เกิดจาก 2 ปีก่อนครับ เดินผ่านร้านซ่อม Turn ร้านหนึ่ง เปิด B.B.King ที่เป็น Live สักชุด... ซึ่ง ... เสียงที่ได้ฟัง มันทำให้ผมตะลึง จะว่าอยู่ในภวังค์ไปครู่ใหญ่ ก็ไม่เชิง .. จะด้วย System หรืออะไรผมก็ไม่ทราบหรอกครับ เพราะเป็นร้านซ่อมเล็กๆ รกๆ ..
แต่สิ่งที่รู้สึกคือ เสียงที่ออกมามันมีเนื้อมีหนัง อิ่มเอิม เหมือน ปู่่ B.B. แกมาเล่นให้ดูตรงหน้า มันเป็นความประทับใจที่ฝังใจมากๆ ... แต่ ณ ตอนนั้นผมไม่มีความรู้เรื่องนี้ และ คิดแต่จะเอาเงินไปลงกับหูฟังดีๆ เพราะคิดว่า มันสะดวกกว่้า พกพาไปฟังได้ทุกที่...
จนเมื่อไม่นานมานี้ มีโอกาสได้ไปร้านแผ่นเสียงอีกครั้ง ไปหยิบ ไปจับ ไปลอง .. ได้สัมผัส ได้ฟัง ทำให้หวนนึกถึงความประทับใจวันนั้น นอกจากเสียงแล้ว ทั้งรูปลักษณ์ ปก ซอง ตัวแผ่น และเครื่องเล่น ทุกอย่างล้วนมีเสน่ห์ครับ .... มันมีพลัง มันดึงดูด ลูบๆคลำ ก็รู้สึกดีแล้ว
ทุกวันนี้รู้สึกชีวิตมันรีบร้อนเหลือเกิน.. ผมอยากจะนั่งหลับตา ในห้องนอน ค่อยๆเปิดแผ่นเสียง ให้เวลากับสิ่งที่ออกมา โดยไม่มีการกดข้ามเพลง แบบที่นิสัียเสียเมื่อใช้ Ipod อยู่นี่ .... จึงคิดอยากจะลองดูสักตั้ง ไม่รู้ว่าผลจะออกมาดีหรือไม่ดี อย่างไร แต่ผมเชื่อว่า ไหนๆก็เป็นคนรักการฟังเพลง ในชีวิตหนึ่งควรจะได้ลิ้มรสชาติของ แผ่นเสียงสักครั้ง ...
ผมจะขอแสดงความคิดเห็นโดยส่วนตัวของผมหน่อยนะครับ ขอบอกก่อนเป็นแค่ความรู้สึกส่วนตัวที่มีต่อการเล่นแผ่นเสียงเท่านั้น
ทุกครั้งที่มีคนถามเรื่องการเล่นแผ่นเสียงกับชุดเครื่องเสียงนั้น ถ้าถามตัวผมว่ามือใหม่หัดเล่นแผ่นเสียงจะต้องทำอย่างไรบ้าง
ผมก้ต้องถามกลับไปว่าคุณพร้อมที่จะจ่ายค่าแผ่นเสียงที่มีราคาแพงขึ้นทุกได้ไหม และคุณจะลงทุนกับเครื่องเล่นแผ่นเสียงระดับไหน
ถึงจะคุ้มค่ากับตัวเรา ความชื่นชอบส่วนตัวนั้นมันห้ามกันไม่ได้หรอกครับ มือใหม่หัดเล่นเครื่องเสียงที่มีงบประมาณอันน้อยนิดจะลงทุนซื้อ
เครื่องเล่นแผ่นเสียงดีๆนั้นลืมไปได้เลย เครื่องเล่นแผ่นเสียงราคาถูกๆไม่ได้ให้คุณภาพเสียงที่ดีอะไรเลย คนที่ไม่เคยเล่นหรือบางคนที่คิดว่า
ตัวเองเล่นแผ่นเสียงมานานแล้วยังเข้าใจว่าแผ่นเสียงให้คุณภาพเสียงดีกว่าฟอร์แม็ตอื่นๆ แผ่นเสียงนั้นใช้ตัวแปรกับการเล่นมากมายทั้งตัวเครื่องเล่น
เข็มแผ่นเสียง,Arm,ปรีโฟโนอะไรอีกสาราพัดล้วนส่งผลกับคุณภาพเสียงทั้งนั้น คุณพร้อมที่เล่นกับสิ่งเหล่านี้หรือเปล่าไม่ใช่แค่ซื้อเครื่องเล่น
แผ่นเสียงเครื่องเดียวแล้วไปหาซื้อมือสองแถวคลองถมราคาไม่กี่พันบาทแล้วจบ มาบอกว่าแผ่นเสียงให้คุณภาพเสียงดีกว่าฟอร์แม็ตอื่นๆ
ผมไม่สนับสนุนกับคนที่จะเล่นแผ่นเสียงแล้วยังไม่พร้อมกับปัจจัยรอบด้าน(รวมทั้งเงินด้วย) แต่ถ้าคุณพร้อม(เรื่องเงิน)เชิญเลยครับ จะเล่นเอา
ชุดซีสเต็มระดับใดก็ได้ จะลงทุนซื้อแผ่นเสียงดีๆหายากๆจ่ายแพงๆก็ย่อมได้เช่นกัน ที่บอกกล่าวมานี่อาจจะขัดใจพวกคอแผ่นเสียงบ้าง
ผมก็ไม่สนใจอยู่แล้วครับ ยิ่งผมเห็นบางคนเล่นแผ่นเสียงแพงๆแล้วเล่นกับเครื่องเล่นแผ่นถูกๆ ขอบอกเลยครับเสียดายแผ่นเสียงเสียของครับ
ขออนุญาตแย้งคุณอั๋น501ครับ
คนเราลองถ้าจะทำอะไรแล้ว ถ้าเอาใจรักและความมุ่งมั่นเป็นที่ตั้ง ย่อมบรรลุมรรคผลและประสบความสำเร็จแน่นอน แม้จะเริ่มจากศูนย์และใช้เวลานานหน่อยก็ตาม
ขออนุญาตเล่าประสบการณ์ส่วนตัวดังนี้
เครื่องเล่นแผ่นเสียงชุดแรกในชีวิตของผมคือยี่ห้อ Sansui อัตโนมัติ บอบบางมาก พร้อมหัวเข็ม MM ราคาถูก ทั้งเครื่องราคาแค่สามพันกว่าบาท (ทุกวันนี้ผมยังเก็บมันไว้อยู่เลย) แถมต่อเล่นกับมินิคอมโปของ Sansui ด้วย (ตอนนี้ มินิคอมโปที่ว่านั้นอยู่กับน้องสาวคนเล็ก) เสียงของมันในตอนนั้นผมก็ว่ามันโอเค สำหรับคนที่เพิ่งเริ่มต้นอย่างผม แผ่นเสียงมือสองซื้อจากร้านแถวชั้นล่างอินทรา ประตูน้ำ แผ่นละ 380 บาท ราคาโคตรแพงเมื่อเทียบกับเงินเดือนในยุคนั้น เดือนละ 7000 บาท ปีหนึ่ง ๆ มีปัญญาซื้อเก็บได้ไม่เกิน 5-6 แผ่น เพราะต้องเจียดงบไว้ซื้อซีดีและกินข้าวด้วย
เครื่องเล่นแผ่นเสียงตัวต่อมาคือ Technics ระบบ Direct Drive ที่หัวเข็มเป็นแบบ P-Mount ไม่ใช่แบบ half-inch ที่ใช้กันทั่วไป ผมซื้อต่อมาจากเพื่อนในราคาสี่พัน เสียงก็ดีกว่าเจ้าตัวเดิมนิดหน่อย ทุกวันนี้ก็ยังเก็บมันไว้อยู่
ต่อมาผมซื้อเทิร์น DUAL ของเยอรมันจากร้านเครื่องใช้แล้วที่พันทิพ เป็นเทิร์นระบบสายพาน เสียงมันดูโปร่งและสะอาดกว่า Technics ซึ่งเป็นระบบ direct drive ต่อมาผมขายเทิร์นตัวนี้ให้เพื่อน เพราะเห็นว่ายังขาดบางสิ่งบางอย่างที่จำเป็นในการปรับแต่งอยู่ และได้ SOTA Comet มาใช้ในเวลาต่อมา ซึ่งตัวนี้เป็นเทิร์นในระดับ audiophile หรือไฮเอนด์ระดับเริ่มต้นในราคาสมเหตุสมผล ต่อมามีเพื่อนแนะนำ Audio Linear TD-4001 พร้อมอาร์ม Dynavector DV-505 ให้ผมลองฟัง ซึ่งผมก็ได้ลองฟังโดยเทียบกับ Linn LP 12 แต่ผมกลับชอบเสียงที่ได้จาก TD-4001 มากกว่า ผมจึงซื้อ TD-4001 มาใช้จนตราบเท่าทุกวันนี้ (ประมาณแปดปีแล้ว) ในขณะที่แผ่นเสียงก็ซื้อเก็บสะสมไปเรื่อย ๆ ตามแต่กำลังทรัพย์และจังหวะจะอำนวย
ที่เล่าประสบการณ์ของตนเองมานี้ก็เพื่อชี้ให้เห็นว่า คนเราทุกคนต่างเริ่มจากศูนย์ด้วยกันทั้งนั้น ถ้ามีใจรักจริงและมุ่งมั่น (ไม่รักแบบจอมปลอม) คอยเก็บเกี่ยวประสบการณ์และแสวงหาสิ่งที่ชอบเมื่อมีโอกาส ไม่ต้องรีบร้อน ทำเป็นขั้นเป็นตอน ไต่เต้าจากจุดเริ่มต้นไปเรื่อย ๆ โดยไม่หยุดกลางคัน ผมว่าในที่สุดคน ๆ นั้นก็จะประสบความสำเร็จได้
ผมเองก็ไม่ได้มีเงินถุงเงินถังเล่นตูมเดียวจบแบบนักเล่นกระเป๋าหนักบางคน แต่เรามีปัญญาเท่านี้ก็ค่อย ๆ ทำไปทีละเล็กทีละน้อย ถ้าถามว่าผมอยากได้แผ่นเสียงอีกไหม? ผมก็ต้องบอกว่ายังมีแผ่นอีกมากที่ยังอยากได้อยู่ ถ้าถามอีกว่าอยากจะเปลี่ยนเทิร์นตัวใหม่ไหม? ผมก็ต้องบอกว่า แน่นอน ผมจะเปลี่ยนแน่เมื่อมีโอกาส และจะต้องได้เล่นเครื่องระดับสุดยอดด้วย แต่ตอนนี้เรามีอยู่เท่านี้ เราพอใจแค่นี้ และคิดว่าของของเราที่เล่นอยู่มันก็เล่นเพลงให้เราฟังได้และเสียงก็ไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่อะไร ถ้าปลายทางของเราคือการเสพดนตรี เครื่องไม่ว่าจะถูกหรือแพง ไม่ใช่ปัญหาเลยครับ ขอให้เรามีความมุ่งมั่น มีจุดหมาย และแนวทางที่ชัดเจนก็พอ อย่าทำอะไรเป็นไฟไหม้ฟางแล้วเลิกล้มกลางคันเสียก่อนเหมือนพวกที่ตามแฟชั่นหรือกระแสนิยม
ถ้ามั่นใจว่าพร้อมจะเดินมาทางนี้ แม้อุปสรรคขวากหนามมันจะเยอะสักหน่อย ก็ขอยินดีต้อนรับและจะคอยเป็นเพื่อนร่วมทางให้ครับ