ขออนุญาต คัดลอกมาเผยแพร่นะครับ น่าสนใจดี
ซีดีใกล้ตาย แผ่นเสียงใกล้เกิดใหม่(1)/ต่อพงษ์25 กรกฎาคม 2554 17:25 น.
หน้าแรกผู้จัดการ Online | หน้าแรกบันเทิง | ดนตรี
ในอุตสาหกรรมดนตรีของโลกใบนี้ ต้องยอมรับกันว่า ยุคนี้เป็นยุคของเครื่องเล่นไฟล์เพลงประเภทต่างๆ อาทิเช่น ไอพอด หรือของยี่ห้ออื่นๆ ที่คล้ายกัน หรือ ไม่ก็เล่นมันจากโทรศัพท์มือถือของตัวเองเสียเลย
เพลงที่อยู่ในเครื่องเหล่านั้น ถ้าไม่ไปดูดมาแบบฟรีๆ ก็คงจะโหลดมาตามแพกเกจที่ผูกมากับระบบโทรศัพท์ ตัวโทรศัพท์เอง หรือ ไม่ก็โหลดผ่านคอมพ์ซึ่งพ่วงเน็ตก่อนจะดูดเข้ามาเข้าหาเครื่องฟังเพลงของเรา หรือไม่เช่นนั้นก็Ripมาจากแผ่นซีดี หรือ แผ่น mp3
อาจจะเป็นเพราะเพลงมันวิ่งเข้ามาหาเราแบบนี้โดยง่ายดาย แถมยังไม่ต้องซื้อทั้งอัลบั้มอีกด้วย ผลก็คือร้านขายซีดีนั้นล้มหายตายจากกันเป็นใบไม้ร่วงทีเดียว...ยุคที่ทุกอย่างเป็นดิจิตอลที่มีแต่ 0 และ 1 และ 0 นี้หลายคนทำใจแล้วว่า ในอนาคตอันใกล้ เราอาจจะไม่มีซีดีให้ฟังกันในประเทศไทยนี้
พูดถึงบริษัทผู้ผลิตซีดีนั้นจะว่าไปมันก็สะใจเหมือนกันที่มันเจ๊งไปหลายราย เพราะ ส่วนหนึ่งมันก็ลวงโลกอยู่โดยเฉพาะไอ้เรื่องความทนทานของมัน ใครมีซีดีที่ไม่ได้เล่นมานาน แม้จะเก็บอยู่ในชั้นอย่างดี ไม่มีแมลงรบกวน หรือความร้อนชนิดกระจุยกระจาย ณวันนี้ถ้าลองรื้อออกมาดู อาจจะเจอความช็อกอย่างที่ผมเจอ ก็คือ แผ่นซีดีของแท้ราคาหลายร้อยเมื่อครั้งกระโน้น มันได้พอง ลอก โดยเฉพาะตรงที่เก็บข้อมูลเพลงนั้น ทะลุแจ๋วแหววกันยังกะโดนเชื้อโรคซาร์กินแน่ะครับ แผ่นละคร Aspect Of Love และจากเรื่อง Starlight Express รวมไปถึง Jesus Christ Superstar ของโพลีดอร์ และทั้งหมดเป็น Original London Casts นั้นล้วนแล้วแต่เกิดอาการเช่นนี้และไม่สามารถจะฟังมันได้อีกแล้ว จำได้ว่า 3 ชุดที่เป็นแผ่นคู่นี้ ซื้อมาจากร้านเหรียญทองหรือ จีเอ็มเอสที่มาบุญครองสมัยโน้น...เหล่านี้คือ ความห่วยแตกที่อุตสาหกรรมดนตรีโลกทำให้เราเชื่อว่าซีดีมันจะอยู่กับเราตลอดไปซึ่งก็ไม่จริง ว่างๆ ท่านผู้อ่านลองไปดูในตู้เก็บซีดีของท่านดูอาจจะเจออาการอย่างที่ผมว่า และที่ทำได้อย่างเดียวก็คือ เอาปกมันออกมาที่เหลือโยนทิ้งไป
แต่ช้าก่อนครับ การที่ไม่มีซีดีฟังก็ไม่ได้แปลว่าทุกอย่างจะจบ เพราะขณะที่ซีดีหายไป ดูเหมือนจานกลมๆแบบเก่าๆที่เด็กรุ่นใหม่อาจจะไม่คุ้นเคยเลยอย่าง "แผ่นเสียง" หรือ "จานเสียง" กลับเติบโตขึ้นมาเงียบๆ สวนทางกับซีดีอย่างน่าแปลกใจ
ผมเองตอนเด็กๆคุ้นเคยกับเครื่องเล่นแบบนี้ เพราะ คุณพ่อ+คุณแม่ชอบฟังเพลง แต่ความเชี่ยวชาญที่จะเล่นแผ่นเสียงก็ไม่ได้อยู่ในคลาสของ "นักเล่น" มากไปกว่า คนที่ชอบฟังเพลงเฉยๆ ครั้นพอเทปคาสเซ็ตต์เข้ามาบรรดาเครื่องเล่นแผ่นเสียงที่ว่านี้ก็ต้องยกเก็บเข้ากรุ แผ่นเสียงทั้งใหญ่ทั้งหนักแถมยังเป็นรอยขูดขีดง่ายก็ถูกยัดเข้าไปในตู้ แถมอีกหลายปีให้หลังยังโดนน้ำท่วมแถมยังโดนปลวกแทะอีกต่างหาก
ยิ่งเมื่อซีดีเกิดขึ้นมา โอกาสที่จะได้เล่นแผ่นเสียงยิ่งลืมกันไปเลยละ
แต่เมื่อราวๆสองอาทิตย์ที่ผ่านมา ผมได้เอาแผ่นที่มีรอยขี้ปลวกเอย ฝุ่นเขรอะเอย มาลองล้างด้วยน้ำยาล้างแผ่นเสียงแบบใจเย็นๆ ล้างไปล้างมา ท่านเชื่อไหมครับว่า สภาพสาหัสขนาดนั้น...มันยังฟังได้อยู่ แม้นจะไม่ได้กริบถึงขนาดว่า จะไม่มีเสียงแป๊ะๆๆ กรอบแกร๊บเลย แต่ผมก็ยังเพลิดเพลินใจกับมันได้
น้ำเสียงของ จินตนา สุขสถิตย์ กับเพลง "คิดถึง" ที่นำทำนองเพลง Gypsy Air มาใส่เนื้อร้องไทย ยังหวาน ลึก และส่งความไพเราะได้อารมณ์อย่างเหลือเชื่อ
สำหรับคนยุคนี้ การเล่นจานเสียงนั้นดูเหมือนจะถูกจำกัดอยู่เฉพาะกับนักเล่นเครื่องเสียง หรือมองว่าเป็นของเล่นที่ยุ่งยาก จะมีก็แค่กลุ่มที่สนใจจะเป็นดีเจ หรือนักผสมเสียงต่างๆ ที่เล่นแผ่นกันได้อย่างเมามัน แต่ระดับคนฟังทั่วไปนั้นดูเหมือนจะมองไม่เห็นเลยว่า การเล่นแผ่นนั้นจะมีความสุขได้อย่างไร
ผมอยากจะบอกว่า จริงๆ มันมีความสุขและสนุกกว่าที่หลายคนคิดไว้เยอะเลยละครับ แถมราคาค่าเล่นสนุกครั้งนี้ก็ไม่ได้มากมายเกินกว่าจะทำได้ ที่สำคัญแผ่นเสียงเก่าๆ นั้นยังมีอยู่มากมายในประเทศนี้ ชนิดที่คนวัยผมนั้นรู้สึกสนุกกับการย้อนฟังเพลงรุ่นปี 80 เป็นอย่างยิ่ง แถมสังคมของคนเล่นแผ่นเสียงก็ดูเหมือนจะโตขึ้นๆ เสียด้วยครับ
จริงๆ การเล่นแผ่นเสียงนั้น มีองค์ประกอบใหญ่ๆ อยู่ที่แค่ 3 อย่าง อย่างแรกคือเครื่องเล่น อย่างที่สองก็คือเครื่องฟังที่จะต่อเอาสัญญาณเสียงจากเครื่องเล่นแผ่น และ อย่างที่สามก็คือ ตัวแผ่นเสียง
องค์ประกอบแรกคือเครื่องเล่นแผ่นเสียงนั้น ปัจจุบันบ้านเรานั้นมีเครื่องเล่นแผ่นมือสองหรือมือสามหรืออาจจะมากมือกว่านั้นจากเมืองนอกมาขายกันมากมายในราคาไม่แพงเท่าไหร่ ที่ว่าไม่แพงก็เพราะซัก 5 พันก็ซื้อได้แล้วครับ หรือต่อให้เป็นของเก่าที่ป๋าใช้มาก็สามารถที่จะบูรณะมันขึ้นมาใหม่โดยฝีมือช่างเก่งๆ ในกรุงเทพฯ หรือ จะเป็นเครื่องใหม่เอี่ยมที่ปัจจุบันก็มีขายให้เลือกหลายราคา
เรื่องนี้เป็นเรื่องประหลาด แต่จริงและพิสูจน์มาแล้วว่า ระหว่างเครื่องเล่นซีดีกับเครื่องเล่นแผ่นเสียงนั้น ถ้าวัดกันราคาเท่าๆ กันหรือซีดีแพงกว่าอีกหลายเท่านั้น ปรากฏว่าเสียงเพลงที่ออกมาจากปลายเข็มของเครื่องเล่นแผ่นเสียงจะให้ความเป็นดนตรีมากกว่าอย่างน่าประหลาด
มันพลิ้วกว่า ดูเหมือนคนร้องจะโรแมนติกกว่า เล่นได้เข้มข้นกว่า และเมื่อร้องเพลงรักก็อ่อนหวานกว่า และเวลาฟังเงียบๆ ตอนกลางคืนนั้นมันชวนให้เราฝันดีอย่างที่สุด
ก็เหมือนกับที่สองสามคืนที่ผ่านมาผมเอาแผ่นเสียงชุด "บุญคุณปูดำ" ของนูโว "รอวันฉันรักเธอ" ของคีรีบูน และ "คิดไปเป็นชาวเกาะ" ของ ปานศักดิ์ รังสิพราหมณกุล มาเล่นก่อนนอน ภาพเก่าๆเมื่อครั้งยังเป็นเด็กก็กลับมาอีกครั้ง
ดนตรีดีๆ ที่กลับมาแบบนี้ ทำให้เรากลับไปเป็นเด็กได้อีกอย่างเหลือเชื่อเลยครับ