สวัสดีครับ...ขออนุญาตโปรยหัวเอาไว้ก่อนนะครับ
จดหมายข่าว
ชมรมคนรักวรรณกรรม(เก่า)
เดือนนี้คือเดือนพฤษภาคม 2555 ตามปฏิทินสุริยคติบอกว่าเป็นเดือน 6 ปีมะโรง คือวันที่ 1 พฤษภาคม ทว่าความจริงปีนี้เข้าเดือน 6 ตั้งแต่วันที่ 21 เมษายน ขึ้น 1 ค่ำ เป็นวันเสาร์นะครับ เดือน 6 นั้นประเพณีชนชาติไทยเขายกให้เป็นเดือนสำหรับหนุ่มสาวจะทำพิธีสมรสกัน เพราะโบราณเขากำหนดเป็นสูตรให้แต่งงานเดือน 6
**********มีต่อนะครับ โปรดอดใจรอ ขอบคุณครับ**************
สวัสดีครับ ขออนุญาตต่ออีกนิดครับ
...เดือน 9 เดือน 12 เดือน 5 เดือนอื่นๆห้ามแต่ง แต่ท่านไม่บอกว่าทำไมจึงห้ามและทำไมจึงยุ เพราะพูดแล้วเรื่องมาก ท่านก็เลยไม่บอกเหตุ แต่ที่จริงคนโบราณหรือปราชญ์ยุคโบราณของไทยท่านคำนวณวิธีโคจรแห่งจักรวาฬแล้วว่า
****มีต่ออีกครับ ยังไม่จบครับ****
สวัสดีครับ ขอร่ายต่อนะครับ.......
แต่ที่จริงคนโบราณหรือปราชญ์ยุคโบราณของไทยท่านคำนวณวิธีโคจรแห่งจักรวาฬแล้วว่าเดือนหกฝนมันตกฉ่ำไปทั้งแผ่นดินห้วยหนองคลองบึงเกิดชีวิตใหม่ เพราะปีใหม่ของคนตะวันออก(ORIENTAL)นั้นเขานับขึ้นปีใหม่ในเดือน 5 หรือเดือนเมษายนของทุกๆปีเมื่อดวงอาทิตย์ยกเข้าสู่ราศีเมษ
เอาละครับ ทีนี้จะขอพูดถึงเรื่องศิลปะในการแต่งร้อยกรองในวรรณกรรมภาษาไทยของกวีและมหากวีของชาวสยามว่าเล่นคำเอามาเรียงร้อยเป็นความหมายและมีเนื้อหาตามที่อยากจะแต่งได้อย่างวิเศษ โดยเฉพาะถึงบทอัศจรรย์นั้นบรรยายไว้อย่างเลิศเลอในภาษาและเป็นศิลปะการเรียงร้อยถ้อยคำประดุจเขียนภาพเหมือนด้วยวาจาจนเห็นเป็นภาพได้อย่างชัดเจนไม่มีอะไรน่าสงสัย ซึ่งอาการอย่างนี้เขาเรียกว่า “ ภาพพจน์ “ คือวาดภาพด้วย วัจนะ หรือวาดภาพด้วยภาษาพูด เหมือนฝรั่งเขาบอกว่า ช่างถ่ายภาพหรือตากล้องว่าการถ่ายรูปคือการวาดภาพด้วยแสง(PAINTING WITH LIGHT )
วาระนี้เราจะพาท่านมาพิจารณาภาษากวีอันแสนวิจิตรในภาพของการแต่งบทอัศจรรย์ซึ่งแฟนชมรมหลายท่านชื่นชอบอยากศึกษาสำนวนอีกเยอะๆ วาระนี้ขอเสนอความเป็นอัจฉริยะทางกวีของสุนทรภู่ ที่แต่งไว้ในเรื่องพระอภัยมณีเพราะมีบทอัศจรรย์มากมายหลายตอนเพราะตัวนำแสดงชายหญิงมีหลายคู่ คู่แรกที่จะนำแสดงก็ต้องขอเป็น CO-STAR ระหว่างพระอภัยฯกับนางยักษ์ผีเสื้อสมุทรก่อน ตอนนั้นพระอภัยยังเป็นวัยรุ่นอายุแค่ 15 หยกๆ16หย่อนๆเป็นไก่อ่อนไม่เคยขึ้นสังเวียนบังเอิญไปเป่าปี่เล่นชายหาด นางผีเสื้อได้ฟังปี่วิเศษเหมือนมนตร์ดลจิตให้วาบหวิวนักก็มาแอบดูเห็นพราห์มหนุ่มน้อยรูปงามกำลังเป่าปี่อยู่เกิดพิศวาสสุดทนจึงร่ายมนต์ให้สองหนุ่มพี่น้องพระอภัยกับศรีสุวรรณหลับไปนางผีเสื้อก็ขโมยอุ้มเอาพระอภัยมุดน้ำลงไปซุกไว้ในถ้ำแล้วแปลงกายเป็นมนุษย์หญิงรูปงาม ชวนเชิญให้ไก่ออ่นร่วมรสรักกัน...และอยากเปิดบริสุทธิ์ของพระอภัย พอถึงตอนเข้าพระเข้านาง สุนทรภู่บรรยายไว้อย่างนี้
“ พระฟังคำจำจิตพิศวาส ฝืนอารมณ์สมพาสทั้งโศกเศร้า
การโลกีดีชั่วย่อมมัวเมา เหมือนอดข้าวกินมันกันเสบียง
เกิดกุลาคว้าว่าวปักเป้าติด กระแซะชิดขากบกระทบเหนียง
กุลาส่ายย้ายหนีตีแก้เอียง ปักเป้าเหวี่ยงยักแผละกระแซะชิด
กุลาโคลงไม่สู้คล่องกระพร่องกระแพร่ง ปักเป้าแทงตะละทีไม่มีผิด
จะแก้ไขก็ไม่หลุดสุดความคิด ประกบติดตกผางลงกลางดิน
สมพาสยักษ์รักร่วมภิรมย์สม เหมือนเด็ดดอกหญ้าดมพอได้กลิ่น
เป็นวิสัยในภพธรณินทร์ ไม่สุดสิ้นสิ่งเสน่ห์ประเวณี ฯ ”
เวลาท่านอ่านให้ลองขับเสภาไปด้วยนะครับจะได้ถูกตำราเสภาเรื่องพระอภัยมณี ขออธิบายให้หนุ่มสาวยุคนี้ที่
ยังไม่ได้แต่งงานและกำลังจะได้แต่งกันในเดือน 6 นี้ด้วยว่า การเล่นว่าวของชาวสยามมีมาแต่โบราณและเล่นเป็นกีฬา
- 2 -
พนันกันได้ไม่ผิด เพราะเป็นประเพณีเหมือนดูมวยไทยก็พนันกันได้ ว่าวคู่กัดของคนไทยเราที่เอามาเป็นกีฬาหน้าร้อนก็คือ ตัวผู้สมมติเป็นจุฬา ตัวเมียสมมติเป็น อีเป้า อีเป้าตัวจะเล็กกว่าจุฬามากมีหางยาวทำด้วยแถบผ้าและกัดคอซุงลงมามีเหนียงเป็นบ่วงเชือกกว้างยาวพอเหมาะที่จะให้จุฬาคว้ายัดหัวปักเป้าไปในบ่วง จุฬานั้นมีปีกกางออกไปสองข้างตรงๆเหมือนปีกเครื่องบิน เมื่อพลาดติดบ่วงหรือภาษาว่าวเรียกว่าติดเหนียงของอีเป้าก็เสียการทรงตัว คนชักว่าวอีเป้าก็จะรีบม้วนกระป๋องเชือกช่วยกันวิ่งลากให้จุฬาข้ามแดนมาอยู่แดนอีเป้า จุฬานั้นมีหัวมีปีกมีเอวและมีขาสองขาแยกจากกันเรียกว่าขากบ ขออธิบายย่อๆให้คนไทยที่ไม่เคยเล่นว่าวเข้าใจพอสังเขปนะครับ เมื่อจุฬาติดเหนียง อีเป้า
กระตุกให้ตัวว่าวอีเป้าตีกระทบตัวว่าวจุฬาให้เสียการทรงตัวเร็วขึ้น โดยมากว่าวจุฬาจะไม่รอดสันดอนไปได้ เมื่อถูกอีเป้าตีกระทบและตัวเองก็ติดเหนียงหมุนติ้วอยู่มันก็ต้องร่วงตกลงดินแทบทุกราย
พระอภัยฯ นั้นยังเวอร์จิ้นบริสุทธิ์อยู่ท้าวเธอไม่เดียงสากับเรื่องคาวๆของนางยักษ์เลยและไม่เต็มใจ แต่นางยักษ์แปลงกายเป็นสาวสวยราวกับนางงามจักรวาลถูกเย้ายวนหยอกเอินถูกเนื้อต้องตัว เนื้อหญิงนั้นนิ่ม เนื้อชายมันแข็งเจอกันเข้าไฟฟ้าในตัวต่างขั้วกันไฟมันก็สป๊าคครับท่าน สุนทรภู่ท่านบรรยายว่า “ เป็นวิสัยในภพธรณินทร์ ไม่สุดสิ้นสิ่งเสน่ห์ประเวณี “ อันนี้พวกเราต้องยอมรับว่าสุนทรภู่ท่านรอบรู้กลประเวณีระดับคุณหมอนพพรและระดับมาสเตอร์แอนด์จอห์นสันของชาวอเมริกันทีเดียวเชียว
เมื่อหนุ่มเวอร์จิ้นอย่างเจ้าชายอภัยมณีถูกสอนรักเข้าทีเดียวก็ติดใจ นางผีเสื้อก็เพียรต่อเพลงบทต่อไปเรื่อยๆ จนพระอภัยเจนจบกลยุทธ์กามกรีธากีฬาของกามเทพระดับกระบี่มือหนึ่งของแผ่นดิน ฉะนั้นเมื่อเบื่อเมียยักษ์เพราะมีลูกโตพอคุยกันรู้เรื่องแล้วจึงชวนกันหนีนางผีเสื้อสมุทรไปให้พ้นๆเพราะขืนอยู่กันต่อไปของเก่าเป็นสนิมนางยักษ์อาจโกรธเคืองผิดใจขึ้นมาเธออาจเปลี่ยนตำแหน่งพระอภัยจากผัวเป็นสเต็กเนื้อหนุ่มจานโตขึ้นมาก็จะซวยไป ดังนั้น...เมื่อตอนว่ายน้ำหนีนางยักษ์เกิดมีผู้ช่วยคือนางสาวเงือกมาช่วยให้เกาะหลังนำส่งขึ้นฝั่ง ไม่ต้องบอกดอกนะท่านว่าเงือกรูปร่างเป็นยังไง พระอภัยกับนางเงือกเกิดดวงสมพงษ์กันก็เกิดบทอัศจรรย์ขึ้นกับนางเงือกเป็นรายที่ 2 ...สุนทรภู่ท่านบรรเลงไว้ดังนี้
******ยังไม่จบครับเหลืออีกนิดหนึ่ง โปรดอดใจรอนะครับ ขอบคุณครับ*****
ขอต่อตอนจบนะครับ....... “ ประเวณีมีทั่วทุกตัวสัตว์ ไม่จำกัดห้ามปรามตามวิสัย
นาคมนุษย์ครุฑาสุราลัย สุดแต่ใจปรองดองจะครองกัน
เจ้ากับพี่นี้ก็เห็นเป็นกุศล จึงหนีพ้นมารมาไม่อาสัญ
จะเคียงคู่ชูชื่นทุกคืนวัน โอ้เจ้าขวัญนัยนาจงปรานี “
สาวน้อยนางเงือกผู้อ่อนโลกเจอคำเล้าโลมออดอ้อนประกอบกับตัวเองก็ขาดที่พึ่งเพราะตอนพาพระอภัยให้เกาะหลังหนีนางผีเสื้อนั้น นางผีเสื้อตามมาทันโกรธนักก็ฆ่าบิดามารดาของสาวเจ้าเด็ดสะมอเร่หมด นางจึงหมดที่พึ่ง พระอภัยก็แสนจะหล่อเหลาเอาการ ก่อนอัศจรรย์จะบันดาลนั้น เงือกสาวนำส่งถึงชายหาดเกาะแก้วพิสดารแล้ว เมื่อถูกคารมหว่านล้อมมีเหตุผลของฝ่ายหนุ่ม สาวเจ้าก็เห็นคล้อยตาม...
“ อัศจรรย์ครั่นครื้นเป็นคลื่นคลั่ง เพียงจะพังแผ่นผาสุธาไหว
กระฉอกฉาดหาดเหวเป็นเปลวไฟ พายุใหญ่เขยื้อนโยกกระโชกพัด
เมขลาล่อแก้วแววสว่าง อสูรขว้างเควี่ยงขวานประหารหัต
- 3 -
พอฟ้าวาบปลาบแปลบแฉลบลัด เฉวียงฉวัดวงรอบขอบพระเมรุ
ปลาหกเทวบุตรก็ผุดพุ่ง เป็นฝนฟุ้งฟ้าแดงดั่งแสงเสน
ศิขรินทร์อิลันธรก็อ่อนเอน ยอดระเนนแนบน้ำแทบทำลาย
สมพาสเงือกเยือกเย็นเหมือนเล่นน้ำ ค่อยเฉื่อยฉ่ำชื่นชมด้วยสมหมาย
สัมผัสพิงอิงแอบเป็นแยบคาย ไม่เคลือบคลายคลึงเคล้าเยาวมาลย์ฯ...
ครั้งนี้ฉากเลิฟซีนสุนทรภู่ท่านจัดฉากไว้ที่หาดทรายแช่น้ำอยู่ครึ่งตัว เพราะต่ำกว่าเอวแม่เงือกสาวน้อยแกเป็นปลานี่นะทำไงได้ล่ะพระเดชพระคุณ เราเห็นว่าฉากนี้ถ้าสร้างเป็นภาพยนตร์ควรไปถ่ายทำกันที่ถ้ำมรกตกลางทะเลจังหวัดตรังกันเป็นเหมาะที่สุด เอ๊ะ! ไม่แน่ใจนะครับว่าถ้ำมรกตอยู่จังหวัดไหนแน่คงไม่หนีพังงา ถ้าไม่ใช่พังงาก็สตูล ถ้าสมัยที่สุนทรภู่ท่านแต่งเรื่องพระอภัยฯอยู่นั้น หากท่านรู้ว่ามีถ้ำมรกตอยู่และสุดแสนจะบรรเจิดลึกลับด้วยท่านคงพาคู่บ่าวสาวของท่านเปิดกล้องเลิฟซีนที่ถ้ำมรกตแน่ เพราะดีกว่าเปิดกล้องที่เกาะแก้วพิสดาร ไม่เชื่อท่านลองไปชมเอง งวดนี้ขอเท่านี้ก่อนแล้วกันนะครับ ยังมีอีกหลายคู่ต่อสู้กันด้วยชั้นเชิงประทับใจ เช่น พระอภัยปะทะกับนางวารี...!
ไพสิฏฐ์ นวลสัมพันธ์
ประธานชมรมคนรักวรรณกรรม(เก่า)