spacer.png, 0 kB
spacer.png, 0 kB
Home arrow Coldplay - Viva La Vida or Death and All His Friends (Celestial Subway)
Coldplay - Viva La Vida or Death and All His Friends (Celestial Subway) PDF Print E-mail
Written by Agent Fox Mulder   
Monday, 23 June 2008

Coldplay - Viva La Vida or Death and All His Friend

Written by Celestial Subway
วันที่  23 มิถุนายน 2551


Tracks
1. Life in Technicolor
2. Cemeteries in London
3. Lost!
4. 42
5. Lovers in Japan/Reign of Love
6. Yes/Chinese Sleep Chant (Hidden Song)
7. Viva La Vida
8. Violet Hill
9. Strawberry Swing
10. Death and All His Friends/The Escapist (Hidden Song)

Original Release Date:
June 17, 2008


ในช่วงเดือนนี้ กระแสข่าวคราวเกี่ยวกับอัลบั้มใหม่ของ Coldplay ค่อนข้างจะมาแรงพอสมควร ทำให้แฟนๆของวงนี้ต้องเก็บเงินเพื่อจะเอางานชุดนี้กลับมาให้ได้ แต่ในเมื่อค่าย EMI ในบ้านเราก็ปิดตัวไปแล้ว จึงกลายเป็นเรื่องที่ยากลำบากในการหาซื้ออัลบั้มนี้ไปโดยปริยาย แต่แล้วแผงซีดีขาใหญ่อย่าง B2S ก็ใจกล้าเอาซีดีอัลบั้มนี้ผ่านทางค่ายอิมแพ็คซึ่งเป็นตัวแทนนำเข้าแผ่นจากต่างประเทศเป็นหลัก ซึ่งคาดว่ากรณีนี้จะเกิดขึ้นกับอัลบั้มใหม่ของ Sigur Ros ด้วยเช่นกัน ส่วนงานชุดนี้ของ Coldplay นั้นออกมาตั้งแต่วันที่ 12 ที่ผ่านมานี้เอง (วันนั้นเป็นวันเกิดของผู้เขียนเองด้วย) หลังจากวางแผงได้ไม่นาน งานชุดนี้ก็ขึ้น Top Album ใน UK Chart อย่างรวดเร็ว เนื่องจากยอดขายที่อังกฤษนั้นสูงในระยะเวลาอันสั้น วงที่ขายได้ดีอย่างรวดเร็วแบบนี้ก็หายากอยู่พอควร โดยเฉพาะพวกที่อยู่ในค่ายเล็กๆก็คงจะไม่ต้องพูดถึงกันเลยละว่ามันแย่แค่ไหน (ในกรณีนี้ยกเว้นกลุ่มศิลปินที่เล่นโดรนเมทัล เพราะพวกเขาคงจะดีใจมากถ้าขายได้เกิน 100 แผ่น)

งานใหม่ของ Coldplay ชุดนี้มีการลงทุนค่อนข้างสูงเลยทีเดียว ไล่ไปตั้งแต่โปรดักชั่นที่สวยงาม โดยพวกเขานำรูป "Liberty Leading the People" ของ Eugene Delacroix จิตรกรในยุคต้นศตวรรษที่ 19 ขึ้นมาเป็นหน้าปก ภาพนี้ถูกวาดขึ้นเพื่อระลึกถึงการปฏิวัติของประเทศฝรั่งเศสในปี 1830 ส่วนชื่ออัลบั้มนั้นแปลว่า "ใช้ชีวิตอย่างยาวนาน" และมีที่มาจากภาพวาดชิ้นหนึ่งของจิตรกรชาวเม็กซิกันที่ชื่อ Frida Kahlo ชีวประวัติของเธอถูกนำมาทำเป็นภาพยนตร์ด้วย หลายๆคนคงจะคุ้นกันนะครับสำหรับภาพยนตร์เรื่อง Frida ที่แสดงนำโดย Salma Hayek ที่ออกมาในปี 2002 ส่วนแพ็คเกจนั้นก็ออกมาเป็น Gatefold Sleeve ซึ่งจะเป็นเหมือนซองที่บรรจุแผ่นเสียงนั่นเอง และภายก็จะบรรจุบุ๊คเล็ตเอาไว้นั่งดูเครดิตกันเพลินๆ (ไม่มีเนื้อเพลงหรอกครับ) สำหรับอาร์ตเวิร์คข้างในก็ค่อนข้างรกกว่าชุดที่แล้วๆมา เรียกว่าใกล้เคียงกับอัลบั้ม Hail to the Thief ของ Radiohead เลยก็คงจะได้ละกระมัง และอีกช่องหนึ่งก็บรรจุซองใส่ซีดีซึ่งสามารถเก็บได้ง่าย (แถมลดปัญหาโลกร้อนอีกด้วย)

งานดนตรีในชุดนี้มีความเปลี่ยนแปลงไปอย่างชัดเจน เรียกว่าจากหน้ามือเป็นหลังมือเลยก็คงจะได้ และอีกอย่าง พวกเขาก็ได้โปรดิวเซอร์ระดับแถวหน้าในวงการดนตรีอย่างลุงไบรอัน อีโน มาช่วยเสริมความเข้มข้นให้มากขึ้นไปอีก พวกเราจะได้ยินเสียงคีย์บอร์ดและ Soundscapes ที่ลุงอีโนเป็นผู้สร้างสรรค์อย่างครอบคลุมไปเกือบทั้งอัลบั้ม พร้อมกันนี้ก็จะมีเสียงเครื่องสายรวมอยู่ด้วย ทำให้รายละเอียดของแต่ละเพลงมีรายละเอียดมากขึ้น ส่วนเครื่องดนตรีหลักของวงก็มีบทบาทในการสร้างเสียงมากขึ้นกว่าชุดที่แล้วๆมาอีกด้วย อารมณ์ของแต่ละเพลงจึงดู "สว่าง" มากกว่าเดิมบ้างไม่มากก็น้อย กีต้าร์ของ Jonny ได้สร้างริฟที่สะอาดมากขึ้นเพื่อประสานงานกับเบสอย่างรู้ใจ แล้วเขาก็สร้างสุ้มเสียงที่แตกต่างไปจากชุดก่อนๆมาก (สามชุดที่ผ่านมาซาวด์จะไม่หนีกันเท่าใดนัก) ส่วนกลองก็สร้างลูกเล่นได้มากขึ้นเช่นกัน แต่ว่าเพลงในอัลบั้มนี้จะเน้นไปทางเพลงจังหวะกลางมากกว่า ทำให้ Will ตีได้อย่างสบายๆ พร้อมกับเบสที่สร้างเสียงได้หนาเพื่อให้ตัวเพลงแน่นยิ่งขึ้น ส่วนการเล่นเปียโนของพี่คริสก็เสมอตัว แต่ด้วยภาคดนตรีที่เปลี่ยนไปทำให้ต้องปรับเปลี่ยนการเล่นไปนิดหน่อยเท่านั้น และตัวพี่เขาเองก็ร้องเพลงได้อย่างชาญฉลาดโดยเลือกที่จะใช้เสียงต่ำมากกว่าการหลบเสียง เพื่อให้เกิดอารมณ์เพลงอีกแบบหนึ่ง เนื่องจากเราได้ยินเสียงหลบสูงของเขามาสามชุดแล้ว ถ้าเปลี่ยนแบบแผนบ้างจะเป็นอะไรไป นอกจากนี้ก็ยังมีเสียงร้องประสานอยู่บ้างเป็นช่วงๆ

เพลงบางเพลงในอัลบั้มนี้ก็เข้าใกล้ความเป็นโพสร็อคมากพอควร แต่บางเพลงก็มีกลิ่นอายของ U2 อยู่บ้าง อาทิเช่น Hidden Track ที่ต่อจากเพลง Yes ซึ่งก็คือ Chinese Sleep Chant ที่ดูเหมือนจะมีอิทธิพลมาจาก Beautiful Day ของวงหลังอยู่กลายๆ เพียงแต่ถ้าซาวด์กีต้าร์แรงกว่าอีกนิดละก็จะกลายเป็น U2 อย่างไม่ต้องสงสัย ส่วนเพลงบางที่เข้าใกล้โพสร็อคนี่คงเป็นเพราะการออกแบบเสียงกีต้าร์ที่เกื้อกูลกับเครื่องดนตรีอื่นๆ ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจนคือเพลง Hidden Track ที่ต่อจากเพลงสุดท้ายของอัลบั้ม The Escapist ที่เน้นการใช้กีต้าร์และ Soundscapes เป็นหลัก ซึ่งผมก็คิดว่าพวกเขาต้องการที่จะทดลองในสิ่งที่ไม่เคยทำมาก่อน พวกเขาจงใจจะให้ Life in Tecnicolor เป็นอินโทรและ The Escapist เป็นเอาโทรของอัลบั้ม แต่สิ่งที่ทำให้ดนตรีของ Coldplay เปลี่ยนไปจริงๆก็คือ การที่ลุงอีโนสร้าง Soundscapes ขึ้นมาเพื่อนำไปประกอบกับทำนองได้อย่างงดงาม พร้อมกันนั้นแกก็ได้เอาอิทธิพลของตัวแกเองเข้าไปในเพลงของวงด้วยเล็กน้อย โดยที่อาจจะยังไม่รู้ตัว

อัลบั้มชุดนี้คือการกลับมาอย่างก้าวกระโดดของ Coldplay เลยก็คงจะได้ ด้วยความที่ดนตรีของพวกเขามีความเปลี่ยนไปมากเช่นนี้ ก็อาจจะส่งผลให้แฟนเพลงเก่าๆของวงไม่ชอบชุดนี้ คงเป็นเพราะบางส่วนยังถวิลหาดนตรีบริทปอปที่ไพเราะแบบหม่นๆที่พวกเขาเคยทำอยู่ แต่ถ้าคนที่เพิ่งจะฟังชุดนี้เป็นชุดแรกก็คงจะหลงรักเข้าได้ เพราะแต่ละเพลงก็เข้าถึงได้ไม่ยากจนเกินไป และยังสามารถฟังได้ตั้งแต่ต้นจนจบ อัลบั้มนี้น่าจะเป็นอัลบั้มที่ "สว่าง" ที่สุดเท่าที่พวกเขาเคยทำมาก็เป็นได้ ส่วนงานดนตรี ผมขอจัดให้ไปอยู่ในหมวดอาร์ตร็อคก็แล้วกันนะครับ  เพราะพวกเขาสร้างสีสันที่สวยงามเหมือนกับภาพวาดบนปกอัลบั้ม บางทีมันอาจจะเป็นมาสเตอร์พีซในใจคุณไปแล้วก็ได้ ลองติดตามดูครับ
Last Updated ( Monday, 23 June 2008 )
spacer.png, 0 kB
spacer.png, 0 kB
spacer.png, 0 kB
Top 10 Best Sellers in Clothing for 2017 Top 10 Best Sellers in Clothing Sellers in Clothing