หลังจากจบวง หิน เหล็ก ไฟ ผมจึงพอเข้าใจว่าแต่ละวงใช้เวลาประมาณครึ่งชัวโมงกว่าๆ เท่านั้นในการแสดงสดให้เราได้ชมกัน ส่วนวง
ไหนเล่นก่อนหลัง ผมได้ทราบมาแล้วจาก คุณดุลย์ มือคีย์บอร์ดของ Lam Morrison ตอนเจอกันที่ลานจอดรถว่าทุกคณะไม่ได้เล่น
เรียงกันตามที่เห็นในบัตรคอนเสิร์ต
ใช่ครัีบวงที่สามคือ Guitar King และส่วนใหญ่จะเป็นเพลงบรรเลง ไม่ว่าจะเป็น One Night In Bangkok (Parisianne
Walkways) และต่อด้วย Still Got The Blues ของ Gary Moore แม้แต่เพลงของ Yngwie Malmsteen ที่ชื่อว่า
Far Beyond The Sun ก็นำมาบรรเลงให้ฟังกัน รวมทั้งมีการโซโล่กลองกับลีดกีตาร์ด้วยตามสไตล์ของพี่แหลม
ผมเริ่มง่วงนอนครับเพราะคืนที่แล้วมันหนักไปหน่อยเลยตัดสินใจเดินออก ไม่ได้ดูคณะ หรั่ง ร็อคเคสตร้า กับวงปิดคือ The Olarn
Project อย่างที่คาดเอาไว้
ด้วยความหิวโหย จึงรีบไปประตูผีเพื่อรับประทาน ผัดไทย แต่ไม่ใช่ร้าน ทิพย์สมัย นะครับ ผมเลือกร้านแรกซึ่งเท่าที่ผมทราบเป็นต้น
ฉบับเดิมและขายมาก่อนเสียด้วยซ้ำไป แต่ผมไม่ยืนยันข้อมูลที่ถูกต้องนะครับ นี่เป็นความเข้าใจของผมเอง...
ระหว่างรอทางร้านเสิร์พผมเดินต่อไปที่ร้าน เจ้ไฝ แล้วก็สั่ง เกี้ยวผัดแห้ง เตรียมไว้อีกคนละจานกับเพื่อน ครั้นพอเดินกลับมาก็ได้หม่ำ
ผัดไทยพิเศษห่อไข่อย่างเอร็ดอร่อยรวมกุ้งอีก 2 ตัว แต่ผมว่ามันจืดไปนิดนึงนะครับ แต่ราคาโอเคเลยคือ จานละ 80 บาท
ชำระเงินเสร็จเดินไปต่อที่ร้าน เจ้ไฝ ยังต้องรออีกประมาณ 10 นาทีถึงจะได้ลองลิ้มชิมรสอาหารจานเด็ดที่ผมไม่ได้กินมาประมาณเกือบ
สองปีแล้ว และเท่าที่จำได้ราคาน่าจะอยู่ที่ 250 บาทต่อจานซึ่งนับว่าแพง แต่ของเค้าอร่อยจริงๆ ผมถึงยอมจ่ายโดยไม่อยากคิดมาก
เพียงแค่เกี้ยว 2 ลูกกับกุ้งตัวใหญ่ 1 ตัวผมก็เริ่มอิ่มเสียแล้วเลยสั่งเช็คบิล ปรากฏว่าขึ้นราคาเป็นจานละ 390 บาทถ้วน !!!
ขับรถกลับบ้านสบายกระเป๋าสตางค์เพราะมันเบาดี และอดคิดไม่ได้ว่า ทำไมราคามันขึ้นรวดเร็วถึงปานนั้น นี่อีก 2 ปีถ้าหากไปรับประทาน
อีกทีคงจะกลายเป็นราคา 590 บาท แล้วเราจะไปร้านเจ้ไฝและดูคอนเสิร์ตเดิมๆ อีกดีหรือเปล่าเนี่ย ?