แม้จะไม่มี Rick Wakeman ที่นีดออกไปทำอัลบั้ม Six Wifes of Henry VIII (1973) ก็เถอะ แต่ Yes ก็ไม่ได้สูญเสียอะไรไป เพราะไปได้ Patrick Moraz เข้ามาทำอัลบั้ม Relayer แต่อย่าลืมยังมีทีมที่แข็งแกร่งอย่าง Squire และ Howe อีก
Alan White ก็ไม่ได้เล่นได้อ่อนไปกว่า Bill Bruford งานเพลงแม้จะมีเพียง 3 แทร๊ค แต่ละแทร๊คใช่สั้นๆ ที่ไหนกัน
1. The Gates of Delirium
2. Sound Chaser
3. To Be Over
เพลง The Gates of Delirium เปิดตัวออกมาอย่างอหังการยาวมากเพลงนึ่งวของวงเลยที่เดียว ด้วยเวลา 21:50 นาทีเลย
Moraz และ White ทำหน้าทีได้ไม่ตกหล่น ส่วน Squire และ Howe ก็ทำได้ตามหน้าที่เดิมได้ดีเช่นเดิม ตอนคิด ๆไว้ว่างานนี้แม้จะไม่ใช่ Line up ที่สมบูรณ์แบบอย่างงานก่อนๆ แต่ก็นับได้พอเปิดฉากลากเสียง Key ได้ยาวหลอน ๆ ดีครับ แม้จะไม่เด่นเท่างานก่อน ๆ แต่ฝีมืออาจจะเรียกว่าเหนือและแตกต่างได้สบาย ผมไม่ขอพูดถึงเสียงร้องเลยสักเพลงนะ (อีตาจ๊อน แอนเดอร์สัน ยังเห็นที่หนักใจในการที่ผมจะเข้าถึงเนื้อหา อารมย์ที่เขากล่าวจริง ๆ แหละครับ)
ส่วน 2 แทร๊คที่เหลือ อย่าง Sound Chaser สัดส่วนของ กลอง และ คีบอททำได้ดีมาก สวยงาม มีลูกเล่นที่ไม่แพ้ในงานก่อน ๆ ของพวกเขาเลย จนบางที่สมาชิกที่เหลือจะยังเด่นไม่เท่า! รีฟฟ์กีต้าร์มีการใช้การอุดสาย ทำให้เกิดเสียงหนา (พูดแบบนี้แล้วนึกถึงดนตรีเมทัลเลยเชียวครับ) แม้เสียงคีย์บอทจะออกไปทางกุ๊กกิ๊ก (อิๆ) ก็ตาม แต่ เห็นได้จากแทร๊คนี้แล้วต้องยอมรับในฝืมือกันจริง ๆ ครับ
ส่วน To Be Over เพลงปิดที่ออกไปทางเพลงหวาน ใสๆ กล่องจิตใจ ให้สุ่มเสียงที่เป็นธรรมชาติของวงมากเพลงนึ่ง อย่างที่เพลงมาตรฐานเพลงแนว Prog ในยุคนั้นทำกัน นึกถึงงานแบบ World Music หรือ New Age ได้สบาย ๆ เลยครับ อย่าลืมนะครับว่าพวกเขาเป็นวง Rock ด้วยพวกนี้แทรกซึมอยู่ทุกอณูเชียวครับ สัดในเพลงอาจจะไม่มากอะไรตามประสาเพลงช้า ๆ ให้ความรู้สึกแบบเพลงของ Mike Oldfield ได้เช่นกันนะครับ
เพิ่มเติมครับ สำหรับคนที่ชอบ งาน แรก ๆ ของ MO. หรือจะเป็น RTF. หรือ Weather Report น่าจะชอบงานนี้ได้ไม่ยากนัก สัดส่วนเยอะมากดี(เลย)ครับ (ฮา) แฟน Dream Theater อาจจะเกิดอาการแบบร้อน ๆ หนาว ๆ ได้ใน Sound Chaser เพลงนี้ ในการเปลี่ยนสัดส่วนของเพลงนี้ ผมว่าเขาคงได้อิทธิพลวงนี้มาเยอะเชียวครับ