spacer.png, 0 kB
John McLaughlin and Mahavishnu Orchestra (AFM)
Top Ten Songs from Genesis (Analog Kid)
5 Greatest Major Fusion Jazz Albums from 70's (AFM)
The Red Stratocaster and EMGs (AFM)
Diggin' Deeper "Shine On You Crazy Diamond - Pink Floyd" (AFM)
Roger Waters - Amused to Death (AFM)
Porcupine Tree - Fear of a Blank Planet (Parid)
Top Ten Songs from Yes (Analog Kid)
Top Ten Songs from King Crimson (Analog Kid)
Aviv Geffen - Blackfield : Part I (Parid)
The Rise and Fall of Queensryche (Lilium)
13 Essential Albums of “Extreme Progressive Metal” (Lilium)
Eloy Albums Guide (PSLK)
13 Greatest Rhythm Section Albums (AFM)
Robert Fripp's Soundscapes Technique (AFM)
Penguin Cafe Orchestra (Panyarak)
Penguin Cafe Orchestra & Simon Jeffes (Polotoon)
Mike Oldfield (Panyarak)
John Cale (Panyarak)
Philip Glass - Part I (Panyarak)
Philip Glass - Part II (Panyarak)
Van der Graaf Generator (Panyarak)
Sally Oldfield (Panyarak)
Family (Panyarak)
Renaissance & Annie Haslam (Panyarak)
Strawberry Fields Forever by George Martin (Winston)
Syd Barrett (Panyarak)
Peter Gabriel (panyarak)
Telecasters plus Les Paul Goldtop & Gretsch Duo Jet (AFM)
7 Phases in Prog Heads Life (Analog Kid)
Aviv Geffen - Blackfield : Part II (Parid)
Aviv Geffen - Blackfield : Part III (Parid)
Pink Floyd's Back Up Role
Ayreon - 01011001 (Parid)
Roger Waters – Amused to Death (Parid)
Snowy White & His Guitar : Interview (AFM)
Rick Wakeman (panyarak)
Coldplay - Viva la Vida (parid)
Jeff Beck - Blow By Blow & Wired (AFM)
Interview with \"Dredg\" (Lilium)

spacer.png, 0 kB
spacer.png, 0 kB
Home arrow Telecasters plus Les Paul Goldtop & Gretsch Duo Jet (AFM)
Telecasters plus Les Paul Goldtop & Gretsch Duo Jet (AFM) PDF Print E-mail
Written by Agent Fox Mulder   
Sunday, 06 April 2008

Telecasters
 

แปลและเรียบเรียงจากบทความของ Bjorn Riis ในเว็บไซต์ Gilmourish.com โดย Agent Fox Mulder


early 60’s | Brown Telecaster | ‘59 Custom | ‘55 Esquire
‘52 reissue | Custom Shop

ถึงแม้ว่าเดฟจะใช้ Stratocaster เสียเป็นส่วนใหญ่ แต่เขาเองก็เป็นแฟนตัวยงของ Telecaster อีกด้วย กีตาร์ตัวแรกที่เขาใช้ร่วมงานกับฟลอยด์เป็นเวลาหลายปีก็เป็น Telecaster ซึ่งเดฟได้ใช้ในการแสดงสดและบันทึกเสียงในอีกหลายเพลง

Early 60’s white Telecaster
หนึ่งในภาพถ่ายของเดฟที่ใช้ Telecaster ถ่ายเมื่อช่วงฤดูใบไม้ผลิ ในปี 1967 เมื่อเดฟเล่นอยู่กับวงดนตรีชื่อว่า Bullitt (ภายหลังวงดนตรีวงนี้ได้กลับไปรวมตัวกัน เล่นดนตรีให้กับโซโล่อัลบั้มชุดแรกของเดฟ ในปี 1978) กีตาร์ตัวที่เดฟใช้ในภาพเป็นกีตาร์ Telecaster สีขาว ของช่วงต้นยุค 1960's โดยปิ๊กการ์ดเป็นสีขาว และคอเป็นไม้โรสวู๊ด เดฟกล่าวในนิตยสาร Guitarist ฉบับเดือนกรกฎาคม ปี 1995 เกี่ยวกับกีตาร์ตัวนี้ว่า "พ่อแม่ของผมซื้อกีตาร์ Telecaster ให้ผมเป็นของขวัญวันเกิดครบรอบอายุ 21 ปีของผม ซึ่งในตอนนั้น ผมอาศัยและทำงานอยู่ในประเทศฝรั่งเศส" นี่เป็นกีตาร์ตัวเดียวกันกับที่เดฟ นำไปใช้เล่นเมื่อเขาเข้าร่วมวงพิงค์ฟลอยด์ในเดือนมกราคม ของปี 1968 และได้ใช้งานกีตาร์ตัวนี้ไปตลอดฤดูใบไม้ผลิ จนกระทั่งกีตาร์ตัวนี้ได้สูญหายไป ระหว่างการออกทัวร์ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ในช่วงเดือนกรกฎาคม


- เดฟกับ Fender Telecaster สีขาว ใน medio ปี 1967 กับวง Bullitt วงดนตรีสุดท้ายของเขา ก่อนที่เดฟจะไปเข้าร่วมวงพิงค์ฟลอยด์ (ซ้าย) และภาพการออกแสดงคอนเสิร์ตกับพิงค์ฟลอยด์ ที่ Amsterdam เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 1968 (ขวา)

ในการปรากฎตัวครั้งแรกของเดฟในนามสมาชิกของวงพิงค์ฟลอยด์ ในรายการ Bouton Rouge show ทางช่องสถานีโทรทัศน์ของฝรั่งเศส วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 1968 มีกีตาร์อีกตัวหนึ่ง ลักษณะคล้ายกับกีตาร์ตัวหลักของเดฟ วางพิงอยู่กับแอมป์ ซึ่งกีตาร์ตัวนี้เป็นของซิดที่เดฟยืมมาใช้งานอยู่ช่วงหนึ่ง และซิดได้นำมันกลับคืนไปในช่วงเซสชั่นบันทึกเสียงอัลบั้ม Saucerful of Secrets

Brown Telecaster
บนปกหลังของอัลบั้ม Ummagumma มีภาพของ Fender Telecaster ตัวหนึ่งซึ่งน่าจะเป็นโมเดลของช่วงปลายปี 1950's โดยบอดี้เป็นสีน้ำตาลและคอเป็นไม้เมเปิ้ล กีตาร์ตัวนี้ปรากฎในโชว์ที่ ปารีส ประเทศฝรั่งเศส เมื่อวันที่ 12 กันยายน 1970 และโชว์ที่ Lyon ประเทศฝรั่งเศส

1959 Custom Telecaster
เมื่อวงพิงค์ฟลอยด์มุ่งหน้าไปออกทัวร์ประเทศอังกฤษในช่วงเดือนพฤศจิกายน ปี 1974 พวกเขานำเพลงใหม่ "You Gotta Be Crazy" ไปเล่นออกแสดง ซึ่งภายหลังได้กลายมาเป็นเพลง "Dogs" ในอัลบั้ม Animals ปี 1977 เดฟเล่นเพลงนี้โดยใช้กีตาร์ 1959 Custom Telecaster ซึ่งมีบอดี้เป็นสีซันเบิร์ส ปิ๊กการ์ดขาว และคอเป็นไม้โรสวู๊ด กีตาร์ตัวนี้เคยติดตั้งปิ๊คอัพ Gibson PAF Humbucker ที่ตำแหน่ง Neck ภายหลังกีตาร์ตัวนี้ก็ถูกนำไปใช้ในการบันทึกเสียงเพลง "Dogs" ในปี 1976 และถูกนำไปใช้ออกทัวร์ในปี 1977 ต่อมา


- 1959 Custom Telecaster สังเกตว่า Neck Pickup ต่างกัน Gibson PAF Humbucker (ภาพซ้าย) และ Tele Single Coil (ภาพขวา)


- ภาพโคลสอัพของกีตาร์ 1959 Custom Telecaster จากงานนิทรรศการ Interstellar Exhibition ในปี 2004

มักจะมีข้อสับสนเกี่ยวกับกีตาร์ตัวนี้ ว่ามันเป็นกีตาร์ที่แตกต่างกันสองตัวหรือว่ามันเป็นตัวเดียวกันแต่ต่างกันที่ปิ๊คอัพที่ถูกเปลี่ยนในแต่ละช่วงเท่านั้น ภาพถ่ายของกีตาร์ในช่วงปี 1974-'75 ทำให้สังเกตได้ว่ากีตาร์ตัวนี้เป็นสี Brown Tobacco Sunburst ส่วนอีกตัวในปี 1977 นั้น ดูเหมือนบอดี้จะเป็นสี Cherry Sunburst แต่ความจริงแล้วกีตาร์ทั้งสองคือกีตาร์ตัวเดียวกัน แต่ภาพถ่ายอาจจะมีสีสันที่เพี้ยนออกไป โดยเฉพาะเมื่อมันถูกบีบอัดมาไม่ดีและสะท้อนกับแสงบนเวที รายละเอียดต่างๆ ในเนื้อไม้แสดงให้เห็นว่ามันคือกีตาร์ตัวเดียวกันนั่นเอง ในช่วงทัวร์คอนเสิร์ตเมื่อปี 1977 ปิ๊คอัพ PAF Neck Humbucker ถูกเปลี่ยนแทนที่ด้วยปิ๊คอัพตัวใหม่ ที่น่าจะเป็นปิ๊คอัพ Custom ของ Seymour Duncan  ถึงกระนั้นก็ไม่มีข้อมูลที่แน่นอนบันทึกไว้แต่อย่างใด  บางทีมันอาจจะเป็นสต๊อกปิ๊คอัพของกีตาร์ Tele ที่ถูกถอดฝาครอบลิปสติกออกก็เป็นได้

กีตาร์ 1959 Custom Telecaster ถูกนำไปจัดแสดงในงานนิทรรศการ Interstellar Exibition ในกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศสในปี 2004 และยังมีภาพถ่ายแสดงให้เห็นว่ามันถูกนำไปใช้งานในการซ้อมสำหรับโชว์ที่ Royal Albert Hall ในระหว่างวันที่ 18-19 พฤษภาคมของปี 2006 ด้วย แต่มันไม่ได้ถูกนำไปใช้ในการออกแสดงจริง 
 
Phil Taylor กล่าวถึงกีตาร์ตัวนี้ไว้ใน Q&A Session ทาง Official Blog ไว้ว่า "ผมเอามันไปด้วยในตอนซ้อม เพื่อจะลองดูเปรียบเทียบกับกีตาร์ Tele ตัวใหม่ที่เราเพิ่งได้มาตอนที่อยู่ใน USA ถ้าเดฟไม่ใช้มันเล่นจริงเราก็จะเอามันไว้เป็นกีตาร์ตัวสำรอง กีตาร์ Brownburst Tele ตัวนี้มีปัญหาปิ๊คอัพตัวบริจด์ไม่ทำงานในตอนแรก เราเลยถอดเปลี่ยนมันออกไปและใส่ปิ๊คอัพตัวใหม่เข้าไป แต่ดูเหมือนเสียงมันไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ผมเลยเอากีตาร์ '52 Reissue Tele ไปเป็นกีตาร์ตัวสำรองแทนในช่วงครึ่งหลังของทัวร์"
 

- เดฟกับกีตาร์ 1959 Custom Telecaster ที่ถูกนำไปทดลองใช้ในช่วงการซ้อมที่ Bray Studio ในระหว่างวันที่ 18-19 พฤษภาคม 2006 แต่ภายหลังมันไม่ได้ถูกนำไปออกใช้งานจริงในคอนเสิร์ต

1955 Esquire
กีตาร์ตัวนี้่อาจจะเป็นกีตาร์ Telecaster ของเดฟตัวที่มีคนรู้จักมากที่สุด ซึ่งก็คือกีตาร์ 1955 Esquire ที่อยู่บนปกอัลบั้ม About Face นั่นเอง หรือมันมีอีกชื่อหนึ่งที่ถูกเรียกกันว่า "Workman Tele" (เทเลกรรมกร) ซึ่งมาจากสภาพภายนอกที่ทรุดโทรมของมัน กีตาร์รุ่น Esquire นั้นจะแตกต่างไปจากกีตาร์ Telecaster ตรงที่มันจะไม่มี Neck Pickup แต่กีตาร์ Esquire ของเดฟตัวนี้ได้ทำการติดตั้ง Neck Pickup เพิ่มเข้าไปด้วย โดยเป็นฝีมือของ Seymour Duncan (ซึ่งในขณะนั้นทำงานอยู่กับ Fender)


- ภาพโคลสอัพของกีตาร์ 1955 Esquire จากงานนิทรรศการ Interstellar Exhibition ในปี 2004

มีข้อมูลที่ไม่ตรงกันเกี่ยวกับกีตาร์ตัวนี้ แต่ดูเหมือนว่าที่แน่ๆ เดฟซื้อมันมาจาก Seymour Duncan เมื่อราวๆ ช่วงปี 1974-75 มันปรากฎโฉมครั้งแรกในการซ้อมช่วงเดือนมกราคม ปี '77 ที่  Olympia Exhibition Hall กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ แต่อย่างไรก็ดีมันไม่ได้ถูกนำไปใช้งานในทัวร์ Animals กีตาร์ตัวนี้ถูกนำไปใช้งานจริงๆ ในการบันทึกเสียงบางแทร็กของโซโล่อัลบั้มชุดแรกของเดฟในปี 1978 ที่โดดเด่นเป็นพิเศษคือในเพลง "No Way" (กีตาร์ตัวนี้อยู่ใน Live Promo Clip ของเพลงนี้ด้วย) กีตาร์ตัวยนี้ถูกนำไปใช้งานอีกครั้งในการบันทึกเสียงบางแทร็กของอัลบั้ม The Wall รวมถึงเพลง Young Lust และ Run Like Hell เดฟยังได้นำกีตาร์ตัวนี้ไปออกทัวร์ The Wall ด้วย และนำไปใช้งานในเพลง Run Like Hell (กีตาร์ถูกจูนสาย E ต่ำให้เป็นโน๊ตตัว D ซึ่งเป็นวิธีการจูนที่ใช้ในการบันทึกเสียงเพลงนี้ในสตูดิโอด้วย)

ในปี 1984 เดฟนำไปไปใช้งานอีกครั้งในเพลง "Blue Light" ในโซโล่อัลบั้มชุดที่สองของเดฟ "About Face" กีตาร์ตัวนี้ปรากฎอยู่ใน Promo Clip ของเพลงนี้ด้วย


- ร็อคสตาร์กับกีตาร์สุดโทรมของเขา 1955 Esquire บนปกอัลบั้ม About Face

กีตาร์ '55 Esquire เป็นหนึ่งในกีตาร์ิล้ำค่าในคอลเลคชั่นกีตาร์มากมายของเดฟ มันแทบจะไม่ค่อยได้ิิออกใช้งานอีกเลยหลังจากช่วงอัลบั้ม About Face เดฟใช้งานมันอีกครั้งในช่วงบันทึกเสียงและออกทัวร์ให้กับอัลบั้มร็อคแอนด์โรลล์ Run Devil Run ของ Paul McCartney ในปี 1999 และใช้ในคอนเสิร์ตที่ Cavern Club ด้วย (บันทึกเป็นดีวีดีด้วย) กีตาร์ตัวนี้ปรากฎโฉมครั้งล่าสุดในงานนิทรรศการ Interstellar Exhibition ในปี 2004

1952 reissue Telecaster
พิงค์ฟลอยด์ออกเวิร์ลทัวร์อีกครั้งในช่วงปี 1987-90 เดฟใช้กีตาร์ 1952 Fender Telecaster Reissue ตัวใหม่สำหรับเพลง Run Like Hell กีตาร์ตัวที่สองในแบบเดียวกันนี้ถูกนำมาใช้เพิ่มในทัวร์อัลบั้ม The Division Bell ในปี 1994 สำหรับใช้เล่นในเพลง Astronomy Domine (สาเหตุที่ต้องมีกีตาร์สองตัวเนื่องจากเพลง Run Like Hell จะต้องใช้การจูนสายแบบพิเศษคือตั้งสาย E ต่ำเป็นตัว D)


- เดฟกับกีตาร์ 1952 Reissue Telecaster ใช้ในเพลง Run Like Hell ในทัวร์ปี 1994 (และในทัวร์ปี 1987-90 ด้วย) เดฟยังมีกีตาร์ 1952 Reissue Telecaster แบบนี้อีกตัวหนึ่งสำหรับใช้ในเพลง Astronomy Domine

Custom Shop Telecaster
ในเดือนเมษายน 2006 ระหว่้างช่วงทัวร์ On An Island ทางฝั่งอเมริกา เดฟนำเอากีตาร์ Fender Custom Shop 1950's Telecaster มาใช้ในคอนเสิร์ตเป็นครั้งแรก มันมีบอดี้เป็นสีบลอนด์ ปิ๊กการ์ดสีขาวและคอเป็นไม้เมเปิ้ล กีตาร์ตัวนี้ถูกใช้งานในเพลง Arnold Layne, Astronomy Domine และ Fat Old Sun ในช่วงครึ่งหลังของทัวร์

Phil Taylor กล่าวถึงกีตาร์ตัวนี้ไว้ใน Q&A Session ทาง Official Blog ไว้ว่า "ตอนเราอยู่กันใน Oakland ในระหว่างที่เรากำลังซาวน์เช็คอยู่ เดฟก็จะได้ตัดสินใจที่จะเล่นเพลง Astronomy Domine ในตอนนั้นเราไม่ได้นำเอากีตาร์ Telecaster ไปออกทัวร์ด้วยซักตัวเลย ผมเลยโทรไปหา Billy Siegal ที่เฟนเดอร์ เขาก็ได้ส่งกีตาร์ตัวนี้มาให้เราอย่างรวดเร็วโดยทันที (เขาให้พนักงาน FedEX รออยู่จนกว่าเขาจะได้กีตาร์ตัวที่เหมาะสม) มันถูกส่งมาถึงมือเราในวันต่อมา และเราต้องมีการปรับแต่งมันนิดหน่อยเพื่อใ้ห้มันเวิร์คที่สุด เดฟใช้กีตาร์ตัวนี้เล่นคอนเสิร์ตในช่วงครึ่งหลังของทัวร์ และในภายหลังเขามอบให้กับลูกชายของเขา Charlie เป็นของขวัญวันคริสมาสต์"

 
- เดฟกับกีตาร์ Custom Shop 1950's Telecaster ซึ่งเดฟใช้งานในช่วงครึ่งหลังของทัวร์ On An Island ในปี 2006 กีตาร์ตัวนี้ถูกใช้งานในเพลง Astronomy Domine, Fat Old Sun และ Arnold Layne


Gibson Les Paul Gold Top & Gretsch Duo Jet

Written by Agent Fox Mulder


 สำหรับกีตาร์สองตัวนี้ เป็นกีตาร์ที่เดฟไม่ค่อยได้นำมันออกมาใช้งานมากนัก โดยปกติแล้วกีตาร์ทั้งสองตัวนี้แทบไม่มีบทบาทใดๆ ในการบันทึกเสียงเลย แต่หลังจากปี 2001 เ็ป็นต้นมา เดฟก็นำกีตาร์ทั้งสองตัวนี้ออกใช้งานบ่อยมากขึ้น ทั้งในการบันทึกเสียงและแสดงสด

1956 Les Paul Gold Top
เดฟเคยใช้กีตาร์ 1956 Les Paul Gold Top ในเซสชั่นบันทึกเสียงของอัลบั้ม The Wall ซึ่งพาร์ทกีตาร์ส่วนใหญ่ในอัลบั้มนั้น เดฟใช้กีตาร์ Black Strat บันทึกเสียงเป็นหลัก แต่สำหรับโซโล่ในเพลง Another Brick in the Wall Part 2 เดฟนำเอากีตาร์ 1956 Les Paul Gold Top ตัวนี้ออกมาใช้งาน รวมถึงนำมันไปออกทัวร์ The Wall เพื่อใช้โซโล่ในเพลงนี้อีกด้วย กีตาร์ 1956 Les Paul Gold Top นี้เป็นกีตาร์ Les Paul ที่เริ่มผลิตในช่วงยุคแรกๆ มันไม่ได้ใช้ปิ๊คอัพที่เป็น Humbuckerแบบกีตาร์ Les Paul ในยุคหลังทั่วๆ ไป แต่ปิ๊คอัพที่ใช้เป็นปิ๊คอัพ Single Coil รุ่น P-90 ซึ่งเสียงของมันจะให้ทั้งความอ้วนหนา ในขณะที่ให้ทั้งความใสและความคมไปในเวลาเดียวกันด้วย


- กีตาร์ 1956 Les Paul Gold Top ถูกใช้งานในโซโล่ของเพลง Another Brick in the Wall Part 2  ในทัวร์คอนเสิร์ตของอัลบั้ม The Wall โดยในพาร์ตริธึ่มเดฟจะใช้ Black Strat และเมื่อถึงช่วงโซโล่ เดฟก็จะเปลี่ยนกีตาร์เป็น 1956 Les Paul Gold Top ตัวนี้

 
- ภาพโคลสอัพของกีตาร์ 1956 Les Paul Gold Top จากงานนิทรรศการ Interstellar Exhibition ในปี 2004

ในเซสชั่นการบันทึกเสียงโซโล่อัลบั้มของเดฟในปี 2005 On An Island เดฟนำกีตาร์ 1956 Les Paul Gold Top ตัวที่เดฟใช้งานในอดีต ออกมาใช้งานอีกครั้ง ในการบันทึกเสียงในเซสชั่น มันปรากฎโฉมครั้งแรกในวีดีโอเพลง Island Jam เวอร์ชั่นปี 2005 และในภายหลังก็มีข้อมูลและฟุตเตจจากหลายแห่งแสดงให้เห็นว่ามันเป็นกีตาร์ตัวหลัก
สำหรับการบันทึกเสียงในสตูดิโออัลบั้ม On An Island เลยทีเดียว โดย Phil Taylor ออกมาให้ข้อมูลว่ากีตาร์ตัวนี้เป็นกีตาร์ตัวโปรดของเดฟในช่วงเวลานั้นเลยทีเดียว กีตาร์ตัวนี้ถูกใช้งานบันทึกเสียงในเพลง On An Island, This Heaven, A Pocket Full of Stones และหลากหลายเวอร์ชั่นของเพลง Island Jam

กีตาร์ตัวนี้คือกีตาร์ Les Paul Gold Top ตัวเดียวกับที่เดฟใช้ในอดีต ต่างกันตรงที่มีการติดตั้งคันโยกของ Bigsby เพิ่มเข้าไปด้วยนั่นเอง และเดฟได้นำมันไปใช้งานในทัวร์ On An Island ด้วย โดยมันถูกใช้งานในเพลง This Heaven และถูกนำไปใช้งานอีกในงาน Premiere ของดีวีดี Remember That Night ที่ Odeon Leicester Square กรุงลอนดอน โดยมันถูกใช้งานในการแจมเพลง Island Jam ในช่วงท้ายของงาน รวมถึงปรากฎอยู่ในวีดีโอ Island Jam 2007 ซึ่งเป็นโบนัสแทร็กของดีวีดี Remember That Night อีกด้วย


- นอกจากกีตาร์ 1956 Les Paul Gold Top จะถูกใช้งานเป็นหลักในการบันทึกเสียงอัลบั้ม On An Island แล้ว มันยังถูกนำไปใช้ในเพลง This Heaven สำหรับการออกทัวร์ในปี 2006 อีกด้วย


- เดฟกับกีตาร์ 1956 Les Paul Gold Top ในงาน Premiere ดีวีดี Remember That Night ที่ Odeon Leicester Square กรุงลอนดอน

1950's Gretsch Duo Jet
กีตาร์ตัวนี้ปรากฎโฉมครั้งแรกใน Live Promo Clip ของเพลง I Can't Breathe Anymore จากโซโล่อัลบั้มชุดแรกในปี 1978 ของเขา มันถูกใช้งานบันทึกเสียงในเพลง No Way และ I Can't Breathe Anymore แต่มันไม่เคยถูกนำไปใช้ในการออกทัวร์แต่อย่างใด จนกระทั่งภายหลังในปี 2001 เดฟออกทัวร์กึ่งอคูสติกคอนเสิร์ตในเมืองใหญ่ๆ แทบยุโรปและประเทศอังกฤษ ไปจนถึงช่วงต้นปี 2002 เดฟนำกีตาร์ 1950's Gretsch Duo Jet ตัวนี้ไปใช้งานในบางเพลงสำหรับพาร์ตที่เป็นอิเล็คทริค เช่น Comfortably Numb, Shine On You Crazy Diamond Part 2, A Great Day for Freedom และ Breakthrough


- เดฟกับกีตาร์ 1950's Gretsch Duo Jet ที่ถูกใช้งานในทัวร์คอนเสิร์ตกึ่งอคูสติกในช่วงปลายปี 2001 ถึงต้นปี 2002

หลังจากนั้นกีตาร์ตัวนี้ถูกนำมาใช้อีกครั้งในการบันทึกเสียงของอัลบั้ม On An Island ในปี 2005 โดยถูกใช้งานในเพลง Then I Close My Eyes และ When We Start หลังจากนั้นมันถูกนำไปออกทัวร์ปี 2006 สำหรับใช้เล่นในเพลง When We Start อีกด้วย การปรากฎโฉมของมันครั้งล่าสุดคือในภาพถ่ายของ Polly Samson ในช่วงเดือนมกราคม ปี 2007 ที่ David Gilmour's Barn


-  ภาพล่าสุดของกีตาร์ 1950's Gretsch Duo Jet จากช่วงเดือนมกราคม ปี 2007 ที่ David Gilmour's Barn


Last Updated ( Sunday, 10 August 2008 )
spacer.png, 0 kB
spacer.png, 0 kB
spacer.png, 0 kB
Top 10 Best Sellers in Clothing for 2017 Top 10 Best Sellers in Clothing Sellers in Clothing