เมื่อก่อนชอบ YYZ แต่ตอนนี้ชอบ La Villa Strangiato มากกว่าครับ

จำได้ว่าเคยตั้งกระทู้ถามตอนสมัยบอร์ดเก่าว่ามีเพลง prog ชุดไหนเป็นธีมเหมาะกับเทศกาล Halloween หรือเป็นธีมสยองขวัญบ้าง ก็มีคนมีแนะนำกันพอสมควรเท่าที่จำได้ก็มี:

Alan Parson Project - Tales of Mystery and Imagination
Devil Doll - ทุกชุด (ใครอยากฟังไปตามลายแทงในห้อง Download ได้เลย)
Goblin - Suspiria OST
King Diamond - Abigail (ไม่ใช่ prog แต่ก็ใกล้เคียง)

มีใครจะเพิ่มเติมอัลบั้มชุดไหนบ้างหรือเปล่าครับ

เห็นข่าวแล้วใจหายวูบเลย อึ้งไปอยู่พักใหญ่ๆ ไม่รู้เหมือนกันรู้สึกเหมือนบางส่วนของชีวิตที่ผมเติมโตมาด้วยมันขาดหายไปเสียเฉยๆ พิมพ์ๆอยู่ก็น้ำตาคลอเหมือนกัน จากนี้ไป Pink Floyd จะไม่มีวันเหมือนเดิมอีกแล้ว

RIP นะครับ น้าริค ตอนนี้แกคงไปแจมอยู่กับซิดแล้วแน่ๆ

"And I am not frightened of dying. Any time will do; I don't mind.
Why should I be frightened of dying? There's no reason for it—you've gotta go sometime."

เศร้าครับ

ผมมี 1,2,3 กับ 4 (อันนี้ไม่แน่ใจ)แล้วก็มีของ 501 อีก 2-3 ม้วนเป็น bootlegs สมัย Syd กับ soundtrack เรื่อง The Wall นอกนั้นแล้วเทป Peacock เองก็พอมี bootlegs อยู่บ้างที่มีก็ best of '72 tour กับ The Wall Live at Earl Court

ข่าวจาก http://www.yesworld.com/ywtour-2008-update.html

เมื่อเดือนพฤษภาคมที่แล้วลุงจอนโดนโรคหอบหืดขั้นรุนแรงเล่นงานจนต้องหามส่งโรงพยาบาลเลยทีเดียว ตอนนั้นได้รับการวินิจฉัยว่ามีอาการถึงขั้นระบบหายใจล้มเหลวอย่างเฉียบพลันเลยทีเดียว ตอนนี้อาการดีขึ้นกลับมานอนที่บ้านได้แล้วแต่หมอสั่งให้พักยากอย่างน้อยหกเดือน ก็เลยต้องยกเลิกทัวร์ไปตามระเบียบ ใครที่อยากเห็น Yes รวมตัวกันปีนี้ก็ต้องนั่งดูในดีวีดีไปพลางๆก่อน (รวมทั้งคนที่อยากดูลีลานาย Oliver Wakeman ด้วย) ก็ต้องรอว่าลุงจอนจะกลับมาปีหน้าไหวไหม

ดูข่าวนี้แล้วนึกถึงตอนวง Asia ทัวร์ปี 2007 เลยที่ต้องยกเลิกทัวร์กระทันหันเพราะ John Wetton ต้องเข้ารับการผ่าตัดหัวใจด่วน เห็นข่าวแบบนี้แล้วค่อยมานึกได้ว่าลุงๆปู่ๆแกอายุก็ไม่ใช่น้อยๆแล้วแต่ในจินตนาการผมยังคิดว่าพวกยังฟิตเปรี๊ยะทัวร์แหลกได้เหมือนตอนหนุ่มๆอยู่เลย ซึ่งจริงๆแล้วการทัวร์แบบนี้คงทรมารสังขารลุงๆแกพอดู ยังไงก็อย่าหักโหมมากไปแล้วก็ขออวยพรให้ลุงจอนหายเร็วๆด้วยครับ

นี่ครับ statement จากลุงจอน:

"In the wake of my recent respiratory attack, doctors have advised me to spend the coming months resting and recovering. Unfortunately, this means I won't be able to tour with Yes this summer as originally planned. I'd like everyone to know how deeply disappointed I am by this turn of events. I was looking forward to celebrating our music with the amazing family of Yes fans once again; but as we all know, health must come before anything else. Wishing you all the very best... Jon"

แก้เครียดด้วยคลิปนี้ครับ อาจจะผ่านตากันบ้างแล้ว ผมว่าเป็นลีลาของลุง Steve Howe ที่ฮาที่สุดแล้ว
http://www.youtube.com/watch?v=TMj5_X4pUt0

โอ้ว หนึ่งปีผ่านไปไวเหมือนโกหก

็Happy Birthday สไตล์โปรเกรสสีพ ละกัน

มีงานดนตรีที่น่าสนใจมาแนะนำให้ฟังกันครับ Rodrigo y Gabriela เป็นวงดูโอหนุ่มสาวชาวเม็กซิกันที่ไปเอาดีที่ไอร์แลนด์ เพิ่งออกอัลบั้มแรกมาก็ขึ้นชาร์ตอันดับหนึ่งในไอร์แลนด์ทันที สไตล์การเล่นเป็นอคุสติกโดยเอาเทคนิคกีต้าร์ฟลาเมงโกมาประยุกต์กับเพลงร็อคได้น่าสนใจและมันมาก ผมละชอบ rhythm guitar ที่เล่นโดยเจ็ Gabriela มาก ตีคอร์ดได้พริ้วและเร็วจนดูไม่ทันจริงๆ


ลองฟังตัวอย่างกันดู

Tamacun อันนี้เพลงโปรโมตครับ: http://www.youtube.com/watch?v=l-qgum7hFXk&feature=related
Stairway to Heaven cover: http://www.youtube.com/watch?v=vNc5o9TU0t0&feature=related
Orion (Metallica) cover: http://www.youtube.com/watch?v=MSwCRgDCH4w

ขอแย่งพี่ Analog Kid ตั้งกระทู้หน่อยเถอะ  มีความคิดเห็นยังไงกันบ้างกับเสียงร้อง(ที่คล้ายกันเหลือเกิน)ของท่านเหน่ง(ตอนนี้)ทั้งสองท่าน ตอนแรกผมชอบ Peter Gabriel มากกว่าเยอะ แต่ช่วงหลังๆนี้ผมโหลด bootleg ของ Genesis มาฟังอยู่บ้างก็เลยพบว่า Phil ร้องค่อนข้างจะเนี๊ยบกว่า อย่าง Peter นี่เวลาร้องสดจะร้องเพีี้ยน ร้องหลุดมากกว่า โดยเฉพาะตอนขึ้นเสียงสูงมักจะขึ้นไม่ได้เหมือนในสตูดิโออัลบั้ม ในขณะที่ Phil เท่าที่ฟังมายังไม่หลุดเลย เรียกว่าร้องได้ professional มากกว่า แต่ก็เพราะการที่ร้องเนี๊ยบไปนี่แหละทำให้บางครั้ง Phil ร้องได้ไม่หลุดโลกเท่า Peter แต่จริงๆก็เปรียบเทียบยากเหมือนกันเพราะตอน Peter ออกอัลบั้มเดี่ยวแล้วร้องได้แม่นขึ้นผิดหูผิดตา (แต่ความบ้าน้อยลง)

แล้วท่านล่ะครับคิดยังไงกันบ้าง


Peter Gabriel famously told Collins at the 1982 Milton Keynes reunion show that Collins sang Gabriel's songs ''better'' than Peter, but never ''quite like'' Peter.

อึกคนทีทำเพลงปิดได้สุดยอดทุกอัลบั้มคือ Peter Gabriel ครับ

ข่าวจาก http://www.manager.co.th/Entertainment/ViewNews.aspx?NewsID=9510000056938

"จอห์น รัทซีย์" มือกลองรุ่นก่อตั้งของ Rush วงโปรเกรสซีฟ ร็อกผู้ยิ่งใหญ่แห่งแคนาดา เสียชีวิตแล้วเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา
       
       จอห์น รัทซีย์ เสียชีวิตด้วยอาการหัวใจวายจากโรคเบาหวานขณะที่หลับอยู่บนเตียงเมื่อวันที่อาทิตย์ที่ 11 พ.ค. ที่ผ่านมา ด้วยวัย 55 ปี
       
       ระหว่างปี 1968 - 1974 จอห์น รัทซีย์ ร่วมอยู่ในวง Rush อันประกอบได้ด้วยมือเบส/นักร้องนำ เก็ดดี ลี และมือกีตาร์ อเล็ก ไลฟ์สัน ที่ต่อมาจะกลายเป็นยอดวงโปรเกรสซีฟ ร็อกแห่งยุค 70-80 แต่เขาต้องแยกตัวออกจากวงหลังจากออกผลงานชุดแรก เนื่องจากความขัดแย้งทางความคิดและปัญหาเรื่องสุขภาพ โดยเฉพาะโรคเบาหวานที่เขาเป็นมาตั้งแต่เด็กๆ
       
       ผลงานของเขาที่น่าจดจำในงานเปิดตัวของ Rush มีทั้ง In The Mood ซิงเกิลเปิดตัวของวง และ Working Man ที่นิตยสาร Guitar World ยกย่องการโซโลของไลฟ์สันให้เป็นยอดแห่งการโซโลอันดับที่ 94 ของโลก
       
       หลังจากออกจากวง ชีวิตส่วนตัวของรัทซีย์ก็ไม่เป็นที่เปิดเผย ซึ่งจากการให้สัมภาษณ์ของไลฟ์สันเมื่อปี 1989 เผยว่า "จากนั้นเขาก็เลิกเล่นกลองไปเลย แล้วหันไปเล่นเพาะกล้ามแทน เขาอยู่ในระดับสมัครเล่นอยู่พักหนึ่ง จากนั้นก็เล่นๆ เลิกๆ แต่เขายังคงออกกำลังกายอยู่เสมอๆ ผมยังเคยไปยิมกับเขาที่โตรอนโตบ่อยๆ" แต่หลังจากนั้นในช่วงยุค 90 ไลฟ์สันและรัทซีย์ก็ไม่ได้เจอกันอีกเลย
       
       หลังจากจอห์น รัทซีย์ลาออกจากวงไปได้เดือนเดียว Rush ก็ได้ นีล เพีร์ต ยอดมือกลองคนใหม่เข้ามาสู่วง และยกระดับวงจากวงฮาร์ดร็อกมาเป็นยอดวงโปรเกรสซีฟ ร็อกระดับตำนานในที่สุด

ไม่ได้อยู่ในเพลงและก็ไม่ได้อยู่ในสตูอิโออัลบั้มแต่อยู่ในชุดแสดงสด Is the anybody out there? เป็นตอนที่โรเจอร์ทักทาย(?)กับคนดูก่อนเพลง Run Like Hell รู้สึกว่ามันแรงดี

"AHHHHHH!!!! are there any paranoids in the audience tonight? Is there anyone who worries about things?...Pathetic... Is there anyone here who's weak!?... This is for all the weak people in the audience!... This is for you it's called Run Like Hell"

Tool เป็น prog metal ที่มาแปลกกว่าคนอื่นครับ ปกติวง prog metal โดยทั่วไปจะมาทางสาย heavy metal อย่าง Dream Theater ซะเป็นส่วนใหญ่ แต่ Tool มาทางสาย alternative metal (ซี่งมาจาก grunge อย่าง Soundgarden หรือ Alice in Chain อีกที) ดังนั้นจึงไม่มีโซโล่สิงห์นักปั่นหรือรัวกระเดื่องเร็วกว่าแสงแบบที่คุ้นๆกันแต่จะเต็มไปด้วยริฟฟ์หนักๆ(จริงๆ)แทน ยิ่งตอนที่ Tool เริ่มกลายพันธุ์เป็น prog metal นี่จะเน้นภาคจังหวะที่ซับซ้อนมากๆจนเป็นเอกลักษณ์ของวงไปเลย นับว่าเป็นวงที่ภาคจังหวะนำมาก่อนเลยโดยเฉพาะกลองเรียกว่าเป็นเครื่องดนตรีนำของวงเลย ส่วนกีต้าร์นั้นไม่หวือหวามากแต่จะเน้นริฟฟ์โหดๆมากกว่า นอกจากนั้นแล้ว Adam Jones ที่เป็นมือกีต้าร์นั้นเคยเป็น special effect designer ในวงการภาพยนต์มากก่อน ก็เลยเอาประสบการณ์มาวาง art concept ให้กับวงรวมไปถึงการทำ mv ด้วย ดังนั้นการเสพย์ Tool ควรเสพย์เป็นแพคเกจทั้ง audion-visual ไปด้วยเลย

อัลบั้มช่วงแรกๆอย่าง Opiate EP หรือ Undertow จะค่อนข้างดิบ ซึ่งต่อมาจะซับซ้อนมากขึ้นในชุด Ænima และ Lateralus ซึ่งเป็นชุดสุดยอดของวงทั้งสองอัลบั้มกินกันไม่ลงเท่าไร อัลบั้มล่าสุดนั้นจะอ่อนลงมาหน่อยแต่ก็ยังอยู่ในเกณฑ์เยี่ยม

ทำไมเวลาพูดถึงคนชื่อ Anderson ทีไร ผมนึกถึงไอ้นี่ก่อนทุกที 

ผมเดาว่าเพราะมันเป็นวันที่สองแล้วคนเลยไม่เยอะ วันแรกคนคนเยอะกว่านี้ (แถมมีเลเซอร์โชว์ด้วย)  ส่วนการอ่านหนังสือให้ฟังนั้นเป็นเรื่องปกติครับ นักเขียนที่ออกหนังสือใหม่ปกติก็จะเดินสายอ่านหนังสือให้ฟัง+แจกลายเซ็นต์แบบนี้แล  (ผมก็ว่าแกรวยมหาศาลอยู่แล้วนะ)

เขาขายครับ เข้าไปแล้วนี่ไม่มีอะไรแจกฟรี (ยกเว้นตอนไปดู Jethro Tull ที่แจกซีดีฟรี) รู้ๆกันว่าของหน้างานนี่แพงๆทั้งนั้นแต่ก็ต้องซื้อ  ราคามาตรฐานสูจิบัตรเล่มละ $20 เสื้อตัวละ $35 พวงกุญแจอันละ $10-15 ครับ


เอาไว้ตอนกลับเมืองไทยแล้วจะเอาไปให้ดูกันตอน meeting ละกันครับ (ถ้าไม่หายตอนขนของซะก่อน)