Thai Progressive Rock Community

ThaiProg => Keep Talking => ข้อความที่เริ่มโดย: Fog ที่ 08 ตุลาคม 2009 | 09:44:04 AM



หัวข้อ: Review: Porcupine Tree - The Incident
เริ่มหัวข้อโดย: Fog ที่ 08 ตุลาคม 2009 | 09:44:04 AM
(http://api.ning.com/files/k5oTp51v17JP**d0fgH-gjrreNx8MTWVYT62ES4m-jrHXHwXMvWjia3a0umIKnpO*HZj9jJNU9e*OR5pNKvp7qjZlXjt36WD/TheIncident.jpg)

Disc One
The Incident:
1. Occam’s Razor
2. The Blind House
3. Great Expectations
4. Kneel & Disconnect
5. Drawing the Line
6. The Incident
7. Your Pleasant Family
8. The Yellow Windows of the Evening Train
9. Time Flies
10. Degree Zero of Liberty
11. Octant Twisted
12. The Séance
13. Circle of Manias
14. I Drive the Hearse

Disc Two
1. Flicker
2. Bonnie the Cat
3. Black Dahlia
4. Remember Me Lover

คราวนี้กลับมากันแบบเต็มวงเสียทีสำหรับ Porcupine Tree หลังจากช่วงปีที่แล้ว แต่ละคนก็มีงานเดี่ยวของตัวเองออกมากัน โดยคนที่ออกงานมาถี่ยิบที่สุดก็น่าจะเป็นพี่แว่น วิลสัน นั่นเอง เพราะไหนจะ Bass Communion (ที่ตอนนี้ออกอีพีมาอีกสองชุด) กับ Insurgentes งานเดี่ยวแบบเต็มตัวครั้งแรกของแก แถมแกยังจะไปเป็นเบื้องหลังให้ชาวบ้านพอสมควร ทั้งโปรดิวซ์งานให้ Anathema และ Orphaned Land แถมเมื่อต้นปีก็ไปมิกซ์งานใหม่ให้กับ KTU อีกด้วย (ติดตามรีวิวของ KTU ได้ เร็วๆนี้) ส่วนพี่โคลิน เอ็ดวิน (เบส) ก็ออกคอลเล็คชั่นงานเดี่ยวที่ทำเอาไว้ด้วย น้าริชาร์ด บาร์บิเอรี (คีย์บอร์ด) ก็เพิ่งออกงานเดี่ยวไปเมื่อปีก่อนเช่นกัน (งานนี้ริวิวไปเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา) และก่อนที่งานใหม่ของทางวงจะออก กาวิน แฮริสัน (กลอง) ก็ออกงานคู่กับ 05Ric (หมอนี่ใช้เบสรูปร่างประหลาดที่เรียกว่า Extended Range Bass ซึ่งเล่นได้เข้าขากับกาวินทีเดียว) เป็นชุดที่สองโดยใช้ชื่อว่า Circles ต่อมาพวกเขาทั้งหมดก็กลับมาพร้อมกับเพลงโปรโมตตัวใหม่ (จริงๆคือเศษเพลงของ The Incident นั่นเอง) ก็คือ Time Flies ซึ่งพี่แว่นถือว่าเพลงนี้คือจุดศูนย์กลางของ The Incident ด้วย สำหรับมิวสิกวีดีโอเพลงนี้ก็ทำออกมาได้อย่างสวยงามและตามคอนเซ็ปต์ดีทีเดียว งานนี้พวกเขาได้รับเสียงตอบรับในแง่บวกค่อนข้างมากทีเดียว สำหรับ The Incident นี้ก็ออกมาพร้อมกับงานใหม่ของ Muse กับ Megadeth ในวันที่ 14 กันยายนที่ผ่านมานี้เอง

เปิดมาแผ่นแรกกับไตเติลแทร็คที่แบ่งออกมาเป็น 14 พาร์ต (14 เพลง) ซึ่งมีความยาวเบ็ดเสร็จรวมทั้งหมดประมาณ 55 นาที ซึ่งถ้าใครไม่ชอบเพลงอะไรที่ยาวๆก็เลือกฟังเพียงบางส่วนได้เพราะมันแบ่งเพลงมาให้ สำหรับภาคดนตรีโดยเฉพาะ (โคตร) อีปิกชุดนี้ก็เรียกว่ายังคงเอกลักษณ์ของวงได้อย่างครบถ้วนทีเดียว และถ้าใครยังไม่เคยฟังความเป็นอิเลกโทรนิกของพวกเขาก็สามารถลองได้ในบางพาร์ตเช่น ไตเติลแทร็ค (เป็นพาร์ตที่หก) และ The Yellow Windows of the Evening Train ซึ่งจะเป็น Interlude ที่นำพาไปสู่ Time Flies ซึ่ง เป็นจุดศูนย์กลางของคอนเซ็ปต์ขนาดยาวชุดนี้นั่นเอง สำหรับจุดเด่นในแผ่นแรกนี้ก็จะเป็นความต่อเนื่องจนเป็นเนื้อเดียวกันของแต่ ละพาร์ตนั้นเอง สำหรับคอนเซ็ปต์นั้นผมขอรวบไว้สั้นๆว่าเป็นเหตุการณ์ร้ายแรงที่พี่แว่นได้พบ มาแล้วแกก็นำมาเขียนในมุมมองบุรุษที่หนึ่งซึ่งจะเรียงร้อยเหตุการณ์ที่สื่อ ได้รายงานออกมา

สำหรับภาคดนตรีนั้น พวกเขาทำออกมาให้ติดหูง่ายและปะติดปะต่อกันอย่างแนบเนียนและไม่น่าเบื่อ ซึ่งในเพลงยาวๆเช่นนี้คงจะเป็นการยากที่ทำให้ติดตามได้ตลอดจนจบเพลง (แต่ก็มีวงที่สามารถทำได้น่าสนใจอยู่หลายวงอยู่เช่นกัน) แต่ก่อนหน้านี้ที่พวกเขาเคยบอกว่าจะเริ่มไปทางเมทัลมากขึ้นกว่าเก่าก็คงจะ เป็นส่วนน้อยเท่านั้น มันกลับกลายเป็นรายละเอียดทางดนตรีที่มากกว่าเดิม โดยเฉพาะภาคกีต้าร์ซึ่งพี่แว่นเป็นคนดูแลเองทั้งหมด เราอาจจะได้ยินริฟหนักๆบ้างนิดหน่อยในบางพาร์ตซึ่งจะเสริมความเป็นเมทัลลงไป นิดหน่อย (ซึ่งไม่น่าจะเป็นเมทัลได้เลยในแผ่นแรก แต่ถ้ากับแผ่นที่สองนี่ก็ไม่แน่เหมือนกันครับ) ในทางเมโลดี้นั้นพี่แว่นสามารถทำได้อย่างไพเราะและแนบเนียนทีเดียว เสียงกีต้าร์โปร่งก็มีความกระชับและรัดกุม ซึ่งเราจะได้ยินมากที่สุดใน Time Flies นั่นเอง สำหรับท่อนลีด (หรือโซโล) นั้นเป็นทีเด็ดที่เราสามารถฟังได้ในแผ่นที่สอง โดยเฉพาะกับเพลง Bonnie the Cat และนอกจากนี้ก็ยังได้จอห์น เวสลีย์ซึ่งเป็นมือกีต้าร์ออกทัวร์มาช่วยเสริมอีกด้วย สำหรับคีย์บอร์ดของน้าริชาร์ดนั้นก็ยังคง soundscapes ที่เป็นเอกลักษณ์เช่นเดิม แถมด้วยเมโลดี้กับไลน์เปียโนอีกนิดหน่อยเพื่อเป็นการสร้างสีสันให้กับชุดนี้ด้วย สำหรับ scapes นั้น จะมีบทเด่นๆที่แผ่นที่สองเช่นเดียวกับท่อนลีดอันหวือหวาของพี่แว่น ส่วนภาคริทึ่มนั่นก็มีความหนักแน่นมากขึ้นทั้งซาวด์เบสของพี่เอ็ดวินและกลอง แต่ในภาคกลองของกาวินนั้นอาจจะไม่ใช้การเหยียบสองกระเดื่องมากนัก คราวนี้จะเน้นไปที่เทคนิคแทน ซึ่งเขาก็ทำได้อย่างน่าขนลุกเลยทีเดียว สำหรับเสียงร้องของพี่แว่นก็ยังคงความล่องลอยเป็นเอกลักษณ์เช่นเดิม แต่คราวนี้เสียงแกจะดูมีไดนามิกมากขึ้นหน่อยเพื่อให้สอดรับกับอารมณ์ใน อัลบั้ม (ทั้งสองแผ่น) และเราอาจจะได้ยินเสียงประสานมากขึ้นอีกด้วย

ในส่วนพาร์ตเด่นๆของแผ่นแรก นอกจาก Time Flies ที่เป็นจุดศูนย์กลางของคอนเซ็ปต์แล้ว ก็ยังมีพาร์ตไตเติลแทร็คที่ช่วงแรกๆจะเน้นบีทอิเลกโทรนิกเสียมากก่อนที่เครื่องดนตรีทั้งหมดจะขึ้นมาในช่วงครึ่งเพลงหลัง และในพาร์ตนี้จะมีริฟที่หนักที่สุดอีกด้วย ส่วนถ้าใครชอบฝีมือการบรรเลงอันเป็นเอกลักษณ์ของวงก็มี Octane Twisted (ประมาณครึ่งเพลงหลัง) กับ Circle of Manias ที่พวกเขาโชว์ฝีมือการบรรเลงออกมาอย่างเต็มที่ โดยทางด้าน Octane Twisted นั้นจะเน้นท่อนลีดเมโลดี้สวยๆจากกีต้าร์ของพี่แว่นเสียมากพร้อมด้วยภาคริทึ่มที่ซับซ้อนที่โอบอุ้มโดย soundscapes ของน้าริชาร์ดอีกทีหนึ่ง ส่วนทางด้าน Circle of Manias จะเน้นริฟที่หนักขึ้นมาหน่อยพร้อมด้วยเมโลดี้ของคีย์บอร์ดที่ล่องลอยเป็นหลักกอ่นจะจบอย่างนุ่มนวลด้วย I Drive the Hearse ที่ทำออกมาได้ “บัลลาด” มาก

ต่อมากับแผ่นที่สองซึ่งจะเป็นการรวมเพลงเดี่ยวๆขนาดสั้น (แต่ละเพลงยาวไม่เกินเจ็ดถึงแปดนาที) ซึ่งจะเป็นเพลงช้าเพราะๆสองเพลงคือ Flicker และ Black Dahlia กับเพลงเน้นความซับซ้อนอันเป็นเอกลักษณ์ของวงอีกสองคือ Bonnie the Cat และ Remember Me Lover โดยที่แต่ละเพลงนั้นจะมีอัตลักษณ์ที่แยกกันออกไป เริ่มจาก Flicker ซึ่งเป็นเพลงช้าที่เน้นจังหวะขัดกับเสียงประสานที่ไพเราะ ต่อมากับ Bonnie the Cat ซึ่งพี่แว่นบอกว่าชื่อเพลงนนี้มาจากแมวที่อยู่ในห้องอัดระหว่างที่พวกเขาทำงานใหม่นี้กันอยู่นั่นเอง และพี่แว่นก็โชว์โซโลกีต้าร์ได้หวือหว่าที่สุด ด้วยการเล่นซาวด์ให้เหมือนกับเสียงเหมียวๆที่แมวร้องจริงๆเสียเลย (ฮา) และเท่านั้นไม่พอ เพลงนี้อาจจะเป็นเพลงที่ “เมทัล” มาก ที่สุดในบรรดาเพลงทั้งหมดในอัลบั้มอีกด้วย โดยตั้งแต่ครึ่งเพลงหลังมาพี่แว่นเล่นริฟหนักๆขึ้นมาอีกด้วย (ความจริงแล้วเพลงนี้ไม่ได้เน้นเนื้อหาอะไรมากนักเพราะจะโชว์บรรเลงกันเสีย มากกว่า) เพลงต่อมาคือ Black Dahlia ซึ่งแน่นอนว่าเป็นบัลลาดเกี่ยวกับฆาตกรรมของเอลิซาเบธ ชอร์ต (ชื่อเล่นของเธอคือ แบล็ค ดาห์เลีย) ในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 และเป็นเพลงช้าที่ให้อารมณ์ใกล้เคียงกับ My Ashes จากชุดที่แล้ว (Fear of a Blank Planet) มากอีกด้วย และเพลงสุดท้าย Remember Me Lover ซึ่งแลจะเป็นเพลงที่ซับซ้อนมากที่สุดในบรรดาสี่เพลงในแผ่นที่สองนี้ ซึ่งคงไม่ต้องบรรยายกันแล้วภาคดนตรีจะเป็นอย่างไร

งานนี้ถือว่าเป็นการกลับมาที่ยอดเยี่ยมของ Porcupine Tree ที เดียว และถือว่าเป็นครั้งแรกที่พวกเขาทำเพลงขนาดยาวเกือบๆหนึ่งชั่วโมงในแผ่นแรก ซึ่งพวกเขาก็สามารถทำได้อย่างสวยงามทีเดียว แต่เราอาจจะต้องใช้เวลาฟังกันหน่อยสำหรับงานที่ยาวและมีความต่อเนื่องเช่น นี้ ส่วนเพลงจากแผ่นที่สองอีกสี่เพลงนั้นก็สามารถรักษามาตรฐานได้อย่างดีเช่น เดิม ถ้าใครยังไม่เคยฟังงานยาวๆ (แบบแผ่นแรก) ก็ลองดูได้ครับ


หัวข้อ: Re: Review: Porcupine Tree - The Incident
เริ่มหัวข้อโดย: Layla F Mulder ที่ 08 ตุลาคม 2009 | 08:42:27 PM
ขอบคุณสำหรับรีวิวครับผม


หัวข้อ: Re: Review: Porcupine Tree - The Incident
เริ่มหัวข้อโดย: ไอ้ใบ้ตาเดียว ที่ 08 ตุลาคม 2009 | 10:53:26 PM
มันแหล่มจริงๆชุดนี้
ขอบคุณมากครับ แล้วมารีหวิวๆ บ่อยๆนะครับ


หัวข้อ: Re: Review: Porcupine Tree - The Incident
เริ่มหัวข้อโดย: kongbei ที่ 08 ตุลาคม 2009 | 10:57:25 PM
ถึงชุดนี้จะดูความยาวสาวความยืด สู้ Fear Of A Blank Planet ไม่ได้ในด้านความกระชับ แต่ก็ดีครับ


หัวข้อ: Re: Review: Porcupine Tree - The Incident
เริ่มหัวข้อโดย: ǝɹoɔǝsıɐuuoʎɐɯʎɹbuɐ ที่ 09 ตุลาคม 2009 | 12:03:58 AM
ถึงชุดนี้จะดูความยาวสาวความยืด สู้ Fear Of A Blank Planet ไม่ได้ในด้านความกระชับ แต่ก็ดีครับ

งานชุดนี้ไม่เหมาะกับการฟังเป็นเพลงๆแบบ Fear of a Blank Planet แต่ถ้าฟังแบบเน้นๆ (ย้ำว่าต้องตั้งใจฟังจริงๆ) ตั้งแต่ต้นจนจบนี่มันก็พาให้ถลำลึกลงสู่ภวังค์ความคิดของตาตีฟแกได้เหมือนกัน และนี่ก็เป็นสาเหตุนึงที่ผมฟังแผ่นแรกของชุดนี้ไม่ค่อยบ่อยนัก เพราะผมมันพวกสมาธิสั้นครับ   ;D


หัวข้อ: Re: Review: Porcupine Tree - The Incident
เริ่มหัวข้อโดย: Layla F Mulder ที่ 09 ตุลาคม 2009 | 06:20:45 AM
ถึงชุดนี้จะดูความยาวสาวความยืด สู้ Fear Of A Blank Planet ไม่ได้ในด้านความกระชับ แต่ก็ดีครับ

งานชุดนี้ไม่เหมาะกับการฟังเป็นเพลงๆแบบ Fear of a Blank Planet แต่ถ้าฟังแบบเน้นๆ (ย้ำว่าต้องตั้งใจฟังจริงๆ) ตั้งแต่ต้นจนจบนี่มันก็พาให้ถลำลึกลงสู่ภวังค์ความคิดของตาตีฟแกได้เหมือนกัน และนี่ก็เป็นสาเหตุนึงที่ผมฟังแผ่นแรกของชุดนี้ไม่ค่อยบ่อยนัก เพราะผมมันพวกสมาธิสั้นครับ   ;D

สมาธิสั้นด้วยคนครับ


หัวข้อ: Re: Review: Porcupine Tree - The Incident
เริ่มหัวข้อโดย: TRON ที่ 09 ตุลาคม 2009 | 07:35:04 AM
ถึงชุดนี้จะดูความยาวสาวความยืด สู้ Fear Of A Blank Planet ไม่ได้ในด้านความกระชับ แต่ก็ดีครับ

งานชุดนี้ไม่เหมาะกับการฟังเป็นเพลงๆแบบ Fear of a Blank Planet แต่ถ้าฟังแบบเน้นๆ (ย้ำว่าต้องตั้งใจฟังจริงๆ) ตั้งแต่ต้นจนจบนี่มันก็พาให้ถลำลึกลงสู่ภวังค์ความคิดของตาตีฟแกได้เหมือนกัน และนี่ก็เป็นสาเหตุนึงที่ผมฟังแผ่นแรกของชุดนี้ไม่ค่อยบ่อยนัก เพราะผมมันพวกสมาธิสั้นครับ   ;D

สมาธิสั้นด้วยคนครับ

ผมใช้ฟังเวลาขับรถ เพราะใช้สมาธิไม่มาก กลับฟังได้ดีครับ ฟังเพลิดเพลินไหลไปเรื่อยๆ


หัวข้อ: Re: Review: Porcupine Tree - The Incident
เริ่มหัวข้อโดย: ☆Wicked Man☆™オタク ที่ 10 ตุลาคม 2009 | 05:05:30 PM
ถึงชุดนี้จะดูความยาวสาวความยืด สู้ Fear Of A Blank Planet ไม่ได้ในด้านความกระชับ แต่ก็ดีครับ

งานชุดนี้ไม่เหมาะกับการฟังเป็นเพลงๆแบบ Fear of a Blank Planet แต่ถ้าฟังแบบเน้นๆ (ย้ำว่าต้องตั้งใจฟังจริงๆ) ตั้งแต่ต้นจนจบนี่มันก็พาให้ถลำลึกลงสู่ภวังค์ความคิดของตาตีฟแกได้เหมือนกัน และนี่ก็เป็นสาเหตุนึงที่ผมฟังแผ่นแรกของชุดนี้ไม่ค่อยบ่อยนัก เพราะผมมันพวกสมาธิสั้นครับ   ;D

สมาธิสั้นด้วยคนครับ

ผมใช้ฟังเวลาขับรถ เพราะใช้สมาธิไม่มาก กลับฟังได้ดีครับ ฟังเพลิดเพลินไหลไปเรื่อยๆ

แง๊กกๆๆ  พี่ได้มาฟังก่อนอีกแล้ว  ผมดองความรู้สึกไว้อาทิตย์หน้าเลย


หัวข้อ: Re: Review: Porcupine Tree - The Incident
เริ่มหัวข้อโดย: ǝɹoɔǝsıɐuuoʎɐɯʎɹbuɐ ที่ 15 ตุลาคม 2009 | 07:13:00 PM
หลังจากที่พยายามฟังไปฟังมาหลายตลบแล้ว แทร๊คที่ผมชอบมากที่สุดของชุดนี้ก็ยังคงเป็นแทร๊คละเมียดๆอย่าง Black Dahlia อยู่ดี และด้วยความที่ผมสมาธิสั้นอย่างน่าเหลือเชื่อ สุดท้ายก็ต้องย้อนกลับไปฟังชุดเก่าๆหรืองานเดี่ยวของพี่ตีฟแกเหมือนเดิม  8)


หัวข้อ: Re: Review: Porcupine Tree - The Incident
เริ่มหัวข้อโดย: Layla F Mulder ที่ 15 ตุลาคม 2009 | 08:59:23 PM
ผมว่าชุดนี้ฟังยากจริงๆ ครับ แล้วก็เห็นด้วยกับเหม่งที่ว่า FOABP เข้าหูมากกว่าเยอะเลย


หัวข้อ: Re: Review: Porcupine Tree - The Incident
เริ่มหัวข้อโดย: ShadowServant ที่ 16 ตุลาคม 2009 | 03:00:54 AM
ความยาวเป็นอุปสรรค์จริง ๆ ครับ ผมเองก็สมาธิสั้นพอสมควรแต่เท่าที่ฟังก็ยังชอบแผ่นแรกมากกว่าอยู่นะ


หัวข้อ: Re: Review: Porcupine Tree - The Incident
เริ่มหัวข้อโดย: ǝɹoɔǝsıɐuuoʎɐɯʎɹbuɐ ที่ 13 พฤศจิกายน 2009 | 10:05:29 AM
เอ็มวีเพลง Time Flies ครับ กำกับโดย Lasse Hoile เช่นเคย

http://www.youtube.com/watch?v=p8jm61vk2Ao