งั้นถ้าเราเอาเจ้าไฟล์ flac ของ mastersound มาไรท์ลงแผ่นซีดี เสียงมันก็ดีกว่าซีดีทั่วไปอย่างนั้นหรือครับ ?
ไรท์ลงซีดีต้องแปลงเป็น 16/44.1 ฉนั้นไรท์เป็น DVD-AUDIO ผมว่าจะใกล้เคียงกับต้นฉบับที่สุดครับ
แสดงว่าถ้าไม่มีเครื่องเล่น DVD-Audio ก็เล่นไม่ได้ระดับเสียงที่แท้จริงน่ะสิครับ
อันนี้ผมไม่แน่ใจนะครับ แต่น่าจะต่างกันแค่นิดหน่อยครับ
เดี๋ยวจะหลงประเด็นนาครัฟ
1. งั้นถ้าเราเอาเจ้าไฟล์ flac ของ mastersound มาไรท์ลงแผ่นซีดี เสียงมันก็ดีกว่าซีดีทั่วไปอย่างนั้นหรือครับ ?
-ไม่ดีกว่าครับ2. ไรท์ลงซีดีต้องแปลงเป็น 16/44.1 ฉนั้นไรท์เป็น DVD-AUDIO ผมว่าจะใกล้เคียงกับต้นฉบับที่สุดครับ
- ถูกต้องครับ ..แต่ ใกล้ต้นฉบับของการ"ริปปิ้ง" ไม่ใช่ต้นฉบับที่เป็นแผ่นเสียงนะครับ
(การไรท์เป็น DVD-AUDIO ก็ต้องแปลงจาก .flac เป็น .wav อีกที ผลที่ได้ อาจจะดีกว่า/ด้อยกว่า หรือเท่าเดิม ยังไม่มีข้อพิศูจน์ "ชัดๆ" ครับ 3. แสดงว่าถ้าไม่มีเครื่องเล่น DVD-Audio ก็เล่นไม่ได้ระดับเสียงที่แท้จริงน่ะสิครับ
- เครื่องเล่น DVD-Audio ก็คือเครื่อง ดีวีดีทั่วไป เพียงแต่ว่าเล่นไฟล์ได้แค่ 24/96 ต้องเครื่องที่ออกแบบมาจริงๆ จึงจะเล่นไฟล์ 24/148 และ 24/192 ได้ครับ
และ "ระดับเสียงที่แท้จริง" หมายความว่า แค่เสียงที่ "ก็อปปี้" หรือ "เลียนแบบ" มาจากแผ่นเสียงอีกทีนะครับ มันไม่มีทางจะได้ระดับเดียวกันอยู่แล้ว นี่ยังไม่พูดว่า เราจะรู้ได้ไงว่า คนที่ปล่อยไฟล์มาให้นี่ เซ็ทอัพเครื่องเล่นแผ่นเสียงได้เกิน 90% แล้วหรือยังนะเนี่ย
และเผลอๆ น้าโรจ น้าเดฟ อาจจะมาบอกว่า ที่เราฟังๆกันนั้น ผิดหมด
มาฟัง มาดูพวกผมเล่นสดๆ ในคอนเสิร์ทดีกว่า
ยกตัวอย่าง(ตุ๊กตา)ใครที่ได้ดูโรเจอร์ วอเธอร์ ที่เมืองทอง คงจะจำได้ว่า มีหลายเพลง ที่ปล่อยเสียงออกมาจากลำโพงรอบทิศทาง แบบเซอร์ราวด์ และที่พิเศษกว่านั้น มีลำโพงพิเศษ ห้อยอยู่เหนือศีรษะผู้ชม ซึ่งเครื่องเสียงบ้าน ระดับแพงที่สุด ก็ทำไม่ได้ครับ
แต่ผู้ชมวันนั้น ตีตั๋วแค่พันบาท สามารถเข้าถึงสาระในดนตรี เท่าที่ศิลปินเขาต้องการจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นตอนสมองหมุนติ้วๆ lunatic & shine on ,ความสับสน on the run แม้แต่ทุนนิยมแบบ time & money
คงจำกันได้นะครับ ว่าระบบเสียงวันนั้น มันเหนือกว่า แผ่นเสียง หรือซีดี ขึ้นไปอีก ไม่รู้กี่เท่า
สรุปว่า -ผมไม่ยึดติดครับ ขอเราเข้าใจในความเป็นไป เท่านั้น ก็พอแล้ว