อันที่จริงคุณอั๋น501แจ้งข่าวกระชั้นไปนิด ถ้าบอกล่วงหน้านานกว่านี้ เห็นทีคงต้องยอมคอยนั่งดูพี่โป่งอยู่ที่บ้านครับ
555 อันที่จริงแล้วเฮียโป่ง ต้องมาแจ้งข่าวนี้เองจึงจะถูกแฮะ แต่เนื่องจากเวลานี้เฮียโป่ง ไม่ค่อยว่างคุณแม่ ไม่สบายเข้าโรงพยาบาลอยู่
ต้องไปดูแลคุณแม่ ขอให้คุณแม่หายป่วยเร็วๆ รายการให้เวลาในส่วนนักสะสมเนื้อหาน้อยเกินไป น่าจะเจาะเรื่องราวของคนที่สะสมอะไรๆที่ตัวเองรักในแบบ "นักสะสมชั้นเทพ" ตามห้วเรื่องรายการน่าจะมีเนื้อหาสาระเรื่องราวมากกว่านี้ อย่างเช่นช่วงของเฮียโป่ง บังเอิญผมรู้จักเฮียโป่งดีเพราะเป็นเพื่อนสนิทเลยรู้ลึกว่าเฮียโป่งเป็นนักฟังเพลงและหลงไหลกับแผ่นเสียงมากมายแค่ไหน เรียกว่าเป็นตัวจริงของจริงเลยแฮะ ฟังเพลงสะสมแผ่นเสียงมาตั้งแต่วัยรุ่นอายุสิบกว่าขวบเท่านั้น ผ่านทุกช่วงเวลาของยุดแผ่นเสียงทั้งเฟืองฟูหรือตกต่ำ ไม่เคยท้อแท้ไม่เคยเลิกเล่นเรียกว่าทั้งชีวิตไม่ต่ำกว่า 40 ปีเฮียโป่ง ใช้ชีวิตการฟังเพลงกับแผ่นเสียง ไม่ต้องย้อนเวลาหาอดีตเพื่อมาเก็บสะสมย้อนหลัง เหมือนบางคน สมัยก่อนใครที่เล่นแผ่นเสียงโดยเฉพาะเพลงสากลคงจะทราบกันดี มันไม่ได้หาซื้อแผ่นเสียงง่ายเหมือนกับยุดนี้ เน็ตยังไม่เกิดคอมิวสิคเลิฟเวอร์จะหาซื้อแผ่นเสียงของศิลปินที่ต้องการไม่ง่ายแฮะ หากไม่ได้อยู่เมืองนอกเองหรือมีเพื่อนฝูงญาติพี่น้องอยู่เมืองนอกคงหาอัลบั้มแผ่นเสียงที่ต้องการได้หรอกครับ จะหาซื้อร้านแผ่นเสียงในบ้านเราก็มีไม่มากพึ่งพาไม่ได้ เหมือนเช่นทุกวันนี้ เรื่องราวเหล่านี้น่าจะเป็นเกร็ดมาเล่าว่า แผ่นเสียงต่างๆที่เฮียโป่ง มีนั้นได้มาได้อย่างไร เฮียโป่ง มีแผ่นเสียงทั้งแผ่นสะสมที่ไม่ได้มีไว้ฟังแต่มีไว้เก็บด้วยแฮะ ขอบอกมากมายจริงๆแฮะ
โอกาสและกำลังทรัพย์ของแต่ละคนในห้วงเวลาเดียวกันมีไม่เท่ากันครับ แผ่นเสียงถือเป็นสื่อการฟังเพลงของคนที่มีอันจะกินในยุคนั้น ถ้าพ่อแม่ไม่มีอันจะกินหรือหาเช้ากินค่ำ รับรองว่าไม่มีโอกาสได้ฟังแผ่นเสียงแน่นอน แผ่นเสียงใหม่ราคาเฉลี่ยแผ่นละ 300 บาทเมื่อสามสิบกว่าปีก่อน (ซึ่งเท่ากับค่าแรงขั้นต่ำต่อวันในยุคนี้) เงิน 300 บาทมูลค่าใหญ่โตนะในยุคนั้น ผมเอาไว้เป็นค่ากินอยู่และค่าไปโรงเรียนได้เกือบสองอาทิตย์เชียวนะครับ (ในขณะที่ลูกคนมีสตางค์อาจจะบอกว่าเป็นเรื่องเล็ก) ดังนั้น คนเบี้ยน้อยได้ฟังแค่เทปคาสเสทผ่านวิทยุกระเป๋าหิ้วก็ถือว่าหรูแล้ว และนี่คือเหตุผลว่าบางคนที่ไม่มีโอกาสเล่นแผ่นเสียงในตอนนั้นจึงต้องหวนกลับไปตามหาอดีตไงครับ
โอกาสและปัจจัยความพร้อมขอแต่ละคนไม่เท่ากันอันนี้เห็นด้วยแฮะ ผมเข้าใจพี่ปีศาจฯ เพราะผมเองก็ไม่ได้มีโอกาสมากไปกว่าพี่ปีศาจฯ
หรอกครับ ผมต้องใช้ค่าขนมอดข้าวกลางวันเพื่อที่จะซื้อแผ่นเสียง สมัยนั้นแผ่นเสียงราคาร้อยกว่าถึงสองร้อยบาท ผมได้ค่าขนมมาโรงเรียน
ประมาณวันละไม่กี่สิบบาทเท่านั้น ค่ารถเมล์ไปกลับอีกตอนนั้นน่าจะประมาณเที่ยว 75 สต. หรือไงเนี่ยจำไม่ได้แล้วแฮะ
จำได้เลยซื้อแผ่นเสียงอัลบั้มละ 180 บาทต้องอดข้าวกลางวันไปหลายวัน สมัยก่อนมีแผ่นเสียงเพลงสากลที่ทำในบ้านเราด้วย
ราคาจะถูกกว่าแผ่นจากอเมริกาหรือยุโรป ยุดนั้นผมไม่ได้มีแผ่นเสียงแยะหรอกครับ แต่โชคดีที่พวกพี่ๆเล่นแผ่นเสียงก่อนเค้าโตๆกันแล้ว
เลยได้รับมรดกมาเล่นต่อมากเหมือนกัน สมัยคุณพ่อก็เล่นแผ่นเสียงด้วย พอท่านไปเยี่ยมหาพี่สาวที่อเมริกาซึ่งตอนนั้นพี่สาวผมอยู่อเมริกา
แต่งงานมีครอบครัวอยู่ที่นั่นเลย ขากลับคุณพ่อจะต้องซื้อแผ่นเสียงกลับมาฝากพวกพี่ๆ ผมจำได้ช่วงนั้นในช่วงทศวรรษที่ 70 เพลงส่วนใหญ่
จะเป็นยุดของวงคลาสสิคร็อคทั้งนั้น ทั้งหมดที่เล่ามาเป็นพื้นฐานการฟังเพลงของผมมาตั้งแต่วัยเด็กนั่นเองแฮะ