ต่อไป »

[Pong-Wanchai]

รูปนี้สวยดีเลยนำมาลงให้ดูว่าในแผ่นเสียงชุดนี้มีอะไรแนบมาบ้าง...



ของแถม คือ แผ่นเสียงขนาด 7 นิ้ว หนึ่งแผ่นครับ...

 

เท่าที่เห็นขายในเน็ทไม่ค่อยมี "กระดาษแข็งสีเทาแบบรีไซเคิ้ล" สอดมาให้ แต่ว่า 2LP's ของผมมีพร้อมครับ เพราะมันช่วยทำให้เวลาใส่
แผ่นเสียง 7" ซิงเกิ้ลกลับเข้าไปแล้วเรียบร้อย ไม่ทำให้ซองหน้าปกหนาจนมีรอยวงกลมเล็กๆ และดูเสียหาย ซึ่งหน้าตาของ "ตัวช่วย" มัน
เป็นอย่างนี้...ดูกันใกล้ๆ เลย  



เพียงแต่ใส่แผ่นเสียงไว้ตรงกลางซึ่งเจาะเป็นสี่เหลี่ยมขนาดเดียวกันไว้พอดี มีสก็อชเทปแปะติดปกพลาสติคอีกทีเพื่อไม่ให้หล่น...เมื่อใส่
เข้าไปพร้อมแผ่นก็เหมือนกับ Insert อีกแผ่นนึงเพียงแต่มีความหนากว่าปกติเท่านั้นเอง  

[Pong-Wanchai]

สุดท้ายต้องมี โปสเตอร์ รวมมาด้วยอีกหนึ่งอย่างถึงจะสมบูรณ์ 



แต่ถ้าจะให้ เพอร์เฟค สำหรับคอลเล็คชั่นของทัวร์นี้ ต้องนี่เลยครับ...



แผ่นเสียงเรดิโอโชว์จากรายการ The Source ซึ่งเป็นคนละชุดกันกับที่ผมเคยนำมาลงให้ดูนะครับ เพราะนี่เป็นสมัย Brad Gillis
เล่นร่วมกันกับ Ozzy Osbourne ที่เมือง Memphis มลรัฐ Tennessee เมื่อวันที่ 28 เมษายน ปี 1982

[Pong-Wanchai]

เพลงในแผ่นเรดิโอโชว์จะเหมือนกันกับ ดีวีดี คอนเสิร์ต Speak Of The Devil แต่อัดมาจากสถานที่คนละแห่งกัน

 

แล้วที่จะขาดเสียไม่ได้ก็คือ แผ่นซิงเกิ้ล อย่างที่เห็นในโฆษณาข้างล่างนี้ ซึ่งผมต้องตามซื้อให้หมดทุกอย่างจนกว่าจะครบถึงจะสามารถพูด
ได้อย่างเต็มปากเต็มคำว่าเป็น แฟนพันธุ์แท้      



เมื่อไม่นานที่ผ่านมา ผมเห็นคนขายในอีเบย์ลงแผ่น 12" Single ชุดนี้แล้วก็ ตกใจ เหมือนกันว่า ทำไมตั้งราคาไว้เกือบหนึ่งร้อยเหรียญดอลล่าห์สหรัฐ  



ป้ายราคาแผ่นเสียงของผมยังติดอยู่ด้านหลังเลยครับว่า 6 เหรียญ แล้วถ้าจำไม่ผิดน่าจะคว้ามาได้จากประเทศคานาดาด้วย ซึ่งสมัยนั้นค่าของ
เงินเหรียญก็ถูกกว่าสหรัฐหลายบาทอยู่เหมือนกัน  

ไม่เคยนึกมาก่อนเลยว่า แผ่นเสียง ของผมมันจะมีราคาสูงถึงขนาดนี้ได้ 

[ปีศาจลายคราม]

ผมเห็นคนขายในอีเบย์ลงแผ่น 12" Single ชุดนี้แล้วก็ตกใจเหมือนกันว่าทำไมตั้งราคาเกือบหนึ่งร้อยเหรียญดอลล่าห์สหรัฐ 



ป้ายราคาแผ่นเสียงของผมยังติดอยู่ด้านหลังเลยครับว่า 6 เหรียญ แล้วถ้าจำไม่ผิดน่าจะคว้ามาได้จากประเทศคานาดาด้วย ซึ่งสมัยนั้นค่าของ
เงินเหรียญก็ถูกกว่าสหรัฐหลายบาทอยู่เหมือนกัน 

ไม่ต้องฉงนหรอกครับ -- คนขายเขาเอามาวางไว้ดักรอคนซื้อที่เป็นสาวกคลั่ง วิปลาส และสติแตกมาซื้อไป -- แต่ถ้าเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องค้างคาววิปลาสฯ Crazy Ozzy Bat Man อย่างพี่โป่งแล้ว รับรองว่าโดนหลอกยากส์ครับ
และอยากจะบอกพี่ว่า "ทุกสิ่งเป็นไปได้ในอีเบย์นะ จุ๊บ จุ๊บ" (ฮา)

[Pong-Wanchai]

เกือบจะลำดับสุดท้ายแล้วครับ สำหรับแผ่น 7" ซิงเกิ้ลที่เรียกกันว่า Picture Disc...



ผลงานประเภทนี้พอถ่ายรูปมาดูแล้วก็ สวยดี แต่ผมว่า คุณภาพเสียง ใช้ไม่ได้เลยครับ 

และที่ผมเก็บเอาไว้เป็นรูปอำลาสำหรับอัลบั้ม Speak Of The Devil นี้ก็คือ เสื้อ T-Shirt ในแบบแขนกุด(มาจากโรงงาน) ซึ่งปัจจุบันหาซื้อยากมากๆ
เพราะมูลค่าไม่มีใครสามารถประเมินได้ นานๆ จะเห็นกันสักตัวนึงบนอีเบย์ เมื่อก่อนผมเคยใส่อยู่ตอนเป็นวัยรุ่น แต่ว่าปัจจุบันพับใส่ลิ้นชักเสื้อผ้าเก็บ
เอาไว้อย่างดีเลยครับ...

ด้านหน้า ด้านหลัง

หากรวมคอลเล็คชั่นเฉพาะ Speak Of The Devil ของผมเข้าด้วยกันทั้งหมด ยกเว้นแผ่นซีดี (เพราะว่าไม่มีครับ) แล้วจัดการคำนวณเป็นตัวเงิน
เสร็จสรรพ ผมไม่แปลกใจเลยว่า ทำไมเมื่อก่อนต้องทานแต่บะหมี่สำเร็จรูปยี่ห้อ Top Ramen แทบทุกมื้อ      

[ปีศาจลายคราม]

หากรวมคอลเล็คชั่น Speak Of The Devil ของผมนี้เข้าด้วยกันทั้งหมด ยกเว้นแผ่นซีดี (เพราะว่าไม่มีครับ) พอคำนวณเป็นตัวเงิน
เสร็จสรรพ ผมไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเมื่อก่อนต้องทานแต่บะหมี่สำเร็จรูปยีห้อ Top Ramen แทบทุกมื้อ     

แต่บะหมี่ ramen ยี่ห้อที่พี่ทานแทบทุกมื้อนั้น อาจจะราคาแพงกว่ามาม่าของไทยก็ได้นะครับ

[Pong-Wanchai]

นี่เป็นภาพหน้าปกของทัวร์โปรแกรมสมัย Speak Of The Devil...



รูปนี้เอามาลงให้ดูกันเฉยๆ ผมไม่ได้มีเก็บสะสมเอาไว้หรอกครับ 

[ท่านผีเพลง]

เพลินดีจริงๆครับ 
ขอถามนิดครับ
น้าค้างคาวผมแกยาวเร็วขนาดเลยหรือครับ
โกนหัวแหม็บๆ เล่นคอนเสิร์ทผมยาวเชียว
หรือผมลำดับเวลาผิดครัฟ

[เพชร วิปลาส]

ผมเป็นคนที่เก็บทุกอย่างก็เลยต้องลอกสติคเกอร์ออกมาแล้วแปะมันไว้ที่ด้านหลังของกระดาษแก้วที่ห่อแผ่นซีดีมาตั้งแต่แรก...

นับถือพี่จริง ๆ ครับ

นิสัยเหมือนผมเลยครับ แต่ว่าไอ้สติ๊กเกอร์สีขาวที่มีชื่อศิลปินกับบาร์โค้ดที่แปะอยู่ด้านบนกล่องนั้น ผมจะไม่ลอกออกมา แต่จะใช้วิธีงัดฝาด้านล่าง เพื่อเอาแผ่นหรือ booklet ภายในออกมาครับ

เพื่อนๆที่เคยมาเที่ยวบ้านยังบอกเลยว่า ถ้าสามารถหากระดาษแก้วมาห่อใหม่ หรือถ้าเป็นแบบซองพลาสติกแบบมีกาวในตัวก็แค่เปลี่ยนซอง จากนั้นมันก็เหมือนแผ่นใหม่ๆดีๆนี่เอง 

[Pong-Wanchai]

เพลินดีจริงๆครับ  
ขอถามนิดครับ
น้าค้างคาวผมแกยาวเร็วขนาดเลยหรือครับ
โกนหัวแหม็บๆ เล่นคอนเสิร์ทผมยาวเชียว
หรือผมลำดับเวลาผิดครัฟ

หลังจากทุกอย่างลงตัวแล้ว คือได้มือกีตาร์คนใหม่ที่ค่อนข้างจะถาวร (ในสมัยนั้น) พี่อ้อด ของเราก็จัดงาน "เบียด"
กับ Sharon Arden ในวันที่ 4 กรกฏาคม ปีเดียวกัน (1982) โดยมี Tommy Aldridge มือกลองคนโปรดเป็น Best Man

หยุดพักได้ไม่กี่วันก็ "ลุย" ต่อตามคำสั่งของผู้จัดการส่วนตัวที่เข้ามาจัดการชีวิตด้วยแล้ว    ซึ่งถ้า Ozzy ไม่ได้ผู้หญิง
คนนี้มาดูแล ผมว่าแกคงไม่มีสินทรัพย์มั่งคั่งก้าวขึ้นมาสู่ระดับดาราฮอลลีวู้ดได้เหมือนทุกวันนี้หรอกครับ

ครั้นพอเที่ยวตระเวณแสดงทัวร์ได้สักพักประมาณปลายๆ ปีนี่แหละครับ ท่านค้างคาวฯ ของเราก็โกนศรีษะเสียจน
หมดเกลี้ยง ซึ่งทั้งแฟนเพลงและสื่อมวลชนต่างคาดเดากันต่างๆ นาๆ ว่าสงสัย Ozzy คงจะ "บ้องส์" ไปเสียแล้ว !!!

แต่จากบทสัมภาษณ์ที่ผมมีอยู่ในรายการ Night Flight (อัดมาจากเคเบิ้ลทีวี) นั้น Ozzy ได้อธิบายว่า เส้นผมของเค้าโดน
ทั้ง เจล และ ครีมบำรุงผม รวมทั้ง สเปรย์ และอื่นๆ อีกมากมาย ประกอบกับ แสงสป็อตไลท์ บนเวที่ที่แรงจ้า มันมีผลทำให้
ผมของเค้าเสียและแห้งดูไม่มีชีวิตชีวา ก็เลยตัดสินใจตัดผมเก่าออกให้หมดแล้วเริ่มต้นไว้ใหม่

ตอนเล่นคอนเสิร์ตช่วงนั้นก็ขึ้นเวทีร้องเพลงแบบหัวล้านอย่างนี้แหละครับ...



เมื่อเข้าสู่ช่วงปลายปี 1982 นักดนตรีกลับยังไม่ค่อยลงตัวซักเท่าไหร่ โดยเฉพาะมือเบส มีการเปลี่ยนแปลงสองครั้งเพราะ
ว่า Rudy Sarzo ลาออกไปอยู่กับ Quiet Riot เหมือนเดิม ไม่ยอมเดินทางไป UK Tour กับ Ozzy อีก

Pete Way (UFO) เข้ามาแทนที่สมัย British Tour แต่เล่นอยู่ร่วมกันกับคณะ Blizzard Of Ozz ในระยะเวลาอันสั้น เพราะว่า
พอทัวร์จบ Pete Way ก็ลาออก และคราวนี้จับมือกันไปพร้อมๆ กับ Brad Gillis อีกคนนึงด้วย     ซึ่งวันที่ 20 ธันวาคม ปี
1982 คือการร่วมงานครั้งสุดท้ายของนักดนตรีทั้งสองกับ ท่านค้างคาววิปลาส ครับ

กว่าสมาชิกนักดนตรีจะลงตัวได้ก็เกือบๆ ทั้งปี 1983 นั่นแหละครับ ส่วนมือกีตาร์คนใหม่ในสมัยนั้นชื่อ Jake E. Lee ได้เข้าร่วม
ทีมงานกับ Ozzy Osbourne และเล่นบนเวทีครั้งแรกอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 12 มกราคม ปี 1983 โดยมีมือเบสคนใหม่ชื่อว่า
Don Costa ร่วมด้วยอีกหนึ่งคน   

[ท่านผีเพลง]

แจ่มแจ้งมากเลยครัฟพี่โป่ง

แล้วมีดีวีดี สมัยพี่แกหัวล้านเจ๊งเหม่ง แบบนี้ไหมครับ
น่าจะสนุกนะ ได้เทร็นด์แบบร่วมสมัยดีจัง 
อยากดูแล้วซิ

[PANTERISTA]

ขอเบรกนิดนะครับ

อยากทราบว่า หลังจาก Randy Rhoads เครื่องบินตก สภาพศพของเขาไหม้เกรียม หรือยังเป็นร่างมนุษย์อยู่ครับ???


 

[Pong-Wanchai]

แจ่มแจ้งมากเลยครัฟพี่โป่ง

แล้วมีดีวีดี สมัยพี่แกหัวล้านเจ๊งเหม่ง แบบนี้ไหมครับ
น่าจะสนุกนะ ได้เทร็นด์แบบร่วมสมัยดีจัง  
อยากดูแล้วซิ

ผมไม่มีวิดิโอภาพเคลื่อนไหว แต่มีรูปมาเรียงให้ดูเพื่อลำดับความและเตือนความจำครับ  

สมาชิก Blizzard Of Ozz ยุคที่คิดว่าน่าจะลงตัวแล้ว คือ ประมาณต้นปี 1982...

[Pong-Wanchai]

Ozzy Osbourne ล้างซวย ด้วยการเข้าพิธีอภิเษกสมรสที่ Maui บนหมู่เกาะฮาวาย...



หนึ่ง...สอง...                                                    ...สาม...เอ้า...จุมพิศเจ้าสาวได้      
 

[Pong-Wanchai]

เริ่มตั้งแต่เหน่งใหม่ๆ สมัยทัวร์กับ Brad Gillis ในห้องแต่งตัวหลังเวทีแห่งหนึ่ง...



ผมคิดว่าช่วงประมาณ กลาง/ปลาย ปีนี่แหละครับที่ Ozzy Osbourne โกนหัว และนี่คือภาพที่ออกสัมภาษณ์ทางเคเบิ้ลทีวีในรายการ
Night Flight ปีเดียวกันนี้เอง...

(โปรดสังเกตุว่าผมยังขึ้นไม่เยอะ)

Diary Of A Madman Tour 1982 มีคิวต่อยาวไปถึงสิ้นปี แต่ก็ต้องมาสะดุดหรือใกล้ตายตอนจบ เพราะว่า Rudy Sarzo เล่น
"โนโชว์" สมัย European Tour ดังนั้น Sharon จึงจัดการดึง Pete Way ซึ่งกำลังฟอร์มวง Wasted เข้ามาช่วยทีมงานโดยเล่น
สดด้วยกันประมาณ 10 คอนเสิร์ต...



ภาพนี้หาดูยากครับ ผมสแกนมาจากหนังสือที่ผมเก็บสะสมไว้