ต่อไป »

[Layla F Mulder]

ผมเขียนไล่ไปจนถึงอันดับสองแล้วครับ มีใครจะลองเดาอันดับหนึ่งของผมไหมครับ?

[TRON]

ผมเขียนไล่ไปจนถึงอันดับสองแล้วครับ มีใครจะลองเดาอันดับหนึ่งของผมไหมครับ?

1,000,000 %

อันดับหนึ่งขอแบบจัดเต็มนะครับบาส

[Layla F Mulder]

ผมเขียนไล่ไปจนถึงอันดับสองแล้วครับ มีใครจะลองเดาอันดับหนึ่งของผมไหมครับ?

1,000,000 %

อันดับหนึ่งขอแบบจัดเต็มนะครับบาส

ถูกต้องแล้วคร้าบบบบบบบบบ ขอตัวไปดูดีวีดีก่อน เพื่อสร้างอารมณ์ในการเขียนถึงชุดนี้ครับ

[TRON]

ไว้ผ่านไปนานๆเราลองมาดูกันนะครับว่ามีอัลบั้มไหนบ้างที่ติดซ้ำกับอันดับของเพื่อนๆ ที่ผมมองเห็นตอนนี้มี Opeth - Watershed มี 4 คน ซึ่งต้องถือว่าเหมาะสมจริงๆกับอัลบั้มนี้ ใครที่ไม่เคยฟังหรือฟังไม่ละเอียด ลองให้เวลาอัลบั้มนี้ดูนะครับ

[Analog Kid]

ไว้ผ่านไปนานๆเราลองมาดูกันนะครับว่ามีอัลบั้มไหนบ้างที่ติดซ้ำกับอันดับของเพื่อนๆ ที่ผมมองเห็นตอนนี้มี Opeth - Watershed มี 4 คน ซึ่งต้องถือว่าเหมาะสมจริงๆกับอัลบั้มนี้ ใครที่ไม่เคยฟังหรือฟังไม่ละเอียด ลองให้เวลาอัลบั้มนี้ดูนะครับ

+1 ครับ จากชุดนี้ทำให้คิดว่า นี้คือวง Prog Metal อันดับหนึ่งของผม

[TRON]

ไว้ผ่านไปนานๆเราลองมาดูกันนะครับว่ามีอัลบั้มไหนบ้างที่ติดซ้ำกับอันดับของเพื่อนๆ ที่ผมมองเห็นตอนนี้มี Opeth - Watershed มี 4 คน ซึ่งต้องถือว่าเหมาะสมจริงๆกับอัลบั้มนี้ ใครที่ไม่เคยฟังหรือฟังไม่ละเอียด ลองให้เวลาอัลบั้มนี้ดูนะครับ

+1 ครับ จากชุดนี้ทำให้คิดว่า นี้คือวง Prog Metal อันดับหนึ่งของผม

คิดเหมือนผมเลยครับ

[TRON]

รื้อฟื้นความทรงจำกันได้ที่นี่ครับ

http://www.thaiprog.net/webboard/index.php?topic=2128.0

http://www.thaiprog.net/webboard/index.php?topic=4250.0

[喜 ? 多 ? 郎]

รื้อฟื้นความทรงจำกันได้ที่นี่ครับ

http://www.thaiprog.net/webboard/index.php?topic=2128.0

http://www.thaiprog.net/webboard/index.php?topic=4250.0

คาดว่าปี 2011 ของผมคงมีเพี๊ยบ.......ฯ

[panyarak]

ไม่เรียงลำดับนะครับ

Tangerine Dream - Madcap's Flaming Duty - 2007



Various Artists - We Were So Turned on (Tribute to David Bowie) - 2010



Ayuo - Earth Guitar - 2002



Various Artists - Echoes of Pink - 2002



Roger Waters - In the Flesh - 2000



Judy Dyble - Talking with Strangers - 2009



Kansas - There's Know Place Like Home - 2009



Ray Wilson - Live - 2005 กับ Live & Acoustic - 2002 เยี่ยมพอกัน



Lana Lane - Cover Collection - 2003



Heaven & Hell - Live at Radio City Hall - 2007



Ars Nova & Gerard - Keyboards Triangle - 2003



Space Machine - 3 - 2004



Steve Hackett - Out of the Tunnel's Mouth - 2010



Acid Mothers Temple... - Magical Power from Mars - 2004



Ministry - Cover up - 2008 + And the Co-Conspirators: Undercover - 2010 - เยี่ยมพอกัน



Jordan Rudess - The Road Home - 2007



Neil Young - Le Noise - 2010



Enya - And Winter Came - 2008



Keith Emerson Band featuring Mark Bonilla - 2008



Ars Nova - The Goddess of Darkness - 2002

[喜 ? 多 ? 郎]

5. COMBINATIONS-Eisley (2007)
แนะนำโดยคุณ Nos. (คิดถึงจัง)
เป็นวงที่ผมรักมากที่สุด ในวินาทีนี้ ยิ่งปีนี้(2011) วงออกแผ่นเสียงใหม่มาให้เชยชมแล้ว
ไม่รู้จะบรรยายความงามอย่างไรครับ
เอาเป็นว่า ใครฟังแล้วไม่เพราะ มายืนด่าผมได้ 24 ชม.เลย -พูดจริงนะเนี่ย..

สไตล์เพลงของพี่ปีศาจนี่ ออกแนวคาดไม่ถึงแยะเลยนะครับ ผมไปฟังเพลง Combinations ดู ผมสงสัยพวกคงมาเที่ยวอีสานบ้านเรา ไปฟังแหล่หมอลำมาแน่เลย ส่วนลิสต์ของพี่ตั้ม ชอบ Tangerine Dream ครับ ฟังดูที่ยูทูปเพลง Divorce เจ๋งไปเลย ฯ

[Layla F Mulder]

ตอนแรกที่ผมตั้งกระทู้นี้ มีจุดประสงค์แอบแฝงอีกอย่างนึงคือ อยากจะเอาผลงานของพี่ๆ น้องๆ ที่เขียนขึ้นมานี้ ไปลองโพสต์ตามเว็บบอร์ดสาธารณะอื่นๆ เช่นพันทิพดู ถือว่าเป็นการโปรโมตเว็บและเป็นการทดสอบปฏิกิริยาของสังคมภายนอกต่อแนวทางการฟังเพลงแบบเว็บเรา ว่าเค้าจะแสดงออกยังไง

ผมว่าพันทิพเปลี่ยนไปมาก สมัยก่อนจำได้ว่าเราคุยกันได้ออกรสชาติสุดๆ ในช่วงห้องร็อคเพิ่งถูกตั้งขึ้นมาใหม่ๆ ซึ่งพอนานวันเข้าๆ สมาชิกก็ค่อยๆ หดหายลงไปเรื่อยๆ ส่วนนึงอาจเป็นเพราะการเกิดขึ้นของเว็บนี้ด้วย แต่ทุกอย่างมันเริ่มแย่ลงไปเรื่อยๆ จริงๆ จนสุดท้ายมีการแยกออกมาเป็นห้องเฉลิมกรุงเมื่อเีร็วๆ นี้ ผมรู้สึกว่ามันยิ่งทำให้อะไรหลายๆ อย่างแย่ลงไปอีก แทนที่จะเป็นบอร์ดเพื่อคุยกันเรื่องดนตรีหลากหลายแนว มีการพูดคุยกันแบบออกรสออกชาติ ของคนฟัง Pop Jazz Rock Blues New Age Progressive Electronic etc. นี่กลายเป็นว่าบอร์ดนั้นหนักไปในทางการพูดถึง Idol เป็นหลัก ทั้งวง Boy Band Girl Band และ Reality Show ต่างๆ ซึ่งห่างไกลจากคำว่า "ดนตรี" มากมายนัก ไม่ใช่ว่าไม่ชอบนะ ผมเองก็ชอบ J-Pop K-Pop ชอบดู SNSD เหมือนกับเค้าเหมือนกัน แต่ผมก็ไม่ได้ดูแต่พวกนั้นอย่างเดียว ก็ยังพยายามฟังดนตรีให้หลากหลาย เหมือนกับที่สมาชิกและน้องๆ หลายคนในบอร์ดนี้ทำมาตลอด ซึ่งก็เป็นสิ่งที่ดีและควรทำต่อไป

แต่การที่สื่อและสังคมพยายามพากันผลักดันอะไรบางอย่างให้มันเกิดขึ้นเพียงด้านเดียวมากเกินไป ผมว่าในอนาคตประเทศไทยจะกลายเป็นอะไรก็ไม่รู้ที่มัวเมาสุดๆ ทุกวันนี้รายการประเภท Reality Show มีมากเกินไป จนทำลายคำว่าศิลปะแทบจะหมดสิ้นไปจากประเทศไทยแล้ว

จุดบอดของรายการ Reality Show คือ
1. การมีการตัดสินกันด้วยการโหวตผ่านทางระบบมือถือ - นั่นก็คือการเอาเสียงของประชาชนมาเป็นใหญ่ เพื่อใช้ตัดสินงานศิลปะ ทุกวันนี้กลายเป็นว่าใครมีแฟนคลับมากกว่าจะได้รับการตัดสินให้ชนะ แล้วคนที่แพ้ถูกให้ออก ก็มานั่งเสียใจ นี่มันไม่ใช่อ่ะ!!! ทุกวันนี้พวกคนที่เข้ารอบสองสามคนสุดท้ายมีแต่ผู้ชายทั้งนั้น เพราะอะไร?? เพราะว่าแฟนคลับที่ติดตามดูรายการประเภทนี้และ "อิน" อย่างจริงจัง ส่วนใหญ่ก็เป็นผู้หญิงทั้งนั้น กลุ่มพวกนี้ก็จะกลายมาเป็นแฟนคลับของผู้เข้าแข่งขันที่ตนเองชื่นชอบ ในขณะที่คนทั่วๆ ไป ที่ดูแบบไม่ได้คิดอะไร เค้าก็อาจจะเชียร์ผู้เข้าแข่งขันหญิง หรือผู้เข้าแข่งขันชายท่านอื่น (ที่อาจไม่หล่อนัก) ก็จะดูและแอบเชียร์อยู่ในใจ ก็จะไม่โหวต (ก็มันเสียดายตังค์นิน่า) ในขณะที่ทางตรงข้าม คือแฟนคลับสาวๆ ที่ชื่นชอบหนุ่มหล่อทั้งหลายจะมีปณิธานอันแรงกล้าที่จะให้หนุ่มหล่อที่ตัวเองเชียร์ได้ชัยชนะไป ก็จะทุ่มโหวตกันอย่างไม่คิดชีวิต พอมีสาวคนไหนที่มีความสามารถตกรอบไปจนเหลือแต่หนุ่มๆ แฟนที่แอบเชียร์ก็จะมาตั้งกระทู้โวยวายกันในพันทิพ ผลของการตัดสินโหวตผ่านทางระบบมือถือ สุดท้ายแล้วก็คือ
- ทางผู้จัดและบริษัทมือถือได้กำไรไปเหนาะๆ
- เป็นการสร้างค่านิยมที่ผิดๆ ให้กับคนสมัยใหม่ๆ ที่เติบโตขึ้นมาในยุคนี้ว่า "การเป็นที่เด่นดังและชื่นชอบของคนอื่น" (ด้วยอะไรก็แล้วแต่) เป็็นสิ่งที่น่าปรารถนา
- ระบบของดนตรีและศิลปะถูกทำลายจนหมดสิ้น

2. การมีคอมเมนต์เตเตอร์ - การมีคอมเมนเตเตอร์ผู้ทรงคุณวุฒิเป็นเรื่องที่ดี แต่คอมเมนเตเตอร์ก็ไม่ได้เป็นผู้รู้และเข้าใจทุกอย่าง โดยเฉพาะรายการบางรายการที่มีการเลือกเอาดาราธรรมดาๆ มาเป็นคอมเมนเตเตอร์ และพวกเข้าเหล่านั้นก็ไม่พยายามที่จะเข้าใจ หรือ "Appreciate" การแสดงของผู้เข้าแข่งขันในเวลาที่ตนเองไม่เข้าใจ ล่าสุดมีการแสดงการวาดรูปด้วยทรายของอาจารย์ท่านหนึ่ง ที่เขาพยายามจะสื่อเนื้อหาและเรื่องราวที่ซับซ้อนและลึกกว่าการเข้าแข่งขันในครั้งแรก คอมเมนเตเตอร์และผู้ชมในห้องส่งต่างนั่งดูกันตาปริบๆ ด้วยความไม่เข้าใจ พอเขาแสดงจบคอมเมนเตเตอร์ก็บอกว่าเขาไม่เข้าใจ ซึ่งความจริงแล้ว สิ่งที่น่าจะช่วยได้คือ ลองให้เจ้าของงานศิลปะชิ้นนั้นได้อธิบายผลงานของตัวเองเสียก่อน และผู้ชมผู้ฟังก็อาจจะพยายามคิดตามและพยายามเข้าใจสิ่งที่ศิลปินต้องการจะสื่อ แต่นี่คือไม่ได้มีโอกาสให้เขาพูดเลย (อาจเป็นเพราะกฎของรายการด้วยที่ห้ามไม่ให้ผู้เข้าแข่งขันพูดอะไรใดๆ นอกเหนือจากการแสดงเท่านั้น)

ตอนที่ผมฟังเพลงของ Bob Dylan เป็นครั้งแรก ผมไม่เข้าใจว่าทำไมเค้าถึงร้องเพลงด้วยเสียงงึมงำและงัวเงีย ผมได้แต่สงสัยว่าทำไมถึงมีศิลปินและคนอเมริกันมากมายยกย่องชื่นชมเขา กว่าผมจะได้ซึมซาบเข้าใจดนตรีของเขาได้ ผมต้องทำการบ้าน อ่านหนังสือต่างๆ มากมาย เพื่อสร้างพื้นฐานในการเข้าใจผลงานของเค้าเสียก่อน

ตอนที่ผมฟัง Pink Floyd กว่าผมจะเข้าใจในสิ่งที่ Roger Waters เขียน ก็ต้องนั่งศึกษาภาษาอังกฤษมากมาย ซึ่งในสมัยนั้นผมอยู่แค่ ม.ต้น ความรู้ภาษาอังกฤษก็มีน้อยมาก ก็ได้แต่พยายามแปลมั่วๆ ไป จนกว่าทุกวันนี้ผมทำการบ้านมาเป็นสิบๆ ปี ก็เริ่มเข้าใจมากขึ้นๆ เรื่อยๆ

แล้วนี่อะไร การตัดสินงานศิลปะโดยการใช้เวลาแค่ห้านาทีอย่างนี้มันใช้ได้หรือ? ที่สำคัญคือมันเป็นต้นแบบของคนไทยทั้งประเภทที่กำลังนั่งชมอยู่ที่บ้าน

การมีอะไรที่แตกต่างเป็นเรื่องที่ดี แต่การที่ทุกๆ อย่างโอนเอียงไปทางเดียวจนมากเกินไป และมันส่งผลกับความคิดและค่านิยมของผู้คน โดยเฉพาะเด็กๆ ที่กำลังจะเติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ในรุ่นต่อไป ที่จะกลายเป็นคนที่มองอะไรด้านเดียว มันช่างน่าหดหู่และน่าเสียใจจริงๆ ครับ

[TRON]

อยากเอาข้อความของน้องบาสข้างบนนี้ไป forward ให้คนอ่านกันเยอะๆจัง

[Fog]

ขอลิสต์ไว้คร่าวๆก่อนละกันนะฮะ เดี๋ยวจะมาเขียนทีหลัง

- Jamiroquai - Synchronized
- Dream Theater - Train of Thought
- Porcupine Tree - Fear of A Blank Planet
- Anathema - We're Here Because We're Here
- Prince - The Rainbow Children
- John Zorn - Six Litanies for Heliogabalus/Alhambra Love Songs
- Explosions in the Sky - The Earth is Not a Cold Dead Place
- Robert Rich - Somnium
- Dol Theeta - The Universe Expands
- Pain of Salvation - Be
- Blackfield II
- The Flower Kings - Paradox Hotel
- Ulver - Shadows of the Sun
- Mono - Hymn to the Immortal Wind
- Alcest - Souvenirs d'Un Autre Monde
- Muse - The Resistance
- Riverside - Rapid Eye Movement
- Aqualung - Still Life
- Opeth - Watershed
- Nine Horses - Snow Borne Sorrow

ปล. อัลบั้มอาจเปลี่ยนแปลงได้

[kongbei]

อ่านบทความพี่บาสแล้วโคตรโดน อยากเอาไปเก็บไปเผยแพร่มากๆ ตรงเข้ากลางหัวใจเลย

ขออนุญาตยกข้อความบางวรรค ไปใส่ใน facebook

[Layla F Mulder]

วันนี้ระหว่างขับรถไปทำงานตอนเช้า ก็คิดไปเพลินๆ ถึงเหตุผลที่ทำไมรายการ Reality ทุกรายการ จะต้องใช้การโหวตผ่านทางโทรศัพท์มือถือเป็นตัวตัดสินแพ้ชนะ แน่นอนว่าประเด็นนึงที่ชัดเจนก็คือเรื่องของรายได้จากการโหวตผ่านทางระบบมือถือแน่นอน แต่ผมคิดว่ามีสิ่งที่แยบยลไปกว่านั้น และต้องขอบอกว่ารายการเหล่านี้ "ฉลาด" และคิดถูกมากๆ ที่ทำแบบนี้

มันคือการทดลองสินค้ากับตลาดนั่นเองครับ

ย้อนกลับไปที่ข้อความเก่าของผมที่พูดถึงว่า แฟนของผู้เข้าแข่งขันบางท่าน มีจำนวนไม่น้อย แต่เป็นพวกแอบเชียร์ลึกๆ ในใจ ไม่ค่อยแสดงออก และที่สำคัญคือไม่มีกำลังทรัพย์ที่จะลงเงินให้กับผู้เข้าแข่งขันที่ตนเองชื่นชอบ หรือว่าอาจจะเป็นเหตุผลที่ตนเองอาจจะมีเงินพอก็จริง แต่คิดว่าการลงเงินโหวตพวกนี้ เป็นการลงเงินที่ไม่คุ้มค่า จึงได้แต่นั่งเชียร์อยู่บ้านเฉยๆ

ดังนั้นถ้าผู้เข้าแข่งขันประเภทนี้ได้รับชัยชนะ (จากการตัดสินของคณะกรรมการ) เมื่อเขาได้รับตำแหน่งไป และออกผลงานภายใต้สังกัดของพวกเขาเอง กลุ่มแฟนๆ ก็ยังจะคงเป็นกลุ่มเดิม ซึ่งก็จะยังไม่ก่อให้เกิดรายได้เช่นเดียวกับตอนที่เค้าแข่งขัน ถ้าเค้าออกเทป อาจจะมีคนซื้อไปฟังน้อย ใช้วิธีโหลดเอาหรือดูทาง youtube มากกว่า ถึงจะไปเล่นละครเวที เล่นละคนโทรทัศน์ ก็คงจะมีแฟนที่ติดตามจริงจังไม่มากนัก

ต่างกับสินค้าอีกประเภทหนึ่ง ที่สามารถดึงดูดกลุ่มเป้าหมายได้อย่างเหนียวแน่น และเป็นกลุ่มเป้าหมายที่พร้อมจะเป็นแหล่งรายได้ให้กับผู้ทำธุรกิจประเภทเจ้าของรายการ เจ้าของค่ายเพลง เจ้าของบริษัทสร้างละคร ได้อย่างเป็นกอบเป็นกำ ไม่ว่าผู้เข้าแข่งขันคนนั้นจะไปทำอะไร ออกเทป เล่นละครเวที ละครโทรทัศน์ หรือไปเป็นพรีเซนเตอร์ให้กับสินค้าชนิดใด ก็จะยังได้ีรับการสนับสนุนอย่างท่วมท้น จากกลุ่มแฟนคลับที่ส่วนใหญ่เป็นสาวๆ

ทุกวันนี้คนที่ชนะเลิศเป็นอันดับหนึ่งใน Season ต่างๆ ของรายการ The Star ไม่ใช่คนที่ดังและสร้างรายได้มากที่สุด แต่คนที่ดังและมีรายได้มากที่สุด กลับเป็นคนที่ได้ที่สองจากการประกวดในช่วงปีแรกๆ

นี่มันการตลาดชั้นยอดชัดๆ เลยเนี่ย