ช่วงหลายอาทิตย์ที่ผ่านมา ได้ฟังเพลงดีๆจากรายการ Nickel and Dime Radio with $mall ¢hange หลายเพลงเลยครับ น่าเสียดายที่หลายเพลง ไม่มีให้ฟังทั้งใน YouTube และ MySpace บางวงก็มี MySpace แต่ไม่มีเพลงที่ผมได้ฟังจากรายการไว้ให้ฟัง หรือบางทีก็มี แต่เพลงอื่นๆซาวด์ดนตรีก็ยังไม่ค่อยดีนัก ผมอาจจะพลาดวงดีๆไปหลายวง เพราะมีบ่อยครั้งเหมือนกันที่เพลงของพวกเขาที่ผมได้ฟังจากรายการนี้ยังไม่สะดุดหูพอให้ผมเข้าไปค้นใน MySpace แต่พอลองเข้าไปเช็คใน MySpace ดูแล้ว ผมชอบเพลงอื่นๆของพวกเขาแทบทุกเพลง และบ่อยครั้งเหมือนกันครับที่วันไหนรู้สึกครึ้มๆ ฟังอะไรมันก็เพราะไปหมด แต่พอมาฟังเพลงเดียวกันอีกครั้ง ก็ยังสงสัยอยู่เหมือนกันว่าชอบเข้าไปได้ยังไง
วงที่ผมเอามาแปะวันนี้ก็คัดมาจากหลายๆวงที่ได้ฟังในรายการ เป็นวงที่ผมลองฟังซ้ำแล้วก็ยังชอบครับ หวังว่าทุกท่านที่ลองคลิ๊กเข้าไปฟังจะเพลิดเพลินกับดนตรีพวกนี้มากพอๆกับที่มันเกิดขึ้นกับผมนะครับ
The Simonsound
www.myspace.com/thesimonsoundได้ฟังแทร็ค "its just begun" จากรายการ ก็สะดุดหูกับซาวด์ดนตรีในสไตล์ retro-futuristic ที่ผมเกือบจะเข้าใจผิดว่าวงนี้เป็นวงเก่าจากยุค 70s แต่ความคมชัดในเนื้อเสียงที่ปรากฏก็พอจะบอกได้ว่าเพลงของพวกเขาทำขึ้นในยุคนี้ ด้วยเทคโนโลยีในยุคปัจจุบัน แต่แรงบันดาลใจด้านสไตล์ของพวกเขาย้อนไปไกลถึงระหว่างยุค 50s ถึงยุค 60s แนวดนตรีในอัลบั้มแรกของพวกเขาจะรวบรวมเอาสีสันที่หลากหลายจากสกอร์ดนตรีประกอบภาพยนตร์อวกาศที่ฉายทางทีวี สป็อตโฆษณายุคเก่า ที่ผู้ฟังที่ผ่านช่วงเวลาในยุคนั้นมาเมื่อฟังแล้วสามารถเทียบเคียงกับเสียงแปลกๆที่เหมือนกับเป็นองค์ประกอบหนึ่งของบรรยากาศทางดนตรีที่เคยแวดล้อมพวกเขาในวัยเด็กและวัยหนุ่ม แต่อาจจะเป็นส่วนประกอบอันแปลกประหลาดที่พวกเขาพลาดโอกาสในการค้นพบ
Simonsound ประกอบด้วยคู่หู Simon กับ Matt ทั้งคู่สร้างงานดนตรีด้วยกันมาเป็นเวลาหลายปี โดยที่ Simon ได้ช่วย Matt ในส่วนของโปรดัคชั่นและมิกซ์เสียงร้องให้กับงานดนตรีของ Matt ที่ออกในนาม DJ Format แต่ผลงานของพวกเขาที่ผ่านๆมาจะเน้นไปที่ดนตรีฮิพฮ็อพกับฟังค์ แต่ Simonsound จะเป็นโปรเจ็คที่พวกเขาสามารถปลดปล่อยความต้องการในการทำการทดลองทางดนตรี ด้วยการนำแรงบันดาลใจจากเสียงในยุค 50s มานำเสนอด้วยเสียงของเครื่องดนตรีอิเลคโทรนิคอย่าง Moog รุ่นคลาสสิค ด้วยมุมมองในสไตล์ไซคีเดลลิคจากยุค 60s ครับ
คลิพข้างล่างเป็นมิวสิควิดิโอในเพลง Tour de Mars ที่ออกเป็นซิงเกิ้ลเมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมานี้เองครับ เพลงนี้นำเอา Tour de France ของ Kraftwerk ทำใหม่ โดยจะให้เป็นซาวด์แทร็คของการเดินทางในจินตนาการสู่ห้วงอวกาศ โดยมีจุดหมายปลายทางที่ดาวอังคารครับ อีกแทร็คหนึ่งใน MySpace ของพวกเขา อย่าง "Bad Love" นี่พลาดไม่ได้เลยครับ ผมยังไม่รู้ว่าใครร้องเพลงนี้ แต่ฟังๆไปแล้ว เสียงของเธอก็คล้าย Bjork อยู่เหมือนกัน เมโลดี้จะออกไปทางหวานปนหลอน ในขณะที่ภาคดนตรีจะเย็นชา แม้จะเป็นเสียงของเครืองดนตรีอิเลคโทรนิคยุคเก่าก็ตาม แต่เรียบเรียงออกมาได้ล้ำครับ
Tour de Mars - The Simonsound
http://www.youtube.com/watch?v=l7RCb2Gwnmc Rebirth Brass Band
http://www.myspace.com/rebirthbrassbandปรกติผมก็ไม่ใช่แฟนของแจ๊สหรอกครับ แต่แทร็ค "Always There" นี่พวกเขาเล่นได้เมามันจนอดไม่ได้จริงๆครับ เพลงนี้ไม่มีให้ฟังใน MySpace หรอกครับ ถ้าต้องการฟังก็คลิ๊กเข้าไปฟังในรายการ Nickel and Dime Radio with $mall ¢hange ในลิ้งค์ข้างล่างได้เลยครับ
Nickel and Dime Radio with $mall ¢hange - September 16, 2009
http://wfmu.org/playlists/shows/32964 เพลงนี้เป็นแทร็คที่ 18 ในตารางรายชื่อเพลงนะครับ ด้านขวาสุดของตารางจะมีปุ่ม pop-up ที่ทุกท่านสามารถคลิ๊กไปฟังที่เพลงนั้นได้เลย โดยไม่ต้องรอฟังตั้งแต่ต้นรายการ (แต่ผมสนับสนุนให้ฟังทั้งรายการเสมอครับ เพราะรายการนี้เปิดเพลงได้สุดยอดจริงๆครับ) เพลงนี้เป็นแจ๊สที่เล่นได้ฟังค์กี้สุดๆครับ เครื่องเป่าทุกชิ้นวาดลวดลายประชันกันด้วยเนื้อเสียงที่มันปราบ เหมือนกับว่าโลหะยันเย็นวาบเหล่านั้นกำลังโลดเล่นไปในทุกสเปคตรัมแห่งเสียงกันอย่างอุตลุต แต่ก็ยังไม่ถึงกับหลุดโลกแบบ free jazz นะครับ
The Rebirth Brass Band เป็นวงเครื่องเป่าทองเหลืองที่ตั้งวงกันในนิวออร์ลีนปี 1982 โดย Philip Frazier ผู้เล่น tuba/sousaphone น้องชายของเขา Keith Frazier ผู้เล่น bass drummer และ Kermit Ruffins ผู้เล่น trumpet ส่วนสมาชิกคนอื่นๆจะเป็นผู้ที่เคยเล่นอยู่ในวงดุริยางค์ที่ Joseph S. Clark Senior High School ใน New Orleans มาด้วยกัน พวกเขาถูกค้นพบในปี1982 ที่งานเทศกาล New Orleans Jazz & Heritage Festival และได้บันทึกอัลบั้มแรกในอีกสองปีต่อมา .
เป็นที่รู้กันในหมู่แฟนๆว่า ดนตรีของ Rebirth Brass Band จะเป็นการนำดนตรีแบบดั้งเดิมของนิวออร์ลีนที่มักจะเล่นด้วยวงเครื่องเป่าทั่วไปมาผสมกับแจ๊ส ฟังค์ โซล หรือแม้กระทั่งฮิพฮอพ ในปี 1992 Ruffins ก็แยกตัวออกจากวง เพราะเขาปฏิเสธที่จะร่วมเดินทางไปออกทัวร์ที่อาฟริกา ต่อมาเขาก็ฟอร์มวงของตัวเองในชื่อ Barbecue Swingers ที่หันเข้าหาดนตรีแจ๊สแบบดั้งเดิมของนิวออร์ลีน ส่วน The Rebirth ก็จะเล่นประจำทุกคืนวันอังคารอยู่ Maple Leaf Bar ที่ถนน Oak Street แถว Carrollton ในย่านอัพทาวน์ของนิวออร์ลีน ซึ่งถือได้ว่าเป็นหนึ่งในปูชนียสถานของแวดวงดนตรีที่นั่น และตลอดหลายปีที่ผ่านมา พวกเขาก็ได้ทำหน้าที่ปฐมนิเทศให้กับทั้งนักท่องเที่ยว และพวกนักศึกษาที่เพิ่งย้ายเข้ามาจากที่อื่น ก่อนที่คนเหล่านั้นจะเริ่มเรียนรู้ว่าชีวิตในยามราตรีของนครอันสวยงามแห่งนี้มันเต็มไปด้วยมนตร์ขลังขนาดไหน
Morris Lane - Tenor Saxsation
http://rapidshare.com/files/203938554/Tenor_Saxsation.rarhttp://www.megaupload.com/?d=ZO33IR60**** Password = greaseyspoon ****
เพิ่มศิลปินแจ๊สมาอีกคนครับ ผมว่าผมไม่ใช่แฟนดนตรีแจ๊สแล้วนะ แต่พักนี้เจอแจ๊สในแบบที่ชอบบ่อยเหมือนกันครับ น่าเสียดายที่คราวนี้มีแต่ลิ้งค์ให้ดาวน์โหลด ไม่มี YouTube หรือ MySpace ให้ลองฟังเลย ถ้าจะลองฟังแทร็ค "Ghost Town" ที่ผมฟังในรายการ ก็ลองเข้าไปฟังได้ที่ลิ้งค์ข้างล่างก็แล้วกันครับ
Playlist for Nickel and Dime Radio with $mall ¢hange - September 30, 2009
http://wfmu.org/playlists/shows/33121 โชคไม่ดีตรงที่ รายการในอาทิตย์นี้ ถ้าดูที่ตารางรายชื่อเพลง ด้านขวาสุดของตารางกลับไม่มีปุ่ม pop-up ให้เลือกฟังเป็นเพลงๆได้ ถ้าจะฟังเฉพาะเพลงนั้น ก็คลิ๊กไปที่ปุ่ม play ที่อยู่ด้านบนของตารางรายชื่อเพลงนะครับ แล้วรอให้ pop-up player ขึ้นมา รอจนกว่ามันจะเริ่มเล่น พอเสียงดนตรีเริ่มขึ้นก็กดไปที่ pause จะเห็นว่า บนตัว pop-up player พอเริ่มเล่น มันจะมีแถบเวลาที่ค่อยๆเลื่อนไปทางด้านขวาไปเรื่อยๆ ถ้าเราปล่อยให้มันเล่นไปเรื่อยๆ คลิ๊กไปที่แถบนั้น โดยกดแช่ค้างไว้แล้วเลื่อนแถบไปทางด้านขวาเรื่อยๆ ระหว่างนั้นก็ดูที่ช่องบอกเวลาทางด้านซ้ายของตัว pop-up player ไปด้วย (มันจะอยู่ที่ด้านล่างของปุ่ม play/pause น่ะครับ) เลื่อนไปจนเวลานับได้ 1:03 หรือเวลาที่รายการเริ่มไปได้ 1 ชั่วโมงกับอีก 3 นาที ก็ปล่อยนิ้วที่กดค้าง จะเห็นว่าแถบเวลาจะยังค้างที่ 1:03 จากนั้นก็ไปกดที่ปุ่ม pause ให้เริ่มเล่น รายการจะเริ่มเล่นที่เพลงนั้นพอดีเลยครับ
ขั้นตอนอาจจะยุ่งยากไปสักนิด แต่ความไพเราะของเสียงแบบดิบๆแต่กรุ่นด้วยมนตร์ขลังอันเป็นอมตะมันคุ้มค่ากับเวลาสองสามนาทีที่เสียไปจริงๆครับ จบเพลงนั้นแล้ว ถ้ามีเวลา ผมขอแนะนำให้ลองฟังตั้งแต่ต้นรายการดูนะครับ ขึ้นมาแทร็คแรกจะเป็น Come Out มินิมอลลิสต์หลอนๆของ Steve Reich เต็มเลยครับ
ทุกวันนี้ Morris Lane เป็นที่จดจำมากที่สุดในงานของเขาเมื่อปี 1947 ตอนที่ยังเล่นเทอร์เนอร์แซ็กคู่กับ Johnny Sparrow ในวง Lionel Hampton แต่ก่อนหน้านั้นในเดือนกันยายน ปี 1946 เข้าก็เข้าร่วมบันทึกเสียงให้กับค่าย Savoy ในวงที่ชื่อ the Bebop Boys ซึ่งสมาชิกมีทั้ง Sonny Stitt, Fats Navarro, Bud Powell และ Kenny Clarke เพลงทั้งหมดที่บันทึกเสียงในตอนนั้นจะอยู่ในอัลบั้มรวมที่ออกเป็นซีดีบ๊อกเซ็ทสี่แผ่นในชื่อ Sonny Stitt: Sax O Bebop. เดือนมกราคมปี 1947 เขาก็หันเข้าหาความดุเดือดกับเพลง Luke The Spook และ Down The Lane. ที่เขากลับไปอัดที่สติวดิโอของค่าย Savoy
ต่อมาในปี 1951 เขาก็ทำ Blue Jeans กับ B.O. Plentys Return. ให้กับค่ายซี่งออกวางจำหน่ายในรูปซิงเกิ้ล 808 จากนั้นในปีเดียวกัน เขาก็ออกซิลเกิ้ลเยี่ยมๆหลายชุดกับ Robin ค่ายเพลงที่เพิ่งก่อตั้งของ Bobby Robinson ในจำนวนนั้นก็มี Bobbys Boogie กับ Ghost Town ที่เป็นงานชุดแรกกับค่าย Robin
เดือนกุมภาพันธ์และพฤษภาคมปี 1952 เขาอัดงานอีกสองชุดให้กับค่าย coral โดยครั้งนี้จะมีวง quartet ที่กำกับโดยนักออร์แกน Bill Doggett เล่นเป็นแบ็คอัพให้ การทำงานของเขาในครั้งนี้ถือได้ว่าเป็นจุดเปลี่ยนเมื่อฟังเทียบกับหกแทร็คแรกในคอลเล็คชั่นชุดนี้ ด้วยมาตรฐานของดนตรียุคสวิงที่ทำออกมาเพื่อการเต้นสโลว์ในคลับช่วงดึกๆ สไตล์การเล่นในแทร็คอย่าง Moon Ray จะเต็มไปด้วยบรรยากาศแห่งมนตร์สะกดพอๆกับแทร็ค Serenade ของ Earl Bostic ใน Stairway To The Stars ก็ทำออกมาได้อย่างปราณีต ส่วน It Aint Necessarily So ตอนขึ้นเพลงก็นำเอา Night Train.ของ Jimmy Forrest มาแสดงความคารวะ
เดือนธันวาคมในปีนั้น เขาก็ออกผลงานในชื่อ Morris Lane & His Magic Saxophone กับค่ายเล็กๆที่ชื่อ Scooter ในแนวดนตรีคล้ายๆกับงานของเขาที่ออกกับค่าย Coral ครั้งนี้ Billy Taylor เล่นออร์แกน ส่วน Art Blakey จะเป็นมือกลอง โดยเฉพาะ แทร็คอย่าง Poinciana กับ Blues In The Night ก็ถือได้ว่าเป็นความพยายามที่ส่งผลได้อย่างน่าพอใจ
อัลบั้มที่เอามาให้ดาวน์โหลดนี้จะ rip มาจากแผ่นไวนิลด้วยอัตรา 320 kbps ครับ โดยจะมีทั้งหมดสิบหกเพลงคือ
1. Bobby's Boogie
2. Ghost Town
3. Luke The Spook
4. Down The Lane
5. Blue Jeans
6. B.O. Plenty's Return
7. Midnight Sun
8. Pale Moon (An Indian Love Song)
9. Moon Ray
10. I Don't Want To Set The World On Fire
11. It Ain't Necessarily So
12. Stairway To The Stars
13. Poinciana
14. Blues In The Night
15. Twilight Time
16. Everything I Have Is Yours
เพื่อนท่านใดต้องการทราบรายละเอียดเพิ่มเติม ก็เข้าไปอ่านได้ในบล็อกของผู้ที่เอาอัลบั้มนี้มาอัพโหลดได้ที่ลิงค์ข้างล่างครับ นอกจากอัลบั้มนี้แล้ว เขาก็มีอัลบั้มแจ๊สและโอลดี้ดีๆอื่นๆอีกมากมายให้ลองโหลดมาฟัง เช็คดูที่ลิสต์บทความทางด้านขวาของหน้าจอเอาเองนะครับ
bebopwinorip
http://bebopwinorip.blogspot.com/2009/03/morris-lane-tenor-saxsation.html