Layla's Album Pick - FW#21
Led Zeppelin - Celebration Day (2012)มันสำคัญยังไง?สมาชิกของ Led Zeppelin ทั้งสามคนได้รวมตัวกันเล่นคอนเสิร์ตทริบิวต์ให้กับ Ahmet Ertegun ผู้บริหารของค่าย Atlantic Records ซึ่งเป็นการรียูเนียนแบบ Full Show ครั้งแรกและครั้งเดียวในรอบหลายสิบปี เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม 2007 โดยมี Jason Bonham ลูกชายของมือกลองตัวจริงของวง John Bonham มานั่งในตำแหน่งเดียวกับพ่อของเขาในฐานะมือกลองด้วย กินเนสเวิร์ลเรคคอร์ดรายงานว่าคอนเสิร์ตครั้งนี้ได้ขึ้นชื่อว่าเป็น "Highest Demand for Tickets for One Music Concert" โดยต้องใช้วิธีสุ่มแบบลอตตาีรี่เพื่อคัดเลือกผู้ที่มีสิทธิ์ซื้อตั๋ว และมีคนเข้าไปกดรีเควสเพื่อเข้าร่วมซื้อตั๋วถึง 20 ล้านครั้ง คอนเสิร์ตครั้งนั้นถูกบันทึกภาพและเสียงไว้เป็นเวลากว่าห้าปี โดยไม่มีทีท่าว่าจะนำมาวางจำหน่ายในรูปแบบไลฟ์อัลบั้มและดีวีดี ทั้งๆ ที่ดีมานด์สูงมาก ทำให้อัลบั้ม Bootleg เป็นที่พึ่งเดียวของแฟนเพลง ก่อนที่จะมีการประกาศมาเมื่อกลางปีที่ผ่านมาว่าจะมีการทำออกมาเป็นอัลบั้มจริงๆ แล้ว และจะวางจำหน่ายในรูปแบบไลฟ์อัลบั้ม ดีวีดี และบลูเรย์ ในวันที่ 19 พฤศจิกายน 2012 (วันนี้นั่นเอง) เกือบห้าปีให้หลังนับจากวันที่เล่นคอนเสิร์ต
เล่นดีไหม?สมาชิกทั้งสามคน (บวกหนึ่งสมาชิกใหม่) ซึ่งไม่ได้เล่น Full Show กันมานานเก็บตัวซุ่มซ้อมกันเป็นเวลาหกสัปดาห์ ผลที่ได้คือเพอร์ฟอร์มแมนซ์ที่ยอดเยี่ยมจนน่าหยุดหายใจของสมาชิกทุกคน แม้วัยวุฒิของพวกเขาจะเหยียบเลขหกกันแทบหมดแล้ว แต่พวกเขาก็ทำให้บทเพลงของ Led Zeppelin ทุกเพลงลุกเป็นไฟได้เหมือนกับที่พวกเขาเคยทำมาแล้วในยุค 70's คนที่น่าจะรับบทหนักที่สุดคือ Robert Plant ที่เขาต้องตะเบ็งร้องเสียงในคีย์สูงสุดกู่ในเกือบแทบจะทุกเพลง ส่งผลให้ต้องมีการลดคีย์ในเพลงต่างๆ เกินครึ่งนึงของเซ็ทลิสต์ ซึ่งก็ทำได้ค่อนข้างแนบเนียนและไม่ดูน่าเกลียดแต่อย่างใด ในทางตรงกันข้ามเขาจะโชว์พลังเสียงในหลายๆ เพลงได้อย่างยอดเยี่ยม โดยเฉพาะการโหนสูงในเพลงอย่าง Since I've Been Loving You หรือ Kashmir ทางด้าน Jimmy Page ยังคงความเท่ห์และรักษามาตรฐานไว้ได้อย่างยอดเยี่ยม มนต์ที่เขาร่ายลงไปบนกีตาร์ Gibson ทุกตัวในคืนนั้นยังน่าทึ่งเหมือนกับสมัย 70's ส่วน Jason Bonham นั้นอาจจะพอบอกได้ว่า หากพ่อของเขายังมีชีวิตอยู่จริง อาจจะตีกลองสู้เขาในตอนนี้ไม่ได้เสียด้วยซ้ำ ส่วนสมาชิกคนที่ผมจับตามองมากที่สุดคือ John Paul Jones ผู้ซึ่งอาจจะไม่ได้โดดเด่นเท่า Page หรือ Plant แต่แท้จริงแล้วเขามีบทบาทและความสำคัญมากต่อโชว์นี้ โดยเฉพาะการโชว์ฝีมือคีย์บอร์ดลงบน Korg OASYS ทำให้เพลงที่ผมชอบที่สุดในไลฟ์อัลบั้มชุดนี้คือเพลงที่มีเสียงคีย์บอร์ดของเขาทั้งสิ้น โดยเฉพาะ No Quarter และ Kashmir คีย์บอร์ดของเขากลายเ็ป็นพระเอกที่มีบทบาทอย่างมากต่อเพลง สรุปสั้นๆ คือ เพอร์ฟอร์มแมนซ์ของพวกเขาไม่มีอะไรให้ติเลยแม้แต่นิดเดียว และสมควรอย่างยิ่งที่จะให้คะแนน 10/10 นี่คือคุณภาพเพอร์ฟอร์มแมนซ์ของวงดนตรีร็อคระดับโลกที่วงดนตรีอื่นๆ ที่พยายามจะรียูเนียนได้แต่ฝันถึงเท่านั้น
ภาพและเสียงดีไหม?ด้านภาพของดีวีดี/บลูเรย์ชุดนี้ไร้ที่ติเช่นเดียวกับเพอร์ฟอร์มแมนซ์ของพวกเขา ฉากและเวทีสวยงามดี โดยเฉพาะเอฟเฟคต์ต่างๆ เช่นจอภาพด้านหลังและไฟเลเซอร์ก็ทำหน้าที่ได้ตื่นตาตื่นใจ ที่ผมชอบเป็นพิเศษคือกีตาร์ Les Paul "Burst" ของ Page ที่โดนไฟบนเวทีแล้วเปล่งประกายชะมัด ลายเฟลมสวยจับใจจริงๆ ครับ
ด้วยทุกอย่างที่เพอร์เฟ็ค แต่เสียง กลับกลายมาเป็นจุดด้อยจุดเดียวของไลฟ์ชุดนี้ ซาวน์ในไลฟ์อัลบั้มชุดนี้กลับเหมือนไม่เข้าที่เข้าทาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเพลงร็อคที่เล่นกีตาร์ เบส กลองกันสามชิ้นโดยไม่มีคีย์บอร์ด เสียงกีตาร์ของเพจเต็มไปด้วยย่ายเสียงแหลม โดยปราศจากเสียงกลางและเบส ฟังแล้วบางทีรู้สึกแสบแก้วหู ให้ความรู้สึกว่ามันขาด Intensity ไปมาก เสียงเบสของ Jones เบากว่าเขาเพื่อน ออกบวมๆ ไม่เป็นลูกๆ เหมือนจมหายไปในมิกซ์ ยอมรับว่าบางทีฟังไม่ออกว่าเขาเล่นอะไร เสียงกลองของ Jason ก็ออกโทนแหลมแข่งกันกับเสียงกีตาร์ของ Page เวลาตีฉาบหรือแฉมากๆ มันจะไป Blend กับเสียงกีตาร์ของ Page จนกลืนกินกันไปหมด เสียงร้องของ Page เต็มไปด้วย Ambient Reverb เหมือนถูกบันทึกโดยอัลบั้ม Bootleg ในกลา่งหมู่ผู้ชมมากกว่าที่จะมาจาก Mixing Desk สิ่งที่เสียงดีอย่างเดียวในอัลบั้มชุดนี้คือเสียงคีย์บอร์ดของ John Paul Jones ที่ดูหนักแน่น ชัดเจน และมาเต็มเม็ดเต็มหน่วยครบทุกย่านอย่างที่มันควรจะเป็น สังเกตได้เลยว่าเพลงไหนถ้ามีคีย์บอร์ด จะทำให้ซาวน์โดยรวมน่าฟังขึ้นมาทันที ถ้าลองเทียบเสียงกับงานไลฟ์ของ Zeppelin ที่ออกมาก่อนหน้านี้อย่าง How The West Was Won/Led Zeppelin DVD/Live at the Greek (มิกซ์โดย Kevin Shirley) จะรู้เลยว่าซาวน์ห่างกันอยู่หลายช่วงตัวมาก เนื่องจากสามชุดนั้นมาตรฐานสูงจริงๆ ซาวน์สามอัลบั้มนั้นเข้าข่ายห้าดาว "อร่อย(เรือ)เหาะ" เลยทีเดียว ด้วยมาตรฐานที่สูงลิบลิ่ว ทำให้ดูเหมือน Celebration Day เข้าข่าย "ตกม้าตาย" ไปเลย
สรุป??การแสดงสดครั้งประวัติศาสตร์ เพอร์ฟอร์มแมนซ์ที่มีแต่เทพเท่านั้นที่จะสามารถทำได้ เพลงทุกเพลงทรงคุณค่า น่าฟังสุด ภาพสวยไร้ที่สิ แต่เสียงนี่สิ....เกือบดีละครับ