spacer.png, 0 kB
spacer.png, 0 kB
Home arrow Ayreon - 01011001 ([-])
Ayreon - 01011001 ([-]) PDF Print E-mail
Written by Agent Fox Mulder   
Saturday, 12 April 2008

Ayreon - 01011001 ([-])

Written by [-]


-Arjen Lucassen Returns-
เขากลับมาพร้อมกับผลงานใหม่ที่เพิ่งจะออกมาเมื่อไม่นานมานี้ ด้วยคอนเซ็ปต์ซ้อนคอนเซ็ปต์ที่ล้ำยุค(ทั้งตัวเพลงและเนื้อหา) กับอัลบั้มชื่อแปลกๆซึ่งแปลออกมาได้ว่า "Y" ในระบบเลขฐานสอง คราวนี้เราจะได้เห็นนักร้องชุดใหม่และมีหน้าเก่าๆปนมาด้วยเล็กน้อย อย่าง Floor Jansen (After Forever) และ Anneke van Giersbergen (ex-The Gathering) ในชุดใหม่นี้เราจะได้ฟังเสียงนักร้องรุ่นลายครามอย่าง Bob Catley จาก Magnum ด้วย (Magnum เป็นวงร็อคยุค 70s จากเบอร์มิงแฮมในอังกฤษ) ส่วนตัว Arjen นั่นจะมีบทบาทเป็นผู้ป่วยทางจิตและยังคงร่วมร้องในอัลบั้มนี้ด้วย

Characters
-Forever-
Hansi Kursch (Blind Guardian) (Celtic Cross)
Daniel Gildenlow (Pain of Salvation) (Restriction Sign)
Tom Englund (Evergrey) (Lightning Bolt)
Jonas Renkse (Katatonia) (Pentacle)
Jorn Lande (ARK) (Crow)
Anneke van Giersbergen (ex-The Gathering) (Heart)
Steve Lee (Gotthard) (Yin-Yang)
Bob Catley (Magnum) (Pinwheel)
Floor Jansen (After Forever) (Omega)
Magali Luyten (Virus IV) (Crescent Moon)

-Man-
Simone Simons (Epica) (Simone)
Phideaux Xavier (PX)
Wudstik (Scientist Preparing "Final Experiment")
Marjan Welman (Elister) (Scientist Preparing "Final Experiment")
Arjen Lucassen (Mr. L)
Liselotte Hegt (Dial) (Mr. L's Nurse)
Ty Tabor (King's X) (Middle-Class Worker)

Instrumentalists
Arjen - Guitars, Bass, Keyboards, Programming
Ed Warby (Gorfest) - Drums
Lori Linstruth - Guitar solo on "Newborn Race"
Michael Romeo (Symphony X) - Guitar solo on "E=MC²"
Derek Sherinian (Planet X, Yngwie Malmsteen, ex-Dream Theater) - Keyboard solo on "The Fifth Extinction"
Tomas Bodin (The Flower Kings) - Keyboard solo on "Waking Dreams"
Joost van den Broek (After Forever) - Piano and Keyboard solo on "The Sixth Extinction"
Jeroen Goossens (Flairck) - Flutes
Ben Mathot (Dis) - Violins
David Faber - Cellos

Tracks
-Y-
1. Age of Shadows/We are Forever
2. Comatose
3. Liquid Eternity
4. Connect the Dots
5. Beneath the Waves
6. Newborn Race
7. Ride a Comet
8. Web of Lies

-Earth-
1. The Fifth Extinction
2. Waking Dreams
3. The Truth is in Here
4. Unnatural Selection
5. River of Time
6. E=MC²
7. The Sixth Extinction

เนื่องจากแพ็คเกจที่ผมมีเป็น Special Limited Edition ก็เลยดูอลังการขึ้นไปโข สมกับที่เป็นคอนเซ็ปต์ซ้อนคอนเซ็ปต์อัลบั้มชุดนี้ ขนาดกล่องเท่ากับกล่องดีวีดีธรรมดาแต่จะมีสองซีดีอัลบั้มและก็อีกหนึ่งดีวีดีแถมเป็นเบื้องหลัง พร้อมกับ Enhanced Booklet ที่ใช้กระดาษอาร์ตทำออกมาได้ละเอียดบวกกับภาพที่ Jef Bertels เป็นผู้ออกแบบก็สอดคล้องกับเนื้อหาของอัลบั้มนี้เป็นอย่างดี ในบุ๊คเล็ตนี้จะมีรูปถ่ายของนักร้องแต่ละคนในอัลบั้ม(ไม่ครบทุกคน)พร้อมบรรยายความรู้สึกที่ได้มาร่วมงานกับเจ้าของโปรเจ็ค ส่วนดีวีดีจะมีเบื้องหลังการทำเพลงในอัลบั้มนี้ให้ชมกันด้วย

เนื้อหาในอัลบั้มนี้ก็คงต้องย้อนไปเป็นล้านๆปีก่อน(ในแผ่นแรก) ณ อวกาศอันไกลโห้นที่มีดาวเคราะห์ Y อาศัยอยู่ ณ ดาวเคราะห์แห่งนี้มีชนเผ่า Forever (ซึ่งแทนชื่อด้วยสัญลักษณ์ต่างๆนั่นเอง) พวกเขาสง DNA ลงไปที่โลกผ่านทางดาวหางเพื่อให้มนุษย์เกิดขึ้นมา ทำให้เกิดการสูญพันธุ์ของไดโนเสาร์ (ในแผ่นที่สอง) และเมื่อมนุษย์เกิดขึ้นมาบนโลกก็เกิดพัฒนาการขึ้นอย่างไม่หยุดยั้งทั้งทางกายและจิต แต่ด้วยยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงไป ทำให้สภาวะจิตของมนุษย์เริ่มเสื่อมถอยลงไปเรื่อยๆ ทำให้กลุ่ม Forever ต้องหาทางช่วยเหลือพวกเขาด้วยการทดลอง "ย้ายเวลา" (กล่าวไว้ในอัลบั้มแรกสุดคือ Final Experiment)  แต่การทดลองนั้นล้มเหลว ทำให้พวกเขาต้องทำลายและออกจากโลกนี้ไป แต่ก็ยังมีผู้ที่เหลือรอดคนสุดท้ายคือ Migrator (จากอัลบั้มคู่ The Universal Migrator) ที่ออกมาพร้อมกับพวกเขาเหล่านั้น

งานดนตรีของชุดนี้ Arjen ได้บอกไว้ในดีวีดีที่แถมมาว่าจะเป็นชุดที่หนักกว่าและหม่นกว่าชุดที่แล้ว (Human Equation) ซึ่งเป็นจริง เพราะริฟแต่ละท่อนของเขาให้เสียงที่หนักแน่นมากกว่า แต่ก็ยังคงเอกลักษณ์ความเป็นอวกาศไว้อย่างเสมอต้นเสมอปลายมาก มีการใช้เสียงสังเคราะห์มากขึ้น ส่วนกลองก็เล่นได้หนักแน่นกว่าชุดที่แล้วเป็นเท่าตัวทีเดียว ด้วยความที่เพลงจะเป็นเพลงช้าถึงจังหวะกลางๆเสียสวนมาก ทำให้เพลงฟังติดหูยากกว่าชุดที่แล้ว แต่ไม่ใช่จะมีเพลงความหนักแน่นที่มากขึ้นอย่างเดียว รายละเอียดของคีย์บอร์ดและกีต้าร์ก็มีมากขึ้นอีกด้วย เพื่อให้เพลงออกมาหม่นดั่งเช่นที่ Arjen บอกไว้นี่เอง แต่คีย์บอร์ดบางส่วนยังติดกลิ่นของ Dol Ammad มาหน่อยๆ แต่จะเน้นหนักทางอารมณ์มากกว่าวงนั้น (หรือเพราะทาวงจะสื่อเป็นนิยายไซไฟก็ไม่รู้) เครื่องเป่าและเครื่องสายก็มีส่วนสร้างสีสันให้ภาคดนตรีอยู่ไม่น้อย

มือโซโลแต่ละคนก็ทำหน้าที่ของตนเองได้ดีเช่นกัน ทั้งกีต้าร์และคีย์บอร์ด แต่ไฮไลต์จริงๆของอัลบั้มนี้กลับอยูที่คีย์บอร์ด ที่โซโลกันสามคนสามแนวทางในสามเพลง Derek ในเพลง The Fifth Extinction ที่จะให้ความรู้สึกที่เป็นเฮฟวี่หนักๆ Tomas ในเพลง Waking Dreams ที่หม่นหมอง ส่วนเพลงที่ยาวที่สุดอย่าง The Sixth Extinction เป็นของ Joost ส่วนกีต้าร์เองก็มี Lori มือกีต้าร์สาวโซโลในเพลง Newborn Race ซึ่งก็เล่นได้บาดใจดี ส่วน Michael Romeo คงไม่ต้องพูดถึงในฝีมือว่าเป็นอย่างไร

สำหรับนักร้องในชุดใหม่นี้ มาจากวงที่ขึ้นชื่อในความหม่นเสียทั้งนั้นอย่าง Daniel กับ Tom หรือรุ่นเจ้าพ่ออย่าง Jonas จาก Katatonia แต่ะคนที่กล่าวมานี้ก็สร้างบรรยากาศหม่นหมองในอัลบั้มได้แล้ว แต่ที่ขาดไม่ได้ก็คือนักร้องที่พลังเสียงสูง อาทิ Jorn Lande, Steve Lee และแน่นอน Floor Jansen แต่บางคนที่ไม่ค่อยคุ้นชื่ออย่าง Wudstik ก็ทำหน้าที่ได้ดีเช่นกัน (เขาเป็นคนเดียวที่เป็นนักร้องฮิพฮอพ) ส่วน Magali ฟังแล้วนึกว่าผู้ชายร้องฮะ เพราะเสียงคุณเธอใหญ่มากจนผู้ชายยังอาย (สันนิษฐานได้ว่าระดับเสียงของเธอคงอยู่ในระดับอัลโต้หรือคอนทรัลโต้) แต่เสียดายที่บทบาทเธอน้อยไปหน่อย แต่เพลง Connect the Dots ที่มี Ty Tabor เด่นอยู่คนเดียวเลย ส่วนคนอื่นๆที่ไม่ได้พูดถึงก็ทำหน้าที่กันได้ดีทุกคนอยู่แล้ว

ภาพรวมของอัลบั้มนี้คงจะบอกได้ว่ามีรายละเอียดที่ซับซ้อนมากขึ้นทั้งในตัวดนตรี เสียงร้อง และก็เนื้อหา ภาคดนตรีในแต่ละแทร็คนั้นมีความโดดเด่นเป็นของตัวเองอยู่แล้ว บางทีก็เสริมความเป็นแอมเบียนท์เข้าไปด้วยอย่างเพลง Waking Dreams ที่ทำให้นึกถึงโปรเจ็ค Ambeon ของพี่ท่านเมื่อปี 2001 เพราะบางส่วนก็ให้อารมณ์คล้ายๆกับ Ashes ของโปรเจ็คนั้นเอง ส่วนภาคเสียงร้องมีลูกล่อลูกชนหลากหลายมากทั้งการประสานและการ Ad Libs และอีกหลายๆประการ ซึ่งปกติไม่น่าจะมามิกซ์กันลงตัวได้ขนาดนี้ งานนี้คงแสดงให้เห็นว่าฝีมือการมิกซ์และโปรดิวซ์ของเขาก็ไม่ธรรมดาแน่แล้ว มีการใช้เอฟเฟกต์ให้กับเสียงร้องได้เหมาะสมกับอารมณ์เพลงอีกด้วย ในส่วนเนื้อหาของเพลง เขากล้ามากที่จะเขียนเนื้อหาไปซ้อนกับอัลบั้มเก่าๆโดยไม่ใช่ภาคต่อ แต่เป็นคล้ายๆกับบทนำก่อนที่จะพาไปสู่การเริ่มต้นที่แท้จริงซึ่งให้อารมณ์คล้ายๆกับการเรียงภาคในเกมโปรดของผมอย่าง Devil May Cry อยู่บ้าง แต่ของเขาซับซ้อนกว่ามากงานชุดนี้คงต้องมีเวลาฟังมากพอสมควร ถ้าต้องการจะศึกษาทั้งเนื้อหาและดนตรี แต่ถ้าจะให้ดีกว่านี้ ผมขอแนะนำว่าลองเอา Final Experiment กับ Universal Migrator มาฟังต่อจากชุดนี้ด้วย เรามาสังเกตกันว่ามันมีความต่อเนื่องกันแค่ไหน มาติดตามกันว่าตอนต่อไปของ Ayreon จะเป็นอย่างไร


Last Updated ( Saturday, 10 May 2008 )
spacer.png, 0 kB
spacer.png, 0 kB
spacer.png, 0 kB
Top 10 Best Sellers in Clothing for 2017 Top 10 Best Sellers in Clothing Sellers in Clothing