พอดีเพิ่งได้เมล์มาเอามาลงให้อ่านกัน ถึงผมจะมี facebook ส่วนตัวโดยเปิดมาหลายปีแล้วก่อนที่คนไทยทุกวันนี้จะเห่อเล่น facebook เสียอีก แต่ผมจำกัดการใช้ให้อยู่ในความเหมาะสมไม่ให้ข้อมูลหรือเรื่องส่วนตัวของเรามาแชร์เละเทะเหมือนที่ผมเห็นหลายๆคนตกเป็นทาสของ facebook ไปแล้ว คือจะกินจะรอรถเมล์รถไฟฟ้าอะไรที่ไหนหรือไปถึงที่ไหนก็ check-in หรือมานั่งแชร์หรือถ่ายรูปลงทุกชั่วโมงทั้งวัน ขอโทษนะครับถ้าคอมเมนท์ผมไม่กระทบสมาชิกท่านใด ผมมองในมุมผมจริงว่าทุกวันนี้มันเกินไปแล้ว ลองมาอ่านกันครับ
> ในช่วง 1-2 ปีนี้ การเติบโตของการใช้งาน Social Network ในเมืองไทย อยู่ในอัตราที่สูงมาก จำนวนผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตเพิ่มสูงขึ้น จากจำนวนผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตบนโทรศัพท์มือถือ (Mobile Internet) ที่เพิ่มสูงขึ้น ยอดขายของสมาร์ทโฟนเติบโตในระดับก้าวกระโดด บนความอิ่มตัวของอุตสาหกรรมโทรคมนาคมไทย ที่มียอดผู้ใช้มือถือมากกว่าจำนวนประชากร
>
> ความนิยมของสมาร์ทโฟน กลายเป็นปัจจัยหลักในการขับเคลื่อนบริการต่างๆ บนอินเทอร์เน็ต และผู้คนถูกเชื่อม โยงเข้าหากันผ่าน Social Network เกิดพฤติกรรมการแชร์ การแลกเปลี่ยน ข้อมูล ข่าวสารมากมาย
>
> ผู้คนเริ่มแสดงออกมากขึ้น นำชีวิตส่วนตัวมาเปิดเผยมากขึ้น ผู้ใช้ก็อยากรู้เรื่องราวและชีวิตส่วนตัวของคนอื่นมากขึ้น ทุกคนก็อยากให้คนอื่นมาสนใจเรื่องของตัวเอง เครื่องมืออย่างเช่น การคอมเมนต์ การแชร์รูป การโพสต์สถานะว่าทำอะไร คิดอะไร หรืออยู่ที่ไหน การกด Like ล้วนแต่ตอบโจทย์พฤติกรรมของการแสดงออกของผู้ใช้ Social Network ทั้งสิ้น
>
> เมื่อมีการเปิดเผยเรื่องของตัวเองมากขึ้น เริ่มมีเพื่อน คนรู้จักมาให้ความสนใจมากขึ้น กลายเป็นพฤติกรรมที่กระตุ้นให้เปิดเผยเรื่องของตัวเองที่เคยเป็นเรื่องส่วนตัวมากยิ่งขึ้น จนหลายครั้ง ผู้ใช้เริ่มแยกแยะไม่ออก เรื่องใดควรเปิดเผยหรือไม่ควรเปิดเผย ควรเปิดเผยกับใครและไม่ควรเปิดเผยกับใคร
>
> คนส่วนใหญ่เริ่มขาดความระมัดระวังในเรื่องของการแชร์เรื่องของตัวเอง ขาดความตระหนักถึงภัยอันตรายที่เกิดจากความรู้ไม่เท่าทัน บทความนี้ผมจึงตั้งใจเขียนเพื่อเตือนให้ผู้ใช้ มีความตระหนักมากยิ่งขึ้น
>
> เมื่อช่วงต้นปี 2010 มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก ผู้ก่อตั้ง Facebook.com ได้ประกาศต่อสาธารณะว่า " โลกของความเป็นส่วนตัวได้หมดไปแล้ว " (The Age of Privacy is Over) โดยผู้ที่สมัครใช้งาน Facebook ทุกคนนับจากวันนั้น จะถูกเปิดเผยข้อมูลส่วนตัว (User Information) ต่อสาธารณะ เป็นค่าเริ่มต้น โดยที่ Facebook มีเครื่องมือที่ช่วยกำหนดระดับความเป็นส่วนตัวของข้อมูลให้เป็นทางเลือก
>
> ดังนั้น ถ้าเราสมัคร Facebook โดยไม่เข้าไปตั้งค่าความเป็นส่วนตัวเอง ข้อมูลส่วนตัวของเรา ใครๆ ก็เข้าไปดูได้ครับ
>
> ล่าสุด มีผู้ค้นพบว่ามือถือ iPhone ได้แอบเก็บข้อมูลของสถานที่ต่างๆ ที่ผู้ใช้งานเดินทางไป จนรู้ได้ว่าในรอบ 1-2 เดือนที่ผ่านมา ผู้ใช้เดินทางไปไหน ช่วงเวลาใดบ้าง แม้ว่าจะมีผู้เชี่ยวชาญออกมาบอกว่า ข้อมูลเหล่านี้ถูกเก็บไว้ในเครื่อง ไม่ได้ถูกส่งออกไปไหน แต่นั่นก็ทำให้ผู้ใช้ควรเริ่มตระหนักว่า ความเป็นส่วนตัวของเรา เริ่มมีน้อยลงไปทุกที
>
> ย้อนกลับมาที่ Facebook หน่อยครับ
>
> เคยกลับไปดูมั้ยครับ ว่าเพื่อนของเราที่มีอยู่นับร้อย นับพัน เป็นคนที่เรารู้จักกี่คน
>
> มีน้อยคนนะครับที่จะรู้จักเพื่อนทั้งหมดของตัวเองใน Facebook
>
> บางคนเรารับเป็นเพื่อน เพราะเพียงแค่เคยเจอหน้ากัน หรือเป็นเพื่อนของเพื่อนโดยไม่ทันรู้ด้วยซ้ำว่าเขาเป็นใคร มาจากไหน ไว้ใจได้แค่ไหน
>
> เพื่อนของเราใน Facebook อาจจะไม่ใช่ทุกคนที่เป็นคนดีก็ได้นะครับ ในชีวิตจริง เราคงไม่บอกเรื่องราว ชีวิตส่วนตัว ให้กับคนที่เราไม่รู้จัก เราถูกสอนมาตั้งแต่เด็ก ว่าอย่าไว้ใจคนแปลกหน้า
>
> แต่ Social Network ทำให้เราขาดความระมัดระวังเวลาจะรู้จักใคร
>
> Social Network ทำให้เราคิดน้อยลง เพราะการกดรับเป็นเพื่อน ง่ายกว่า
>
> กระทั่งเราเชื่อและไว้ใจในตัวตนของคนคนนั้นง่ายขึ้น เพียงแค่คลิกเข้าไปดูข้อมูลส่วนตัว ก็เชื่อตามนั้นแทบจะทันที
>
> พฤติกรรมของ " การแชร์ " เป็นพฤติกรรมที่นิยมกันมากที่สุดในการใช้งาน Social Network
>
> มีการโพสต์บอกว่าตัวเราเอง ทำอะไร อยู่ที่ไหน อยู่กับใคร ตลอดเวลา มีการแชร์รูปอาหารจากร้านที่เราไปกิน การแชร์รูปมือถือใหม่ที่เราเพิ่งซื้อ มีการโพสต์และแทกเพื่อนๆ เพื่ออวดกระเป๋าถือแบรนด์สุดหรู กลายเป็นพฤติกรรมที่เราทำกันคุ้นชินและเป็นเรื่องปกติไปแล้ว แต่ถ้าเพื่อนใน Facebook ของเรามีคนที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อนรวมอยู่ด้วย เริ่มอันตรายแล้วนะครับ เพราะเรากำลังจะแสดงฐานะหรือแสดงของมีค่าที่เรามี ให้กับคนที่เราไม่เคยรู้จัก เราไม่เคยรู้ว่าเขาขอเราเป็นเพื่อนเพราะอะไร เราไม่ทันดูด้วยซ้ำว่าคนคนนั้นเป็นใคร ซึ่งคนกลุ่มนี้อาจจะไม่ใช่คนที่หวังดีกับเราก็เป็นได้
>
> นอกจาก Facebook แล้ว Foursquare ซึ่งเป็นบริการ "Check-in" ตำแหน่ง สถานที่ต่างๆ ก็เริ่มได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เช่นกัน
>
> เว็บไซต์ " PleaseRobMe.com " เป็นเว็บที่ดึงข้อมูลการ "Check-in" ที่เปิดเผยต่อสาธารณะ โดยเชื่อม โย งเข้ากับ Twitter เพื่อแสดงให้เห็นว่า ผู้ใช้ Twitter คนนั้น เดินทางไปยังสถานที่ใดบ้างจากการ "Check-in" ใน Foursquare และในสถานที่หนึ่ง มีผู้ใช้ Twitter คนไหนทำการ "Check-in" ด้วย Foursquare เช่นกัน
>
> มีหลายคน "Check-in" ที่บ้านตัวเองทั้ง Foursquare และ Facebook Places เป็นประจำทุกครั้งที่กลับถึงบ้าน หารู้ไม่ว่า กำลังชี้ช่องทางให้กลุ่มมิจฉาชีพที่จ้องจะมาขโมยยกเค้าที่บ้านโดยไม่รู้ตัว
>
> ผู้ไม่หวังดีสามารถคาดเดารสนิยม ฐานะ ทรัพย์สิน ที่อยู่ เส้นทางที่คุณเดินทางในแต่ละวันของเราได้โดยการเชื่อม โย งจากทั้งใน Facebook , Twitter และ Foursquare อย่างที่เว็บ " PleaseRobMe.com " นำมาแสดงให้เห็น
>
> ยิ่งคนเล่น Foursquare เป็นประจำ แทบจะวาดแผนที่การเดินทางออกมาได้เลยว่า ตั้งแต่เราย่างก้าวออกจากบ้าน เราเดินทางไปไหนบ้างในแต่ละวัน และกลับมาถึงที่บ้านกี่โมง อยู่คนเดียว หรืออยู่กับครอบครัว อยู่บ้าน คอนโด หรือหอพัก ทำงานอยู่ที่ไหน ใช้เวลาอยู่นอกบ้านกี่ชั่วโมงในแต่ละวัน และวันไหน มักจะไม่อยู่บ้านหรือกลับบ้านดึกเป็นพิเศษ ช่วงวันหยุดยาว Twitter และ Foursquare ของเราอาจจะถูกเหล่ามิจฉาชีพติดตามเป็นพิเศษ
>
> ถ้าเราบอกสถานที่ที่เราไป ตำแหน่งที่เราอยู่โดยการใช้ Foursquare ก็เป็นเหมือนการบอกกลายๆ ว่าเราไม่อยู่บ้าน และถ้าอยู่ในสถานที่ไกลๆ ก็เป็นการบอกผู้ไม่หวังดีทางอ้อมว่า เราจะไม่อยู่บ้านหลายวัน
>
> แม้กระทั่งพฤติกรรมการลานอนทาง บน Social Network ก็อันตรายครับ ผู้ไม่หวังดี สามารถคาดเดาเวลานอนของเราในแต่ละวันได้ และถ้าติดตามเป็นระยะเวลาหนึ่ง ก็จะรู้นิสัยการตื่นและการนอนของเรา จะได้เลือกเวลาย่องเข้ามาขโมยของได้ถูกจังหวะ
>
> นอกจากการขโมย ยกเค้า สาวๆ ยิ่งต้องคอยระวังตัวเวลาเล่น Foursquare เพราะเราอาจจะกำลังบอกสถานที่ที่จะไปให้กับเหล่า Stalker เหล่านั้นไว้ใช้ติดตาม อาจจะถูกเหล่า Stalker นี้ติดตาม โดยที่ไม่รู้ตัวเลยก็เป็นได้
>
> Social Network ทำให้เราย่ามใจและเกิดความไว้ใจในตัวคนที่เราไม่รู้จักง่ายขึ้นและเกิดความระมัดระวังตัวเองน้อยลง
>
> เราสามารถบอกข้อมูลส่วนตัวหลายเรื่องออกไปให้กับคนที่ไม่ใช่เพื่อนได้ โดยที่ไม่รู้ตัว
>
> การใช้งาน Social Network ต้องอยู่บนความพอดี ไม่เปิดเผยข้อมูลส่วนตัว ชีวิตส่วนตัวมากจนเกินไป (Over-sharing) และรู้ตัวอยู่เสมอว่า เรากำลังพูดอะไร มีใครได้ยินในสิ่งที่เราพูดบ้าง
>
> แล้วเราจะใช้ Social Network อย่างสบายใจครับ
>
> วิธีป้องกันเบื้องต้น
> เราสามารถเริ่มต้นป้องกันได้โดยการอย่ารับ Add คนที่เราไม่รู้จัก เพราะมิจฉาชีพจะสร้าง Account ปลอมเข้ามาเพื่อสืบประวัติของเราได้
>
> ผมแนะนำให้ตั้งค่า Privacy ที่ลิงค์นี้ <
http://www.facebook.com/settings/?tab=privacy >
http://www.facebook.com/settings/?tab=privacy >
> ให้ลองเข้าไปสร้าง List ของเพื่อน เพื่อจัดกลุ่มเพื่อน และตั้งค่า Privacy ที่แตกต่างกันสำหรับเพื่อนแต่ละกลุ่ม โดยกำหนดระดับความสำคัญของข้อมูลที่เราต้องการให้แต่ละกลุ่มเห็น และไม่เห็น เช่น ข้อความบนหน้า Wall หรือรูปใน Album ที่อาจจะกำหนดให้เฉพาะเพื่อนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งเท่านั้น ที่มีสิทธิ์โพสต์หรืออ่าน
>
> ค่า Privacy อื่นๆ ที่แนะนำให้ตั้งไว้
> - Public Search ปิดเพื่อป้องกันไม่ให้คนแปลกหน้าค้นหาชื่อเรา
> - Game & App Activity ให้เปิดเฉพาะเพื่อนของเรา (Friend Only)
> - Info Accessible ให้เลือกข้อมูลส่วนตัวที่จะให้เพื่อนของเราเห็น
> - App You Use เอา App ที่ไม่ได้ใช้ออกไป เพื่อป้องกัน App แปลกปลอมเข้ามาดึงข้อมูลส่วนตัวของเรา (
http://www.facebook.com/settings/?tab=applications )
>
> อีกหัวข้อที่ควรตั้งค่าให้เหมาะสม คือ "Connecting to Facebook" ในหน้า Privacy :
> - Search for you on Facebook ตั้งให้เฉพาะ Friends Only ( เพื่อนเท่านั้นที่หาค้นหาชื่อเราได้ ป้องกันบุคคลแปลกหน้าค้นหาชื่อเราจากระบบค้นหา)
> - Send you messages ใครที่สามารถส่ง Message (DM) หาเราได้ ตั้งเฉพาะ Friends Only อีกเช่นกัน เพื่อป้องกันคนแปลกหน้าส่งข้อความหรือลิงค์ที่หลอกให้เราคลิก
> - See your friend list รายชื่อเพื่อนของเรา ตั้งให้เฉพาะ Friends Only ของเราก็พอ เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ที่ไม่หวังดี ไล่หาความสัมพันธ์ของเรากับเพื่อน หรือกระทั่งหาเหยื่อรายใหม่ๆได้
> - See your likes, activities and other connections กิจกรรมทั้งหลาย พวกที่เราไปกด Likes ไปเมนต์เพื่อนๆ ก็ให้โชว์เฉพาะ Friends Only คนอื่นจะได้ไม่รู้ว่าเราไปทำอะไรที่ไหน เมื่อไหร่
>
> สำหรับ 4sq แนะนำให้ปิดเบอร์โทรศัพท์ จากลิงค์นี้ครับ
http://foursquare.com/settings > ปิดข้อมูลทุกอย่าง คนที่ไม่ใช่เพื่อนจะได้ดูไม่ได้
>
> และเลือกว่า เราควรจะเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวของเราอะไรบ้าง ให้กับคนที่ไม่รู้จัก
>
> วิธีการเช็ก ง่ายๆ ครับ
> - ลอง Logout ออกจาก Facebook ชั่วคราว แล้วเข้าไปดูในหน้า Profile ของเราเอง
> - ถ้ายังเห็น Wall อยู่ แสดงว่าเรายังไม่ได้ตั้งค่า Privacy ที่ดีพอ
> - ถ้าจะให้ดี เมื่อกด Info ต้องเหลือเฉพาะข้อมูลที่เราคิดว่า ใครเห็นก็ไม่เป็นไร ยินดีเปิดเผย (เช่น ชอบเพลงอะไร ชอบหนังเรื่องอะไร)
>
> ฝากส่งท้าย
> - อย่า Check-in ตลอดเวลา จนคนอื่นรู้ว่า แต่ละวันคุณไปไหนมาบ้าง เขาจะเดาได้ว่า กว่าคุณจะกลับมา ใช้เวลาเท่าไหร่
> - อย่าบอกว่าตัวเองนอนหลับเวลาไหน
> - อย่าบอกว่าตัวเองอยู่บ้าน หรือไม่อยู่บ้านเวลาไหน
> - อย่าประกาศตัวเองว่าไปต่างจังหวัด
> - และที่สำคัญที่สุด อย่า Check-in ที่บ้าน
>
> ด้วยความปรารถนา