Title: Dawn (1976, LP EMI Electrola 064-31 787 Made in Germany)
Track Listing: Awakening; Between The Times; Memory Flash; Appearance Of The Voice; Return Of The Voice; The Sun Song; The Dance In Doubt And Fear; Lost!??? (Introduction); Lost (The Decision); The Midnight Fight/The Victory Of Mental Force; Gliding Into Light And Knowledge/The Dawn
Musicians: Frank Bornemann (guitars, vocals); Klaus-Peter Matziol (Rickenbacker bass); Detlev Schmidtchen (keyboards, guitars); Jurgen Rosenthal (drums & percussions)
Personal Rating: ****1/2
อัลบั้มที่ออกถัดมาในปี 1976 คือชุด Dawn ซึ่งเปรียบเสมือนอรุณเบิกฟ้าแห่งยุค symphonic progressive ที่แท้จริงของ Eloy หลังจากที่ได้ออกอัลบั้มชุด Power And The Passion ในปี 1975 โดยต่อมาได้มีการยุบวงชั่วคราวพร้อมกับการไล่ผู้จัดการวงคนเดิม คือ Jay Partridge ออกไป ทางต้นสังกัด คือ EMI Electrola เห็นว่าผลงานชุด Power And The Passion มียอดขายที่ดีพอสมควร จึงให้โอกาสแก่ Frank Bornemann ในการฟอร์มวง Eloy ขึ้นมาอีกครั้ง โดยทีมนักดนตรีชุดใหม่ของ Eloy ในยุคนี้ได้แก่ Frank Bornemann (vocals, guitars), Klaus-Peter Matziol (bass guitar), Detlev Schmidtchen (keyboards, guitars) และ Jurgen Rosenthal (drums & percussions, อดีตมือกลองของ Scorpions ในงานชุด Fly To The Rainbow) ซึ่งถือเป็นไลน์อัพที่แกร่งและมั่นคงที่สุดในยุครุ่งเรือง นอกจากนี้ Eloy ยังได้รับการสนับสนุนด้านดนตรีซิมโฟนีออร์เคสตร้าจากบริษัทต้นสังกัด ทำให้ดนตรีในชุด Dawn นี้มีความประณีตเลิศหรูอลังการกว่าผลงานในชุดก่อน ๆ ภาคเนื้อร้อง (lyrics) ดูแลโดย Jurgen Rosenthal มือกลอง แต่เครดิตในการทำดนตรีเป็นของสมาชิกทุกคนในวง
จากการที่ได้สมาชิกที่เป็นเลือดใหม่ทั้งสามคนมาร่วมงาน ทำให้ดนตรีในงานชุดนี้มีสีสันแตกต่างผิดแผกไปจากผลงานในชุดก่อน ๆ ฝีมือและลวดลายในการเล่นกลองของ Rosenthal ละม้ายคล้ายคลึงกับ Neil Peart แห่งวง Rush มาก เต็มไปด้วยเทคนิค ลูกเล่น และมีความละเอียดซับซ้อนแพรวพราว, การเดินเบสส์ของ Klaus-Peter Matziol นิยมใช้ Rickenbacker ซึ่งให้โทนเสียงที่อุ่นหนาและมีพลังหนักแน่น, Detlev Schmidtchen ซึ่งเดิมเล่นกีตาร์ แต่พอมาสังกัดอยู่วงนี้จึงรับหน้าที่เล่นคีย์บอร์ดนานาชนิด และเล่นออกมาได้ดีพอสมควร
ผลงานชุดนี้เป็นคอนเส็พท์อัลบั้มอีกชุดหนึ่ง ผมไม่แน่ใจว่า Eloy ต้องการจะสื่อถึงอะไร, เพราะดูจากเนื้อเพลงที่ให้มาด้วยนั้น เป็นภาษาอังกฤษที่อ่านแล้วเข้าใจยาก -- จะว่าจงใจเขียนให้ดูเข้าใจยากและกำกวม หรือภาษาอังกฤษของคนเยอรมันอย่าง Rosenthal นั้นเป็น broken English อันนี้ก็สุดที่จะเดา (คล้าย ๆ กับเนื้อร้องที่เขียนโดย Jon Anderson ของวงเยส) -- แต่พอจะจับความได้ว่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับธรรมชาติ จิตวิญญาณ เรื่องราวเหนือจริง ความสับสน การต่อสู้ของจิต และการตรัสรู้ (โดยใช้คำว่า Dawn เป็นสัญลักษณ์?) หรืออาจจะเป็นเรื่องที่เกี่ยวพันกับอภิปรัชญา (metaphysics) ก็ได้ นอกจากนี้ยังมีการเอ่ยชื่อตัวละครที่ชื่อ Jeanne (ในอัลบั้ม Power And The Passion) ด้วย จึงไม่แน่ใจว่าผลงานชุดนี้เป็นภาคสองต่อจาก Power And The Passion หรือเปล่า?
หากตัดความยากและกำกวมของภาษาออกไป ผลงานชุดนี้ถือเป็นงานดนตรี symphonic progressive ที่ยอดเยี่ยมงดงามมากไม่แพ้ผลงานคลาสสิกของวง Yes และถือเป็นมาสเตอร์พีซชุดหนึ่งของ Eloy เลยก็ว่าได้ ดนตรีเล่นได้ดีทุกชิ้นและใช้เครื่องดนตรีมากมายหลายชนิด ทำให้เสียงที่ได้ออกมานั้นมีความหลากหลายและซับซ้อน เสมือนพรมที่ถูกถักทอมาอย่างวิจิตรบรรจง แต่เสียอยู่นิดเดียวเท่านั้นคือภาคคีย์บอร์ดซึ่งฟังดูเนือย ๆ ชอบกล ไม่ค่อยเร้าใจเท่าที่ควร เสียงร้องของ Bornemann มักถูกตำหนิจากเจ้าของภาษาหรือ native speaker ว่า เป็นภาษาอังกฤษที่เป็นสำเนียงเยอรมันหรือ thick accent มากไปหน่อย แต่โดยส่วนตัว ผมว่าเสียงของเขามีเสน่ห์ครับ เพลงเด่นในชุดนี้ได้แก่ Awakening ซึ่งเริ่มต้นก็มีเสียงเอฟเฟ็คท์กัมปนาทครั่นครืนของลมฟ้าอากาศ, Between The Times ร็อคมัน ๆ จังหวะจะโคนคล้ายผลงานยุคแรกของ Scorpions, The Sun Song ซึ่งมีสำเนียงคีย์บอร์ดในแบบตะวันออกคล้ายของ Kitaro, The Dance In Doubt And Fear ซึ่งมีเนื้อร้องยาวและร้องในลักษณะพูด dialogue มากกว่า, Lost (The Decision) เพลงร็อคที่ฟังแล้วติดหูง่ายอีกเพลงหนึ่ง และโครงสร้างไม่ซับซ้อนมาก, The Midnight Fight/The Victory Of Mental Force จังหวะจะโคนคึกคักสนุกสนานเต็มไปด้วยความสับสน, Gliding Into Light And Knowledge ซึ่งโทนเพลงออกหวาน เศร้า ดื่มด่ำ โหยหา และเต็มไปด้วยอารมณ์, การบันทึกเสียงยอดเยี่ยม ฟังดูโปร่งกระจ่างและสะอาดหูกว่าชุด Ocean ซึ่งถือเป็นงานชิ้นสุดยอดของ Eloy เสียอีก, อย่างไรก็ดี ผลงานชุดนี้ต้องฟังตั้งแต่ต้นจนจบ เพราะทุกเพลงต่างเรียงร้อยเข้าด้วยกันอย่างต่อเนื่อง จะขาดไปเสียเพลงใดเพลงหนึ่งมิได้ -- และนี่คือผลงานระดับเอกอันถือเสมือนเป็นเพชรงามเลอค่าเม็ดหนึ่งแห่งโลกดนตรี progressive rock -- เอาไปเลยครับ สี่ดาวครึ่ง สำหรับผลงานอันยอดเยี่ยมชุดนี้