มาอ่านกันต่อครับ
ซีดีใกล้ตาย แผ่นเสียงใกล้เกิดใหม่(2) ร้านต้นฉบับโดย ต่อพงษ์ 31 กรกฎาคม 2554 16:30 น.
หน้าแรกผู้จัดการ Online | หน้าแรกบันเทิง | ดนตรี
สัปดาห์ที่ผ่านมาหลังจากที่เอาแผ่นเสียงเก่าๆ มาค่อยๆ ล้างและทำความสะอาดฝุ่นและคราบปลวกรุ่นคุณพ่อที่เกาะแผ่นเสียงเพลงไทยเก่าๆ อยู่เรื่อยๆ แผ่นที่ดูเหมือนว่าจะตายไปเรียบร้อยก็กลับมามีชีวิตได้อีกครั้ง
ถามว่าการทำความสะอาดนั้นทำอย่างไร ก็ง่ายๆครับ ใช้น้ำนี่แหละครับเอามาแช่ให้ฝุ่นเหล่านั้นนุ่มพองขึ้นมาจากนั้นก็เอาน้ำยาล้างแผ่นบีบใส่ฟองน้ำนุ่มๆ แล้วก็ขยำๆให้มันเป็นฟองขึ้นมาก่อนจะค่อยๆถูและปาดไปบนแผ่นที่ฝุ่นเกาะแบบเบาๆมือ ค่อยๆทำไปเรื่อยสุดท้ายเวลาฝุ่นมันแทบไม่มีเหลือแล้ว เมื่อเราเอาแผ่นจุ่มน้ำปุ๊บ น้ำมันจะไหลไม่เกาะอยู่ในร่องแผ่นเสียงอีกเลย จากนั้นก็เอาพัดลมเป่าให้แห้งๆ ก่อนนำมาเล่น
วิธีนี้ผมได้มาจากพี่เสือ แห่ง ร้านต้นฉบับ หลังคลองหลอด ซึ่งผมถือว่าแกเป็นเซียนจริงในสนามของแผ่นเสียงเก่า น้ำยาล้างที่ว่าก็ซื้อมาจากร้านแกเหมือนกัน และตัวเครื่องเล่นรุ่นเก่าที่ถูกบูรณะขึ้นมาก็เป็นฝีมือของคุณพี่เขาเหมือนกัน
พี่เสือเหมือนเสือร้ายในป่าแผ่นเสียงเก่าในร้านของแก เพราะร้านต้นฉบับนั้นเต็มไปด้วยแผ่นเสียงเก่า โดยเฉพาะในแนวป็อปร็อกและบลูส์ มีกันตั้งแต่ดนตรีจากยุค 50 60 70 80 เรื่อยมา แม้จะเป็นร้านแค่คูหาเดียว แต่ปริมาณของแผ่นที่อยู่ในร้านนั้นจะทำให้คนรักเพลงที่หวนหาอดีตจะต้องทึ่ง
แต่ร้านต้นฉบับไม่ใช่แค่ร้านแผ่นเสียง เพราะ ตัวพี่เสือนั้นสามารถที่จะซ่อมเครื่องเล่นแผ่นเสียงได้เกือบทุกอย่าง มีอะไหล่หัวเข็มเกือบทุกชนิด โดยเฉพาะรุ่นเก่าคลาสสิกทั้งหลาย ก็เหมือนไอ้เจ้าเครื่อง Dual เก๋ากึ๊กของผม Made In Germany นั่นแหละครับ มันจอดสงบนิ่งมานานจนใครๆว่ามันเสียไปแล้วหลายสิบปี แต่พี่เสือก็ทำให้มันเกิดใหม่ขึ้นมาได้ พร้อมกับเปลี่ยนหัวเข็มในขนาดที่ผมต้องการให้ได้ด้วย
ผมเองมีเครื่องเล่นอยู่สองเครื่องๆ ที่ซื้อตอนบ้าเล่นเครื่องเสียงก็คือ Music Hall MMF 5 ซื้อเมื่อปี 2004 เพราะรู้สึกว่ามันน่าเล่นดี โดยเฉพาะเมื่อฟังเพลงคลาสสิกเก่าๆซึ่งไม่มีขายในรูปแบบของซีดี มันก็ได้อรรถรสอีกแบบและทำให้เราเกิดทางเลือกในการหาเพลงมาฟังมากกว่าเดิม แต่เมื่อเอามาเล่นจริงๆ ด้วยภาระในแต่ละวันในช่วงนั้นทำให้ไม่ได้ใช้งานมันอย่างจริงจังแต่อย่างไร แถมเปิดเพลงดังๆมากไม่ได้ เพราะ อยู่คอนโดมิเนียม จนกระทั่งสุดท้ายก็ยกเก็บเข้ากรุหลังจากเล่นไปได้แค่ 2 ปีเศษ
กลับมาครั้งนี้ผมเอาเครื่อง มิวสิก ฮอลล์ มาเล่นใหม่อีกครั้ง ผมพบว่ามันไม่เหมาะกับความต้องการของผมเลย เพราะนอกจากตัวเครื่องจะเป็นแบบ ฟูล แมนวล (หมายถึงยกเข็มขึ้นและยกเข็มลงเองทั้งหมด) แล้ว เครื่องเล่นที่ว่ายังฟังเพลงร็อกจากยุค 70 ได้ไม่สนุกเอาเสียเลย เหมือนกับว่ามันไม่ได้เกิดมาเพื่องานนี้
เครื่องรุ่นเก่าอย่าง Dual 505-2 ที่เป็นระบบ เซมิ ออโต้ ฐานเป็นไม้ที่สามารถยกเข็มเองได้ตอนหมดแผ่นจึงถูกสเปก การบูรณะให้มันเกิดใหม่จึงต้องทำ ผมยกเครื่องนี้ไปให้พี่เสือดูว่าแกจะทำได้ไหม เพราะ มันไม่หมุนมาหลายปีแล้ว พี่เสือใช้เวลาเกือบๆอาทิตย์ในการทำให้มันหมุนใหม่อีกครั้ง พร้อมกับการเปลี่ยนหัวเข็มตามความต้องการของผมที่ว่า ผมจะเอาเครื่องนี้ไปฟังเพลงร็อกยุค 70 หรือแผ่นเสียงที่บันทึก
นี่คือความสนุกอีกอย่างของการเล่นแผ่นเสียง เพราะ เราสามารถเปลี่ยนบุคลิกของเครื่องเล่นได้หลายแบบ ให้เสียงหนาก็ได้ ให้เสียงบางก็ได้ ปรับให้เครื่องเล่นนี้สามารถฟังเพลงแจ๊ซที่ดีได้ ฟังแผ่นเสียงระดับออดิโอไฟล์หรือไฮไฟก็ได้ หรือจะกระโดดมาฟังเพลงร็อกรุ่นเก่าอย่าง จูดาส พรีสต์ ไควเอ็ต ไรออต หรือ ควีนส์ก็ได้...ทั้งหมดนี้หัวเข็มเป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งหัวเข็มบางแบบนั้นฟังเพลงร็อกไม่มันส์ ฟังเพลงไทยยุค 80 ก็ไม่ค่อยสนุก น้ำเสียงมันบางเกิน รายละเอียดก็หยุมหยิมเกิน เข็มของเครื่องมิวสิกฮอลล์ก็เป็นแบบที่ว่าคือ ฟังคลาสสิกดีมาก แจ๊ซก็ดี แต่ร็อกไม่ได้เลย ผมบอกพี่เสือว่าผมอยากได้หัวเข็มที่ฟังแผ่นและเพลงยุค 70-80 และฟังเพลงร็อคได้มันส์และเข้ากับเครื่องเล่นแผ่น Dual เครื่องนี้
นี่ก็เป็นความจริงที่แปลกในโลกของเครื่องเสียงอีก เพราะ หัวเข็มแพงๆลำโพงแพงๆ แอมป์แพงๆนั้นมักจะฟังร็อคหรือเมตัลไม่มันส์ อาจจะเป็นเพราะดนตรีที่ว่านี้มันมีดิสทอร์ชันสูง ขืนใช้ชุดเครื่องเสียงดีๆมันจะฟ้องความผิดเพี้ยนออกมาหมด งานนี้ผมมั่นใจว่าหัวเข็มราคาย่อมเยาฟังได้ดีกว่า
ช่วงอายุ 40 กว่าๆ นี้ ผมอาเพศอะไรไม่ทราบ นั่นคือ อยากที่จะฟังเพลงรุ่นเก่าๆ โดยเฉพาะร็อกเก่าๆ เหล่านี้มากมาย แน่นอนซีดีที่ขายบางชุดก็มีอย่าง Machine Head ของ Deep Purple นั้น แต่ผมชอบเสียงที่ออกจากแผ่นเสียงมากกว่า ขณะที่อีกหลายแผ่นซีดีไม่มีขายแน่ๆ โดยเฉพาะถ้าจะไปเดินหาในเมืองไทย (ร้านซีดีก็แทบจะหมดไปแล้ว) จะมีก็แต่สั่งทาง amazon.com เพื่อเอามาฟังก็ได้เหมือนกัน แต่ว่ามันจะต้องทำอย่างงั้นทำไมในเมือง ในประเทศไทยยังมีแผ่นเสียงเก่าๆของวงร็อกและเมตัลเหล่านี้เต็มไปหมด ? ไม่ว่าจะเป็น แบล็ก ซับบาธ ยูไรห์ ฮีพ หรือ ดีพ เพอร์เพิล เลด เซปเปลิน จิมี่ เฮนดริกซ์ อเมริกา ไปจนกระทั่งรุ่นต้นยุค 80 อย่าง เรนโบว์ของ ริทชี่ แบล็กมอร์...ด้วยเหตุผลที่ว่านี้ผมเลยต้องฟื้นชีวิตของเครื่องเล่นเครื่องนี้ให้ได้
พี่เสือซ่อมมันและเปลี่ยนหัวเข็มสีส้มแปร๊ดให้ผมตามที่ต้องการ ดูด้วยสายตามันหนากว่าเข็มเดิมเยอะเหมือนกัน ด้วยสนนราคาของการซ่อมและการเปลี่ยนเข็มทั้งหมดเท่ากับเติมน้ำมันรถด้วยเบนซิน 95 แบบเต็มถัง!! วันที่จัดการเสร็จเรียบร้อย แกลองให้ผมฟังด้วยแทร็กที่ชื่อว่า Ready For Love ของคณะ Bad Company ที่มี พอล รอดเจอร์ส เป็นคนร้อง...ซึ่งผมต้องยอมรับว่า นี่แหละคือ เสียงและสิ่งที่ผมต้องการ ฝีมือการซ่อมของแกเยี่ยมครับ ไม่มีเสียงจี่ปรากฏให้เห็น ระบบกลไกทุกอย่างทำกันแบบราบรื่นมาก มันดูมีประกายอีกครั้ง ตั้งแต่วันนั้นเจ้า Dual เครื่องนี้ก็มาประจำการอีกครั้งในชุดฟังเพลงที่บ้านพร้อมกับการนำแผ่นเก่าๆ มาทำความสะอาดเพื่อต่ออายุของตัวเองให้สดชื่นซาบซ่าเหมือนเป็นวัยรุ่นอย่างงั้นเชียว
คนที่รักเพลงร็อกนั้นควรอย่างยิ่งที่จะต้องทำความรู้จักกับพี่เสือเอาไว้ เพราะแผ่นเสียงดีๆ ที่ท่านเก็บไว้และไม่ได้ใช้มันเนื่องจากไม่มีเครื่องเล่นหรือเครื่องเสียไปนานแล้วแบบผม ใครสนใจลองเข้าไปคุยกับแกได้ที่เฟซบุ๊กของร้านที่
http://www.facebook.com/#!/pages/Tonchabab-record-shop/166035403419929 หรือไม่งั้นก็ลองโทร.คุยกับแกก่อนที่เบอร์ 08-1695-2785 ดูแล้วกันครับ
เรื่องของแผ่นเสียงยังไม่จบขอต่อคราวหน้าอีกสักครั้ง โดยเฉพาะในเรื่องราคาค่าเล่น ซึ่งผมยืนยันว่าถูกกว่าซื้อไอโฟนที่คนจำนวนมากต้องมีไว้ใช้กันราวๆ ครึ่งนึงก็ว่าได้ครับ