเสียดายว่า Renaissance ซึ่งมีความคิดริเริ่มสรางสรรค์ ในการนำเสนอเพลง Progressive Rock แบบเล่าเรื่อง โดยมีวง Orchestra เป็น Back Up กลับไม่สามารถสานต่อความคิดอันนี้ต่อไปได้ โดยปล่อยให้ LP ชุดนี้เป็น LP ประวัติศาสตร์ไป


 
Live At The Carnegie Hall (1976)
 
บันทึกการแสดงสดจาก Carnegie Hall ในนคร New York ซึ่งเป็นสถานที่แสดง Concert สำหรับดนตรีประเภทบรรเลงด้วย Orchestra ที่ดีที่สุดในโลก
 
LP คู่ชุดนี้ คัดเลือกเพลงมาแสดงจาก LP 4 ชุดที่ผ่านมา ซึ่งมีเพลง Scheherazade รวมอยู่ด้วย โดยในตอนต้นเพลง มีการเล่าเรื่องย่อของเพลงนี้ให้คนฟังได้ทราบด้วย การแสดงอยู่ในขั้นดีมาก และเล่นคล้ายแผ่นใน Studio มาก
  

 
Novella (1977)
 
LP ชุดนี้ แม้จะยังคงใช้ วง Orchestra ประกอบอยู่ แต่ทำออกมาไม่น่าประทับใจเท่าชุดก่อน เพลงต่างๆ ฟังดูแล้วเหมือนแม่ชีร้องเพลงกล่อมเด็กให้หลับ เหมือนรูปบนหน้าปกไม่มีผิด นั่นคือ น่าเบื่อ ชวนหลับ ผู้เขียนถือว่า ชุดนี้เป็นอัลบั้มยุคแรกที่ด้อยที่สุดของวงนี้ อาจเป็นได้ที่ว่าวงนี้หลังจากประสบความสำเร็จอย่างสูง ในการนำเสนอผลงานชิ้นอมตะ ในชุด Scheherazade แล้ว ไม่ต้องการทำผลงานที่ถือว่า เลียนแบบตัวเอง หรือย่ำอยู่กับความสำเร็จของผลงานเก่า จึงพยายามนำเสนอผลงานอีกแบบหนึ่งซึ่งออกมาดูด้อยกว่า ในปีเดียวกันนี้ Haslam ก็หันไปออก LP เดี่ยวของเธอ
  

 
A Song For All Seasons (1978)
 
LP ชุดนี้น่าประทับใจมากกว่าชุดก่อนนิดนึง  แต่เพลงเริ่มเอนเอียงไปทาง Pop Rock มากขึ้น และเพลงมีความยาวน้อยลงแทนที่หันจับแนว Progressive Rock ซึ่งทำให้วงนี้มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก ในชุดนี้มีเพลงที่ไพเราะมากๆ อยู่เพลงนึงคือ Northern Lights และมีบางเพลงที่ให้ผู้ชายเป็นผู้ร้องนำทั้งเพลง ซึ่งเป็นการทำลายเอกลักษณ์ของวง
  

 
Azure D' Or (1979)
 
ผู้ที่ได้ฟัง LP ชุดนี้ อาจจะนึกว่าเป็นงานของ ABBA ก็ได้ โดยเฉพาะผู้ที่ไม่เคยติดตามผลงานของวงนี้มาก่อน เพราะหลายเพลงเป็นเช่นนั้น อย่างไรก็ดีชุดนี้ก็มีเพลงดีๆ เพราะๆ มากกว่า 2 ชุดที่ผ่านมารวมกันเสียอีก ใน LP ชุดนี้เสียงวง Orchestra ถูกทดแทนด้วยเสียงคีย์บอร์ด ซึ่ง Renaissance ก็ทำได้ดีทีเดียว แต่กลับไม่เป็นที่ยอมรับจากแฟนเพลงของวง รูปแบบการผสมผสานเสียง Synthesizer เข้ากับเพลงในแบบ Progressive ของวงกลายมาเป็นแบบอย่างให้กับวงรุ่นต่อๆมา
 
 
 
Camera Camera (1981)
 
พวกเขาย้ายสังกัดไปอยู่กับ I.R.S. พร้อมกับการลาออกของสมาชิก 2 คนคือ John Tout และ Terence Sullivan แต่พวกเขาก็ไม่ได้หาสมาชิกใหม่ เพียงใช้นักดนตรีรับเชิญ (รับจ้าง) มาช่วยอัดแผ่น
 
LP ชุดนี้ออกไปทาง Pop จ๋าเลยทีเดียว บางเพลงที่เป็นจังหวะเต้นรำซึ่งไม่เหมาะกับเสียงร้องเพลงของ Haslam เลย เมื่อพวกเขาเล่นเพลง Pop, Haslam ก็ไม่ต้องใช้ความสามารถด้านเสียงร้องเท่าไหร่ ซึ่งยิ่งทำให้เพลงในชุดนี้ฟังดูธรรมดามาก ที่น่าสังเกตคือ เมื่อ Haslam ไม่ได้ใช้พลังเสียงฃองเธอเป็นจุดเด่นของวงเธอก็หันไปปรับปรุงรูปโฉมตัวเองเสียใหม่ จากการไว้ผมยาวแสกกลาง เธอก็ไปทำผมตามสมัยนิยม
 
ชุดนี้มีเพลงแปลกๆ อยู่เพลงนึงคือ Okichi-San ซึ่งฟังดูคล้ายเพลงญี่ปุ่นสมชื่อ LP ชุดนี้เป็นชุดสุดท้ายที่ Betty Thatcher มาช่วยแต่งเพลงให้
 

 
Time-Line (1983)
 
LP แผ่นนี้มีการใช้ Synthesizer มากอย่างออกหน้าออกตา และหลายเพลงก็ฟังดูคล้ายเพลงของ ABBA มาก โดย Camp ได้ทำหน้าที่เป็นผู้แต่งเนื้อร้องของวงแทน Thatcher
 
หลังจากออกอัลบั้มชุดนี้ ทางวงก็ไม่มีผลงานออกมาอีก โดยทั้ง 3 ไม่ได้ประกาศยุบวงก็เพราะยังมีปัญหายืดเยื้ออยู่กับบริษัทแผ่นเสียงเก่า และยังหาสังกัดใหม่ไม่ได้ เพื่อที่จะกลับมาทำงานดีๆเป็นการตอบแทนแฟนเพลงที่ต้องรอพวกเขาเป็นเวลาหลายปี ในช่วงนั้นพวกเขา 3 คนพร้อมนักดนตรีรับจ้าง ก็ออกแสดง Concert เป็นครั้งคราว เพื่อหาเงินประทังชีวิตไปพลางๆ

หลังจากที่ Renaissance แตกวงในปี 1983 มีผลงานในนาม Renaissance ออกมาเป็นจำนวนมาก เช่น

The Other Woman

น่าจะเรียกว่าวงที่แอบอ้างใช้ชื่อ Renaissance มากกว่า เพราะนักร้องคนละคน โดย Stephanie Adlington จะมีที่เกี่ยวกับ Renaissance ก็เพียง Michael Dunford ดนตรีอ่อนมากๆ ไม่ควรเสียเวลาฟัง

At the Royal Albert Hall with the Royal Philharmonic Orchestra Vol 1 & 2 

ทั้ง 2 แผ่น เกือบจะดีเท่า Live at Carnegie Hall ไม่ควรพลาด

Ocean Gypsy

ในนาม Michael Dunford's Renaissance - Dunford ยังไม่เข็ดหลาบ คราวนี้ให้ Adlington ร้องเพลงเก่าของ Renaissance แบบ unplugged พลังเสียงของ Adlington ไม่ได้ระดับจริงๆ



Songs from Renaissance Days
รวมเพลงประเภท unreleased ของวง ก็พอใช้ได้



Pictures in the Fire

ในนาม Nevada รวมเพลงเก็บตก หลังจากที่ Renaissance แตกวง มีทั้งเพลงที่ Dunford กับ Haslam พยายามทำ demo เพื่อฟื้นฟูวง และเพลงที่บันทึกเสียงสำหรับอัลบั้ม Camera Camera และ Time-line แล้วไม่ได้ใช้ คุณภาพค่อนข้างหลากหลาย มีเพลงเพราะๆ อยู่ 4-5 เพลง

BBC Sessions

บันทึกการแสดงสดแผ่นคู่ โดยไม่มีวงออเคสตรา

Unplugged Live at the Academy of Music

ดูเหมือนจะเป็นครั้งเดียวที่มีการบันทึกเพลง Okichi-san ที่แสนไพเราะในรูปแบบแสดงสด บันทึกเสียงไม่ค่อยดีนัก แต่เปี่ยมด้วยคุณภาพ
 

 
Tuscany (2001)
 
ช่วงปลายยุค '90 Dunford ได้ฟอร์มวงโดยใช้ชื่อ Renaissance และออกผลงานอัลบั้มด้วยทีมนักดนตรีที่ต่างกันไป
 
ในปี 2000 ทางวงกลับมารวมตัวกันเพื่อบันทึกอัลบั้ม Tuscany, ออกแสดง Concert ที่ Astoria ใน London ก่อนที่จะออกทัวร์สั้นๆในญี่ปุ่น ซึ่งผู้เขียนมีความประทับใจที่สุดก็เมื่อได้ชมการแสดงของ Renaissance ที่นั่น โดยที่คิดว่า ชาตินี้คงไม่ได้ชม เพราะเห็นเปิดการแสดงสดในอังกฤษหลังออกอัลบั้ม Tuscany เพียงรอบเดียว แล้วทำท่าจะยุบวง แต่ก็อุตส่าห์ไปเล่นที่ญี่ปุ่นอีก 3 รอบ เมื่อได้ชมการแสดงจริงๆ ถึงได้ซาบซึ้งในการเล่นเพลง Ashes are Burning แบบขยายเพลงจนยาวเหยียด เพราะนักดนตรีแต่ละคนได้โชว์ฝีมือกันเต็มที่ระหว่างที่ไฟสปอตไลท์ส่องไปที่ลูกบอลกระจกใบใหญ่เหนือเวที ทำให้เกิดแสดงระยิบระยับทั่วโรงแสดง Annie Haslam ในชุดกระโปรงกำมะหยี่สีม่วงเข้มแต่เท้าเปล่า เป็นจุดเด่นของวงจริงๆ ในขณะที่มือคีย์บอร์ด 2 คน ถูกแบ่งหน้าที่กันชัดเจน Mickey Simmonds จะเล่นซินธ์ ซึ่งเขาจะนั่งเฉยๆ ช่วงที่เล่นเพลงเก่าของ Renaissance ในขณะที่ Rave Tesar จะเล่นคีย์บอร์ดที่ให้เสียงแบบ Symphonic และมีบทบาทที่โดดเด่นกว่า Simmonds มาก

หลังจากทัวร์ในครั้งนั้นทางวงก็ประกาศยุติบทบาทของ Renaissance อีกครั้ง
 



In the Land of the Rising Sun: Live in Japan 2001 (2005)
 
เป็นอัลบั้มคู่บันทึกการแสดงโชว์ในญี่ปุ่นโดยสมาชิก Renaissance ยุคสุดท้าย น่าเสียดายไม่มีออกมาเป็น DVD
  
หลังจากนั้น Terry Sullivan ได้บันทึกผลงานเพลงในสไตล์แบบ Renaissance แต่ใช้ชื่อวงว่า Renaissant ด้วยการกลับมาเขียนเนื้อร้องของ Betty Thatcher และนักร้องคนใหม่แต่หน้าเก่าคือ John Tout โดยมี Christine ภรรยาของ Terry ร่วมร้องด้วยในหลายเพลง และตัว Terry ร้องนำอยู่ 2 เพลง ในอัลบั้มที่ชื่อ South of Winter (2005)
 
Renaissance ได้ถูกประกาศยุติลงอย่างถาวรโดย Annie Haslam ในปี 2005


สำหรับผลงานเดี่ยวของ Annie Haslam เคยเล่าไปแล้วเช่นกัน แต่ขอเล่าใหม่ซึ่งคงไม่ตรงกับที่เคยเล่าไว้ว่า ผลงานเดี่ยวของเธอ จะออกคนละแนวกับ Renaissance ยุครุ่งเรือง โดยแนวดนตรีจะเปลี่ยนไปตามนักดนตรีและ producer



Annie in Wonderland (1977)

ได้ Roy Wood (อดีต The Move และ ELO) มาร่วมงาน เพลงที่ผมชอบมากคือ If I Loved You และ Going Home



Still Life (1985)

ชุดนี้นำเพลงคลาสสิคมาใส่เนื้อร้องโดย Betty Thatcher ซึ่งเป็นขาประจำแต่งเนื้อร้องให้ Renaissance ยุครุ่งเรือง และบรรเลงดนตรีโดยวงออเคสตรา เป็นอัลบั้มเดี่ยวที่ผมชอบมากที่สุดและชอบทุกเพลง



Annie Haslam (1989)

ชุดนี้ออก pop มากๆ แถมยังร้องเพลง Moonlight Shadow ได้แย่กว่าต้นฉบับ



Fox

โดย Akio Dobashi & Annie Haslam น่าจะเป็นผลงานที่มีความไพเราะน้อยที่สุด



Blessing in Disguise (1994)

เธอห่างเหินวงการไปนาน เพื่อรักษาโรคมะเร็ง เมื่อหายแล้ว จึงกลับมาด้วยอัลบั้มที่ผมชอบมากรองจาก Still Life ชุดนี้น่าจะใกล้ prog มากที่สุด

Lily's in the Field

โดย Annie Haslam & Steve Howe ซิงเกิ้ลหารายได้ให้การกุศล ซึ่งทั้งสองเคยร่วมงานกันครั้งแรกใน



Tales of Yesterday (Tribute to Yes)   และมีแผนที่จะบันทึกเสียงเพลง cover ของ Yes เต็มอัลบั้ม แต่ก็ถูกพับไปก่อน



Live Under Brazilian Skies (1998)

บันทึกการแสดงสดที่เล่นเพลง Renaissance ปนกับผลงานเดี่ยว

 

The Dawn of Ananda (1999)

มาแนวเดียวกับ Blessing in Disguise



It Snows in Heaven Too (2000)

เพลงคริสต์มาสในสไตล์ของ Annie Haslam



One Enchanted Evening (2002)

บันทึกการแสดงสดที่ไม่มีเพลงของ Renaissance แต่มีเพลง She's Leaving Home ของ Beatles



Live in Philadelphia 1997

บันทึกการเล่นสดในห้องอัด มีทั้งเพลง Renaissance และผลงานเดี่ยว (ชุดนี้มีออกเป็น DVD ด้วย)

Woman Transcending (2007)

รวมเพลงเก็บตก และ cover ซึ่งไม่ค่อยน่าประทับใจนัก

โดยสรุป Annie Haslam ไม่เหมาะกับการร้องเพลง pop งานที่ออก prog หลังจาก Renaissance ยุบวงไปแล้วน่าจะเป็นเพลง Turn of the Century และ Ripples จาก tribute album 2 ชุด และเห็นด้วยครับที่นักดนตรีทั้งกีตาร์ เบส และคีย์บอร์ด สมัยรุ่งเรืองของ Renaissance ฝีมือแพรวพราวทุกคน สำหรับมือคีย์บอร์ด จำได้ว่า ได้แสดงสปิริตลาออกจากวงไปเนื่องจากเล่นผิดคีย์ในการแสดงสดครั้งหนึ่ง

 


--เพิ่มเติม----

เรื่องผลงานเดี่ยวของ Annie Haslam เคยตอบไปแล้วเช่นกัน แต่ขอตอบใหม่ที่คงไม่ตรงกับที่ตอบไว้ว่า ผลงานเดี่ยวของเธอ จะคนละแนวกับ Renaissance ยุครุ่งเรืองครับ โดยแนวดนตรีจะเปลี่ยนไปตามนักดนตรีและ producer
Annie in Wonderland - ได้ Roy Wood (อดีต The Move และ ELO) มาร่วมงาน เพลงที่ผมชอบมากคือ If I Loved You และ Going Home
Still Life - ชุดนี้นำเพลงคลาสสิคมาใส่เนื้อร้องโดย Betty Thatcher ซึ่งเป็นขาประจำแต่งเนื้อร้องให้ Renaissance ยุครุ่งเรือง และบรรเลงดนตรีโดยวงออเคสตรา เป็นอัลบั้มเดี่ยวที่ผมชอบมากที่สุดและชอบทุกเพลง
Annie Haslam - ชุดนี้ออก pop มากๆ แถมยังร้องเพลง Moonlight Shadow ได้แย่กว่าต้นฉบับ
Fox โดย Akio Dobashi & Annie Haslam - น่าจะเป็นผลงานที่มีความไพเราะน้อยที่สุด
Blessing in Disguise - เธอห่างเหินวงการไปนาน เพื่อรักษาโรคมะเร็ง เมื่อหายแล้ว จึงกลับมาด้วยอัลบั้มที่ผมชอบมากรองจาก Still Life ชุดนี้น่าจะใกล้ prog มากที่สุด
Lily's in the Field โดย Annie Haslam & Steve Howe - ซิลเกิ้ลหารายได้ให้การกุศล ซึ่งทั้งสองเคยร่วมงานกันครั้งแรกใน Tales of Yesterday (Tribute to Yes) และมีแผนที่จะบันทึกเสียงเพลง cover ของ Yes เต็มอัลบั้ม แต่ก็ถูกพับไปก่อน
Live Under Brazilian Skies - บันทึกการแสดงสดที่เล่นเพลง Renaissance ปนกับผลงานเดี่ยว
The Dawn of Ananda - มาแนวเดียวกับ Blessing in Disguise
It Snows in Heaven Too - เพลงคริสต์มาสในสไตล์ของ Annie Haslam
One Enchanted Evening - บันทึกการแสดงสดที่ไม่มีเพลงของ Renaissance แต่มีเพลง She's Leaving Home ของ Beatles
Live in Philadelphia 1997 - บันทึกการเล่นสดในห้องอัด มีทั้งเพลง Renaissance และผลงานเดี่ยว (ชุดนี้มีออกเป็น DVD ด้วย)
Woman Transcending - รวมเพลงเก็บตก และ cover ซึ่งไม่ค่อยน่าประทับใจนัก

- โดยสรุป Annie Haslam ไม่เหมาะกับการร้องเพลง pop งานที่ออก prog หลังจาก Renaissance ยุบวงไปแล้วน่าจะเป็นเพลง Turn of the Century และ Ripples จาก tribute album 2 ชุด และเห็นด้วยครับที่นักดนตรีทั้งกีตาร์ เบส และคีย์บอร์ด สมัยรุ่งเรืองของ Renaissance ฝีมือแพรวพราวทุกคน สำหรับมือคีย์บอร์ด จำได้ว่า ได้แสดงสปิริตลาออกจากวงไปเนื่องจากเล่นผิดคีย์ในการแสดงสดครั้งหนึ่ง

- ประทับใจที่สุดก็เมื่อได้ชมการแสดงของ Renaissance ที่ญี่ปุ่น ที่คิดว่า ชาตินี้คงไม่ได้ชม เพราะเห็นเปิดการแสดงสดในอังกฤษหลังออกอัลบั้ม Tuscany เพียงรอบเดียว แล้วทำท่าจะยุบวง แต่ก็อุตส่าห์ไปเล่นที่ญี่ปุ่นอีก 3 รอบ เมื่อได้ชมการแสดงจริงๆ ถึงได้ซาบซึ้งในการเล่นเพลง Ashes are Burning แบบขยายเพลงจนยาวเหยียด เพราะนักดนตรีแต่ละคนได้โชว์ฝีมือกันเต็มที่ระหว่างที่ไฟสปอตไลท์ส่องไปที่ลูกบอลกระจกใบใหญ่เหนือเวที ทำให้เกิดแสดงระยิบระยับทั่วโรงแสดง Annie Haslam ในชุดกระโปรงกำมะหยี่สีม่วงเข้มแต่เท้าเปล่า เป็นจุดเด่นของวงจริงๆ ในขณะที่มือคีย์บอร์ด 2 คน ถูกแบ่งหน้าที่กันชัดเจน Mickey Simmonds จะเล่นซินธ์ ซึ่งเขาจะนั่งเฉยๆ ช่วงที่เล่นเพลงเก่าของ Renaissance ในขณะที่ Rave Tesar จะเล่นคีย์บอร์ดที่ให้เสียงแบบ Symphonic และมีบทบาทที่โดดเด่นกว่า Simmonds มาก

- หลังจากที่ Renaissance แตกวงในปี 1983 มีผลงานในนาม Renaissance ออกมาเป็นจำนวนมาก เช่น
The Other Woman - น่าจะเรียกว่าวงที่แอบอ้างใช้ชื่อ Renaissance มากกว่า เพราะนักร้องคนละคน โดย Stephanie Adlington จะมีที่เกี่ยวกับ Renaissance ก็เพียง Michael Dunford ดนตรีอ่อนมากๆ ไม่ควรเสียเวลาฟัง
At the Royal Albert Hall with the Royal Philharmonic Orchestra Vol 1 & 2 - ทั้ง 2 แผ่น เกือบจะดีเท่า Live at Carnegie Hall ไม่ควรพลาด
Ocean Gypsy ในนาม Michael Dunford's Renaissance - Dunford ยังไม่เข็ดหลาบ คราวนี้ให้ Adlington ร้องเพลงเก่าของ Renaissance แบบ unplugged พลังเสียงของ Adlington ไม่ได้ระดับจริงๆ
Songs from Renaissance Days - รวมเพลงประเภท unreleased ของวง ก็พอใช้ได้
Pictures in the Fire ในนาม Nevada - รวมเพลงเก็บตก หลังจากที่ Renaissance แตกวง มีทั้งเพลงที่ Dunford กับ Haslam พยายามทำ demo เพื่อฟื้นฟูวง และเพลงที่บันทึกเสียงสำหรับอัลบั้ม Camera Camera และ Time-line แล้วไม่ได้ใช้ คุณภาพค่อนข้างหลากหลาย มีเพลงเพราะๆ อยู่ 4-5 เพลง
BBC Sessions - บันทึกการแสดงสดแผ่นคู่ โดยไม่มีวงออเคสตรา
Unplugged Live at the Academy of Music - ดูเหมือนจะเป็นครั้งเดียวที่มีการบันทึกเพลง Okichi-san ที่แสนไพเราะในรูปแบบแสดงสด บันทึกเสียงไม่ค่อยดีนัก แต่เปี่ยมด้วยคุณภาพ
Tuscany - การกลับมารวมตัวกันครั้งล่าสุด น่าเสียดายที่ไม่ได้เล่นแนว prog ยุครุ่งเรือง
In the Land of the Rising Sun Live in Japan - ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าบันทึกการแสดงสดจากที่ไหน น่าเสียดายไม่มีออกมาเป็น DVD


Last Updated ( Sunday, 30 March 2008 )
spacer.png, 0 kB
spacer.png, 0 kB
spacer.png, 0 kB
Top 10 Best Sellers in Clothing for 2017 Top 10 Best Sellers in Clothing Sellers in Clothing