ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

 
การค้นหาขั้นสูง

149690 กระทู้ ใน 4435 หัวข้อ- โดย 847 สมาชิก - สมาชิกล่าสุด: axlrose

08 พฤษภาคม 2024 | 02:33:02 PM
  แสดงกระทู้
หน้า: [1]
1  ThaiProg / Outside The Wall / Re: 10 อัลบั้มที่ทรงอิทธิพลกับชีวิต, ผูกพัน และหลงรักที่สุดในโลกใบนี้ของคุณ เมื่อ: 11 มิถุนายน 2012 | 04:15:20 PM
สำหรับผมแล้ว ผมได้รับอิทธิผลในการฟังเพลงจากคุณพ่อเยอะพอสมควร ตั้งแต่ผมเกิดมาแกก็เปิดเครื่องเสียงให้ผมฟังอยุ่ทุกครั้ง ไม่เว้นแม้แต่ตอนทำงาน ผมเห็นกองแผ่นเสียง ไหนจะกองซีดีที่ว่ามาเป็นกระตักๆ แต่ผมก็ไม่ได้สนใจอะไรเท่าที่ควร เพลงที่พ่อผมเปิดให้ผมฟังนี่มากโขทีเดียว ผมก็จำได้ลางๆ นะว่ามีเพลงอะไรบ้าง ทุกวันนี้ผมก็ยังพอจะขุดมาฟังอยู่ก็มี เดี๋ยวผมจะลองลิลส์เพลงกับอัลบั้มให้ดูนะครับ

1. Nat King Cole - Whenever you need somebody  ผมจำได้ไม่หมดนะว่ามีเพลงอะไรมั้ง แต่เพลงที่ทำให้ผมไม่มีวันลืมได้ก็คือ when i fall in love นี่แหละคับ พอ่ผมบอกว่าแกเปิดให้ผมฟังตั้งแต่ผมยังอยุ่ในท้องแม่อยุ่เลย ก็แปลกดีนะ ที่บทเพลงที่ผมเคยฟังในตอนนั้น มันถึงได้คุ้นหูผมนัก


2. John Williams - บทเพลง Galactic Empire จากหนังเรื่อง Star Wars ผมไม่รุ้ว่าเปนอัลบั้มอะไรนะคับ เพราะดูแต่หนัง แต่เท่าที่จำได้สำหรับบทเพลงนี้ก็คือ เป็นบทเพลงที่ผมกลัวมากที่สุดเมื่อตอนเป็นเด็ก แบบว่าเด็กมากๆ  อายุราวๆ 3-4 ขวบได้ อาจจะเป็นเพราะเสียงที่ดังกระหึ่มที่ขับออกจากชุดเครื่องเสียงก็เปนได้ เวลาฟังเพลงนี้ทีไร ผมต้องวิ่งหนีออกจากห้องทุกที 55+


3. Kitaro - แทบจะทุกชุดได้กระมั้ง โดยเฉพาะชุด An enchanted evening ในตอนนั้นผมโตขึ้นมาหน่อย ซัก ป.2 ได้มั้ง รู้สึกเริ่มชอบในการฟังเพลง โดยเฉพาะแนวบรรเลงเป็นส่วนใหญ่


4. Dire Strait - Album Dire Strait - ผมชอบเพลง Down to the waterline มากๆ ครับ เวลาเข้าห้องทำงานพ่อทีไร ต้องเปิดเพลงนี้ตลอด เป็นเพลงที่ผมเริ่มมีความคิดที่อยากจะเล่นกีต้าร์ด้วย


5. Joe Taylor - Mystery Walk - ช่วงที่ฟังบ่อยๆ ก็คงเริ่มขึ้น ป.6 ได้มั้ง ถ้าจำไม่ผิดนะ เห็นหน้าปกมันสวยดี แถมชื่อดูแปลกๆ ผมเลยหยิบเอามาฟัง โอ้โหติดเลย


6. George Benson - Give me tonight - ตอนนั้นผมไม่รุ้หรอกว่า fusion jazz คืออะไร เพียงแต่ว่าฟังอัลบั้มนี้แล้วรู้สึกว่าชอบเพลง turn out the lamb light เท่านั้นเอง ทุกวันนี้ผมก็ยังอัลบั้มนี้อยุ่ในไอพอดผมอยุ่เหมือนกัน


7. Dream theater - Images and Words - เป็นอัลบั้มที่เปลี่ยนแนวการฟังเพลงของผมได้เลยก็ได้ อีกทั้งยังเป็นแรงบันดาลใจในการฝึกกีต้าร์ของผมด้วย รู้สึกตอนนั้นน่าจะอยู่ช่วง ม 2. ตอนนั้นผมไปเรียนกีตาร์ที่ตัวต่อตัวที่บ้านอาจาร์ยท่านนึง แล้วพอดีแกเปิดเพลง Under the glass moon ไว้อยุ่ในห้องซ้อมดนตรีของแก พอผมเข้าไปเท่านั้นแหละ มันเหมือนกับว่าบทเพลงนี้มันมีมนต์บางอย่างที่ทำให้ผมตะลึกอยู่ชั่วขณะนั้น ผมถึงกับอึ้งเลยเมื่อได้พาทโซโล่ของ john petrucci...........นั่นคนหรือนั่น โซโล่ได้เร็วอะไรปานนั้น มันเหมือนเป็นแรงกระตุ้นที่ทำให้ผมมีมานะทีจะฝึกกีต้าร์อย่างจริงจัง (แต่สุดท้ายแล้ว ผมก็มาเอาดีทางเล่นเบสซะงั้น)



8. Pink Floyd - The Dark side of the moon - รู้สึกชั่วนั้นอยู่ ม.5 แล้ว จำได้ว่านั่งเปิด youtube เพื่อหาคลิป concert ของ dream theater นี่แหละ แล้วเหลือบไปเหนคลิปๆ นึง ชื่อว่า time พอคลิกไปก็เท่านั้นแหละคับ ผมตกตะลึงกับเสียงนาฬิกาปลุกที่ดังระงมไปทั่ว บวกกับซาวด์ดนตรีอันล้ำยุคของวงนี้มากๆ มันทำให้ผมอยากที่จะศึกษาประวัติความเป็นมาของวงนี้ รวมทั้งวงดนตรีแนว progressive สมัยก่อนมากขึ้น ยิ่งค้นเท่าไหร่ มันก็ทำให้ผมยิ่งหลงไหลดนตรีแนวนี้มากขึ้น ยิ่งฟังก็ยิ่งติด



9. Pink Floyd - Pulse รวมบันทึกการแสดงสด ณ Earls Court, London - ตื่นตะลึงกับการแสดงสดชุดนึ้มากๆ ครับ โดยเฉพาะเพลงเปิดตัวอย่าง Shine on your crazy diamond เป็นอะไรที่ประทับใจมากๆ ครับ แม้ว่าจะไม่ได้ไปดูด้วยตนเองก็ตาม ถือว่าเป็นบันทึกการแสดงสดที่ยิ่งใหญ่และคุ้มค่าทุกบาททุกสตางค์มากครับ 55+ ผมยังแอบ rip ไฟล์ แล้วเก็บมาดูตอนเรียนต่างประเทศด้วยเลย



10. ETC - ทุกอัลบั้ม - จริงๆ ผมชอบวงนี้มาตั้งแต่สมัยอยู่ ม.1 แล้วนะ แต่อัลบั้มที่ทำให้ผมหันมาเล่นเบสจริงจัง นี่ต้องชุดที่สองในอัลบั้ม เปลี่ยน  โดยเฉพาะเพลง ต้องมีสักครั้ง โห พี่มิ้นท์แกโหดมาก slap ได้มันส์และเร็วมากๆ ประจวบกับเพื่อนผมชวนไปเล่นวงด้วยในตอน ม.4 แต่ขาดมือเบส ตั้งแต่นั้นผมก็เล่นเบสมาตลอด โดยมีพี่มิ้นท์ etc เป็นไอดอลของผมตลอดมา

จริงๆ อัลบั้มที่ประทับใจยังมีอีกมากเลยคับ แต่เห็นว่าได้แค่สิบ เลยยกเอาแค่สิบอัลบั้มที่ผมพอจะนึกออกๆ มาเขียนและเล่าสู่กันครับ
2  ThaiProg / Keep Talking / Re: ท่านใดรู้จัก วง Plaid มั่งครับ?? เมื่อ: 11 มิถุนายน 2012 | 02:53:45 PM
55+ ผมก็ว่างั้นแหละ ถ้าแอดมินคนไหนเห็นแล้ว ผมฝากช่วยแจ้งย้ายด้วยนะคับ  ยิ้มกว้างๆ
3  ThaiProg / Keep Talking / ท่านใดรู้จัก วง Plaid มั่งครับ?? เมื่อ: 11 มิถุนายน 2012 | 03:59:30 AM
พอดีผมเปิดดู youtube ไปเรื่อยเปื่อย แล้วดันคลิกไปเจอเอ็มวีของวงนี้ ชื่อเพลง zeal ครับ โอ้โห แบบว่าเหมือนฟ้ามาโปรด
55+ แบบว่าชอบมากคับ หลังจากนั้นผมพยายามหาอัลบั้มทั้งหมดของวงนี้แต่ก็ไม่ค่อยเจอเท่าไหร่
ท่านใดพอจะรุจักมั้งคับ??
<a href="http://www.youtube.com/watch?v=nwOb4G6--xc" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=nwOb4G6--xc</a>
4  ThaiProg / Outside The Wall / Re: Review: Bodyslam - คราม เมื่อ: 30 มิถุนายน 2010 | 10:16:04 PM
ผมชอบพาร์ทของเบสในเพลงครามครับ เวลานั่งแกะแล้ว มันส์มาก
5  ThaiProg / Keep Talking / ความลับใน Octavarium .............ลองอ่านกันดูนะครับ เมื่อ: 28 มกราคม 2010 | 12:15:06 PM
ความลับใน  Octavarium
สวัสดีคับ ชาวโปรแกรสสิฟ ทุกท่าน วันนี้ผมมีบทความดี ๆ เกี่ยวกับ อัลบั้ม octavarium ของวงมหากาพย์ Dream Theater
มาให้อ่านกันครับ ( เชื่อว่าน่าจะเคยผ่านตามามั่งละนะ  ) ว่ากันว่า ภายในคอนเซ็ป octavarium นั้นมีตัวเลข อยู่สองตัวที่ถูกหยิบมาใช้กันอยู่เสมอ นั่นก้อคือ เลข 5 กับ เลข  8 อีกทั้งในแต่ละเพลงยังมีลูกเล่นแปลกซ่อนอยู่อีกด้วย
จะช้าอยู่ใย......งั้นเรามาเริ่มเปิดเผยความลับในอัลบั้มนี้ด้วยกันดีกว่าครับ

ในเพลงแรก เพลง The Root Of All Evil* ( ภาคต่อจาก This Dying Soul น่านหล่ะครับ )
 เริ่มต้นเพลง ด้วยเสียงเปียโนใน คีย์ F มาจาก In The Name Of God ในชุดที่แล้ว ซึ่งเพลงนี้
ก็เป็นคีย์ F เช่นกันคับ ส่วนเสียงคนเดินนั้น ลองนึกดูสิครับ ว่าเคยได้ยินในอัลบั้มไหนเอ่ย...........
อาฮ่า....พอนึกออกช่ายมะคับว่า มันอยู่ในชุด Scene from memory ตอนจบเพลง Final Free
- เสียงกลองจังหวะนั้น ( 0:25 - 1:00 ) ก้อมาจาก เพลง This dying soul ในอัลบั้ม
 Train of Though (ลองเปิดเพลงตามดูนะครับ จะยิ่งเข้าใจมากยิ่งขึ้น)
- ส่วนเสียงกีต้าร์ใสๆ ที่เล่นตอนก่อนเข้าท่อน This Dying Soul นั้นมาจากดีวีดี whe dream and say unite เป็นท่อง Intro
  ในคอนเสิร์ต
  ลองไปหาดูนะครับ รู้สึกว่าจะอยู่ในหน้าจอเมนู
- 04:45>> มาจากเพลง This Dying Soul ครับ
- 07:33 - 08:02 >> เสียงเปียโนตรงนี้เป็น Theme ของเพลง Octavarium ครับ


2. The Answer Lies Within *
- " แกร๊ง....แกร๊ง...." ได้ยินมั้ยครับ     เป็นเสียงระฆังจากเพลง The Glass Prison น่านเอง ดังประมาณแปดครั้ง ( 8 อีกละ )
- 02:42 - 02:48 >> เสียงเครื่องสายที่เล่นท่อน เมโลดี้ร้องจากเพลง octavarium ครับ
- ตอนจบของเพลง ตรงช่วงที่เป็นการต่อเข้าเพลงใหม่.........คล้ายๆ กับเพลง Great Gig in the Sky มั้ยครับ?

3.  These Wall *
- เสียงกีต้าร์ตอนเล่น intro นั้น มันคล้ายๆ กับเพลง Disappear ตอนจบมั้ยครับ
- เสียงหัวใจเต้นตรงช่วงตอนจบ นั้น  อยู่ที่ Tempo 58!! ( น่านงัย )

4.  I Walk Beside you
- เสียงนาฬิกาในช่วง intro นั้น คุ้นๆ ไหมครับ.........มาจากเพลง Regression ยังงั้นหล่ะ ( Scene from memory )
- นอกจากเพลงนี้จะ U2 เอาซะมากๆ แล้ว ท่อนฮุคยังคล้ายกับเพลง Lifting Shadows off a dream อีกด้วย

5. Panic Attack *
- 00:15 Skeezix Delima
- ท่อนเปียโนในช่วง  01:27- 01:43 คล้ายๆ กับ  Fetal Tragedy มั้ยครับ?
- 05:43 Iron Maiden
- ตอนจบ ตรงช่วงที่เป็นการต่อเข้าเพลงใหม่ คล้ายๆ กับเพลง Several Species od Small Furry Animals Gathered Together
  In a Cave and Grooving With A Pict ของ Pink Floyd


6. Never Enough *
- เพลงนี้ไม่มีอะไร แต่ ฟังไปแล้ว.......รู้สึกเหมือนกับเพลงของ  Muse มั้ยครับ

7. Sacrificed Sons
- ตอนท่อนเข้าเพลงที่เป็นเสียงข่าว และเสียงสถานะการณ์ที่ฟังดูตะวันออกเอามากๆ เป็นการต่อเข้าเรื่องผลกระทบจาก 9/11 แน่นอน
- 03:35 คล้ายๆ กับตอนจบของเพลง Final Free มั้ยครับ


8. Octavarium
- คงเป็นเพลงที่ยาวที่สุดของ Dream Theater หล่ะมั้ง เพลงนี้แบ่งออกเป็น 3 part ครับ  Part I : Someone Like Him, Part II: Medicate ( Awakening ) และ Part III: Full Circle มีความยาวทั้งหมด  24นาทีพอดี แน่นอนเพลงนี้ย่อมมีอะไรพิเศษๆ ซ่อนอยู่เยอะอีกแน่ๆ 55 เราไปต่อกันเลยดีกว่าครับ


- 00:00 - 03:48 >> คล้ายๆ กัน เพลง Shine on you crazy diamond ของ Pink Floyd มั้ยครับ
- 03:49  >> Spock's Beard Theme !!
- 04:33  >> ช่วงบรรเลงของ flute นี่มันคล้ายๆ กับ Theme ของ " Godfather " มะ
- 06:33  >> ท่อนเปียโน จาก Bohemian Rhapsody ครับ
- 09:00  >> เป็นช่วง Solo ของเฮียงเมียงปรมาจาร์ยของผมน่านเอง 55 ส่วนไลน์กีต้าร์ เล่นเมโลดี้คล้ายๆ กับเพลง  Anna Lee น่านเอง ( เขาบอกว่า เพลง Disappear, Anna Lee
            และ Vacant จนถึงพาร์ตสอง  Medicate นี้  James Labrie เป็นคนเขียน ซึ่งเป็นเรื่องเดียวกัน แต่ลำดับเหตุการ์ณต่างกัน เมโลดี้จึงคล้ายๆ กันหน่ะครับ)
- 14:02  >> เสียงพูดว่า " This iswhere we came in " ได้ยินไหมครับ........มาจาก Pink Floyd น่านเอง
- 14:03  >> ท่องร้องที่ว่า " Sailing on the seven seize " ในช่วงพาร์ต Full Circle นี้ คำว่า " Seize" ร้องออกเสียงว่า " Sea "
                 ซึ่งอาจหมายถึง Queen's Seven Seas Of Rhye from Queen and Queen II และอีกอย่างหนึ่ง คำว่า Seven แปลว่า 7 ก็อาจจะหมายถึงอัลบั้มของ พวกเขาที่ผ่านมา แล้ว....Seize นี่ยังสามารถอ้างถึง Dead Poet Society ซึ่งก็อ้างถึง A Change of Season อีกที  เอาหล่ะครับ  ตอนนี้เราเข้ามาใน Part III Full Circle กันแล้ว จะเห้นได้ว่า ท่อนนี้มีแต่ชื่อเพลงจากศิลปินต่างๆ เยอะมากๆ ( เจ๋งจริงๆ เอารวมกันได้งัยเนี่ย )    ผมจะไล่เรียงทีละเพลงเลยนะครับ



Seize the day >>> จาก  Dead poet
     Day Tripper   >>> Beatles
     Jack The Ripper >> Morrissey
     Ripper Owens  >>> Vocalist of Iced Earth ( ex- Judas Priest)
     Owen Wilson   >>> เป็นนักแสดง ครับ ( อีกคนเป็นมือกลองในยุค '70 )
     Wilson Phillips >> Band
     Supper's Ready >> Genesis
     Lucy in the sky with diamond >> Beatles
     Diamond Dave  >>> David Lee Roth
     Dave's Not Here >>> Cheech & Chong
     Here I Come To Save The Day >>> Mighty Mouse
     Day of night  >>> Spck's Beard
     Nightmare Cinema >>> อาจจะเป็นตอนที่  Nightmare Cinema บนคอนเสิร์ตก็เป้นได้ ( มันะเหมือนกับ Shock Cinema รึเปล่านิ ? )
     Cinema Show  >>> Genesis
     Get Back >>> Beatles
     Handle with  Care >>> Travelling Wilburys
     Careful with that Axe Eugene >>> Pink Floyd / Steve Vai
     Gene the Dance Machine >>> The Gong Show / ตัวละครในหนังเรื่อง Confessions Of Dangerous Mind
     Machine Messiah >>> Yes
     Light my Fire >>> The Doors
     Gabba Gabba Hey Hey >>> The Ramones
     Hey Hey MY MY >>> Neil Young
     My Generation >>> The Who
     Home Again >>> Pink Floyd

- 16:33 >> คล้ายๆ กับเพลง Erotomania ท่อนก่อนจบมั้ย
- 17:47 >> นี่ Jordan แกเล่น จิงกาเบล รึเปล่านิ 555
- 17:55 >> น้า John เล่นกีต้าร์สไตล์ Spock's Beard / Neal Morse เลย
- 18:43 >> เอาหล่ะครับ ตั้งต่ท่อนนี้ไปลองฟังให้ดีนะครับ ( เงี่ยหูฟังข้างลำโพงเลย อิอิ ) น้า Mike แกจะจะพูดท่อนร้องในแต่ละเพลงขึ้นมา เสียงจะค่อยอยู่ทางลำโพงซ้าย
                                    ส่วนทางกึ่งๆ ลำโพงขวา จะมีเสียงเพลงของท่อนที่น้าไมค์แกร้องอยู่ด้วยครับ เพลงที่น้าแกร้องนั่น อยู่ในอัลบั้มนี้ทั้งหมดเลยครับ  เอาหล่ะ ตั้งใจฟังกันให้ดีๆ นะ
    [Root]
    " Our Deadly sins feel his mortal wrath remove all obstracles from our path " >>> The root Of All Evil
   
    [Second]
    " Asking questions search for clues the answer's been right in front of you " >>> the Answer Lies Within.
   
    [Third]
    " Try to break through long to connect fall on deaf ears failed muted breath " >>> These Walls
   [Fourth]
    " Loyalty, Trust, Faith and desire carries love through each darkest fire " >>> I walk beside you
 
    [Fifth]
    " Tortured insanity a smothering hell try to escape but to no avail " >>> panic Attack
 
    [Sixth]
    " the calls od admirers who claim they adore Drain all your lifeblood while begging for more " >>> never enough

    [Seventh]
    " Innocent Victims of mericless crimes fall prey to some madman's impulsive designs " >>> Sacrificed Sons

    [Octave]
    >> หลังจบท่อนนี้ เสียง Theme ของ  Octavarium ก็จะโผล่ขึ้นมา

  " Step After Step
      We try controlling our fate
      When we finally start living it has become too late "
      ท่อนที่เอามาจากเพลงอื่น ที่พอจะฟังกันได้มีดังนี้ครับ

[Root]: " Take all of me " ( 03:03 - The Root Of All Evil )
   
    [Second]: " Don't let the day go by " ( 04:21 -The Answer Lies within)
 
    [Third] :  A Clip from " These Wall"

    [Fourth]: ' I walk beside you ( 01:06 )
 
    [Fifth]: " Hysteria " ( 03:55 -Panic Attack ) ........ชื่อคุ้นๆ เนอะ เหมือนเพลงของ Muse เลย

    [Sixth]: " What would you say " ( 02:50 - never enough )
 
    [Seventh]: A clip from "Sacrificed Sons"
   
    [Octave]: " Side Effect appear " ( อันนี้ไม่แน่ใจนะ แต่น่าจะมาจาก ช่วง 11:52 ใน octavarium )


- 19:55 >> อันนี้ ไม่บอกก็รู้ว่า theme " Godfather " กลับมาอีกแล้ว และจบด้วย theme ของ  Octavarium วึ่งเพลงจบด้วยเสียงโน๊ตเดียวกันกับที่เริ่ม
                                    ตอนขึ้นอัลบั้ม ( The Root Of All Evil ) มีเสียงหัวใจเต้นด้วยนะ.....แต่เงียบกว่า  ซึ่งมันเป็นการสอดคล้องกับ Full Circle และเนื้อเพลง
                                    ที่ร้องว่า " this story ends where it beggins " ..........เรื่องราวจบลงที่จุดเริ่มต้น

   เอาหล่ะครับ ทีนี้ก็มีถึง ปริศนาของเลข 5 กับ 8 ที่พูดไว้ตั้งแต่ต้นกนัครับ ....ในทั้งหมด  8 เพลงนั้น เพลงที่ผมใส่ * ด้านหลัง   เพลงนั้น คือเพลงที่มี การเปลี่ยนของโน๊ต มีอยู่ 5 เพลง   ( 5 อีกละ ) เพลงมีทั้งหมด 8 เพลง ไล่ลำดับคีย์ขึ้นไปอย่างจงใจ

        Key   Relative Minor( & Key songs)     
         
         F        Ab      >> The Root Of All Evil   ( 00:00 - 08:07)
         F#       A       [ natural sounds] (Negative time)             ( 08:08 - 08:25)                       
         G        Bb      >> The Answer Lies within ( 00:00 - 05:20)
         G#       Bb      [ Pitch bend ](Negative time)                 ( 05:21 - 05:33)
         A        C       >> These Walls            ( 00:00 - 06:59)
         A#       Db      [ Wind / Heartbeat / Chimes ] (Negative time) ( 07:00 - 07:36)
         B        D       >> I walk beside you      ( 00:00 - 04:29)
         C        Eb      >> Panic Attack           ( 00:00 - 07:16)
         C#       E       [ Synth solo ] (Negative time)                ( 07:17 - 08:13)
         D        F       >> Never Enough           ( 00:00 - 06:33)
         D#       Gb      [ Voices Begin ] (Negative time)              ( 06:34 - 06:36)
         E        G       >> Sacrified Sons         ( 00:00 - 10:12 )
         F        Ab      >> Octavarium             ( 00:00 - 24:00 )

>> หมายความว่า แม้แต่ละเพลงจะดำเนินไปตามคีย์อยู่แล้ว ( แต่หลายเพลงใช้คีย์ ตามระบุไว้ที่ตัวลิ่มเปียโน จริงๆ) แต่ตัว # พวกเขาก็ไม่ได้ลืม มีการใส่เสีงประหลาดๆ เพื่อเป็นการ
                           เปลี่ยนคีย์ให้ถูกจริงๆ ทั้งหมดมันมีอยู่ 13 โซน (8+5) 8 เพลงหลัก + 5 interlude เมื่อเทียบจากเวลาบนปกซีดี ไอ้ 5 interlude นั้นพวกเขาไม่นับเป็นเพลง
                           อย่างที่บอกไว้หน่ะคับ  ว่า เวลาในซีดีของเพลง 1 2 3 4 5 6 กับบนปกนั้นไม่เหมือนกัน
 
        >> อัลบั้มนี้เป็นอัลบั้มที่ครบสัญญากับทาง Warner พอดี ดูบนปก ตรงลูกตุ้มอันแรก กับอันสุดท้ายนั้น แยกออกจากกัน อันแรกน่าจะเปรียบกับอัลบั้ม When day and dream unite
                           ซึ่งอัลบั้มนี้ไมได้อยู่กับค่าย Warner ซึ่งถ้าจุดเริ่มต้นเริ่มจากอัลบั้ม Image & Words และหากเทียบกับทฎษฏี Momentum แล้ว ถ้าเราปล่อยลูกตุ้ม สองอันที่ถูกยกอยู่
                           ผลออกมามันจะเป็น ลูกตุ้ม จะแบ่งครึ่งเป็น 1+3+3+1 ลองแปลสิครับ ว่าได้อะไร?..................ด็คือ 1 เป็นจุดเริ่มต้น ส่วน 3 ลูกนั้นเปรียบเสมือน ยุคที่
                            มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นมากมาย ส่วน 3+1 ต่อมาเป็น ชุดหลังที่ได้ Jordan เข้ามาร่วมงานครับ
       
        >> บางคนเขายังวิเคราะห์ต่อ ( ป้าดด อะไรจะปานนั้น ) อีกไปว่า 8 เพลง นั้น ก็คือ การเดินทางของ 8 อัลบั้ม ( เออ...น่าจะจริงแฮะ )
        The Root Of All Evil >>>>>> The Fortune in Lies / When dream and day unite
        The Answer lies within >>>> Another Day         / Images & Words
        These Wall           >>>>>> Innocence Faded     / Awake
        I walk beside you    >>>>>> Hollow years        / Falling into infinity
        Panic Attack         >>>>>> Fetal Tragedy       / Scene from memory
        Never enough         >>>>>> Six degrees Of Inner turbulence
        Sacrified Sons       >>>>>> In the name of god  / Train of Thought
        Octavarium           >>>>>> บทสรุป ของการเดินทางทั้งหมด
   
        >> แต่ละเพลงที่เชื่อมกันก็ยังต่อเนื่องด้วย เนื้อร้องด้วยนะ ลองเอาไปเปรียบกันดูนะครับ ต่ที่เห็นได้ชัดสุดก็คือ Sacrified Son กับ  In the name of god
 
        >> สังเกตไหมครับ ว่าเพลงที่เชื่อมกัน คือเพลงใน track ของลำดับของอัลบั้ม ชุดที่ 1 เพลงที่ 1, ชุดที่ 2 เพลงที่ 2, ชุดที่ 3 เพลงที่ 3.... Awesome !!!!
       
        >> 8 กับ 5 ..............8 คือ studio albums ส่วน 5 คือบันทึกการแสดงสด
                                    สมาชิก  5 คน .....ออกไปแล้ว 3 ( 5+3 = 8 อีกแล้ววว!!)
        >> ในอัลบั้ม  Images & Words กับ Octavarium    ออกวางจำหน่าย วันที่ 07/07/92 และ 07/06/05 ( dd/mm/yy)
        >> อัลบั้มที่   6 มี  6 เพลง
        >> อัลบั้มที่   7 มี  7 เพลง
        >> อัมบั้มที่   8 มี  8 เพลง !!
        >> ความยาวทั้งหมดของอัลบั้มนี้คือ 75:48 นาที >>>>> = 7+5+4+8 = 24 นาที ของ Octavarium !!!!!!!!!!!!


>> สรุปเรื่องราวทั้งหมดนะครับ..........เฮ้อ เหนื่อย!! 55 อีกนิดเดียวครับ ใกล้จะจบละ เรื่องราวของอัลบั้มนี้ก็คือการเดินทางจกาจุดเริ่มต้น ไปยังจุดสิ้นสุด คุณสามารถ
                         เลือกที่จะออกมาจากประตูทางที่คุณเข้ามายังในห้อง  8 เหลี่ยมได้ ( ลองพลิกดูในปก CD ดูนะครับ ในปกที่เป็นแบบร่างห้อง 8 เหลี่ยม ก็ยังหมายถึง F Lydian ด้วย )
       อัลบั้มสุดท้างของสัญญากับ Warner นั่นหมายถึง พวกเขาต้องเริ่มออกหาบริษัทค่ายเพลงใหม่ ( ซึ่งตอนนี้ได้มาอยู่กับ Road Runner แล้วว โหดกว่าเดิม 55)ก็เหมือนกับตอนที่เกิดขึ้นกับ
       พวกเขาหลังจากอัลบั้ม When dream adn day unite น่านหล่ะคับ
        " We move in circles, Balanced all the while " เอาอิทธิพลจากคนอื่นมาใส่ในตัวของเรา....และ ผสมมันให้ลงตัว
        " On a gleaming razor's edge
          A Perfect shere, Colliding with our fate
          This Story ends where it began........." และเรื่องราวทั้งหมดก็จบลง ณ ที่ที่มันเริ่มต้นขึ้นนั่นเอง..............





Credit by: Overdrive magazine, dream theater.net, mikeportnoy.com

   
6  ThaiProg / Welcome To The Machine / Re: John Myung's Gears.......ลองมาดูกันนะคับว่า อุปกรณ์ของเฮียแกมีอะไรมั่ง เมื่อ: 27 มกราคม 2010 | 09:14:10 PM
ผมลงรูปไปแล้วหน่ะ แต่ลงไม่ได้ ไฟล์มันแค่ 98k เองนะ
7  ThaiProg / Welcome To The Machine / John Myung's Gears.......ลองมาดูกันนะคับว่า อุปกรณ์ของเฮียแกมีอะไรมั่ง เมื่อ: 27 มกราคม 2010 | 10:03:24 AM
เริ่มแรกเลยก็ขอสวัสดีชาวโปรแกรสสิฟ ร็อคทุกท่านเลยนะครับ  55 นี่เป็นบทความบทแรกของผม  วันนี้จะมาพูดถึงอุปกรณ์ของมือเบสขั้นเทพของวง Dream Theater  นั่นคือ John Myung หรือ เฮียเมียง น่านเองหล่ะ  ยิงฟันยิ้ม ( Idol ของผมเอง 55 )
หลายคนคงรู้กิตติศัพท์ของเฮียเมียงอยู่แล้วว่า เฮียแกเซียนขนาดไหน เทคนิคต่างๆ ที่เฮียแกโชว์ออกมาแต่ละครั้ง ไม่ธรรมดาจริงๆ
( ถ้ามะเชื่อ ลองไปดูใคอนเสิร์ต Live in Budokan ช่วง instrumedley นะ เหอๆ........เทพมาก)

เอาหล่ะครับ เพื่อไม่เป็นการเสียเวลา ( อ่าน อิอิ ) เรามาเริ่มพูดถึงอุปกรณ์ทั้งหมดของเฮียแกโดยรวมเลยนะครับ
เบสที่ใช้ตอนนี้ หลักๆ เฮียแกหันใช้ของ Music Man คือ รุ่น Bongo 5 และ 6 สาย ปิ๊คอัพเป็น neodymium H/H, คอเป็นไม้เมเปิ้ล บอดี้ทำจากไม้ basswood มี 3-band EQ + Piezo bridge Pick up ตรง bridge
คงทราบกันดีนะครับว่า เฮียแกหมดสัญญากับทาง yamaha ไปแล้ว จึงหันมาใช้ Music Man แทน  ( ยังไม่ออก รุ่น signature แฮะ ) ซาว์ดของเบสตัวนี้ให้เสียงย่านต่ำได้ลึกมากครับ เสียงจะพุ่งกว่าตัวเก่า RBX JM2 ของ
เฮียแกอีกนะ และก้ออีกอย่าง..........มานแพงกว่าตัวก่อนเยอะเลย 55 อ้อ! สายเบสที่แกใช้เป้นของ D'addario stainless-stell round wound ครับ เบอร์ 032, .045, .065, .085, .105, .130

ส่วนอีกตัวนึงเป็น Chapman Stick 12 สายครับ ออกแบบโดย Emmett Chapman คล้ายๆ กับกีต้าร์หล่ะคับ เฮียเมียงแกใส่สายเบสเพิ่มลงไปตรงกลาง วิธีการเล่นนั้นจะใช้นิ้ว Tapping ไปบนฟิงเกอร์บอร์ดเพื่อให้เกิดเสียง 
อย่างในเพลง New Millenium, Trial & Tears, Take away my pain อัลบั้ม  falling into infinity และ Misunderstood อัลบั้ม Six degree of innner Turbulence ครับ ถ้าใครอยากเห็นเฮียแกเล่น Chapman Stick นี่ก้อหาดูได้ใน  Live in Budokan นะครับ

มาถึงแอมป์ และ เอฟเฟคที่เฮียแกใช้กันมั่ง เฮียเมียงใช้แอมป์ของ Ashdown รุ่น ABM APM 1000 EVO II แล้วอีกตัวนึงก้อ   mesa boogie รุ่น BIg Block 750
ส่วน ตู้ cabinet นี่เฮียแกไม่ใช้ในการแสดงสดครับ แต่แกจะยิงสัญญาณจาก Direct Box ไปยัง Mixer โดยตรงเลย แต่เมื่อก่อนรู้สึกว่าแกจะใช้ cabinet ของ Mesa Boogie Powerhouse นะครับ สมัยอัลบั้ม when day & dream unite

ส่วน pre-amp มีของ Ashdown ABM RPM1 EvoII, Demeter HBP-1 2 ตัว, Pearce BC-1. Compressor ของ Demeter HXC-1,Mesa Boogie TriAxis , D.I Box ของ  Demeter VTBD-2B แบบ Mono tube ครับ ( รู้สึกเฮียแกจะชอบยี่ห้อนี้นะเนี่ย )
Effect ของเฮียแกใช้ของ Eventide DSP-4000 Ultra-Harmonizer ครับ  อ้อ!! เกือบลืมไปอีกตัว  A/B switch amp เฮียแกใช้ ของ Flamptone 3-banger ครับ ไว้สำหรับสลับเปลี่ยน pre-amp ที่ต้องการใช้
Pedel board นี่ผมไม่แนใจอะคับว่าเฮียแกยังใช้ CAE Midi Controller อยู่รึเปล่าอะ แต่รู้สึกจะมี  Volume pedel ของ Ernie Ball อยู่นะ ผมคิดว่า ( ใครรู้ช่วยแจ้งแถลงไขหน่อยละกันคับ ) ส่วน Tunner ใช้ของ  Korg ครับ

ในสตูดิโอที่บ้านแกจะวางระบบ Quardraponic ครับ หรือที่เรียกว่า 4.0 stereo channel น่านเอง ใครไม่เข้าใจก้อไปหาอ่านกันได้ใน wikipedia นะครับ

เป็นยังงัยกันบ้างครับ สำหรับ อุปกรณ์ของเฮียเมียง หวังว่าคงถูกใจมือเบส ชาวโปรแกรสสิฟ นะครับ เพราะดูอุปกรณ์แต่ละตัวของเฮียแกนี่ แหล่มๆ ทั้งน้านนเลย ( โดยเฉพาะ Eventide อะ อยากได้ )
หากมีข้อมูลใดผิด หรือ ขาดตกบกพร่องอย่างไร ก็ขออภัยด้วยนะครับ ไม่ก็ช่วนกันเม้นท์ก้อได้ จะได้แลกเปลี่ยนความรู้กันครับๆ
คราวหน้า ผมจะหาเนื้อหาของอุปกรณ์และset up ของ มือกีต้าร์ขั้นเทพอีกคนนึง ของ Dream Theater .........จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก John Petrucci น่านเอง
รับรองว่า อลังการงานสร้างยิ่งกว่าเดิมอีกครับ 
8  ThaiProg / Keep Talking / Re: ดนตรีคลาสสิกที่แทรกอยู่ในดนตรี prog เมื่อ: 26 มกราคม 2010 | 10:21:04 PM
Dream theater อัลบั้ม SIX DEGREES OF INNER TURBULENCE ครับ
ชอบมาก โดยเฉพาะเพลง overture ครับ สุดยอดจริงๆ (นึกถึง เพลงของ Bartok เลยอะ )
9  ThaiProg / Keep Talking / Re: เพลง Prog ที่มีความยาวเกิน 20 นาที คุณชอบเพลงไหนมากที่สุดครับ เมื่อ: 26 มกราคม 2010 | 09:53:23 PM
Octavarium, - dream theater
A Change of season,- dream theater
In The Presence of enemies Part I & II -dream theater
The Echoes Part I & II - Pink Floyd
Metropolist Part I & II ( ผมคิดว่าถึง 20 นาทีอยู่นะ ) - dream theater



10  ThaiProg / Keep Talking / Re: Top 10 Prog Album ของปี 2009 (so far) เมื่อ: 26 มกราคม 2010 | 09:33:42 PM
ชอบ DT อัลบั้ม Black cloud& silver lining จริงคับ
11  ThaiProg / Welcome To The Machine / Re: A Bundit & Guitars เมื่อ: 26 มกราคม 2010 | 09:17:52 PM
ว้าว มี fender รุ่นของ David Gilmore ด้วย นับถือคับๆ
12  ThaiProg / Welcome To The Machine / Re: กีตาร์เบสส์ Rickenbacker กับนักดนตรีไทย เมื่อ: 26 มกราคม 2010 | 09:16:12 PM
ผมว่ายี่ห้อนี้เสียงดีนะครับ ซาว์ดออก vintage หน่อย แต่ราคานี่สิครับ เป็นแสน!!!
13  ThaiProg / Keep Talking / Re: สามสี่วันมานี้ ท่านฟังดนตรี prog อะไรกันบ้าง? เมื่อ: 26 มกราคม 2010 | 08:50:18 PM
ผมฟัง dream theater - black clouds & silver lining album , Pink Floyd - dark side of the moon กับ the wall
หน้า: [1]
ThaiProg.net Ver 4.0 by tisanai,Shineon,kongbei
Top 10 Best Sellers in Kindle eBooks Reviewer 2016 Top 10 Best Sellers In Automotive Parts And Accessories Reviewer 2016 Top 10 Best Sellers in Tools and Home Improvement Under $10, Reviewer 2016
Top 10 Best Sellers in Clothing for 2017 Top 10 Best Sellers in Clothing Best Sellers in Clothing
Top 10 Best Sellers in Books reviewer 2017 Top 10 Best Sellers in Books Best Sellers in Books
Top 10 Best Sellers In Best Sellers In Grocery Reviewer 2017 Top 10 Best Sellers In Best Sellers In Grocery Best Sellers In Grocery