เพื่อใครที่ยังไม่รู้ หรืออยากทบทวนเกี่ยวกับการอ่านโน้ตครับ
การอ่านโน้ตเบื้องต้น
Reading Note
ในการเรียนรู้ทฤษฎีดนตรีนั้น ในเบื้องแรกเราจำเป็นต้องทำการเรียนรู้เรื่องของการอ่านโน้ตให้ได้เสียก่อน เพราะถ้าเราไม่รู้เรื่องโน้ตหรืออ่านโน้ตไม่เป็น เราก็ไม่สามารถจะสื่อสารทำความเข้าใจอะไรได้เลย Noteเปรียบเสมือนเป็นภาษาที่เราใช้ในการสื่อสาร และเช่นนี้เองถ้าเราไม่รู้โน้ตนั่นหมายความว่า...คุณเป็นใบ้คุยกับคนดนตรีไม่ได้.
การอ่านโน้ตเบื้องต้น
สัญลักษณ์ที่ใช้ในการอ่านnote.
STAFF - เส้นบรรทัดที่ใช้ในการบันทึกโน้ต โดยเส้นด้านล่างใช้ในการบันทึกโน้ตเสียงต่ำ เส้นที่สูงขึ้นมาใช้ในการบันทึกระดับเสียงโน้ตที่สูงขึ้นไปเป็นลำดับ มีหน้าตาดังนี้.
<< Staff
ในแต่ละเส้นเราเรียกว่าLine Lineที่อยู่ล่างสุดคือ Line1และเรียงกันขึ้นไปเป็นLine2 3 4 5ตามลำดับ ในช่องว่างระหว่างlineเราเรียกว่า Space มีอยู่ด้วยกัน 4space.
Clef - สัญลักษณ์ที่ใช้เป็นตัวกุญแจในการอ่านโน้ตต่างๆที่ถูกบันทึกลงบนsaff เราจะไม่สามารถอ่านโน้ตออกมาได้ ถ้าเรายังไม่ได้มีการกำหนดชนิดของClef.
Clefที่เรานิยมใช้กันโดยทั่วไปมีอยู่ 2 ชนิดคือ G clefและ F clef. ทั้งสองชนิดมีหน้าตาดังนี้.
การอ่านโน้ตบนStaffเราจะยึดที่หัวClefเป็นหลังในการอ่าน ดังรูปเราจะเห็นได้ว่า G clefมีหัวเคลฟ์อยู่ที่ Staffที่2 ดังนั้นโน้ตที่ถูกบันทึกลงบนสตาฟ์ที่2 จะเป็นโน้ต G ตามชนิดและชื่อของClefนั้น ในส่วนของF-clefก็เช่นเดียวกัน
การบันทึกโน้ตลงบนClefทั้งสอง เราจะบันทึกโน้ตของเครื่องดนตรีที่มีระดับเสียงต่ำเช่น Bass ฯลฯ ไว้ที่F-clef และในทำนองเดียวกันเราก็จะบันทึกระดับโน้ตของเครื่องดนตรีที่มีระดับเสียงของข้างสูงไว้ที่G-clef เฃ่น Guitar,violinเป็นต้น.
รูปแสดงการบันทึกโน้ตในทั้ง 2Clef
เส้นกั้นห้องเพลงและเส้นแบ่งห้องเพลง
Bar Line - เส้นแบ่งกั้นห้องเพลงหรือmesures เราจะทำการกั้นห้องเพลงเมื่อไหร่นั้น ขึ้นอยู่กับTime signatureที่กำหนด
Doubel Bar Line - เส้นแบ่งทำนองเพลง เราจะกำหนดdoubrl bar lineขึ้นเมื่อหไร่นั้น ก็ขึ้นอยู่กับการประพันธ์ของเพลงนั้นๆ
การอ่านชื่อโน้ตต่างๆ
ในการอ่านหรือเรียกNoteต่างๆนั้น ขอให้เราอ่านกันเป็นอักษรภาษาอังกฤษกันไปเลย ไม่สมควรอ่านว่าเป็น โด เร มี ฟา ซอล ลา ที เพราะอะไรอันนี้ยาว เอาไว้อ่านในหน้าอื่นแล้วกัน
วิธีการอ่านที่ดี.
ให้คุณอ่านเป็นอักษร A-G โดยชุดตัวอักษรเหล่านี้ในทางดนตรีเราเรียกว่า Music Alphabet มีทั้งหมด 7 ตัวอักษรดังนี้...A-B-C-D-E-FและG
อ่านเป็น Music Alphabet
-------------------------------------------------------------------------------------------
สัดส่วนโน้ต(Duration)
ความหมายของnoteชนิดต่างๆ
Whole note - โน้ตเต็มค่า โดยความหมายที่เราเข้าใจกันทั่วไปคือ...มีค่าเท่านกับ 4 beat
Half note - โน้ตแบ่งครึ่ง คือ ทำการแบ่งครึ่งค่าโน้ตมาจาก Whole note
Quarter note - โน้ตแบ่งสี่หรือแบ่งออกเป็นสี่ส่วน คือ แบ่งจากโน้ตเต็มค่า(whole note)ออกเป็น4ส่วนเท่าๆกัน
Eight note - โน้ตแบ่งแปด
Sixteen note - โน้ตแบ่งสิบหก
Rest คือ ตัวหยุดเสียง มีความหมายตรงข้ามกับnote.
ระบบการอ่านโน้ต >>>
ในปัจจุบันเรานิยมใช้ระบบการอ่านโน้ตที่เรียกว่า Move-do หรือ Tonic sol-fa ซึ่งจะมีลักษณะการออกเสียงให้เป็นไปตามสเกลหรือบันไดเสียงนั้นๆ โดยยึดที่โน้ตตัวเริ่มต้นของสเกลที่เรียกว่า Rootเป็นโน้ตเสียง Do(โด)เสมอ คุณอาจจะลองทำความเข้าใจในเรื่องนี้โดยดูจากStaffด้านล่างนี้.
อ่านจาก Key.C Major.
อ่านจากKey.G Major.
***เรื่องนี้ถ้าบังเอิญคุณมีเพื่อนเป็นนักร้องที่เรียนร้องเพลงมา คุณลองถามเรื่องการออกเสียงนี้ดู คุณอาจจะเข้าใจอะไรมากขึ้น***
--------------------------------------------------------------------------------
Time Signature คืออะไร
คือ เครื่องหมายกำหนด Time โดยปรกติเราจะพบเครื่องหมายนี้ได้หลังClef
มีลักษณะการเขียนคล้ายตัวเลขในแบบเศษส่วน ดังนี้...
ความหมายของตัวเลขในTime Signature.
เลขตัวบน - จำนวนBeatที่จะมีได้ใน 1 Barหรือ 1 ห้องเพลง
เลขตัวล่าง - ประเภทของNoteที่เป็นตัวเดินBeat
อธิบาย >>>
เช่น ในไทม์ฯ 4/4 เลขตัวบนเป็นเลข 4 ฉะนั้นใน 1 บาร์จะมีโน้ตได้ 4 บีต
เลขตัวล่างก็เป็นเลข 4 ฉะนั้นในไทม์นี้จะใช้ Quarter Note เป็นตัวเดินBeat
สรุปรวม คือ ใน4/4นี้จะมีQuarter Noteได้ 4 ตัวใน 1 ห้องเพลง(หรือ1บาร์)
ลองดูStaffต่อไปนี้.
***Noteที่ใช้เดินBeatจะมีค่าเท่ากับ 1 Beatในไทม์ ซิกเนเจอร์นั้นๆ***
-------------------------------------------------------------------------------------------------------
เลขตัวล่าง ประเภทโน้ตที่ใช้เดินBeat
2 Half Note
4 Quarter Note
8 Eight Note
16 Sixteen Note
เรื่องTimeฯ นี้จำเป็นอย่างมากในการทำดนตรี เราจะสังเกตได้ว่าบทเพลงประเภท Progressiveทั้งหลายมักมีการเปลี่ยนTimeฯกลับไปกลับมาเสมอใน 1 บทเพลง.
--------------------------------------------------------------------------------
ประเภทของ Time Signature
เราแบ่งประเภทของ Timeฯได้เป็น 3 ประเภทใหญ่ คือ...
Simple Time
Compound Time
Complex Time
และในทั้ง 3 ประเภทใหญ่นี้เรายังแบ่งเป็นประเภทย่อยๆ ได้อีก ประเภทละ3 อีกด้วย แต่ในคราวนี้เราจะมาเรียนนรู้ในประเภทแรกกันก่อนคือ Simple Time
Simple Time
คือ ไทม์ฯที่มีเลขบอกจำนวนbeat(เลขตัวบน) ที่ไม่เกิน 4 beat เช่น 2/4-3/4-4/4 เป็นต้น. และเราสามารถแบ่ง Simple Time.นี้ออกเป็นอีก 3 ประเภท ดังนี้ >>>
Duple Time คือ ไทม์ที่มี 2 Beat ใน 1 bar เช่น 2/2 - 2/4 - 2/8 - 2/16.
Triple Time คือ ไทม์ที่มี 3 Beat ใน 1 bar เช่น 3/2 - 3/4 - 3/8 - 3/16.
3.Quardruple Time คือ ไทม์ที่มี 4 Beat ใน 1bar เช่น 4/2 - 4/4 - 4/8 - 4/16.
-------------------------------------------------------------------------------
Compound Time
Compound Time คือ Time อัตราผสม สังเกตง่ายๆ เกี่ยวกับ ไทม์ฯ ประเภทนี้ คือ จะสามารถเอาเลข 3 หารได้ลงตัว เช่น 6/2 , 12/16 เป็นต้น และก็แบ่งได้เป็น 3 แบบเหมือนกับ Simple Time เช่นเดียวกัน ดังนี้ >>>
1.Duple Time คือ ไทม์ฯ ที่มีการเคาะ 2 ครั้งใน 1 bar เช่น ไทม์ฯ 6/2 , 6/8 , 6/16 เป็นต้น
2.Triple Time คือ ไทม์ฯ ที่มีการเคาะ 3 ครั้งใน 1 bar เช่น ไทม์ฯ 9/2 , 9/8 , 9/16 เป็นต้น
3.Quardruple Time คือ ไทม์ฯ ที่มีการเคาะ 4 ครั้งใน 1 bar เช่น ไทม์ฯ 12/2 , 12/8 , 12/16 เป็นต้น
วิธีที่เราจะสามารถรู้ได้ว่า ไทม์ฯ ไหนใน 1 บาร์จะมีการเคาะเท้าได้กี่ครั้งก็โดยการเอาเลข 3 หาร เช่นใน 6/8 เราเคาะ 2 ครั้งใน 1 บาร์ เพราะว่า เลข 6 หารด้วย 3 ได้ 2 เราจึงเคาะ 2 ครั้งใน 1 บาร์ การเขียนโน้ตในไทม์ฯประเภทนี้ก็โดยการจับกลุ่มโน้ต จะใช้สัดส่วนโน้ตใดในการจัดกลุ่มก็ให้เราดูที่...เลขตัวล่างของไทม์ฯ เช่น ใน Ex.1
Ex.1
ใน Ex.1 เราใช้ Eight Note ในการจัดกลุ่มโน้ต และจะเคาะเท้าเฉพาะที่หัวชุดของโน้ตเท่านั้น
Ex.2
ใน Ex.2 นี้ก็ใช้ Sixteen Note ในการจัดกลุ่มตัวโน้ต เพราะเลขตัวล่างเป็นเลข 16 อันหมายถึง Sixteen Note และก็เช่นเดียวกัน เวลานับหรือเคาะจังหวะ ให้เรานับ [เคาะ] เฉพาะโน้ตตัวหัดชุดเท่านั้น..
----------------------------------------------------------------------------------
เป็นเพียงแค่พื้นฐานเท่านั้นครับ ใครอยากจะรู้อะไรอีกก็ต้องศึกษาต่อลึกแล้วล่ะครับ
credit :
www.eduzones.com