Kagemusha(1980) พักนี้ผมไม่ได้เข้ามาแวะคุยเรื่องหนังคลาสสิคกันเลยเพราะติดงานและเบื่อพวกที่ชอบเข้ามามั่วขายของโดยทำเป็นคุยเรื่องหนัง
นิดๆหน่อยๆแล้วก็โฆษณาขายสินค้าทางผู้ดูแลเว็ปน่าจะลบกระทู้พวกนี้ทิ้งออกให้หมด ถ้าอยากขายสินค้าก็ไปที่กระดานซื้อขาย เอาครับเรามาว่ากันต่อ
หนังเรื่องนี้เป็นของค่ายไครทีเรียนเป็นหนังซามูไรเอพิคที่ยิ่งใหญ่มากของยอดผู้กำกับ อากิระ คุโรซาว่า ผู้กำกับในดวงใจของคุณสมบุญและอีกหลายๆคน
เดี๋ยวช่วยให้คุณสมบุญ ช่วยเข้ามาขยายความต่อให้ด้วยนะครับ
สวัสดีครับ ผมนึกอยู่แล้วว่าคุณอั๋น ต้องงานยุ่งแน่ๆ
ผมเข้าใจครับ เพราะผมก็เคยทำอาชีพนี้ควบคู่ไปกับงานประจำด้วย วางมือไปเมื่อปี 2543 เพื่อมุ่งมั่นทำงานประจำอย่างเดียว เพราะแม่ผมเคยสอนเรื่อง
จับปลาหลายมือ ผลจากการที่ไป
จับปลาหลายมืิอ นั้นคือ ดินพอกที่หางหมูมาจนทุกวันนี้ แต่สิ่งที่ได้รับและมีคุณค่ามากที่สุด ก็คือ
ประสบการณ์ในทุกๆด้านทุกๆอณูทุกๆแง่มุม ที่สามารถนำมาปรับใช้ในชีวิตได้จนทุกวันนี้ ....เรื่อง โฆษณาขายของ ผมคิดว่ามีทุกที่เลยครับ ที่ทำงานผมก็มี นั่งทำงานอยู่เพลินๆ ก็ปรี่เข้ามาเฉยเลย
....หนังเรื่องนี้ผมขอขยายความว่า คูโรซาว่า กลับมาทำงานในบ้านเกิดอีกครั้ง หลังจากว่างเว้นไป 10 ปี เต็ม นับแต่เรื่อง โดเดสุคาเดน ในปี 1970 ที่ หลังจากเรื่องนี้ไม่ประสบความสำเร็จเขาก็เอาใบมีดโกนเชือดเส้นเลือดที่ข้อมือตัวเองเพื่อฆ่าตัวตาย ...ในเรื่องนี้เขามาทำในสิ่งที่ถนัดอีกครั้ง คือ ญี่ปุ่นในยุคศตวรรษที่ 16 ที่เต็มไปด้วย ขุนศึก ที่แย่งกันเป็นใหญ่ ( เหมือนกับจีน หลังปี ค.ศ. 1911 ที่ถึงแม้ซุนยัดเซ็น จะล้มราชวงศ์ชิงแล้ว แต่บรรดาขุนศึก ยังไม่ยอมสยบ ) ...หัวขโมย ผู้โชคดีคนหนึ่งได้รับการคัดเลือกให้แสดงเป็นคู่แฝดของขุนศึกใหญ่ที่ใกล้ตาย เพื่อแลกกับการพ้นโทษประหารชีวิต แต่สุดท้ายก็ไม่รอด......สำหรับความเห็นของผม คือ น่าจะมีคนไทยทำหนังแบบ/แนวทาง นี้บ้า่ง ปวศ. ในยุคกรุงศรีฯ
มีอะไรๆ ให้นำมา
เล่น ได้เยอะแยะ อะไรๆเหล่านั้นมาพร้อมๆ กับ สาระ+ข้อคิด+ฯลฯ ที่เราจะเก็บเกี่ยวได้( แล้วแต่ศักยภาพของ สมอง ) โดยไม่ต้องตะโกนคำว่า ปรองดอง อย่างทุกวันนี้ ....แหม ตัวเอง! คนไทยเรา เซ้นท์ซิทีฟ ออกจะตายไปปปปป
ช่วงนี้ผมงานเข้าแยะก็เลยไม่ค่อยว่างแต่จะหยุดพักช่วงเลือกตั้ง4-5 วัน(วันที่2-5 ก.ค.) น่าจะมีเวลาดูหนังมากขึ้น สมัยก่อนคุณสมบุญเคยทำอาชีพ
อื่นนอกจากทำงานการรถไฟด้วยหรือครับ แต่จริงๆแล้วการทำอาชีพหลายๆอย่างนั้นเหมาะกับในภาวะปัจจุบันนี้มากเมื่อเงินทองยุดนี้หายากบางครั้ง
มีอาชีพเดียวรายรับไม่พอกับการดำรงชีวิตแบบไม่พอเพียงคือเมื่อเราต้องการความสุขจากสื่อบันเทิงที่มีอยู่เช่นนี้ อันนี้ไม่นับวัสถุนิยมอย่างอื่นๆอีก
มากมาย เอาแค่ถ้าเราอยากดูคอนเสิร์ตของศิลปินดังเมืองนอกราคาบัตรคอนเสิร์ต 2 ที่นั่ง(ถ้าดูกับแฟน)ก็น่าจะใกล้หลักหมื่นบาทแล้วหรือเดือนๆ
ซื้อแผ่นซีดี,,แผ่นเสียง,ดีวีดีหรือบูลเรย์ ผมว่าเดือนๆหนึ่งพวกเราคงใช้จ่ายกันเดือนละหลายๆเงินเหมือนกัน บางทีมีอาชีพเดียวอาจจะหาเงินไม่พอ
กับรายจ่ายทุกวันนี้ผมหาเงินเลี้ยงชีพเดือนๆหนึ่งเล่นเอาเหนื่อยมากเลยครับเพราะความต้องการความสุขทางหูทางตามันเยอะ น้องๆที่กำลังเรียนอยู่
หรือเริ่มทำงานแล้วต้องขยันหางานหาเงินมากๆนะครับ เพราะพวกเราคงอยู่อย่างพอเพียงกันไม่ได้หรอกครับ