Thai Progressive Rock Community

เพลง Prog ที่ฟังแล้วหัวเราะจนท้องคับท้องแข็ง ;D

มีบ้างรึเปล่าครับ (เฉพาะแนวพรอกนะครับ แนวอื่นเดี๋ยวสายสิญจน์กันไม่อยุ่ )

-Owner of a lonely heart ฟัง Intro แล้วขำมาก จนคิดว่า ถ้าเอา Michael Jackson มาหอบแฮ่กๆก็ใช่เลย

Insane teacher be there remind me all the rhyme-มันแปลว่าอะไรหว่า " คุณครุต๊องๆทำให้ฉันนึกบทเพลงนั้นขี้นมาได้ " +555

What you gonna do when the lightning strikes and hit you<<< เรียกปอเท่งทึงมาเก็บไปได้เลยเฮีย +555

That is ice! that is ice!that is ice!<<<<ไม่มีอะไรจะร้องแล้วเหรอ +555

1. เคยเห็นพวกฝรั่งที่นิยม Classic Yes ตั้งชื่อเพลง Owner of a Lonely Heart ให้ใหม่ว่า Owner of a Lonely Shit
2. ยังนึกเพลงที่ตอบกระทู้นี้ไม่ได้ แต่ขอแนะนำให้ฟังวง Barron Knights จากอังกฤษ เป็นวงที่ชอบนำเพลงดังๆ มาแปลงเนื้อร้องให้ออกไปทางตลกเสียดสี และเคยมีเพลงขึ้นอันดับกับเขาด้วย เมื่อพวกเขานำเพลง The Logical Song ของ Supertramp มาเปลี่ยนเนื้อร้องและตั้งชื่อใหม่ว่า The Topical Song ซึ่งเนื้อหาพูดถึงวันเวลาที่น้ำมันเคยราคาถูก แต่ปัจจุบันราคาน้ำมันแพงขึ้นเป็น 2 เท่า การจราจรก็ติดขัด วิทยุในรถก็เสีย เลยนั่งอยู่ในรถเฉยๆ ไม่มีอะไรทำ รู้งี้ขึ้นรถไฟดีกว่า เพลง The Topical Song ออกมานานมากแล้ว แต่เนื้อหาขบขันและสอดคล้องกับสภาพการณ์ปัจจุบันดีครับ อีกเพลงที่เรียกเสียงหัวเราะได้คือ การนำเพลง Telephone Line ของ ELO มาล้อเลียนโดยไม่ต้องเปลี่ยนเนื้อร้อง แต่สร้างบรรยากาศของเพลงใหม่ว่า ผู้ร้องกำลังพูดโทรศัพท์กับแฟนโดยใช้โทรศัพท์สาธารณะหยอดเหรียญ พูดประโยคขึ้นต้นของเพลงนี้ที่ว่า Hello, how are you ... ไปได้ 3-4 ประโยค ก็เกิดโทรศัพท์ขัดข้อง เป็นเสียง ตู๊ด ตู๊ด .... คนพูดก็สบถ ออกมา แล้วหยอดเหรียญเพิ่ม แล้วร้องต่อ แล้วก็ขัดข้องอีก เลยด่าโทรศัพท์แล้ววางหูไปเลย

ไม่ถึงกับท้องคับท้องแข็ง 
ชุด Today's report ของ A.C.T. มีเพลงหนึ่งที่มีเนื้อเพลงท่อนหนึ่งบอกว่า even my wife was gay !! 555
จะมีวง Prog วงไหนที่มีคำว่า gay อยู่ในเนื้อเพลงเนี้ย

เพลง Aqualung ของ Jethro Tull มีท่อนหนึ่งร้องว่า Snot running down his nose แปลว่า ขึ้มูกไหล ซึ่งพวกฝรั่งโดยทั่วไปจะหลีกเลี่ยงที่จะพูดถึง น้ำมูก ขึ้มูก และการแคะขึ้มูก คนไทยคงไม่ขำท่อนนี้ แต่เชื่อว่า ฝรั่งที่ได้ยินท่อนนี้จะทำหน้าแปลกๆ

ไม่ถึงกับหัวเราะท้องคัดท้องแข็ง ได้แต่หัวเราะหึ ๆ เมื่อเห็นหน้าปกและเพลงส่วนใหญ่ในอัลบั้ม Owner Of A Lonely Heart

ด้วยความรู้สึกที่ว่า "มันมาได้ยังไงของมันกันเนี่ย ผิดฟอร์ม ฯลฯ"

มีเพลง non prog ชื่อ Glad to be Gay โดย Tom Robinson Band ส่วนวง prog ยังนึกไม่ออกแต่เคยดู music video ของวง Sigur Ros เพลงนึง ร้องเป็นภาษา Iceland เลยไม่ทราบความหมาย แต่ภาพที่เพื่อน 2 คน จุมพิตกันที่ปรากฎมันยิ่งกว่าฉากจุมพิตกันในรักแห่งสยามอีกครับ

พี่ Panyarak ก็ชอบหนังเรื่องนี้เหรอครับ ผมไปดูมาแล้ว ใช้ได้เลยที่เดียว โดยเฉพาะคนที่เป็นพ่อแม่ จะได้เตรียมตัวไว้ว่าสังคมเปลี่ยนไปเยอะมาก เทียบกับสมัย 20 ปีก่อน

ในฐานะที่ทำงานที่มีหน้าที่ส่งเสริมประเทศไทย ก็ต้องดูหนังไทยทุกเรื่องครับ เพราะภาพยนตร์ไทยคือหนึ่งในเครื่องมือส่งเสริมความนิยมไทยในหมู่ชาวต่างประเทศที่ดีมาก ตอนไปดูรักแห่งสยาม ก็ไม่ทราบมาก่อนเลยครับว่า เนื้อหาเป็นอย่างไร ดูแล้วก็ประทับใจการสะท้อนภาพสังคมไทยปัจจุบันดีครับ

แล้วเพลงไทยล่ะครับพี่ มีอัลบั้มชุดไหน พอจะนำเสนอให้แขกนัฟังต่างชาติบ้างไหมครับ

ขอชื่นชมด้วยคนครับ
ทำให้นึกถึง ตอนที่พี่เขาเอาหนังของคุณเชิด ทรงศรีไปฉายที่อังกฤษครับ
ฝรั่งหลายคนรักเมืองไทย ก็เพราะดูหนังไทยนี่แหละครับ

เพิ่งนึกออกอยู่เพลงหนึ่งที่ฟังแล้วนึกขำเกือบจะกลั้นหัวเราะไว้ไม่อยู่ เพลงนี้เป็นมุขตลกร้ายของวง ELP ในผลงานชุด Brain Salad Surgery ชื่อเพลง Benny The Bouncer ครับ 

Benny was the bouncer at the palais de dance
Hed slash your grannys face up given half a chance.
Hed sell you back the pieces, all for less than half a quid
He thought he was the meanest-
Until he met with savage sid.

Now sidney was a greaser with some nasty roots
He poured a pint of guinness over bennys boots
Benny looked at sidney:
Sidney stared right back in his eye.
Sidney chose a switchblade
And benny got a cold meat pie.
Oh! what a terrible sight,
Much to the peoples delight.
One hell of a fight.

Sidney grabbed a hatchet, buried it .... in bennys head.
The people gasped as he bled:
The end of a ted?

Well, they dragged him from the wreckage of the palais in bits.
They tried to stick together all the bits that would fit.
But some of him was missing
And part of him arrived too late,
So now he works for jesus
As the bouncer at st. peters gate.

เนื้อหาของเพลงมีความหมายทำนองว่า Benny เป็นนักเลงคุมบาร์ มีหน้าที่คอยจับพวกลูกค้าที่มีปัญหาหรือพวกที่มาก่อกวนโยนออกไปจากร้านเหล้าหรือบาร์ (เหมือนอย่างที่เราเคยเห็นในหนังคาวบอย) Benny เป็นนักเลงไม่เกรงกลัวใคร แต่อยู่มาวันหนึ่งได้เจอคู่ปรับที่ชื่อ Sidney ซึ่งเข้ามาท้าทาย Benny แล้วการต่อสู้ตลุมบอนระหว่างสองคนนี้ก็เริ่มต้นขึ้น ในที่สุด Sidney เอาขวานจามหัว Benny ถึงตาย ท่ามกลางความตกอกตกใจของคนที่พบเห็น แล้วศพของ Benny ก็ถูกลากออกมาข้างนอกในสภาพขาดเป็นชิ้น ๆ มีคนพยายามปะติดปะต่อศพแล้ว แต่บางส่วนหาไม่เจอ และบางส่วนก็หาเจอช้าเกินไป

ผมชอบสองท่อนสุดท้ายของเพลงนี้ที่ทำให้ขำ คือ

So now he works for jesus
As the bouncer at st. peters gate.

บัดนี้เขาทำงานให้พระเยซู
ในฐานะเป็นนักเลงคุมประตูของเซนต์ปีเตอร์

(ตีความเอาเอง) ทำนองว่า Benny ตายแล้ว ได้ไปเป็นนักเลงเฝ้าประตูทางผ่านอยู่บนสวรรค์ (หรือเปล่า)

Mother ในคอนเสิร์ต Roger Waters : In The Flesh ก็ขำมากมายครับ

ส่วนท่อนอะไร อันนี้ต้องดูเองครับ เดี๋ยวผมปล่อยแล้วจะแป้ก ต้องดูภาพประกอบด้วย ฮ่าๆ

The Blimp (mousetrapreplica) ของ Captian Beefheart ครับ บ้าดี เคยส่งไปให้เพื่อน มันบอกว่าส่งไฟล์เสียงอะไรมาฟะ !  :D

+++

มีที่ไม่ได้เป็น Prog อีกคือ Mammal Sauce กับ Jogging in Hell ของ Crotchduster
ไอ่เพลงแรกมันร้องฮิปฮอปแล้วก็เปลี่ยนโทน จนทำให้มีคำว่า Motherf*cker ลอยมาเป็นสำเนียงอาร์แอนด์บี ฮาดี
ส่วนเพลงหลังนี้เนื่อเพลงฮามาก ต้องลองไปดูกันเอง

เพลงของ Grobschnitt บางเพลงมักจะมีเสียงพูดหรือเอฟเฟ็คท์ที่แสดงอารมณ์ตลกขบขันสอดแทรกเข้ามาด้วย อย่างเช่นช่วงอินโทรของเพลง Sahara จากอัลบั้ม Ballermann ที่มีเสียงพูดอังกฤษสำเนียงแปร่ง ๆ (คล้ายคนเยอรมันที่เพิ่งหัดเรียนภาษาอังกฤษ) เสียงเป็ด ฯลฯ ฟังแล้วไม่ถึงกับหัวเราะท้องคัดท้องแข็ง แต่ก็อมยิ้มทุกครั้งที่ได้ยิน หรือแม้แต่บางเพลงในอัลบั้ม Jumbo ก็มีแนว sense of humor เช่นนี้ปะปนแทรกอยู่ ผมฟังเพลงของวงนี้แล้วรู้สึกสนุกและผ่อนคลายไปในตัวครับ