ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

 
การค้นหาขั้นสูง

149687 กระทู้ ใน 4435 หัวข้อ- โดย 847 สมาชิก - สมาชิกล่าสุด: axlrose

06 พฤษภาคม 2024 | 05:44:07 AM
Thai Progressive Rock CommunityThaiProgTreasure BoxesMy Small & Humble Audio System (ของเล่นปีศาจลายคราม)
หน้า: 1 ... 8 9 [10] 11 12 ... 25
พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: My Small & Humble Audio System (ของเล่นปีศาจลายคราม)  (อ่าน 169545 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
ปีศาจลายคราม
The Snow Goose
**********
เพศ: ชาย
กระทู้: 14376


Reap What You Sow


ดูรายละเอียด
« ตอบ #135 เมื่อ: 22 มกราคม 2011 | 09:21:11 AM »

ทำงัยได้
ก็ใจมันรักซะแล้วนี่
เสียเท่าไหร่ ก็ยอม

รึว่าคุณพี่ปีศาจ ไม่เคยรักใคร หรือ รักอะไร หรือจ๊ะ ยิงฟันยิ้ม
"ความรักทำให้ตาบอด"
"ความรักดั่งโคถึก"
"รักอมตะ คือรักคนตายไปแล้ว" ... คงใช่นะ  ขยิบตา
ตอนนี้ใจมันรักลำโพงอยู่คู่หนึ่งอ่ะครับท่านผีฯ
จะทำไงดีครับ ยิ้มกว้างๆ ยิงฟันยิ้ม ยิ้มกว้างๆ
บันทึกการเข้า
ปีศาจลายคราม
The Snow Goose
**********
เพศ: ชาย
กระทู้: 14376


Reap What You Sow


ดูรายละเอียด
« ตอบ #136 เมื่อ: 22 มกราคม 2011 | 09:35:09 AM »

เคยเห็นไหมครับ บทความของผู้ที่ทำตัวเป็นกูรูเครื่องเสียงบางคน เขียนไว้ว่าใช้สายยี่ห้อนั้นหรือสายรุ่นนี้แล้วจะทำให้คุณภาพเสียงของซิสเต็มดีขึ้นเกิน 50% ราวกับเปลี่ยนเครื่องใหม่เลยทีเดียว

แต่ประทานโทษเถอะครับ สายสัญญาณคู่นั้นหรือสายไฟเส้นนั้นราคาเป็นหลักหมื่น บางทีก็หลักแสน

ถ้ามูลค่าซิสเต็มของคุณเป็นล้าน หรือหลายล้าน ก็ซื้อมันมาใช้เถอะครับ -- สมน้ำสมเนื้อกันดี -- แต่นี่...

ซิสเต็มราคาไม่กี่หมื่น ดันสะเออะซื้อสายเส้นละหรือคู่ละเป็นหมื่นเป็นแสนมาใช้เพื่ออัพเกรดเสียงให้ดีขึ้นเกิน 50% ดังที่ (ผู้ทำตัวเป็น) กูรูเครื่องเสียงพรรณนาไว้ ผมว่ามันจะบ้าไปกันใหญ่แล้ว (แต่ก็เคยมีคนบ้าซื้อสายแพง ๆ ไปใช้เพื่อแก้ปัญหาเครื่องเสียงแบบนี้จริง ๆ ด้วย ไม่ฮานะครับ)

กรณีนี้... เปลี่ยนเครื่องหรือซิสเต็มใหม่ น่าจะเห็นผลชัดกว่าซื้อสายมาแก้ไขปัญหานะครับท่าน ยิ้มกว้างๆ
บันทึกการเข้า
อั๋น501
Voyage Of The Acolyte
*********
กระทู้: 4240



ดูรายละเอียด
« ตอบ #137 เมื่อ: 22 มกราคม 2011 | 10:04:19 AM »

เคยเห็นไหมครับ บทความของผู้ที่ทำตัวเป็นกูรูเครื่องเสียงบางคน เขียนไว้ว่าใช้สายยี่ห้อนั้นหรือสายรุ่นนี้แล้วจะทำให้คุณภาพเสียงของซิสเต็มดีขึ้นเกิน 50% ราวกับเปลี่ยนเครื่องใหม่เลยทีเดียว

แต่ประทานโทษเถอะครับ สายสัญญาณคู่นั้นหรือสายไฟเส้นนั้นราคาเป็นหลักหมื่น บางทีก็หลักแสน

ถ้ามูลค่าซิสเต็มของคุณเป็นล้าน หรือหลายล้าน ก็ซื้อมันมาใช้เถอะครับ -- สมน้ำสมเนื้อกันดี -- แต่นี่...

ซิสเต็มราคาไม่กี่หมื่น ดันสะเออะซื้อสายเส้นละหรือคู่ละเป็นหมื่นเป็นแสนมาใช้เพื่ออัพเกรดเสียงให้ดีขึ้นเกิน 50% ดังที่ (ผู้ทำตัวเป็น) กูรูเครื่องเสียงพรรณนาไว้ ผมว่ามันจะบ้าไปกันใหญ่แล้ว (แต่ก็เคยมีคนบ้าซื้อสายแพง ๆ ไปใช้เพื่อแก้ปัญหาเครื่องเสียงแบบนี้จริง ๆ ด้วย ไม่ฮานะครับ)

กรณีนี้... เปลี่ยนเครื่องหรือซิสเต็มใหม่ น่าจะเห็นผลชัดกว่าซื้อสายมาแก้ไขปัญหานะครับท่าน ยิ้มกว้างๆ

อันที่จริงเรื่องสายไฟกับเครื่องเสียงนั้น  ผมก็ไม่ค่อยเห็นด้วยกับการซื้อสายไฟแพงๆมาใช้เท่าไร  เพราะอะไรผมถึงไม่ค่อยเห็นด้วย
บางคนเปลี่ยนสายไฟแพงๆแค่ช่วงเดียวจากเครื่องมาที่ปลั๊กไฟเท่านั้น ช่วงสายไฟจากเมนเบรคเกอร์มาที่ปลั๊กก็ยังเป็นสายไฟธรรมดาๆแค่ขนาด2.5
ผมว่ามันไม่เห็นผลอะไรมากมายนักหรอกครับ  ถ้าจะเอาให้ดีจริงๆต้องเปลี่ยนสายไฟดีๆขนาดใหญ่ๆเอาให้เท่ากับสายไฟขนาดเมนของการไฟฟ้าเลย
เรียกว่าสายเมนไฟขนาดเท่ากับมาจากหม้อไฟการไฟฟ้าเข้ามาที่เบรคเกอร์ใหญ่เลย(แล้วแต่หม้อไฟจะกี่แอมป์ขนาดของสายไฟจะใหญ่ตามหม้อไฟ)
บางคนที่เปลี่ยนสายไฟแพงๆดีๆรู้หรือเปล่าว่าจากปลั๊กไฟหลังเครื่องใช้สายไฟที่ต่อเพื่อเข้าหม้อแปลงในเครื่องเป็นแค่สายไฟธรรมดาๆเท่านั้น
เพราะแอมป์หรือปรีแอมป์นั้นต้องมีหม้อแปลงไฟจากเอซีให้เป็นดีซีครับ(AC/DC)


บันทึกการเข้า
อั๋น501
Voyage Of The Acolyte
*********
กระทู้: 4240



ดูรายละเอียด
« ตอบ #138 เมื่อ: 22 มกราคม 2011 | 12:05:53 PM »

เคยเห็นไหมครับ บทความของผู้ที่ทำตัวเป็นกูรูเครื่องเสียงบางคน เขียนไว้ว่าใช้สายยี่ห้อนั้นหรือสายรุ่นนี้แล้วจะทำให้คุณภาพเสียงของซิสเต็มดีขึ้นเกิน 50% ราวกับเปลี่ยนเครื่องใหม่เลยทีเดียว

แต่ประทานโทษเถอะครับ สายสัญญาณคู่นั้นหรือสายไฟเส้นนั้นราคาเป็นหลักหมื่น บางทีก็หลักแสน

ถ้ามูลค่าซิสเต็มของคุณเป็นล้าน หรือหลายล้าน ก็ซื้อมันมาใช้เถอะครับ -- สมน้ำสมเนื้อกันดี -- แต่นี่...

ซิสเต็มราคาไม่กี่หมื่น ดันสะเออะซื้อสายเส้นละหรือคู่ละเป็นหมื่นเป็นแสนมาใช้เพื่ออัพเกรดเสียงให้ดีขึ้นเกิน 50% ดังที่ (ผู้ทำตัวเป็น) กูรูเครื่องเสียงพรรณนาไว้ ผมว่ามันจะบ้าไปกันใหญ่แล้ว (แต่ก็เคยมีคนบ้าซื้อสายแพง ๆ ไปใช้เพื่อแก้ปัญหาเครื่องเสียงแบบนี้จริง ๆ ด้วย ไม่ฮานะครับ)

กรณีนี้... เปลี่ยนเครื่องหรือซิสเต็มใหม่ น่าจะเห็นผลชัดกว่าซื้อสายมาแก้ไขปัญหานะครับท่าน ยิ้มกว้างๆ

อันที่จริงเรื่องสายไฟกับเครื่องเสียงนั้น  ผมก็ไม่ค่อยเห็นด้วยกับการซื้อสายไฟแพงๆมาใช้เท่าไร  เพราะอะไรผมถึงไม่ค่อยเห็นด้วย
บางคนเปลี่ยนสายไฟแพงๆแค่ช่วงเดียวจากเครื่องมาที่ปลั๊กไฟเท่านั้น ช่วงสายไฟจากเมนเบรคเกอร์มาที่ปลั๊กก็ยังเป็นสายไฟธรรมดาๆแค่ขนาด2.5
ผมว่ามันไม่เห็นผลอะไรมากมายนักหรอกครับ  ถ้าจะเอาให้ดีจริงๆต้องเปลี่ยนสายไฟดีๆขนาดใหญ่ๆเอาให้เท่ากับสายไฟขนาดเมนของการไฟฟ้าเลย
เรียกว่าสายเมนไฟขนาดเท่ากับมาจากหม้อไฟการไฟฟ้าเข้ามาที่เบรคเกอร์ใหญ่เลย(แล้วแต่หม้อไฟจะกี่แอมป์ขนาดของสายไฟจะใหญ่ตามหม้อไฟ)
บางคนที่เปลี่ยนสายไฟแพงๆดีๆรู้หรือเปล่าว่าจากปลั๊กไฟหลังเครื่องใช้สายไฟที่ต่อเพื่อเข้าหม้อแปลงในเครื่องเป็นแค่สายไฟธรรมดาๆเท่านั้น
เพราะแอมป์หรือปรีแอมป์นั้นต้องมีหม้อแปลงไฟจากเอซีให้เป็นดีซีครับ(AC/DC)




ถ้าจะเล่นกับระบบไฟจริงๆแบบได้ผลต้องเล่นและจัดการทั้งระบบเลยครับ ว่างๆจะมาขยายความให้อ่าน
บันทึกการเข้า
ปีศาจลายคราม
The Snow Goose
**********
เพศ: ชาย
กระทู้: 14376


Reap What You Sow


ดูรายละเอียด
« ตอบ #139 เมื่อ: 22 มกราคม 2011 | 03:27:44 PM »

เคยเห็นไหมครับ บทความของผู้ที่ทำตัวเป็นกูรูเครื่องเสียงบางคน เขียนไว้ว่าใช้สายยี่ห้อนั้นหรือสายรุ่นนี้แล้วจะทำให้คุณภาพเสียงของซิสเต็มดีขึ้นเกิน 50% ราวกับเปลี่ยนเครื่องใหม่เลยทีเดียว

แต่ประทานโทษเถอะครับ สายสัญญาณคู่นั้นหรือสายไฟเส้นนั้นราคาเป็นหลักหมื่น บางทีก็หลักแสน

ถ้ามูลค่าซิสเต็มของคุณเป็นล้าน หรือหลายล้าน ก็ซื้อมันมาใช้เถอะครับ -- สมน้ำสมเนื้อกันดี -- แต่นี่...

ซิสเต็มราคาไม่กี่หมื่น ดันสะเออะซื้อสายเส้นละหรือคู่ละเป็นหมื่นเป็นแสนมาใช้เพื่ออัพเกรดเสียงให้ดีขึ้นเกิน 50% ดังที่ (ผู้ทำตัวเป็น) กูรูเครื่องเสียงพรรณนาไว้ ผมว่ามันจะบ้าไปกันใหญ่แล้ว (แต่ก็เคยมีคนบ้าซื้อสายแพง ๆ ไปใช้เพื่อแก้ปัญหาเครื่องเสียงแบบนี้จริง ๆ ด้วย ไม่ฮานะครับ)

กรณีนี้... เปลี่ยนเครื่องหรือซิสเต็มใหม่ น่าจะเห็นผลชัดกว่าซื้อสายมาแก้ไขปัญหานะครับท่าน ยิ้มกว้างๆ

อันที่จริงเรื่องสายไฟกับเครื่องเสียงนั้น  ผมก็ไม่ค่อยเห็นด้วยกับการซื้อสายไฟแพงๆมาใช้เท่าไร  เพราะอะไรผมถึงไม่ค่อยเห็นด้วย
บางคนเปลี่ยนสายไฟแพงๆแค่ช่วงเดียวจากเครื่องมาที่ปลั๊กไฟเท่านั้น ช่วงสายไฟจากเมนเบรคเกอร์มาที่ปลั๊กก็ยังเป็นสายไฟธรรมดาๆแค่ขนาด2.5
ผมว่ามันไม่เห็นผลอะไรมากมายนักหรอกครับ  ถ้าจะเอาให้ดีจริงๆต้องเปลี่ยนสายไฟดีๆขนาดใหญ่ๆเอาให้เท่ากับสายไฟขนาดเมนของการไฟฟ้าเลย
เรียกว่าสายเมนไฟขนาดเท่ากับมาจากหม้อไฟการไฟฟ้าเข้ามาที่เบรคเกอร์ใหญ่เลย(แล้วแต่หม้อไฟจะกี่แอมป์ขนาดของสายไฟจะใหญ่ตามหม้อไฟ)
บางคนที่เปลี่ยนสายไฟแพงๆดีๆรู้หรือเปล่าว่าจากปลั๊กไฟหลังเครื่องใช้สายไฟที่ต่อเพื่อเข้าหม้อแปลงในเครื่องเป็นแค่สายไฟธรรมดาๆเท่านั้น
เพราะแอมป์หรือปรีแอมป์นั้นต้องมีหม้อแปลงไฟจากเอซีให้เป็นดีซีครับ(AC/DC)




ถ้าจะเล่นกับระบบไฟจริงๆแบบได้ผลต้องเล่นและจัดการทั้งระบบเลยครับ ว่างๆจะมาขยายความให้อ่าน
ก็กำลังดูอยู่ครับว่าจะแก้ระบบไฟทั้งระบบยังไง เพราะแฟนก็เคยบอกว่าบ้านเก่าแล้ว น่าจะเปลี่ยนสายไฟใหม่ทั้งชุด ผมคงจะถือโอกาสตอนนั้นให้ช่างเขาลงกราวน์ดให้ด้วยเลย บ้านทั้งหลัง ก็น่าจะหลายเงินอยู่ครับ
บันทึกการเข้า
อั๋น501
Voyage Of The Acolyte
*********
กระทู้: 4240



ดูรายละเอียด
« ตอบ #140 เมื่อ: 22 มกราคม 2011 | 04:41:42 PM »

เคยเห็นไหมครับ บทความของผู้ที่ทำตัวเป็นกูรูเครื่องเสียงบางคน เขียนไว้ว่าใช้สายยี่ห้อนั้นหรือสายรุ่นนี้แล้วจะทำให้คุณภาพเสียงของซิสเต็มดีขึ้นเกิน 50% ราวกับเปลี่ยนเครื่องใหม่เลยทีเดียว

แต่ประทานโทษเถอะครับ สายสัญญาณคู่นั้นหรือสายไฟเส้นนั้นราคาเป็นหลักหมื่น บางทีก็หลักแสน

ถ้ามูลค่าซิสเต็มของคุณเป็นล้าน หรือหลายล้าน ก็ซื้อมันมาใช้เถอะครับ -- สมน้ำสมเนื้อกันดี -- แต่นี่...

ซิสเต็มราคาไม่กี่หมื่น ดันสะเออะซื้อสายเส้นละหรือคู่ละเป็นหมื่นเป็นแสนมาใช้เพื่ออัพเกรดเสียงให้ดีขึ้นเกิน 50% ดังที่ (ผู้ทำตัวเป็น) กูรูเครื่องเสียงพรรณนาไว้ ผมว่ามันจะบ้าไปกันใหญ่แล้ว (แต่ก็เคยมีคนบ้าซื้อสายแพง ๆ ไปใช้เพื่อแก้ปัญหาเครื่องเสียงแบบนี้จริง ๆ ด้วย ไม่ฮานะครับ)

กรณีนี้... เปลี่ยนเครื่องหรือซิสเต็มใหม่ น่าจะเห็นผลชัดกว่าซื้อสายมาแก้ไขปัญหานะครับท่าน ยิ้มกว้างๆ

อันที่จริงเรื่องสายไฟกับเครื่องเสียงนั้น  ผมก็ไม่ค่อยเห็นด้วยกับการซื้อสายไฟแพงๆมาใช้เท่าไร  เพราะอะไรผมถึงไม่ค่อยเห็นด้วย
บางคนเปลี่ยนสายไฟแพงๆแค่ช่วงเดียวจากเครื่องมาที่ปลั๊กไฟเท่านั้น ช่วงสายไฟจากเมนเบรคเกอร์มาที่ปลั๊กก็ยังเป็นสายไฟธรรมดาๆแค่ขนาด2.5
ผมว่ามันไม่เห็นผลอะไรมากมายนักหรอกครับ  ถ้าจะเอาให้ดีจริงๆต้องเปลี่ยนสายไฟดีๆขนาดใหญ่ๆเอาให้เท่ากับสายไฟขนาดเมนของการไฟฟ้าเลย
เรียกว่าสายเมนไฟขนาดเท่ากับมาจากหม้อไฟการไฟฟ้าเข้ามาที่เบรคเกอร์ใหญ่เลย(แล้วแต่หม้อไฟจะกี่แอมป์ขนาดของสายไฟจะใหญ่ตามหม้อไฟ)
บางคนที่เปลี่ยนสายไฟแพงๆดีๆรู้หรือเปล่าว่าจากปลั๊กไฟหลังเครื่องใช้สายไฟที่ต่อเพื่อเข้าหม้อแปลงในเครื่องเป็นแค่สายไฟธรรมดาๆเท่านั้น
เพราะแอมป์หรือปรีแอมป์นั้นต้องมีหม้อแปลงไฟจากเอซีให้เป็นดีซีครับ(AC/DC)




ถ้าจะเล่นกับระบบไฟจริงๆแบบได้ผลต้องเล่นและจัดการทั้งระบบเลยครับ ว่างๆจะมาขยายความให้อ่าน
ก็กำลังดูอยู่ครับว่าจะแก้ระบบไฟทั้งระบบยังไง เพราะแฟนก็เคยบอกว่าบ้านเก่าแล้ว น่าจะเปลี่ยนสายไฟใหม่ทั้งชุด ผมคงจะถือโอกาสตอนนั้นให้ช่างเขาลงกราวน์ดให้ด้วยเลย บ้านทั้งหลัง ก็น่าจะหลายเงินอยู่ครับ

เป็นสิ่งที่ถูกต้องเลยครับ  ถ้าจะเปลี่ยนสายไฟใหม่ทั้งบ้าน(บ้านเก่าๆอายุหลายสิบปีสายไฟก็ต้องเปลี่ยนใหม่) ถึงตอนนั้นก็ทำให้ดีไปเลย
แยกสายเมนไฟและกราวน์ดของชุดเครื่องเสียงออกจากเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆ
บันทึกการเข้า
ปีศาจลายคราม
The Snow Goose
**********
เพศ: ชาย
กระทู้: 14376


Reap What You Sow


ดูรายละเอียด
« ตอบ #141 เมื่อ: 25 กุมภาพันธ์ 2011 | 09:39:24 AM »

อัพเดทล่าสุด 25/02/54

สองเดือนผ่านไปกับการเบิร์นอินแอมป์ Roksan ซึ่งผมคะเนเอาว่าเล่นไปได้จริงประมาณ 80 ชั่วโมงเท่านั้น และผมไม่แน่ใจว่าจะใช้เวลาอีกสักเท่าไรกว่าเครื่องนี้จะพ้นระยะเบิร์นอิน (น่าจะสักร้อยกว่าชั่วโมงขึ้นไป)

...ก็เล่นมันไปเรื่อย ๆ เพราะเราไม่รีบร้อนอะไรอยู่แล้ว...

ผมมีความเชื่ออยู่อย่างหนึ่งว่า เครื่องเสียงดี แม้จะยังไม่พ้นระยะเบิร์นอินหรือยังไม่เข้าที่เข้าทางก็ตาม มันจะส่อแววรักดีตั้งแต่แรกเริ่มใช้งาน กล่าวคือ ให้เสียงที่ดีน่าพอใจในระดับหนึ่ง และเสียงจะค่อย ๆ ดียิ่งขึ้นไปอีกเมื่อเวลาการใช้งานได้ผ่านไป

อินทิเกรตเตดแอมป์ Roksan ตัวนี้ก็เข้าลักษณะดังที่พรรณนาไว้ข้างต้น เพราะเมื่อแกะกล่องออกแล้ว นำมันไปติดตั้ง เชื่อมต่อ และเปิดเล่นร่วมกับเครื่องอื่น ๆ ในระบบ มันก็ฉายแววให้เสียงดีอย่างน่าตกใจในขณะนั้นเลยทีเดียว -- เสียงนุ่มเจือความหวานนิด ๆ สะอาดเกลี้ยงเกลา รายละเอียดดี และมีน้ำหนัก แม้สังเกตได้ว่าบางช่วงความถี่ออกจะเบลอร์ ๆ อยู่เล็กน้อยก็ตาม ผมมั่นใจว่าเสียงย่านนั้นจะดีขึ้นหรือเปิดโล่งอีกแน่นอนเมื่อเวลาผ่านพ้นไป

แอมป์ตัวนี้มีภาคโฟโนแบบ MM มาให้เสร็จสรรพในตัว แต่ผมไม่ได้ใช้งานฟังก์ชั่นนี้ หากแต่เลือกที่จะเล่นแผ่นเสียงโดยต่อผ่านภาคขยายสัญญาณโฟโนของ Lehmann Black Cube ต่างหาก แล้วจึงต่อเข้าช่อง Line ของแอมป์อีกทีหนึ่ง และแอมป์ตัวนี้ไม่มีภาค tone control หรือปุ่มปรับทุ้มแหลมมาให้ ซึ่งก็เหมือนกับแอมป์ไฮเอนด์ทั่วไปที่ไม่มีฟังก์ชั่นนี้ เพราะถือเอาความบริสุทธิ์ของเสียงจากแหล่งกำเนิดโดยปราศจากการปรับแต่งเป็นหลัก ทำให้ผมไม่ต้องกังวลกับการปรับเสียงทุ้มแหลมอย่างที่เคยปฏิบัติกับแอมป์ราคาไม่แพงสองสามเครื่องที่เคยเล่นมา เพราะกับแอมป์เหล่านี้ ถ้าผมกดปุ่มตัดฟังก์ชั่น tone control ออกเพื่อฟังเสียงแบบ flat เมื่อใด เวทีเสียงและความถี่ทุกย่านจะหุบลงทันที ทำให้ฟังแบบ flat ไม่ได้เลย เพราะเสียงมันอับทึบ ฟังแล้วอึดอัด แต่กับแอมป์ Roksan แล้ว เหมือนผู้ผลิตเขาตั้งใจจะจูนเสียงมาดีแล้ว จึงให้เสียงได้ครบทุกย่านโดยไม่ต้องพึ่งพาการปรับแต่งเลย

แอมป์ตัวนี้ทำให้ผมมั่นใจกับแหล่งกำเนิด (source) ที่เล่นร่วมกับมันอยู่ อันได้แก่ เทิร์นเทเบิ้ล (แท่น โทนอาร์ม และหัวเข็ม) และเครื่องเล่นซีดี เพราะด้วยความที่แอมป์ไม่มี tone control เสียงที่มาจากแหล่งกำเนิดต้นทางจะดีหรือเลวอย่างไร แอมป์ตัวนี้บอกได้ เพราะมันมีความเป็นกลางโดยไม่ต้องพึ่งพาการปรับแต่ง แอมป์ตัวนี้ทำให้ผมรู้ว่าว่าทั้งเทิร์นเทเบิ้ลและเครื่องเล่นซีดีที่ใช้งานอยู่นั้น เสียงของมันไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่แต่ประการใดเลย มันทำให้การฟังเพลงของผมมีรสชาติและเต็มไปด้วยความสุข จนกระทั่งบางคืนผมเผลอขลุกกับมันอยู่จนดึกจนดื่นเกือบตื่นไปทำงานสายก็มี

ผมจะเบิร์นอินมันต่อไปอีกให้ได้ครบ 150 ชั่วโมง พอถึงตอนนั้นจะกลับมารายงานใหม่อีกทีครับ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25 กุมภาพันธ์ 2011 | 03:45:09 PM โดย ปีศาจลายคราม » บันทึกการเข้า
ปีศาจลายคราม
The Snow Goose
**********
เพศ: ชาย
กระทู้: 14376


Reap What You Sow


ดูรายละเอียด
« ตอบ #142 เมื่อ: 25 กุมภาพันธ์ 2011 | 09:50:06 AM »

My System Update (25/02/11)

1. Roksan Kandy K2 integrated amplifier (125 watts/ch @ 8 ohm)

2. Denon DCD-2560 GL CD player (Gold Limited Edition)

3. Turntable System
- Audio Linear TD-4001 turntable
- Dynavector DV-505 tonearm
- Moving Coil Cartridges: Ortofon MC 15 Super Mk II, Dynavector DV-20X (high output)

4. Lehmann Audio Black Cube MM & MC phono pre-amp (regular version)

5. TEAC V-1010 3-head cassette deck

6. Wharfedale EM 93 bookshelf two-way loudspeakers
 
7. Cables
7.1 Speaker cables: Supra Ply 3.4
7.2 Interconnect Cables
- From CD player to amplifier: van Den Hul D-102 Mk III
- From phono pre-amp to amplifier: Black Rhodium "Coda"
- From cassette deck to amp: Audioquest Topaz
7.3 A/C Cables
- For Integrated Amp: IeGO L70530
- For phono pre-amp: Monster PowerLink 300

8. Accessories
8.1 MRZ TVSS (Transient Voltage Surge Suppressor) Model T-6 (ชุดปลั๊กรางระบบป้องกันไฟกระชาก)
8.2 AUDIO ARTS speakers stands
8.3 Turntable rack lamp
8.4 Record brushes, LP cleaning kit, stylus cleaners, stylus force gauges, bubble level, cartridge alignment gauge etc.  
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25 กุมภาพันธ์ 2011 | 03:47:53 PM โดย ปีศาจลายคราม » บันทึกการเข้า
อั๋น501
Voyage Of The Acolyte
*********
กระทู้: 4240



ดูรายละเอียด
« ตอบ #143 เมื่อ: 26 กุมภาพันธ์ 2011 | 12:22:46 AM »

อัพเดทล่าสุด 25/02/54

สองเดือนผ่านไปกับการเบิร์นอินแอมป์ Roksan ซึ่งผมคะเนเอาว่าเล่นไปได้จริงประมาณ 80 ชั่วโมงเท่านั้น และผมไม่แน่ใจว่าจะใช้เวลาอีกสักเท่าไรกว่าเครื่องนี้จะพ้นระยะเบิร์นอิน (น่าจะสักร้อยกว่าชั่วโมงขึ้นไป)

...ก็เล่นมันไปเรื่อย ๆ เพราะเราไม่รีบร้อนอะไรอยู่แล้ว...

ผมมีความเชื่ออยู่อย่างหนึ่งว่า เครื่องเสียงดี แม้จะยังไม่พ้นระยะเบิร์นอินหรือยังไม่เข้าที่เข้าทางก็ตาม มันจะส่อแววรักดีตั้งแต่แรกเริ่มใช้งาน กล่าวคือ ให้เสียงที่ดีน่าพอใจในระดับหนึ่ง และเสียงจะค่อย ๆ ดียิ่งขึ้นไปอีกเมื่อเวลาการใช้งานได้ผ่านไป

อินทิเกรตเตดแอมป์ Roksan ตัวนี้ก็เข้าลักษณะดังที่พรรณนาไว้ข้างต้น เพราะเมื่อแกะกล่องออกแล้ว นำมันไปติดตั้ง เชื่อมต่อ และเปิดเล่นร่วมกับเครื่องอื่น ๆ ในระบบ มันก็ฉายแววให้เสียงดีอย่างน่าตกใจในขณะนั้นเลยทีเดียว -- เสียงนุ่มเจือความหวานนิด ๆ สะอาดเกลี้ยงเกลา รายละเอียดดี และมีน้ำหนัก แม้สังเกตได้ว่าบางช่วงความถี่ออกจะเบลอร์ ๆ อยู่เล็กน้อยก็ตาม ผมมั่นใจว่าเสียงย่านนั้นจะดีขึ้นหรือเปิดโล่งอีกแน่นอนเมื่อเวลาผ่านพ้นไป

แอมป์ตัวนี้มีภาคโฟโนแบบ MM มาให้เสร็จสรรพในตัว แต่ผมไม่ได้ใช้งานฟังก์ชั่นนี้ หากแต่เลือกที่จะเล่นแผ่นเสียงโดยต่อผ่านภาคขยายสัญญาณโฟโนของ Lehmann Black Cube ต่างหาก แล้วจึงต่อเข้าช่อง Line ของแอมป์อีกทีหนึ่ง และแอมป์ตัวนี้ไม่มีภาค tone control หรือปุ่มปรับทุ้มแหลมมาให้ ซึ่งก็เหมือนกับแอมป์ไฮเอนด์ทั่วไปที่ไม่มีฟังก์ชั่นนี้ เพราะถือเอาความบริสุทธิ์ของเสียงจากแหล่งกำเนิดโดยปราศจากการปรับแต่งเป็นหลัก ทำให้ผมไม่ต้องกังวลกับการปรับเสียงทุ้มแหลมอย่างที่เคยปฏิบัติกับแอมป์ราคาไม่แพงสองสามเครื่องที่เคยเล่นมา เพราะกับแอมป์เหล่านี้ ถ้าผมกดปุ่มตัดฟังก์ชั่น tone control ออกเพื่อฟังเสียงแบบ flat เมื่อใด เวทีเสียงและความถี่ทุกย่านจะหุบลงทันที ทำให้ฟังแบบ flat ไม่ได้เลย เพราะเสียงมันอับทึบ ฟังแล้วอึดอัด แต่กับแอมป์ Roksan แล้ว เหมือนผู้ผลิตเขาตั้งใจจะจูนเสียงมาดีแล้ว จึงให้เสียงได้ครบทุกย่านโดยไม่ต้องพึ่งพาการปรับแต่งเลย

แอมป์ตัวนี้ทำให้ผมมั่นใจกับแหล่งกำเนิด (source) ที่เล่นร่วมกับมันอยู่ อันได้แก่ เทิร์นเทเบิ้ล (แท่น โทนอาร์ม และหัวเข็ม) และเครื่องเล่นซีดี เพราะด้วยความที่แอมป์ไม่มี tone control เสียงที่มาจากแหล่งกำเนิดต้นทางจะดีหรือเลวอย่างไร แอมป์ตัวนี้บอกได้ เพราะมันมีความเป็นกลางโดยไม่ต้องพึ่งพาการปรับแต่ง แอมป์ตัวนี้ทำให้ผมรู้ว่าว่าทั้งเทิร์นเทเบิ้ลและเครื่องเล่นซีดีที่ใช้งานอยู่นั้น เสียงของมันไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่แต่ประการใดเลย มันทำให้การฟังเพลงของผมมีรสชาติและเต็มไปด้วยความสุข จนกระทั่งบางคืนผมเผลอขลุกกับมันอยู่จนดึกจนดื่นเกือบตื่นไปทำงานสายก็มี

ผมจะเบิร์นอินมันต่อไปอีกให้ได้ครบ 150 ชั่วโมง พอถึงตอนนั้นจะกลับมารายงานใหม่อีกทีครับ



เมื่อขยับซีสเต็มขึ้นมาอีกระดับก็ย่อมให้คุณภาพเสียงที่ดีขึ้นตามลำดับอยู่แล้วครับ  คุณปีศาจฯเบิร์นอินทีเกรทแอมป์ประมาณ 200 ชั่วโมงขึ้นไป
เสียงน่าจะเข้าที่  รายการต่อไปจะขยับอะไรอีกล่ะครับ
บันทึกการเข้า
ปีศาจลายคราม
The Snow Goose
**********
เพศ: ชาย
กระทู้: 14376


Reap What You Sow


ดูรายละเอียด
« ตอบ #144 เมื่อ: 04 พฤษภาคม 2011 | 09:15:00 AM »

ได้ยินกิตติศัพท์ของหัวเข็ม Denon DL-103R ในฐานะที่เป็นหนึ่งในหัวเข็มประเภท giant killers มานาน ก็เลยลองสั่งมาเล่นดูบ้าง เพราะเห็นว่าราคาไม่ค่อยแพงนัก (แต่ราคาก็สูงกว่ารุ่น DL-103 ธรรมดาอยู่พอสมควร) สินค้าเพิ่งมาถึงเมื่อวานนี้ ผมโดนเรียกไปจ่ายค่าภาษีตามระเบียบ เพราะคนขายดันส่งห่อพัสดุมาเสียใหญ่โต ถ้าห่อให้เล็กกว่านี้ อาจไม่ต้องเสียภาษีก็ได้ เพราะไม่เป็นที่เพ่งเล็งของเจ้าหน้าที่

กล่องนอกมีรอยยับย่น แต่ตรวจดูกล่องในที่ใส่หัวเข็มแล้วรู้สึกค่อยยังชั่ว เพราะสภาพเรียบร้อยทั้งกล่องและทั้งหัวเข็ม โดยในกล่องนั้นมีคู่มือ แปรงปัดปลายเข็ม และกราฟแสดงค่าการตอบสนองความถี่ของหัวเข็มที่วัดได้จากห้องแล็บฯมาให้ด้วย ก็ถือว่ามีเท่าที่จำเป็น แพ็คเกจไม่หรูหราเหมือนหัวเข็มราคาแพงยี่ห้ออื่น ๆ ผมสันนิษฐานว่า Denon คงลดต้นทุนหีบห่อ แต่ใส่ใจคุณภาพสินค้าที่เป็นเนื้อในมากกว่า ดังนั้น ของดีมีคุณภาพของเขาจึงขายได้ในราคาที่ไม่แพงนัก







 
บันทึกการเข้า
ปีศาจลายคราม
The Snow Goose
**********
เพศ: ชาย
กระทู้: 14376


Reap What You Sow


ดูรายละเอียด
« ตอบ #145 เมื่อ: 04 พฤษภาคม 2011 | 09:22:38 AM »

กล่องในที่ใช้บรรจุหัวเข็ม โดย Denon ให้สกรู hardware ติดตั้งหัวเข็มมาเพียงคู่เดียว







Denon DL-103R ใช้ทองแดงบริสุทธิ์ 6N ในการพันคอยล์
บันทึกการเข้า
ปีศาจลายคราม
The Snow Goose
**********
เพศ: ชาย
กระทู้: 14376


Reap What You Sow


ดูรายละเอียด
« ตอบ #146 เมื่อ: 04 พฤษภาคม 2011 | 09:41:10 AM »

เนื่องจากสกรูที่แถมมากับหัวเข็มนั้นสั้นเกินไปสำหรับเฮดเชลล์ของอาร์ม ผมจึงใช้สกรูสำรองที่เก็บเป็นอะไหล่เอาไว้ โดยเลือกขนาดความยาวที่เหมาะสมที่สุด จากนั้นก็ติดตั้งและนำไปประกอบเข้ากับอาร์ม ปรับตั้งมุม offset & overhang ด้วย mounting gauge ของโทนอาร์ม ตั้งค่าแรงกดไว้ที่ 2.5 กรัม บวก/ลบ 0.3 (ผมใช้ค่า 2.7 กรัม ถ้าใช้แค่ 2.5 แผ่นเสียงเกาะร่องไม่อยู่และเกิดอาการตกร่อง) ปรับมุม SRA/VTA และ anti-skating force

ที่น่าเป็นห่วงประการหนึ่งคือ ความสูงของบอดี้หัวเข็ม DL-103R น้อยกว่า Ortofon MC 15 Super II ซึ่งเป็นหัวเข็มที่ผมใช้งานอยู่เดิม ดังนั้น เมื่อติดตั้ง DL-103R เข้ากับอาร์ม Dynavector DV-505 และตั้งมุม SRA/VTA แล้ว ปรากฏว่า ท้องของ sub-arm แทบจะประชิดสัมผัสผิวแผ่นเสียงให้ได้เลย (กลัวผิวแผ่นเสียงจะครูดกับท้องของ sub-arm ในขณะที่แผ่นกำลังหมุนอยู่ครับ) ในขณะที่เมื่อเทียบกับบอดี้ทรงสูงของ Ortofon MC 15 Super II แล้ว ไม่ต้องกังวลว่าท้องของ sub-arm จะแตะผิวแผ่น เพราะ sub-arm จะมีระยะห่างหรือความสูงอยู่เหนือผิวแผ่นเสียงพอสมควร





บันทึกการเข้า
ปีศาจลายคราม
The Snow Goose
**********
เพศ: ชาย
กระทู้: 14376


Reap What You Sow


ดูรายละเอียด
« ตอบ #147 เมื่อ: 04 พฤษภาคม 2011 | 12:02:02 PM »

หลังจากที่ได้ติดตั้งและทำการปรับแต่งค่าที่จำเป็นต่าง ๆ เกี่ยวกับหัวเข็ม DL-103R แล้ว ขั้นต่อไปผมก็เลือกค่า load impedance ของหัวเข็ม โดยกำหนดไว้ที่ 100 ohm เช่นเดียวกับ Ortofon MC 15 Super II

เนื่องจากกว่าจะติดตั้งหัวเข็มเสร็จก็ปาเข้าไปหลังเที่ยงคืนแล้ว ผมจึงทดลองฟังแผ่นเสียงได้เพียงสองสามแผ่น และแน่นอนว่าหัวเข็มใหม่จำเป็นต้องเบิร์น-อินต่อไปอีกหลายสิบชั่วโมงกว่าจะได้รู้บุคลิกเสียงที่แท้จริงของมัน นอกจากนี้ อาจจำเป็นต้องทำการปรับแต่งหรือ fine tune เพิ่มเติมอีกเล็กน้อยเพื่อให้หัวเข็มทำงานร่วมกับอาร์มและเทิร์นเทเบิ้ลด้วยประสิทธิภาพสูงสุด แม้ว่าหัวเข็มจะยังใหม่อยู่ก็ตาม นับแต่เพลงแรกที่ผมได้ยินผ่านหัวเข็มอันนี้ผมก็รู้สึกพอใจเป็นอันมากกับความกลมกล่อม ความเนียน แรงปะทะ และความประณีต ในขณะที่ Ortofon MC 15 Super Mk II ให้รายละเอียดและสมดุลเสียงเป็นกลางดีมากจนบางครั้งออกแนว analytic ไปหน่อย เพราะปลายเข็ม super fine line ของมันได้ดึงเสียงขยะที่ดังก๊อบแก๊บออกมาจากร่องเสียงด้วย แต่กับ Denon DL-103R ดูเหมือนเสียงขยะที่ว่านี้จะมีให้ได้ยินน้อยมากหรือแทบไม่ได้ยินเลย ก็ไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะอานิสงส์ของปลายเข็มแบบ conical หรือการออกแบบ generator coil ภายในกันแน่ แต่ที่แน่ ๆ คือต้องทดลองเล่นต่อไปอีกสักพัก จึงจะเห็นบุคลิกเสียงที่แท้จริงของมันครับ
บันทึกการเข้า
ปีศาจลายคราม
The Snow Goose
**********
เพศ: ชาย
กระทู้: 14376


Reap What You Sow


ดูรายละเอียด
« ตอบ #148 เมื่อ: 10 พฤษภาคม 2011 | 04:46:18 PM »

เล่น DL-103R ไปได้ประมาณสี่ชั่วโมงแล้ว พบว่าเสียงดีมาก และผมชอบสไตล์เสียงแบบนี้ แต่ด้วยความที่ตัวเรือนเข็มมันเตี้ยไปนิด ท้องอาร์มของผมจึงสุ่มเสี่ยงต่อการสัมผัสกับผิวแผ่นเสียง โดยเฉพาะพวกแผ่นหนา ๆ อย่างแผ่น 180 กรัมขึ้นไป จึงต้องถอดเก็บ และเอา Ortofon MC 15 Super II ใส่กลับเข้าไปเหมือนเดิม ซึ่งทำให้ผมสบายใจกว่า สงสัยคงต้องไปหาหัวเข็มใหม่ที่ตัวเรือนสูงยาวเข่าดีกว่านี้มาทดแทนเสียแล้ว อย่างเช่น DL-304, DL-110 เป็นต้น ส่วน DL-103R คงต้องเก็บเข้ากรุเข้ากล่องตามระเบียบ เอาไว้หาโทนอาร์มเหมาะ ๆ มาเล่นกับมันในอนาคตดีกว่า หรือถ้าเพื่อน ๆ ท่านใดสนใจจะรับไปดูแลต่อ ก็จะพิจารณาอีกที

ว่าแต่ท่านผีฯสนใจจะรับไปอัพเกรดแทน DL-103 ของท่านมั้ยครับ? ยิงฟันยิ้ม
บันทึกการเข้า
ท่านผีเพลง
Voyage Of The Acolyte
*********
กระทู้: 4733


Phantom of the Paradise


ดูรายละเอียด เว็บไซต์ อีเมล์
« ตอบ #149 เมื่อ: 10 พฤษภาคม 2011 | 07:37:21 PM »

ดูแล้ว มันโหลดเตี้ย น่าเสียวใส้แทนครับ
เห็นคุณโปโลตูนบ่นว่าอยากได้นี่ครับ
เฮียป่องว่าไง
ได้แอมป์เสียงดีไปแล้ว อิ่มจิตเลยนะ...
บันทึกการเข้า

หน้า: 1 ... 8 9 [10] 11 12 ... 25
พิมพ์
กระโดดไป:  

ThaiProg.net Ver 4.0 by tisanai,Shineon,kongbei
Top 10 Best Sellers in Kindle eBooks Reviewer 2016 Top 10 Best Sellers In Automotive Parts And Accessories Reviewer 2016 Top 10 Best Sellers in Tools and Home Improvement Under $10, Reviewer 2016
Top 10 Best Sellers in Clothing for 2017 Top 10 Best Sellers in Clothing Best Sellers in Clothing
Top 10 Best Sellers in Books reviewer 2017 Top 10 Best Sellers in Books Best Sellers in Books
Top 10 Best Sellers In Best Sellers In Grocery Reviewer 2017 Top 10 Best Sellers In Best Sellers In Grocery Best Sellers In Grocery