ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

 
การค้นหาขั้นสูง

149686 กระทู้ ใน 4435 หัวข้อ- โดย 847 สมาชิก - สมาชิกล่าสุด: axlrose

04 พฤษภาคม 2024 | 09:08:44 AM
Thai Progressive Rock CommunityThaiProgBreatheขออนุญาตส่งข่าวชมรมใหม่ครับ
หน้า: 1 [2] 3 4 ... 8
พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: ขออนุญาตส่งข่าวชมรมใหม่ครับ  (อ่าน 54838 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
อั๋น501
Voyage Of The Acolyte
*********
กระทู้: 4240



ดูรายละเอียด
« ตอบ #15 เมื่อ: 22 มีนาคม 2012 | 08:28:36 AM »

ผมไม่เคยอ่านพวกวรรณกรรมหรือหนังสือประเภทนี้เลย  พึ่งได้อ่านนี่น่าสนใจได้ความรู้มากครับ

เอ่อ...แล้วปรกติ น้าอั๋น ชอบอ่านวรรณกรรม หรือหนังสือประเภทไหนครับ...?    ยิ้มกว้างๆ ยิงฟันยิ้ม
อยากเดาคำตอบให้แทนจังเลยครับ (ฮา) ยิงฟันยิ้ม ยิ้มกว้างๆ ยิงฟันยิ้ม

รู้ใจผมจริงๆ  ตู้เก็บหนังสือผมกับของเมียมีหนังสือต่างกันฟ้ากับดินเลยครับ
ผมไม่ค่อยชอบอ่านหนังสือที่มีสาระอะไรมากนัก  แต่ตู้หนังสือเมียผมมีหนังสือพวกวรรณกรรมหนังสือแปลอะไรพวกนี้มากมาย
ส่วนของผมมีแต่หนังสือเครื่องเสียงซึ่งมากมาย หนังสือภาพยนต์ หนังสือประเภทดูแต่รูปไม่ได้มีไว้อ่านอันนี้จะชอบมาก
ขนาดว่าผมช่างกิโลขายไปมากแล้วครับก็ยังเหลืออีกเพียบรกบ้านมาก
บันทึกการเข้า
Pong-Wanchai
The Snow Goose
**********
กระทู้: 8464



ดูรายละเอียด
« ตอบ #16 เมื่อ: 22 มีนาคม 2012 | 10:24:36 AM »

ผมไม่มี วรรณกรรม เลยครับ มีแต่ กรรม แล้วก็ พฤติกรรม ที่ไม่ค่อยดี...ตอนเด็กๆ ก็ชอบละเลง จิตรกรรม บนฝาผนังห้องน้ำ  ตกใจ
สรุปคือ อกุศลกรรม ทั้งสิบนั้น ผมคงมีติดอยู่บ้างแต่ยังชดใช้ไม่หมดก็เลยมีชีวิตอยู่ได้ทุกวันนี้ แม้บทที่สิบจะเกี่ยวกับผลของ
การเสพสุราเมรัยและโทษหรือกรรมที่จะได้รับอันมีดังต่อไปนี้...

๑. ทรัพย์ถูกทำลาย
๒. เกิดวิวาทบาดหมาง
๓. เป็นบ่อเกิดของโรค
๔. เสื่อมเกียรติ
๕. หมดยางอาย
๖. ปัญญาเสื่อมถอย

เท่าที่พิจารณาแล้ว ผมเพิ่งรับกรรมข้อที่ห้าเท่านั้นเอง ส่วนข้ออื่นๆ ยังมาไม่ถึงครับ  ยิงฟันยิ้ม  ยิงฟันยิ้ม  ยิงฟันยิ้ม

สำหรับสมาชิกท่านอื่นๆ มี "กรรม" อะไรบ้างเอ่ย ?  ยิ้มกว้างๆ
บันทึกการเข้า
Sombunประธานชมรมคนรักหนังเก่า
Close To The Edge
******
กระทู้: 1409



ดูรายละเอียด
« ตอบ #17 เมื่อ: 22 มีนาคม 2012 | 10:42:55 AM »

ผมไม่มี วรรณกรรม เลยครับ มีแต่ กรรม แล้วก็ พฤติกรรม ที่ไม่ค่อยดี...ตอนเด็กๆ ก็ชอบละเลง จิตรกรรม บนฝาผนังห้องน้ำ  ตกใจ
สรุปคือ อกุศลกรรม ทั้งสิบนั้น ผมคงมีติดอยู่บ้างแต่ยังชดใช้ไม่หมดก็เลยมีชีวิตอยู่ได้ทุกวันนี้ แม้บทที่สิบจะเกี่ยวกับผลของ
การเสพสุราเมรัยและโทษหรือกรรมที่จะได้รับอันมีดังต่อไปนี้...

๑. ทรัพย์ถูกทำลาย
๒. เกิดวิวาทบาดหมาง
๓. เป็นบ่อเกิดของโรค
๔. เสื่อมเกียรติ
๕. หมดยางอาย
๖. ปัญญาเสื่อมถอย

เท่าที่พิจารณาแล้ว ผมเพิ่งรับกรรมข้อที่ห้าเท่านั้นเอง ส่วนข้ออื่นๆ ยังมาไม่ถึงครับ  ยิงฟันยิ้ม  ยิงฟันยิ้ม  ยิงฟันยิ้ม

สำหรับสมาชิกท่านอื่นๆ มี "กรรม" อะไรบ้างเอ่ย ?  ยิ้มกว้างๆ
ขอเสวนาประเด็นนี้ต่อจากพี่โป่งนะครับ ผมคิดว่า ท่านสุนทรภู่ เองก็มี ปสก. ตรงนี้ตามสมควรตามประสา " ศิลปิน " ระดับโลก.....สำหรับสามัญชนคนเดินดินกินข้าวแกงข้างถนน(ไม่มีปัญญากินในโอเรียนเต็ล)อย่างผม ก็มี ปสก. ดังกล่าวทั้ง 5 ข้อ ครบถ้วนเมื่อประมาณสัก 20 กว่าๆปีที่แล้วก่อนแต่งงาน+ก่อนเข้าทำงานที่ที่ปัจจุบันนี้ ครับ ยิ้มกว้างๆ
บันทึกการเข้า
ปีศาจลายคราม
The Snow Goose
**********
เพศ: ชาย
กระทู้: 14376


Reap What You Sow


ดูรายละเอียด
« ตอบ #18 เมื่อ: 22 มีนาคม 2012 | 11:23:07 AM »

ผมไม่มี วรรณกรรม เลยครับ มีแต่ กรรม แล้วก็ พฤติกรรม ที่ไม่ค่อยดี...ตอนเด็กๆ ก็ชอบละเลง จิตรกรรม บนฝาผนังห้องน้ำ  ตกใจ
สรุปคือ อกุศลกรรม ทั้งสิบนั้น ผมคงมีติดอยู่บ้างแต่ยังชดใช้ไม่หมดก็เลยมีชีวิตอยู่ได้ทุกวันนี้ แม้บทที่สิบจะเกี่ยวกับผลของ
การเสพสุราเมรัยและโทษหรือกรรมที่จะได้รับอันมีดังต่อไปนี้...

๑. ทรัพย์ถูกทำลาย
๒. เกิดวิวาทบาดหมาง
๓. เป็นบ่อเกิดของโรค
๔. เสื่อมเกียรติ
๕. หมดยางอาย
๖. ปัญญาเสื่อมถอย

เท่าที่พิจารณาแล้ว ผมเพิ่งรับกรรมข้อที่ห้าเท่านั้นเอง ส่วนข้ออื่นๆ ยังมาไม่ถึงครับ  ยิงฟันยิ้ม  ยิงฟันยิ้ม  ยิงฟันยิ้ม

สำหรับสมาชิกท่านอื่นๆ มี "กรรม" อะไรบ้างเอ่ย ?  ยิ้มกว้างๆ
มีแต่ "คู่กรรม" พอจะได้มั้ยครับพี่? ยิงฟันยิ้ม ยิ้มกว้างๆ ยิงฟันยิ้ม
บันทึกการเข้า
Sombunประธานชมรมคนรักหนังเก่า
Close To The Edge
******
กระทู้: 1409



ดูรายละเอียด
« ตอบ #19 เมื่อ: 22 มีนาคม 2012 | 11:27:51 AM »

ผมไม่มี วรรณกรรม เลยครับ มีแต่ กรรม แล้วก็ พฤติกรรม ที่ไม่ค่อยดี...ตอนเด็กๆ ก็ชอบละเลง จิตรกรรม บนฝาผนังห้องน้ำ  ตกใจ
สรุปคือ อกุศลกรรม ทั้งสิบนั้น ผมคงมีติดอยู่บ้างแต่ยังชดใช้ไม่หมดก็เลยมีชีวิตอยู่ได้ทุกวันนี้ แม้บทที่สิบจะเกี่ยวกับผลของ
การเสพสุราเมรัยและโทษหรือกรรมที่จะได้รับอันมีดังต่อไปนี้...

๑. ทรัพย์ถูกทำลาย
๒. เกิดวิวาทบาดหมาง
๓. เป็นบ่อเกิดของโรค
๔. เสื่อมเกียรติ
๕. หมดยางอาย
๖. ปัญญาเสื่อมถอย

เท่าที่พิจารณาแล้ว ผมเพิ่งรับกรรมข้อที่ห้าเท่านั้นเอง ส่วนข้ออื่นๆ ยังมาไม่ถึงครับ  ยิงฟันยิ้ม  ยิงฟันยิ้ม  ยิงฟันยิ้ม

สำหรับสมาชิกท่านอื่นๆ มี "กรรม" อะไรบ้างเอ่ย ?  ยิ้มกว้างๆ
มีแต่ "คู่กรรม" พอจะได้มั้ยครับพี่? ยิงฟันยิ้ม ยิ้มกว้างๆ ยิงฟันยิ้ม
ผมก็มี " คู่กรรม " ภาคพิสดารครับ ทั้งเรื่องแสดงกันอยู่ 2 คนเท่านั้น ยิงฟันยิ้ม
บันทึกการเข้า
Sombunประธานชมรมคนรักหนังเก่า
Close To The Edge
******
กระทู้: 1409



ดูรายละเอียด
« ตอบ #20 เมื่อ: 23 มีนาคม 2012 | 12:07:29 PM »

ชมรมคนรักประวัติศาสตร์เสรี
ตอบ  สมาชิกหมายเลข 003
ประวัติศาสตร์ไทยสมัยปลายวงศ์สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี พอประมวลมาได้ดังนี้.-
ก. จากประชุมพงศาวดาร เล่ม 8 หน้า 243 – 244 กล่าวไว้
    ครั้นเมื่อปีฉลูตรีศก จุลศักราช 1143 แผ่นดินเมืองเขมรซึ่งมาขึ้นกรุงธนบุรีอยู่แต่ก่อนนั้นกำเริบ พระยาพระเขมรลุกขึ้นจับพระองค์ราม ซึ่งเป็นสมเด็จพระรามาธิบดีเจ้ากรุงกัมพูชาฆ่าเสียแล้วแข็งเมืองกระด้างกระเดื่องไป เพราะฉะนั้นพระบาท
สมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกซึ่งเป็นสมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกในเวลานั้นกับพระเจ้าอยู่หัวกรมพระราชวังในแผ่น
ดินพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกซึ่งเป็น เจ้าพระยาสุรสีห์พิศณวาธิราชในเวลานั้น ต้องยกพยุหโยธาออกไปยัง
การทัพทำสงครามปราบปรามพวกเขมรอยู่***ต่อ 1 ***

( มีต่อนะครับ ขอแปะไว้เท่านี้ก่อนครับ ขอบคุณครับ )
***ขอแปะต่อ นะครับ ...ผมจะแปะต่อเป็นระยะๆ นะครับ เนื่องจากเนื้อหามีมาก ผมต้องทยอยพิมพ์ครับ...ต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ ที่ทำให้อ่านไม่ต่อเนื่อง ขอบคุณครับ***

  ***ต่อ 1 *** ฝ่ายพระเจ้ากรุงธนบุรี ตั้งแต่ได้พระพุทธปฏิมากรแก้วมณีองค์นี้มาถึงกรุงธนบุรีแล้ว ก็มีจิตกำเริบเติบโตอันใช่ที่คือมีสัญญาวิปลาสว่าตนนั้นเป็นผู้มีบุญหนักศักดิ์ใหญ่เป็นพระโพธิสัตว์ จะสำเร็จพระพุทธภูมิได้ตรัสเป็นพระชนะแก่มารเป็นองค์พระศรีอาริย์เมตไตรในกัลป์นี้ก็คิดอย่างนั้นบ้างตรัสอย่างนี้บ้างทำไปต่างๆบ้าง จนถึงเป็นพระเจ้าแผ่นดินเสียจริต ทำการผิดๆไปให้แผ่นดินเป็นจลาจลร้อนรนทั่วไปทั้งไพร่และผู้ดีสมณะพราหมณ์ชีเป็นการผิดใหญ่ยิ่งหลายประการยิ่งกว่าการร้อนของแผ่นดินซึ่งเคยมีมาก่อนพ้นที่จะร่ำพรรณนา จึงเกิดข้าศึกเข้ามาล้อมวังเจ้ากรุงธนบุรีต้องยอมแพ้แก่ข้าศึกขอแต่ชีวิตออกบรรพชา ฝ่ายพวกข้าศึกเข้ารักษาแผ่นดินอยู่ก็รักษาไปไม่ได้ การบ้านการเมืองในกรุงธนบุรีก็ป่วนปั่นวุ่นวายไปต่างๆ ครั้งนั้นกรมพระราชวังหลังซึ่งเป็นพระโอรสใหญ่ของกรมสมเด็จพระเทพสุดาวดี เวลานั้นเป็นที่เจ้าพระยานครราชสีมา ได้ยกพวกพลเข้ามาปราบปรามเสี้ยนหนามแผ่นดินรักษากรุงธนบุรีไว้ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก เมื่อได้ทราบเหตุการณ์นั้นไปแล้วก็ยกกองทัพกลับเข้ามากรุงธนบุรี ครั้งนั้นผู้มีบรรดาศักดิ์ข้างหน้าข้างในทั้งปวงพร้อมทั้งสมณะ พราหมณ์ชีอาณาประชาราษฎร์ก็มีความสโมสรโสมนัสพร้อมกัน เชิญเสด็จขึ้นเถลิงถวัลย์ราชสมบัติรักษาแผ่นดินเป็นที่พึ่งสืบต่อไป จึงได้เสด็จเถลิงถวัลย์ราชสมบัติเป็นพระเจ้าแผ่นดินใหญ่ในปีขาล จัตวาศก จุลศักราช 1144 พระชนม์มายุ 46 ปีถ้วน พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกเสด็จสวรรคตในวัน 5 ฯ (มีเลข 13 อยู่ข้างใต้) 9 ค่ำ ปีมะเส็ง เอกศก จุลศักราช 1171 ฯลฯ
ข. ส่วนหลักฐานในจดหมายเหตุโหร ประชุมพงศาวดาร เล่ม 8 หน้า 119  บันทึกไว้ว่าฯ ปีฉลู จ.ศ. 1143 เดือน 2 พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้า ยกทัพไปเขมร ณ. วันที่ 7 ฯ(มีเลข 4 อยู่ข้างใต้) 4 ค่ำ และแรม 11 ค่ำ พระยาสรรค์ยกเข้าล้อมกรุงฯ ณ.วัน 1 ฯ(มีเลข 12 อยู่ข้างใต้) 4ค่ำ ขุนหลวงบวชวัดแจ้ง ปีขาล จ.ศ. 1144 ณ วัน 6 ฯ(มีเลข 8 อยู่ข้างใต้) 5 ค่ำ พระพุทธยอดฟ้าได้ราชสมบัติปราบดาภิเษก ชนมายุ 45 ปีกับ 1 เดือน กับ 4 วัน  ณ วัน 4 ฯ(มีเลข 13 อยู่ข้างใต้) 5ค่ำ เจ้าตากดับขันธ์ ชนมายุ 48 ปีกับ 15 วัน  ณ.วัน 1 ฯ(มีเลข 10 อยู่ข้างบน)  6ค่ำ สร้างเมืองบางกอก

*********มีต่ออีกยาวครับ โปรดรอหน่อยนะครับ ขอบคุณครับ*********

    
            
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27 มีนาคม 2012 | 03:10:16 PM โดย Sombunประธานชมรมคนรักหนังเก่า » บันทึกการเข้า
undeaʇh
Fragile
***
เพศ: ชาย
กระทู้: 467



ดูรายละเอียด อีเมล์
« ตอบ #21 เมื่อ: 23 มีนาคม 2012 | 01:56:52 PM »

ชมรมคนรักประวัติศาสตร์เสรี
ตอบ  สมาชิกหมายเลข 003
ประวัติศาสตร์ไทยสมัยปลายวงศ์สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี พอประมวลมาได้ดังนี้.-
ก. จากประชุมพงศาวดาร เล่ม 8 หน้า 243 – 244 กล่าวไว้
    ครั้นเมื่อปีฉลูตรีศก จุลศักราช 1143 แผ่นดินเมืองเขมรซึ่งมาขึ้นกรุงธนบุรีอยู่แต่ก่อนนั้นกำเริบ พระยาพระเขมรลุกขึ้นจับพระองค์ราม ซึ่งเป็นสมเด็จพระรามาธิบดีเจ้ากรุงกัมพูชาฆ่าเสียแล้วแข็งเมืองกระด้างกระเดื่องไป เพราะฉะนั้นพระบาท
สมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกซึ่งเป็นสมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกในเวลานั้นกับพระเจ้าอยู่หัวกรมพระราชวังในแผ่น
ดินพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกซึ่งเป็น เจ้าพระยาสุรสีห์พิศณวาธิราชในเวลานั้น ต้องยกพยุหโยธาออกไปยัง
การทัพทำสงครามปราบปรามพวกเขมรอยู่***ต่อ 1 ***

( มีต่อนะครับ ขอแปะไว้เท่านี้ก่อนครับ ขอบคุณครับ )
***ขอแปะต่อ นะครับ ...ผมจะแปะต่อเป็นระยะๆ นะครับ เนื่องจากเนื้อหามีมาก ผมต้องทยอยพิมพ์ครับ...ต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ ที่ทำให้อ่านไม่ต่อเนื่อง ขอบคุณครับ***

  ***ต่อ 1 *** ฝ่ายพระเจ้ากรุงธนบุรี ตั้งแต่ได้พระพุทธปฏิมากรแก้วมณีองค์นี้มาถึงกรุงธนบุรีแล้ว ก็มีจิตกำเริบเติบโตอันใช่ที่คือมีสัญญาวิปลาสว่าตนนั้นเป็นผู้มีบุญหนักศักดิ์ใหญ่เป็นพระโพธิสัตว์ จะสำเร็จพระพุทธภูมิได้ตรัสเป็นพระชนะแก่มารเป็นองค์พระศรีอาริย์เมตไตรในกัลป์นี้ก็คิดอย่างนั้นบ้างตรัสอย่างนี้บ้างทำไปต่างๆบ้าง จนถึงเป็นพระเจ้าแผ่นดินเสียจริต ทำการผิดๆไปให้แผ่นดินเป็นจลาจลร้อนรนทั่วไปทั้งไพร่และผู้ดีสมณะพราหมณ์ชีเป็นการผิดใหญ่ยิ่งหลายประการยิ่งกว่าการร้อนของแผ่นดินซึ่งเคยมีมาก่อนพ้นที่จะร่ำพรรณนา จึงเกิดข้าศึกเข้ามาล้อมวังเจ้ากรุงธนบุรีต้องยอมแพ้แก่ข้าศึกขอแต่ชีวิตออกบรรพชา ฝ่ายพวกข้าศึกเข้ารักษาแผ่นดินอยู่ก็รักษาไปไม่ได้ การบ้านการเมืองในกรุงธนบุรีก็ป่วนปั่นวุ่นวายไปต่างๆ ครั้งนั้นกรมพระราชวังหลังซึ่งเป็นพระโอรสใหญ่ของกรมสมเด็จพระเทพสุดาวดี เวลานั้นเป็นที่เจ้าพระยานครราชสีมา ได้ยกพวกพลเข้ามาปราบปรามเสี้ยนหนามแผ่นดินรักษากรุงธนบุรีไว้ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก เมื่อได้ทราบเหตุการณ์นั้นไปแล้วก็ยกกองทัพกลับเข้ามากรุงธนบุรี ครั้งนั้นผู้มีบรรดาศักดิ์ข้างหน้าข้างในทั้งปวงพร้อมทั้งสมณะ พราหมณ์ชีอาณาประชาราษฎร์ก็มีความสโมสรโสมนัสพร้อมกัน เชิญเสด็จขึ้นเถลิงถวัลย์ราชสมบัติรักษาแผ่นดินเป็นที่พึ่งสืบต่อไป จึงได้เสด็จเถลิงถวัลย์ราชสมบัติเป็นพระเจ้าแผ่นดินใหญ่ในปีขาล จัตวาศก จุลศักราช 1144 พระชนม์มายุ 46 ปีถ้วน พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกเสด็จสวรรคตในวัน 5 ฯ (มีเลข 13 อยู่ข้างใต้) 9 ค่ำ ปีมะเส็ง เอกศก จุลศักราช 1171 ฯลฯ
ข. ส่วนหลักฐานในจดหมายเหตุโหร ประชุมพงศาวดาร เล่ม 8 หน้า 119  บันทึกไว้ว่าฯ ปีฉลู จ.ศ. 1143 เดือน 2 พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้า ยกทัพไปเขมร ณ. วันที่ 7 ฯ(มีเลข 4 อยู่ข้างใต้) 4 ค่ำ และแรม 11 ค่ำ พระยาสรรค์ยกเข้าล้อมกรุงฯ ณ.วัน 1 ฯ(มีเลข 12 อยู่ข้างใต้) 4ค่ำ ขุนหลวงบวชวัดแจ้ง ปีขาล จ.ศ. 1144 ณ วัน 6 ฯ(มีเลข 8 อยู่ข้างใต้) 5 ค่ำ พระพุทธยอดฟ้าได้ราชสมบัติปราบดาภิเษก ชนมายุ 45 ปีกับ 1 เดือน กับ 4 วัน  ณ วัน 4 ฯ(มีเลข 13 อยู่ข้างใต้) 5ค่ำ เจ้าตากดับขันธ์ ชนมายุ 48 ปีกับ 15 วัน  ณ.วัน 1 ฯ(มีเลข 10 อยู่ข้างบน)  6ค่ำ สร้างเมืองบางกอก



     
             


ขอบคุณครับ มีต่ออีกรึเปล่าครับพี่สมบุญ
บันทึกการเข้า

Sombunประธานชมรมคนรักหนังเก่า
Close To The Edge
******
กระทู้: 1409



ดูรายละเอียด
« ตอบ #22 เมื่อ: 23 มีนาคม 2012 | 01:59:21 PM »

ขอบคุณครับ ที่ให้ความสนใจ ยังมีครับ อีกยาวๆๆๆ เลยครับ ผมพิมพ์อยู่คนเดียวเลยต้องใช้เวลามากๆหน่อยครับ รอหน่อยนะครับ ยิ้ม....และยังมีเรื่องอื่นๆอีกหลายเรื่องที่เตรียมเอามาเผยแพร่ที่นี่ รอหน่อยนะครับ ยิ้ม
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23 มีนาคม 2012 | 02:21:37 PM โดย Sombunประธานชมรมคนรักหนังเก่า » บันทึกการเข้า
Sombunประธานชมรมคนรักหนังเก่า
Close To The Edge
******
กระทู้: 1409



ดูรายละเอียด
« ตอบ #23 เมื่อ: 23 มีนาคม 2012 | 02:01:45 PM »

ชมรมคนรักประวัติศาสตร์เสรี
ตอบ  สมาชิกหมายเลข 003
ประวัติศาสตร์ไทยสมัยปลายวงศ์สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี พอประมวลมาได้ดังนี้.-
ก. จากประชุมพงศาวดาร เล่ม 8 หน้า 243 – 244 กล่าวไว้
    ครั้นเมื่อปีฉลูตรีศก จุลศักราช 1143 แผ่นดินเมืองเขมรซึ่งมาขึ้นกรุงธนบุรีอยู่แต่ก่อนนั้นกำเริบ พระยาพระเขมรลุกขึ้นจับพระองค์ราม ซึ่งเป็นสมเด็จพระรามาธิบดีเจ้ากรุงกัมพูชาฆ่าเสียแล้วแข็งเมืองกระด้างกระเดื่องไป เพราะฉะนั้นพระบาท
สมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกซึ่งเป็นสมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกในเวลานั้นกับพระเจ้าอยู่หัวกรมพระราชวังในแผ่น
ดินพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกซึ่งเป็น เจ้าพระยาสุรสีห์พิศณวาธิราชในเวลานั้น ต้องยกพยุหโยธาออกไปยัง
การทัพทำสงครามปราบปรามพวกเขมรอยู่***ต่อ 1 ***

( มีต่อนะครับ ขอแปะไว้เท่านี้ก่อนครับ ขอบคุณครับ )
***ขอแปะต่อ นะครับ ...ผมจะแปะต่อเป็นระยะๆ นะครับ เนื่องจากเนื้อหามีมาก ผมต้องทยอยพิมพ์ครับ...ต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ ที่ทำให้อ่านไม่ต่อเนื่อง ขอบคุณครับ***

  ***ต่อ 1 *** ฝ่ายพระเจ้ากรุงธนบุรี ตั้งแต่ได้พระพุทธปฏิมากรแก้วมณีองค์นี้มาถึงกรุงธนบุรีแล้ว ก็มีจิตกำเริบเติบโตอันใช่ที่คือมีสัญญาวิปลาสว่าตนนั้นเป็นผู้มีบุญหนักศักดิ์ใหญ่เป็นพระโพธิสัตว์ จะสำเร็จพระพุทธภูมิได้ตรัสเป็นพระชนะแก่มารเป็นองค์พระศรีอาริย์เมตไตรในกัลป์นี้ก็คิดอย่างนั้นบ้างตรัสอย่างนี้บ้างทำไปต่างๆบ้าง จนถึงเป็นพระเจ้าแผ่นดินเสียจริต ทำการผิดๆไปให้แผ่นดินเป็นจลาจลร้อนรนทั่วไปทั้งไพร่และผู้ดีสมณะพราหมณ์ชีเป็นการผิดใหญ่ยิ่งหลายประการยิ่งกว่าการร้อนของแผ่นดินซึ่งเคยมีมาก่อนพ้นที่จะร่ำพรรณนา จึงเกิดข้าศึกเข้ามาล้อมวังเจ้ากรุงธนบุรีต้องยอมแพ้แก่ข้าศึกขอแต่ชีวิตออกบรรพชา ฝ่ายพวกข้าศึกเข้ารักษาแผ่นดินอยู่ก็รักษาไปไม่ได้ การบ้านการเมืองในกรุงธนบุรีก็ป่วนปั่นวุ่นวายไปต่างๆ ครั้งนั้นกรมพระราชวังหลังซึ่งเป็นพระโอรสใหญ่ของกรมสมเด็จพระเทพสุดาวดี เวลานั้นเป็นที่เจ้าพระยานครราชสีมา ได้ยกพวกพลเข้ามาปราบปรามเสี้ยนหนามแผ่นดินรักษากรุงธนบุรีไว้ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก เมื่อได้ทราบเหตุการณ์นั้นไปแล้วก็ยกกองทัพกลับเข้ามากรุงธนบุรี ครั้งนั้นผู้มีบรรดาศักดิ์ข้างหน้าข้างในทั้งปวงพร้อมทั้งสมณะ พราหมณ์ชีอาณาประชาราษฎร์ก็มีความสโมสรโสมนัสพร้อมกัน เชิญเสด็จขึ้นเถลิงถวัลย์ราชสมบัติรักษาแผ่นดินเป็นที่พึ่งสืบต่อไป จึงได้เสด็จเถลิงถวัลย์ราชสมบัติเป็นพระเจ้าแผ่นดินใหญ่ในปีขาล จัตวาศก จุลศักราช 1144 พระชนม์มายุ 46 ปีถ้วน พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกเสด็จสวรรคตในวัน 5 ฯ (มีเลข 13 อยู่ข้างใต้) 9 ค่ำ ปีมะเส็ง เอกศก จุลศักราช 1171 ฯลฯ
ข. ส่วนหลักฐานในจดหมายเหตุโหร ประชุมพงศาวดาร เล่ม 8 หน้า 119  บันทึกไว้ว่าฯ ปีฉลู จ.ศ. 1143 เดือน 2 พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้า ยกทัพไปเขมร ณ. วันที่ 7 ฯ(มีเลข 4 อยู่ข้างใต้) 4 ค่ำ และแรม 11 ค่ำ พระยาสรรค์ยกเข้าล้อมกรุงฯ ณ.วัน 1 ฯ(มีเลข 12 อยู่ข้างใต้) 4ค่ำ ขุนหลวงบวชวัดแจ้ง ปีขาล จ.ศ. 1144 ณ วัน 6 ฯ(มีเลข 8 อยู่ข้างใต้) 5 ค่ำ พระพุทธยอดฟ้าได้ราชสมบัติปราบดาภิเษก ชนมายุ 45 ปีกับ 1 เดือน กับ 4 วัน  ณ วัน 4 ฯ(มีเลข 13 อยู่ข้างใต้) 5ค่ำ เจ้าตากดับขันธ์ ชนมายุ 48 ปีกับ 15 วัน  ณ.วัน 1 ฯ(มีเลข 10 อยู่ข้างบน)  6ค่ำ สร้างเมืองบางกอก



     
             


ขอบคุณครับ มีต่ออีกรึเปล่าครับพี่สมบุญ
วิธีการอ่านตรงนี้(ที่ผมไฮไลต์สีแดงไว้) เดี๋ยวผมจะถามประธานอีกครั้งหนึ่งครับว่า อ่านอย่างไร
บันทึกการเข้า
Sombunประธานชมรมคนรักหนังเก่า
Close To The Edge
******
กระทู้: 1409



ดูรายละเอียด
« ตอบ #24 เมื่อ: 23 มีนาคม 2012 | 02:40:26 PM »

ชมรมคนรักประวัติศาสตร์เสรี
ตอบ  สมาชิกหมายเลข 003
ประวัติศาสตร์ไทยสมัยปลายวงศ์สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี พอประมวลมาได้ดังนี้.-
ก. จากประชุมพงศาวดาร เล่ม 8 หน้า 243 – 244 กล่าวไว้
    ครั้นเมื่อปีฉลูตรีศก จุลศักราช 1143 แผ่นดินเมืองเขมรซึ่งมาขึ้นกรุงธนบุรีอยู่แต่ก่อนนั้นกำเริบ พระยาพระเขมรลุกขึ้นจับพระองค์ราม ซึ่งเป็นสมเด็จพระรามาธิบดีเจ้ากรุงกัมพูชาฆ่าเสียแล้วแข็งเมืองกระด้างกระเดื่องไป เพราะฉะนั้นพระบาท
สมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกซึ่งเป็นสมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกในเวลานั้นกับพระเจ้าอยู่หัวกรมพระราชวังในแผ่น
ดินพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกซึ่งเป็น เจ้าพระยาสุรสีห์พิศณวาธิราชในเวลานั้น ต้องยกพยุหโยธาออกไปยัง
การทัพทำสงครามปราบปรามพวกเขมรอยู่***ต่อ 1 ***

( มีต่อนะครับ ขอแปะไว้เท่านี้ก่อนครับ ขอบคุณครับ )
***ขอแปะต่อ นะครับ ...ผมจะแปะต่อเป็นระยะๆ นะครับ เนื่องจากเนื้อหามีมาก ผมต้องทยอยพิมพ์ครับ...ต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ ที่ทำให้อ่านไม่ต่อเนื่อง ขอบคุณครับ***

  ***ต่อ 1 *** ฝ่ายพระเจ้ากรุงธนบุรี ตั้งแต่ได้พระพุทธปฏิมากรแก้วมณีองค์นี้มาถึงกรุงธนบุรีแล้ว ก็มีจิตกำเริบเติบโตอันใช่ที่คือมีสัญญาวิปลาสว่าตนนั้นเป็นผู้มีบุญหนักศักดิ์ใหญ่เป็นพระโพธิสัตว์ จะสำเร็จพระพุทธภูมิได้ตรัสเป็นพระชนะแก่มารเป็นองค์พระศรีอาริย์เมตไตรในกัลป์นี้ก็คิดอย่างนั้นบ้างตรัสอย่างนี้บ้างทำไปต่างๆบ้าง จนถึงเป็นพระเจ้าแผ่นดินเสียจริต ทำการผิดๆไปให้แผ่นดินเป็นจลาจลร้อนรนทั่วไปทั้งไพร่และผู้ดีสมณะพราหมณ์ชีเป็นการผิดใหญ่ยิ่งหลายประการยิ่งกว่าการร้อนของแผ่นดินซึ่งเคยมีมาก่อนพ้นที่จะร่ำพรรณนา จึงเกิดข้าศึกเข้ามาล้อมวังเจ้ากรุงธนบุรีต้องยอมแพ้แก่ข้าศึกขอแต่ชีวิตออกบรรพชา ฝ่ายพวกข้าศึกเข้ารักษาแผ่นดินอยู่ก็รักษาไปไม่ได้ การบ้านการเมืองในกรุงธนบุรีก็ป่วนปั่นวุ่นวายไปต่างๆ ครั้งนั้นกรมพระราชวังหลังซึ่งเป็นพระโอรสใหญ่ของกรมสมเด็จพระเทพสุดาวดี เวลานั้นเป็นที่เจ้าพระยานครราชสีมา ได้ยกพวกพลเข้ามาปราบปรามเสี้ยนหนามแผ่นดินรักษากรุงธนบุรีไว้ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก เมื่อได้ทราบเหตุการณ์นั้นไปแล้วก็ยกกองทัพกลับเข้ามากรุงธนบุรี ครั้งนั้นผู้มีบรรดาศักดิ์ข้างหน้าข้างในทั้งปวงพร้อมทั้งสมณะ พราหมณ์ชีอาณาประชาราษฎร์ก็มีความสโมสรโสมนัสพร้อมกัน เชิญเสด็จขึ้นเถลิงถวัลย์ราชสมบัติรักษาแผ่นดินเป็นที่พึ่งสืบต่อไป จึงได้เสด็จเถลิงถวัลย์ราชสมบัติเป็นพระเจ้าแผ่นดินใหญ่ในปีขาล จัตวาศก จุลศักราช 1144 พระชนม์มายุ 46 ปีถ้วน พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกเสด็จสวรรคตในวัน 5 ฯ (มีเลข 13 อยู่ข้างใต้) 9 ค่ำ ปีมะเส็ง เอกศก จุลศักราช 1171 ฯลฯ
ข. ส่วนหลักฐานในจดหมายเหตุโหร ประชุมพงศาวดาร เล่ม 8 หน้า 119  บันทึกไว้ว่าฯ ปีฉลู จ.ศ. 1143 เดือน 2 พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้า ยกทัพไปเขมร ณ. วันที่ 7 ฯ(มีเลข 4 อยู่ข้างใต้) 4 ค่ำ และแรม 11 ค่ำ พระยาสรรค์ยกเข้าล้อมกรุงฯ ณ.วัน 1 ฯ(มีเลข 12 อยู่ข้างใต้) 4ค่ำ ขุนหลวงบวชวัดแจ้ง ปีขาล จ.ศ. 1144 ณ วัน 6 ฯ(มีเลข 8 อยู่ข้างใต้) 5 ค่ำ พระพุทธยอดฟ้าได้ราชสมบัติปราบดาภิเษก ชนมายุ 45 ปีกับ 1 เดือน กับ 4 วัน  ณ วัน 4 ฯ(มีเลข 13 อยู่ข้างใต้) 5ค่ำ เจ้าตากดับขันธ์ ชนมายุ 48 ปีกับ 15 วัน  ณ.วัน 1 ฯ(มีเลข 10 อยู่ข้างบน)  6ค่ำ สร้างเมืองบางกอก


ขอบคุณครับ มีต่ออีกรึเปล่าครับพี่สมบุญ
วิธีการอ่านตรงนี้(ที่ผมไฮไลต์สีแดงไว้) เดี๋ยวผมจะถามประธานอีกครั้งหนึ่งครับว่า อ่านอย่างไร

1 น่าจะหมายถึง วันเสาร์
10 น่าจะหมายถึง ขึ้น 10 ค่ำ
6 น่าจะหมายถึง เดือนหก

ขอบพระคุณครับ จริงๆแล้วประธานฯ สอนผมเอาไว้แล้วผมดันลืมเองครับ อายจัง.....ที่คุณบอกมาผมคิดว่าถูกต้องครับ แต่เดี๋่ยวผมจะต้องถามย้ำกับประธานอีกครั้งหนึ่ง....ยินดีต้อนรับและขอขอบคุณที่ให้ความสนใจครับ เข้ามาพูดคุยเสวนากันบ่อยๆนะครับ ยิ้ม...สนใจเรื่องไหนเป็นพิเศษ ลองไถ่ถามเข้ามาได้นะครับ ยิ้ม
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23 มีนาคม 2012 | 02:55:58 PM โดย Sombunประธานชมรมคนรักหนังเก่า » บันทึกการเข้า
Sombunประธานชมรมคนรักหนังเก่า
Close To The Edge
******
กระทู้: 1409



ดูรายละเอียด
« ตอบ #25 เมื่อ: 23 มีนาคม 2012 | 02:45:55 PM »

ขออนุญาต ปชส. ซ้ำอีกครั้งครับ ขอบคุณครับ  
 ชมรมคนรักวรรณกรรม ( เก่า)

นโยบายและวัตถุประสงค์
1.   เพื่อแลกเปลี่ยนทัศนะและแลกกันอ่านของดีๆ ที่คนไทยกำลังลืม
2.   การอ่านวรรณกรรมดีกว่านั่งเล่นเกมคอมพิวเตอร์และตีกอล์ฟเป็นไหนๆ
     โดยเฉพาะวรรณกรรมเก่าๆของคนไทยอันเป็นสมบัติทางมันสมองของชนชาติไทย
      เป็นพิชานเนื้อแท้ของคนไทย เพราะวรรณกรรมเก่าๆนั้นมันมีทั้งประเพณี+วัฒนธรรม
      ที่ดีงาม ความประพฤติและแนวปฏิบัติ(NORM) อันโคตรเง่าเหล่ากอของชนชาติไทย
      แทรกซ่อนสอนคนอ่านไว้แทบทุกเรื่อง อย่างน้อยการอ่านหนังสือ อ่านได้แม้ในทุ่งนา
      ป่าเขา ไม่ต้องใช้ไฟฟ้า ไม่ต้องซื้อคอมพิวเตอร์ ไม่ต้องใช้โมนิเตอร์ และไม่ต้องรับรังสี
      ที่แผ่ออกมาจากหน้าจอโมนิเตอร์ ไม่ต้องซื้อไม้กอล์ฟ  ถุงกอล์ฟ นั่งอ่านในรถเมล์ก็ได้
      ความดีของวรรณกรรมเก่าๆยังมีอีกมาก ที่สำคัญถ้าเด็กๆรุ่นใหม่ได้อ่านวรรณกรรม
      เก่าๆ จะได้เรียนรู้สำนวนภาษาไทยและศัพท์ไทยที่ไม่โลเลเละเทะ เหมือนศัพท์ภาษา  
      และสำนวนภาษาไทยที่ใช้กันผิดๆ และเป็นการฝึกทำสมาธิอย่างง่ายและเพลิดเพลิน
      นอกจากนั้นคนอ่าน จะได้รู้ว่ารสของวรรณกรรมภาษาไทยนั้น มันวิเศษขนาดไหน
      ประการสำคัญที่สุดอ่านมากๆแล้วกลายเป็นคนคงแก่เรียนได้โดยไม่ต้องเข้า    
      มหาวิทยาลัย กลายเป็นศิลปินแห่งชาติก็ได้ เช่น  ท่านสุรพล  โทณะวณิก เป็นต้น ไม่
      เชื่อลองไปถามท่านดูก็ได้ และท่านเชื่อไหม วรรณกรรมไทยนั้น ต้องเข้าห้อง LAB
      วิเคราะห์วิจัยกันใหม่ หลายเรื่องเลยล่ะครับ
3.   ชมรมคนรักวรรณกรรม (เก่า) เป็นชมรมลูก หรือ ชมรมแฝด ของชมรมคนรักหนังเก่า  ใช้กฎ กติกา เดียวกัน
4.   ยินดีต้อนรับหนอนหนังสือทุกท่าน ติดต่อ นายสมบุญ  เถกิงนาม ( ประธาน  
      ชมรมคนรักหนังเก่า ) รองประธานและเลขานุการ ชมรมคนรักวรรณกรรม (เก่า)  
      หมายเลขสมาชิก 002  โทรศัพท์  084 - 755 - 4378   อีเมล์  :  sombun2@gmail.com
    
                                                                ไพสิฏฐ์   นวลสัมพันธ์
                                                          ประธานชมรมคนรักวรรณกรรม ( เก่า )
                                                                 หมายเลขสมาชิก 001
บันทึกการเข้า
Sombunประธานชมรมคนรักหนังเก่า
Close To The Edge
******
กระทู้: 1409



ดูรายละเอียด
« ตอบ #26 เมื่อ: 23 มีนาคม 2012 | 03:00:48 PM »

ชมรมคนรักประวัติศาสตร์เสรี
ตอบ  สมาชิกหมายเลข 003
ประวัติศาสตร์ไทยสมัยปลายวงศ์สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี พอประมวลมาได้ดังนี้.-
ก. จากประชุมพงศาวดาร เล่ม 8 หน้า 243 – 244 กล่าวไว้
    ครั้นเมื่อปีฉลูตรีศก จุลศักราช 1143 แผ่นดินเมืองเขมรซึ่งมาขึ้นกรุงธนบุรีอยู่แต่ก่อนนั้นกำเริบ พระยาพระเขมรลุกขึ้นจับพระองค์ราม ซึ่งเป็นสมเด็จพระรามาธิบดีเจ้ากรุงกัมพูชาฆ่าเสียแล้วแข็งเมืองกระด้างกระเดื่องไป เพราะฉะนั้นพระบาท
สมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกซึ่งเป็นสมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกในเวลานั้นกับพระเจ้าอยู่หัวกรมพระราชวังในแผ่น
ดินพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกซึ่งเป็น เจ้าพระยาสุรสีห์พิศณวาธิราชในเวลานั้น ต้องยกพยุหโยธาออกไปยัง
การทัพทำสงครามปราบปรามพวกเขมรอยู่***ต่อ 1 ***

( มีต่อนะครับ ขอแปะไว้เท่านี้ก่อนครับ ขอบคุณครับ )
***ขอแปะต่อ นะครับ ...ผมจะแปะต่อเป็นระยะๆ นะครับ เนื่องจากเนื้อหามีมาก ผมต้องทยอยพิมพ์ครับ...ต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ ที่ทำให้อ่านไม่ต่อเนื่อง ขอบคุณครับ***

  ***ต่อ 1 *** ฝ่ายพระเจ้ากรุงธนบุรี ตั้งแต่ได้พระพุทธปฏิมากรแก้วมณีองค์นี้มาถึงกรุงธนบุรีแล้ว ก็มีจิตกำเริบเติบโตอันใช่ที่คือมีสัญญาวิปลาสว่าตนนั้นเป็นผู้มีบุญหนักศักดิ์ใหญ่เป็นพระโพธิสัตว์ จะสำเร็จพระพุทธภูมิได้ตรัสเป็นพระชนะแก่มารเป็นองค์พระศรีอาริย์เมตไตรในกัลป์นี้ก็คิดอย่างนั้นบ้างตรัสอย่างนี้บ้างทำไปต่างๆบ้าง จนถึงเป็นพระเจ้าแผ่นดินเสียจริต ทำการผิดๆไปให้แผ่นดินเป็นจลาจลร้อนรนทั่วไปทั้งไพร่และผู้ดีสมณะพราหมณ์ชีเป็นการผิดใหญ่ยิ่งหลายประการยิ่งกว่าการร้อนของแผ่นดินซึ่งเคยมีมาก่อนพ้นที่จะร่ำพรรณนา จึงเกิดข้าศึกเข้ามาล้อมวังเจ้ากรุงธนบุรีต้องยอมแพ้แก่ข้าศึกขอแต่ชีวิตออกบรรพชา ฝ่ายพวกข้าศึกเข้ารักษาแผ่นดินอยู่ก็รักษาไปไม่ได้ การบ้านการเมืองในกรุงธนบุรีก็ป่วนปั่นวุ่นวายไปต่างๆ ครั้งนั้นกรมพระราชวังหลังซึ่งเป็นพระโอรสใหญ่ของกรมสมเด็จพระเทพสุดาวดี เวลานั้นเป็นที่เจ้าพระยานครราชสีมา ได้ยกพวกพลเข้ามาปราบปรามเสี้ยนหนามแผ่นดินรักษากรุงธนบุรีไว้ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก เมื่อได้ทราบเหตุการณ์นั้นไปแล้วก็ยกกองทัพกลับเข้ามากรุงธนบุรี ครั้งนั้นผู้มีบรรดาศักดิ์ข้างหน้าข้างในทั้งปวงพร้อมทั้งสมณะ พราหมณ์ชีอาณาประชาราษฎร์ก็มีความสโมสรโสมนัสพร้อมกัน เชิญเสด็จขึ้นเถลิงถวัลย์ราชสมบัติรักษาแผ่นดินเป็นที่พึ่งสืบต่อไป จึงได้เสด็จเถลิงถวัลย์ราชสมบัติเป็นพระเจ้าแผ่นดินใหญ่ในปีขาล จัตวาศก จุลศักราช 1144 พระชนม์มายุ 46 ปีถ้วน พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกเสด็จสวรรคตในวัน 5 ฯ (มีเลข 13 อยู่ข้างใต้) 9 ค่ำ ปีมะเส็ง เอกศก จุลศักราช 1171 ฯลฯ
ข. ส่วนหลักฐานในจดหมายเหตุโหร ประชุมพงศาวดาร เล่ม 8 หน้า 119  บันทึกไว้ว่าฯ ปีฉลู จ.ศ. 1143 เดือน 2 พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้า ยกทัพไปเขมร ณ. วันที่ 7 ฯ(มีเลข 4 อยู่ข้างใต้) 4 ค่ำ และแรม 11 ค่ำ พระยาสรรค์ยกเข้าล้อมกรุงฯ ณ.วัน 1 ฯ(มีเลข 12 อยู่ข้างใต้) 4ค่ำ ขุนหลวงบวชวัดแจ้ง ปีขาล จ.ศ. 1144 ณ วัน 6 ฯ(มีเลข 8 อยู่ข้างใต้) 5 ค่ำ พระพุทธยอดฟ้าได้ราชสมบัติปราบดาภิเษก ชนมายุ 45 ปีกับ 1 เดือน กับ 4 วัน  ณ วัน 4 ฯ(มีเลข 13 อยู่ข้างใต้) 5ค่ำ เจ้าตากดับขันธ์ ชนมายุ 48 ปีกับ 15 วัน  ณ.วัน 1 ฯ(มีเลข 10 อยู่ข้างบน)  6ค่ำ สร้างเมืองบางกอก


ขอบคุณครับ มีต่ออีกรึเปล่าครับพี่สมบุญ
วิธีการอ่านตรงนี้(ที่ผมไฮไลต์สีแดงไว้) เดี๋ยวผมจะถามประธานอีกครั้งหนึ่งครับว่า อ่านอย่างไร

1 น่าจะหมายถึง วันเสาร์
10 น่าจะหมายถึง ขึ้น 10 ค่ำ
6 น่าจะหมายถึง เดือนหก

ขอบพระคุณครับ จริงๆแล้วประธานฯ สอนผมเอาไว้แล้วผมดันลืมเองครับ อายจัง.....ที่คุณบอกมาผมคิดว่าถูกต้องครับ แต่เดี๋่ยวผมจะต้องถามย้ำกับประธานอีกครั้งหนึ่ง....ยินดีต้อนรับและขอขอบคุณที่ให้ความสนใจครับ เข้ามาพูดคุยเสวนากันบ่อยๆนะครับ ยิ้ม


แต่ก่อนผมก็เป็นคอ เรื่องประวัติศาสตร์อยู่บ้างพอสมควรเหมือนกันครับ ไม่ว่าจะวรรณคดี หรือ หนังสือตำรับตำรา ข้อมูลทางประวัติศาสตร์ และอื่นๆ แต่ทุกวันนี้ มีกิเลสชนิดใหม่ๆให้สนใจมากมาย จนแทบหลงลืมความอยากรู้อยากเห็นเหล่านั้นไปเสียหมดสิ้นแล้วละครับ เหตุปัจจัยเปลี่ยน ความสนใจก็เปลี่ยน สงสัยคงต้องสร้างเหตุและปัจจัยที่หนุนนำขึ้นมาใหม่บ้างแล้วหละ (สักวัน หวังว่า).   ยิงฟันยิ้ม
+1 ครับ ชีวิตมีอะไรใหม่ๆ เข้ามาให้ได้สนใจรับรู้เรียนรู้อยู่เรื่อยๆ ครับ ยิ้มกว้างๆ....และ นี่ขนาดแค่ หลงลืม นะครับ ยังแม่นขนาดนี้ ยิงฟันยิ้ม
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23 มีนาคม 2012 | 03:05:16 PM โดย Sombunประธานชมรมคนรักหนังเก่า » บันทึกการเข้า
Sombunประธานชมรมคนรักหนังเก่า
Close To The Edge
******
กระทู้: 1409



ดูรายละเอียด
« ตอบ #27 เมื่อ: 27 มีนาคม 2012 | 09:44:25 PM »

ขออนุญาตต่อนะครับ
ค. ประชุมพงศาวดารเล่ม 40 ฉบับพันจันทนุมาศ(เจิม) หน้า 74 – 79   มีหลักฐานบันทึกไว้ดังนี้
    ครั้นปีฉลูตรีศก จ.ศ.1143 พ.ศ. 2324 เดือนยี่ ดำรัสให้จัดทัพเป็น 6 ทัพให้เจ้าพระยาสุรสีห์เป็นทัพหน้า พระเจ้ากษัตริย์ศึก
เป็นจอมพลทัพหลวง  กขุนพินนุน เป็นทัพหน้า( เข้าใจว่าพิมพ์ผิด น่าจะเป็นกรมขุนพินนุนหรือชื่ออะไรสักอย่าง เพราะคำ
“ กขุน “ ไม่เข้าใจความหมาย ไม่มีในภาษาไทยที่เคยพบ – ผู้เขียน ) กรมเจ้าพระยานครสวรรค์เป็นยกบัตร กรมขุนรามภู
เบศ เป็นทัพหลัง พระยาธรรมา เป็นกองลำเลียง ยกไปตีเมืองพุทไธเพชร( คือกรุงกัมพูชา ) ฝ่ายการแผ่นดินข้างกรุงธนบุรีนั้นก็ผันแปรไปต่างๆเหตุเพราะเจ้าแผ่นดินเสียพระจริตฟั่นเฟือนไป ฝ่ายพุทธจักร อาณาจักรทั้งปวงเล่าก็แปรปรวนไปเป็นหมู่ๆมิได้เป็นปกติเหมือนแต่ก่อน เหตุเพราะพระเจ้าแผ่นดินนั้นทรงนั่งอุรุพัทธ์ ( นั่งขัดสมาธิเจริญพระกรรมฐานลักษณะเป็นการปฏิบัติธรรมขั้นสูง เป็นสำนวนใช้อยู่ในหนังสือวิสุทธิมรรค ) โดยกรรมฐานสมาธิ และจะยังให้ภิกษุทั้งปวงให้คารวะเคารพนมัสการแก่พระองค์ ฝ่ายการในอากาศเล่าก็วิปริตต่างๆคือมีอุกาบาตร และปทุมเกษ บันดาลตก เป็นต้น
-   2   -
   ณ วันเสาร์เดือน 4 แรม 11 ค่ำ จุลศักราช 1143 ปีฉลูตรีศก ( จ.ศ.1143  พ.ศ.2324 )ไพร่พลเมืองกำเริบคิดการใหญ่กัน จะยุทธนาการปล้นเข้าเมือง ด้วยพระเจ้าแผ่นดินมิได้ตั้งอยู่ในทศพิธราชธรรม 10 ประการให้นัยแก่คนพาลให้ฟ้องร้องข้าทูลละอองฯใหญ่น้อย ข้างหน้าว่าข้างในประชาราษฎร์ทั้งหลายว่าขายข้าว ขายเกลือ ขายนอ งา เนื้อไม้ สิ่งของต้องห้ามทั้งปวง
ไม่ขายก็ว่าขายไม่ลักก็ว่าลักแต่พวกโจทก์ถึง 333 คนฯ ราษฎร์ได้รับความยากไปจนถึงหัวเมืองเอก โท ตรี จัตวา มีหน้าคล้ำไปด้วยน้ำตาที่หน้าชื่นตาบานแต่ฝ่ายคนพาลซึ่งเป็นโจทก์ อาสัยเหตุอาสัตย์ธรรมบังเกิดมีดังนี้ : -  นายบ้าน นายอำเภอ ไพร่
พลเมืองจึงคิดควบคุมกันเป็นหมวดเป็นกองพร้อมกันฆ่าอ้ายวิชิตณรงค์ผู้รักษา ซึ่งพระเจ้าแผ่นดินให้ไปพิจารณาเงินจีนนั้น
จึงเอาพระยาสรรค์ซึ่งรับสั่งใช้ขึ้นไปพิจารณาเอาตัวผู้ร้ายนั้นเป็นแม่ทัพยกลงมาตีเอาเมืองธนบุรี ณ เพลา 10 ทุ่ม เข้าล้อมกำแพงวังไว้รอบ พระยาสรรค์ตั้งอยู่ ณ บ้านกรมเมือง พระเจ้าแผ่นดินรู้เหตุ ก็เกณฑ์คนขึ้นรักษาหน้าที่ไว้ รุ่งขึ้น ณ วัน 1
ฯ(มีเลข 12 อยู่ข้างใต้) 4 ค่ำ ให้พระราชาคณะออกมาเจรจาความเมืองสารภาพว่าผิดขอชีวิตจะบรรพชาต่อพระยาสรรค์ในวันนั้น เวลา 3 ทุ่ม พระเจ้าแผ่นดินก็ทรงผนวช ณ พัทธสีมาวัดแจ้งอยู่ในราชสมบัติ 15 ปี  พระยาสรรค์จึงแต่งทหารไปพิทักษ์รักษาไว้ แล้วก็เข้าอยู่ในท้องพระโรงกับหลวงเทพน้องชาย จึงจับกรมขุนอนุรักษ์สงครามหลานเธอจำไว้แล้วเอาเงินในท้องพระคลังแจกทแกล้วทหารกรมฝ่ายในฝ่ายหน้า
     ณ. วัน 3 ฯ(มีเลข 6 อยู่ข้างบน) 5 ค่ำ จุลศักราช 1144 ปีขาล จัตวาศก( พ.ศ. 2325 ) เวลาเที่ยงเห็นดวงจันทร์ปรากฏกลาง
วัน ครั้นถึง ณ.วัน 6 ฯ(มีเลข 7 อยู่ข้างใต้) 5 ค่ำ พระยาสุริยอภัย ยกกองทัพไทย ลาว ประมาณ 1000 เศษ ลงมาจากเมืองนคร
ราชสีมา มาตั้งอยู่ ณ.บ้าน ครั้งนั้นข้าราชการเป็น 2 ฝ่าย เป็นพวกพระยาสรรค์บ้าง เป็นพวกพระยาสุริยอภัยบ้างการยุทธนาการมิได้สงบเลยฯ
      ณ. วัน 7 ฯ(มีเลข 9 อยู่ข้างใต้) 5 ค่ำ เวลาเช้า 2 โมง เสด็จพระราชดำเนินทัพมาจากเสียมราบ ประทับ ณ พลับพลาหน้าวัดโพธาราม ฝ่ายข้าทูลละอองฯ ผู้ใหญ่ ผู้น้อย พร้อมกันไปเชิญเสด็จลงเรือพระที่นั่งกราบข้ามมาพระราชวังสถิต ณ.ศาลาลูกขุน มีหมู่พฤฒามาตย์ ราชสกุล กวีมุข เฝ้าพร้อมกัน จึงมีพระราชบริหารดำรัสปรึกษาว่า เมื่อพระเจ้าแผ่นดินอาสัตย์ ละสุจริตธรรมเสีย ประพฤติการทุจริตฉะนี้ก็เห็นว่าเป็นเสี้ยนหนามหลักตออันใหญ่อยู่ในแผ่นดิน จะละไว้มิได้ ขอให้ปริวรรตออกประหารเสีย ฝ่ายทแกล้วทหารทั้งปวงมีใจเจ็บแค้นเป็นอันมาก ก็นำเอาพระเจ้าแผ่นดินและพวกโจทก์ทั้งปวงนั้นไปสำเร็จ ณ.ป้อมท้ายเมืองในทันใดนั้น แล้วสมณะชีพราหมณ์เสนาพฤฒามาตย์ราษฎรทั้งปวงก็ทูลอาราธนาวิงวอนอันเชิญเสด็จขึ้นปราบดาภิเศกเป็นอิศวรภาพผ่านภิภพสืบไปฯ
     ครั้น ณ.วัน 1 ฯ(มีเลข 10 อยู่ข้างใต้) 5 ค่ำ พระเจ้าหลานเธอให้ตำรวจคุมเอาตัวกรมขุนอนุรักษ์สงครามกับข้าหลวงซึ่งเป็นพรรคพวก 40 เศษ มีอ้ายพระยาเพชรพิชัย พระยากลางเมือง พระยามหาอำมาตย์และพระมหาเทพเหนือ หลวงคชศักดิ์ราชรินทร์เหนือ เป็นต้น เข้ามาหน้าพระที่นั่งแล้วกราบทูลความทั้งปวง จึงดำรัสให้เอาพรรคพวกไปฆ่าเสีย แต่กรมขุนอนุรักษ์สงครามสั่งให้งดไว้พิจารณา จึงให้การถึงพระยาสรรค์ พระมหาเสนา พระยารามัญวงศ์ และพระยาวิชิตณรงค์ หลวงพัศดีกลาง พระเจ้าอยู่หัวทรงพิโรธให้ประหารเสีย
ง. หลักฐานจากจดหมายเหตุโหรฉบับรามัญ ว่าไว้ : -  พระยาจักรีกลับจากเมืองญวนเข้าเมืองบางกอกแล้วฆ่าพระเจ้าแผ่นดินเก่าเสียอยู่มาสัก 10 วัน ก็ฆ่าพระยาสรรค์

***********มีต่อนะครับ โปรดอดใจรอครับ******************


    
            

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28 มีนาคม 2012 | 09:59:52 AM โดย Sombunประธานชมรมคนรักหนังเก่า » บันทึกการเข้า
Sombunประธานชมรมคนรักหนังเก่า
Close To The Edge
******
กระทู้: 1409



ดูรายละเอียด
« ตอบ #28 เมื่อ: 27 มีนาคม 2012 | 10:08:41 PM »

ชมรมคนรักประวัติศาสตร์เสรี
ตอบ  สมาชิกหมายเลข 003
ประวัติศาสตร์ไทยสมัยปลายวงศ์สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี พอประมวลมาได้ดังนี้.-
ก. จากประชุมพงศาวดาร เล่ม 8 หน้า 243 – 244 กล่าวไว้
    ครั้นเมื่อปีฉลูตรีศก จุลศักราช 1143 แผ่นดินเมืองเขมรซึ่งมาขึ้นกรุงธนบุรีอยู่แต่ก่อนนั้นกำเริบ พระยาพระเขมรลุกขึ้นจับพระองค์ราม ซึ่งเป็นสมเด็จพระรามาธิบดีเจ้ากรุงกัมพูชาฆ่าเสียแล้วแข็งเมืองกระด้างกระเดื่องไป เพราะฉะนั้นพระบาท
สมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกซึ่งเป็นสมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกในเวลานั้นกับพระเจ้าอยู่หัวกรมพระราชวังในแผ่น
ดินพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกซึ่งเป็น เจ้าพระยาสุรสีห์พิศณวาธิราชในเวลานั้น ต้องยกพยุหโยธาออกไปยัง
การทัพทำสงครามปราบปรามพวกเขมรอยู่***ต่อ 1 ***

( มีต่อนะครับ ขอแปะไว้เท่านี้ก่อนครับ ขอบคุณครับ )
***ขอแปะต่อ นะครับ ...ผมจะแปะต่อเป็นระยะๆ นะครับ เนื่องจากเนื้อหามีมาก ผมต้องทยอยพิมพ์ครับ...ต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ ที่ทำให้อ่านไม่ต่อเนื่อง ขอบคุณครับ***

  ***ต่อ 1 *** ฝ่ายพระเจ้ากรุงธนบุรี ตั้งแต่ได้พระพุทธปฏิมากรแก้วมณีองค์นี้มาถึงกรุงธนบุรีแล้ว ก็มีจิตกำเริบเติบโตอันใช่ที่คือมีสัญญาวิปลาสว่าตนนั้นเป็นผู้มีบุญหนักศักดิ์ใหญ่เป็นพระโพธิสัตว์ จะสำเร็จพระพุทธภูมิได้ตรัสเป็นพระชนะแก่มารเป็นองค์พระศรีอาริย์เมตไตรในกัลป์นี้ก็คิดอย่างนั้นบ้างตรัสอย่างนี้บ้างทำไปต่างๆบ้าง จนถึงเป็นพระเจ้าแผ่นดินเสียจริต ทำการผิดๆไปให้แผ่นดินเป็นจลาจลร้อนรนทั่วไปทั้งไพร่และผู้ดีสมณะพราหมณ์ชีเป็นการผิดใหญ่ยิ่งหลายประการยิ่งกว่าการร้อนของแผ่นดินซึ่งเคยมีมาก่อนพ้นที่จะร่ำพรรณนา จึงเกิดข้าศึกเข้ามาล้อมวังเจ้ากรุงธนบุรีต้องยอมแพ้แก่ข้าศึกขอแต่ชีวิตออกบรรพชา ฝ่ายพวกข้าศึกเข้ารักษาแผ่นดินอยู่ก็รักษาไปไม่ได้ การบ้านการเมืองในกรุงธนบุรีก็ป่วนปั่นวุ่นวายไปต่างๆ ครั้งนั้นกรมพระราชวังหลังซึ่งเป็นพระโอรสใหญ่ของกรมสมเด็จพระเทพสุดาวดี เวลานั้นเป็นที่เจ้าพระยานครราชสีมา ได้ยกพวกพลเข้ามาปราบปรามเสี้ยนหนามแผ่นดินรักษากรุงธนบุรีไว้ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก เมื่อได้ทราบเหตุการณ์นั้นไปแล้วก็ยกกองทัพกลับเข้ามากรุงธนบุรี ครั้งนั้นผู้มีบรรดาศักดิ์ข้างหน้าข้างในทั้งปวงพร้อมทั้งสมณะ พราหมณ์ชีอาณาประชาราษฎร์ก็มีความสโมสรโสมนัสพร้อมกัน เชิญเสด็จขึ้นเถลิงถวัลย์ราชสมบัติรักษาแผ่นดินเป็นที่พึ่งสืบต่อไป จึงได้เสด็จเถลิงถวัลย์ราชสมบัติเป็นพระเจ้าแผ่นดินใหญ่ในปีขาล จัตวาศก จุลศักราช 1144 พระชนม์มายุ 46 ปีถ้วน พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกเสด็จสวรรคตในวัน 5 ฯ (มีเลข 13 อยู่ข้างใต้) 9 ค่ำ ปีมะเส็ง เอกศก จุลศักราช 1171 ฯลฯ
ข. ส่วนหลักฐานในจดหมายเหตุโหร ประชุมพงศาวดาร เล่ม 8 หน้า 119  บันทึกไว้ว่าฯ ปีฉลู จ.ศ. 1143 เดือน 2 พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้า ยกทัพไปเขมร ณ. วันที่ 7 ฯ(มีเลข 4 อยู่ข้างใต้) 4 ค่ำ และแรม 11 ค่ำ พระยาสรรค์ยกเข้าล้อมกรุงฯ ณ.วัน 1 ฯ(มีเลข 12 อยู่ข้างใต้) 4ค่ำ ขุนหลวงบวชวัดแจ้ง ปีขาล จ.ศ. 1144 ณ วัน 6 ฯ(มีเลข 8 อยู่ข้างใต้) 5 ค่ำ พระพุทธยอดฟ้าได้ราชสมบัติปราบดาภิเษก ชนมายุ 45 ปีกับ 1 เดือน กับ 4 วัน  ณ วัน 4 ฯ(มีเลข 13 อยู่ข้างใต้) 5ค่ำ เจ้าตากดับขันธ์ ชนมายุ 48 ปีกับ 15 วัน  ณ.วัน 1 ฯ(มีเลข 10 อยู่ข้างบน)  6ค่ำ สร้างเมืองบางกอก


ขอบคุณครับ มีต่ออีกรึเปล่าครับพี่สมบุญ
วิธีการอ่านตรงนี้(ที่ผมไฮไลต์สีแดงไว้) เดี๋ยวผมจะถามประธานอีกครั้งหนึ่งครับว่า อ่านอย่างไร

1 น่าจะหมายถึง วันเสาร์
10 น่าจะหมายถึง ขึ้น 10 ค่ำ
6 น่าจะหมายถึง เดือนหก

ขอบพระคุณครับ จริงๆแล้วประธานฯ สอนผมเอาไว้แล้วผมดันลืมเองครับ อายจัง.....ที่คุณบอกมาผมคิดว่าถูกต้องครับ แต่เดี๋่ยวผมจะต้องถามย้ำกับประธานอีกครั้งหนึ่ง....ยินดีต้อนรับและขอขอบคุณที่ให้ความสนใจครับ เข้ามาพูดคุยเสวนากันบ่อยๆนะครับ ยิ้ม


แต่ก่อนผมก็เป็นคอ เรื่องประวัติศาสตร์อยู่บ้างพอสมควรเหมือนกันครับ ไม่ว่าจะวรรณคดี หรือ หนังสือตำรับตำรา ข้อมูลทางประวัติศาสตร์ และอื่นๆ แต่ทุกวันนี้ มีกิเลสชนิดใหม่ๆให้สนใจมากมาย จนแทบหลงลืมความอยากรู้อยากเห็นเหล่านั้นไปเสียหมดสิ้นแล้วละครับ เหตุปัจจัยเปลี่ยน ความสนใจก็เปลี่ยน สงสัยคงต้องสร้างเหตุและปัจจัยที่หนุนนำขึ้นมาใหม่บ้างแล้วหละ (สักวัน หวังว่า).   ยิงฟันยิ้ม
ขออนุญาตนำเสนอความเห็นของประธานฯ ดังนี้ครับ.....
กิเลสไม่มีใหม่ ในกาลไหนๆก็ไม่มีใหม่ เพราะมีบัญญัติเอาไว้ว่า กิเลสมี หนึ่งพันห้าร้อยอย่าง ตัณหามี 108 อย่าง แต่ที่คุณเข้าใจว่ามีกิเลสชนิดใหม่ๆนั้น น่าจะเป็นเหตุจูงใจพิเศษเท่านั้นเอง ขอโทษนะครับกิเลสและตัณหานั้นมีอยู่ในพระไตรปิฎกอยู่แล้วครับ ถ้าสนใจลองเสาะหามาอ่านนะครับ...ขอบคุณครับ ยิ้ม
บันทึกการเข้า
Sombunประธานชมรมคนรักหนังเก่า
Close To The Edge
******
กระทู้: 1409



ดูรายละเอียด
« ตอบ #29 เมื่อ: 27 มีนาคม 2012 | 10:14:40 PM »

ชมรมคนรักประวัติศาสตร์เสรี
ตอบ  สมาชิกหมายเลข 003
ประวัติศาสตร์ไทยสมัยปลายวงศ์สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี พอประมวลมาได้ดังนี้.-
ก. จากประชุมพงศาวดาร เล่ม 8 หน้า 243 – 244 กล่าวไว้
    ครั้นเมื่อปีฉลูตรีศก จุลศักราช 1143 แผ่นดินเมืองเขมรซึ่งมาขึ้นกรุงธนบุรีอยู่แต่ก่อนนั้นกำเริบ พระยาพระเขมรลุกขึ้นจับพระองค์ราม ซึ่งเป็นสมเด็จพระรามาธิบดีเจ้ากรุงกัมพูชาฆ่าเสียแล้วแข็งเมืองกระด้างกระเดื่องไป เพราะฉะนั้นพระบาท
สมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกซึ่งเป็นสมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกในเวลานั้นกับพระเจ้าอยู่หัวกรมพระราชวังในแผ่น
ดินพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกซึ่งเป็น เจ้าพระยาสุรสีห์พิศณวาธิราชในเวลานั้น ต้องยกพยุหโยธาออกไปยัง
การทัพทำสงครามปราบปรามพวกเขมรอยู่***ต่อ 1 ***

( มีต่อนะครับ ขอแปะไว้เท่านี้ก่อนครับ ขอบคุณครับ )
***ขอแปะต่อ นะครับ ...ผมจะแปะต่อเป็นระยะๆ นะครับ เนื่องจากเนื้อหามีมาก ผมต้องทยอยพิมพ์ครับ...ต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ ที่ทำให้อ่านไม่ต่อเนื่อง ขอบคุณครับ***

  ***ต่อ 1 *** ฝ่ายพระเจ้ากรุงธนบุรี ตั้งแต่ได้พระพุทธปฏิมากรแก้วมณีองค์นี้มาถึงกรุงธนบุรีแล้ว ก็มีจิตกำเริบเติบโตอันใช่ที่คือมีสัญญาวิปลาสว่าตนนั้นเป็นผู้มีบุญหนักศักดิ์ใหญ่เป็นพระโพธิสัตว์ จะสำเร็จพระพุทธภูมิได้ตรัสเป็นพระชนะแก่มารเป็นองค์พระศรีอาริย์เมตไตรในกัลป์นี้ก็คิดอย่างนั้นบ้างตรัสอย่างนี้บ้างทำไปต่างๆบ้าง จนถึงเป็นพระเจ้าแผ่นดินเสียจริต ทำการผิดๆไปให้แผ่นดินเป็นจลาจลร้อนรนทั่วไปทั้งไพร่และผู้ดีสมณะพราหมณ์ชีเป็นการผิดใหญ่ยิ่งหลายประการยิ่งกว่าการร้อนของแผ่นดินซึ่งเคยมีมาก่อนพ้นที่จะร่ำพรรณนา จึงเกิดข้าศึกเข้ามาล้อมวังเจ้ากรุงธนบุรีต้องยอมแพ้แก่ข้าศึกขอแต่ชีวิตออกบรรพชา ฝ่ายพวกข้าศึกเข้ารักษาแผ่นดินอยู่ก็รักษาไปไม่ได้ การบ้านการเมืองในกรุงธนบุรีก็ป่วนปั่นวุ่นวายไปต่างๆ ครั้งนั้นกรมพระราชวังหลังซึ่งเป็นพระโอรสใหญ่ของกรมสมเด็จพระเทพสุดาวดี เวลานั้นเป็นที่เจ้าพระยานครราชสีมา ได้ยกพวกพลเข้ามาปราบปรามเสี้ยนหนามแผ่นดินรักษากรุงธนบุรีไว้ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก เมื่อได้ทราบเหตุการณ์นั้นไปแล้วก็ยกกองทัพกลับเข้ามากรุงธนบุรี ครั้งนั้นผู้มีบรรดาศักดิ์ข้างหน้าข้างในทั้งปวงพร้อมทั้งสมณะ พราหมณ์ชีอาณาประชาราษฎร์ก็มีความสโมสรโสมนัสพร้อมกัน เชิญเสด็จขึ้นเถลิงถวัลย์ราชสมบัติรักษาแผ่นดินเป็นที่พึ่งสืบต่อไป จึงได้เสด็จเถลิงถวัลย์ราชสมบัติเป็นพระเจ้าแผ่นดินใหญ่ในปีขาล จัตวาศก จุลศักราช 1144 พระชนม์มายุ 46 ปีถ้วน พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกเสด็จสวรรคตในวัน 5 ฯ (มีเลข 13 อยู่ข้างใต้) 9 ค่ำ ปีมะเส็ง เอกศก จุลศักราช 1171 ฯลฯ
ข. ส่วนหลักฐานในจดหมายเหตุโหร ประชุมพงศาวดาร เล่ม 8 หน้า 119  บันทึกไว้ว่าฯ ปีฉลู จ.ศ. 1143 เดือน 2 พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้า ยกทัพไปเขมร ณ. วันที่ 7 ฯ(มีเลข 4 อยู่ข้างใต้) 4 ค่ำ และแรม 11 ค่ำ พระยาสรรค์ยกเข้าล้อมกรุงฯ ณ.วัน 1 ฯ(มีเลข 12 อยู่ข้างใต้) 4ค่ำ ขุนหลวงบวชวัดแจ้ง ปีขาล จ.ศ. 1144 ณ วัน 6 ฯ(มีเลข 8 อยู่ข้างใต้) 5 ค่ำ พระพุทธยอดฟ้าได้ราชสมบัติปราบดาภิเษก ชนมายุ 45 ปีกับ 1 เดือน กับ 4 วัน  ณ วัน 4 ฯ(มีเลข 13 อยู่ข้างใต้) 5ค่ำ เจ้าตากดับขันธ์ ชนมายุ 48 ปีกับ 15 วัน  ณ.วัน 1 ฯ(มีเลข 10 อยู่ข้างบน)  6ค่ำ สร้างเมืองบางกอก


ขอบคุณครับ มีต่ออีกรึเปล่าครับพี่สมบุญ
วิธีการอ่านตรงนี้(ที่ผมไฮไลต์สีแดงไว้) เดี๋ยวผมจะถามประธานอีกครั้งหนึ่งครับว่า อ่านอย่างไร

1 น่าจะหมายถึง วันเสาร์
10 น่าจะหมายถึง ขึ้น 10 ค่ำ
6 น่าจะหมายถึง เดือนหก

ผมได้สอบถามประธานฯ แล้วนะครับ ได้ความดังนี้ครับ...
1. เลข 1 คือ วันอาทิตย์ เป็นการนับตามวิธีโบราณ-จันทรคติ
2. ตัวเลขอยู่ข้างบน คือ ข้างขึ้น
3. ตัวเลขอยู่ข้างใต้ คือ ข้างแรม
4. ดังนั้นต้องอ่านว่า...วันอาทิตย์ ขึ้น 10 ค่ำ เดือน 6
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 [2] 3 4 ... 8
พิมพ์
กระโดดไป:  

ThaiProg.net Ver 4.0 by tisanai,Shineon,kongbei
Top 10 Best Sellers in Kindle eBooks Reviewer 2016 Top 10 Best Sellers In Automotive Parts And Accessories Reviewer 2016 Top 10 Best Sellers in Tools and Home Improvement Under $10, Reviewer 2016
Top 10 Best Sellers in Clothing for 2017 Top 10 Best Sellers in Clothing Best Sellers in Clothing
Top 10 Best Sellers in Books reviewer 2017 Top 10 Best Sellers in Books Best Sellers in Books
Top 10 Best Sellers In Best Sellers In Grocery Reviewer 2017 Top 10 Best Sellers In Best Sellers In Grocery Best Sellers In Grocery