เชื่อว่า Master ต้นฉบับสมัยใหม่ อาจเป็นระดับ 32 Bit ด้วยซ้ำไป เดิมก่อนหน้านี้อาจจะเป็น 24 Bit แต่ที่ขายเป็น CD เป็น 16 Bit ทั้งลด Bit Rate และ Dynamic Compression ก็ยังขายดี เพราะผูกขาด เชื่อว่าต่อไป ต้องทำ Files 24 Bit ออกมาขายทั้งหมด เพราะไม่งั้นจะขายไม่ได้ หรือขายได้น้อย
+1 ครับ นี่คือประเด็นว่าทำไมหลายๆคนมองว่าซีดีต้องตายในอนาคต(อันใกล้)นี้ แต่ถ้ายัีงมี demand ของสิ่งที่จับต้องได้ คงต้องเอาไฟล์เหล่านี้บรรจุลงแผ่น blu-ray แล้วขายเหมือนเดิม หรือที่เรียกกันว่า blu-ray audio ซึ่งก็เริ่มมีทำออกมาขายบ้างแล้ว แต่จะโตหรือไม่อันนี้ไม่มีใครบอกได้ เพราะพฤติกรรมการซื้อแผ่นที่จับต้องได้มันลดลงอย่างน่าใจหาย แน่นอนแผ่น mini lp ยังขายได้และหมดเร็ว แต่ถ้าเทียบสัดส่วนแล้วเป็นสัดส่วนที่น้อยมากๆ และผมเริ่มเห็นว่าแผ่น mini lp มือสองที่หายากๆหรือราคาสูงๆตอนนี้ราคาเริ่มตกบ้างแล้ว
พฤติกรรมของผู้ซื้อคงจะเปลี่ยนไปจากเดิม หลังจากที่พบความจริงว่า คุณภาพของเพลงจาก CD ได้แค่ระดับ 16 ฺ Bit ต่อให้ remaster ดียังไง ก็ได้คุณภาพสู้ระดับ 24 Bit ไม่ได้ รวมทั้งเครื่องเล่น CD ระดับแพงๆก็คงขายได้น้อยลง
ผมจะขอยกตัวอย่างแบบเข้าใจง่ายๆ เหมือนอย่างดีวีดีความจุอยู่ที่5-9GBความละเอียดของภาพอยู่480iเท่านั้น
เครื่องเล่นดีวีดีพยายามอัพสเกลขึ้นไปให้เป็น720Pแม้ว่าจะให้ภาพมีความคมชัดขึ้นได้ระดับหนึ่ง แต่กับบูลเรย์แล้ว
ความจุได้ถึง50GB รายละเอียดของภาพอยู่ที่1080Pแท้ๆเปรียบเทียบดูว่ามันต่างกันแค่ไหน ภาพและเสียงจากดีวีดี
ถึงสู้บูลเรย์ไม่ได้เลย ส่วนซีดีก็เหมือนกันมีข้อจำกัดอยู่ที่16/44.1Khzถ้าเทียบกับไฟล์ 24/96-192Khzขนาดความจุ
ของข้อมูลบิทเรทแตกต่างกันมากเช่นกัน เรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องที่พิสูจน์ได้ครับ บริษัทต้นสังกัดของศิลปินเองก็รู้ดีว่าไฟล์เพลงนั้น
มีคุณภาพดีที่สุดอยู่แล้ว แต่ทำไมถึงไม่ออกไฟล์เพลงต้นฉบับมาขายกันอย่างแพร่หลาย ก็เพราะว่าถ้านำออกมาขายเมื่อไร
ทุกๆคนจะมีมาสเตอร์ต้นฉบับของศิลปินเก็บไว้เหมือนกันอย่างที่ผมบอกว่าการเปลี่ยนถ่ายข้อมูลลงHDDนั้นไม่มีไฟล์ปลอมหรอกครับ
มีคำถามต่อมาอีกว่าแล้วแบบนี้เราก็จะอดฟังไฟล์เพลงที่เป็น24/96Khzใช่ไหมครับ เวลานี้มาสเตอร์ต้นฉบับในห้องอัดเสียง
เป็น32bitอย่างที่คุณหมอว่าไว้แล้วครับ ฉะนั้นไฟล์เพลง24/96khzจึงจะเป็นมาตราฐานใหม่ของวงการเพลงที่จะทำ
ออกมาขายกันทั่วไป