Thai Progressive Rock Community

ตั้งกระทู้รอไว้ก่อน แต่สงสัยจะมีแค่ผมกับน้อง Lilium ที่รอฟังงานชุดนี้อยู่  ;D

มี Johnny Marr มือกีตาร์แนวหน้าของวงการ Indie-Brit Pop มาร่วมงานด้วย แนวโน้มน่าจะมาแนวแบบ Behaviour กับ Release ที่ไม่เน้นเสียงซินธ์มากเกินไป ก็จะดีมากๆเพราะโดยส่วนตัวขอบซาวนด์แบบซินธ์ผสมอคูสติกและเครื่องสาย (ที่มากกว่าปกติหน่อย) จาก 2 อัลบั้มนี้มากครับ

(http://i324.photobucket.com/albums/k328/sithichai/yes.jpg)

ครับ เห็นชื่อ Johnny Marr แล้วแอบยิ้มเลย แถมยังมี Owen Pallett จากวง The Arcade Fire มาเรียบเรียงเสียงเครื่องสายให้ด้วยอีกแน่ะ ซึ่งดูจากปกเรียบง่ายแบบนี้ก็มีหวังอยู่ครับ (เห็นว่ามีอยู่เพลงหนึ่งเป็นการเอาเพลงคลาสสิคของไชคอฟสกี้มาดัดแปลงด้วย) งานนี้น่าลุ้นครับ  :D

ไม่ได้ตาม 2-3 ชุดหลัง คงต้องกลับมาฟังอีกแล้วครับ

ขอตามฟังด้วยคนครับ  :D

จริงๆถ้าใช้ซินธ์และเสียงสังเคราะห์มากๆแล้วงานออกมาดีอย่างชุด Very กับ Bilingual ก็ยังน่าฟังนะครับ แต่ไม่เอาแบบ Nightlife นะ  :D

เรื่องตั้งชื่ออัลบั้มสั้นๆต้องยกให้พวกเขาจริงๆ โหงวเฮ้งดีครับชุดนี้ ;D

ซิงเกิ้ลแรก "Love etc." ออกมาให้ฟังแล้วครับ ถึงจะเน้นเสียงสังเคราะห์เป็นหลักแต่ก็ออกมาแนวเนิบๆไม่อึกทึกมากนัก น่าฟังดีครับ  :D

http://www.youtube.com/watch?v=JvdMcDRWi48

Track-By-Track Review  :D

http://thequietus.com/articles/01130-pet-shop-boys-new-album-yes-reviewed-track-by-track

ได้ฟัง sample 5 เพลงจากอัลบั้มใหม่นี้แล้ว ซาวนด์ฟังดูดีแบบที่น้อง Lilium ว่าไว้ ซาวนด์อิเลคทรอนิคส์แบบละเมียดประมาณอัลบั้ม Behaviour และ Release ที่ผมชอบเพียงแแต่ไม่ได้ยินเสียงอคูสติก 5 เพลงนี้มีจังหวะคล้ายกันหมดคือจังหวะดิสโก้ปานกลาง แต่ตัวเพลงก็ไพเราะดีครับ ฟังดูแล้วคิดว่าดีกว่าอัลบั้มที่แล้วแน่นอน แต่หวังว่าเพลงที่เหลือจะมีเพลงเร็วและช้ากว่านี้สลับบ้างนะครับ ไม่งั้นมันจะฟังคล้ายกันหมด

ขอคุยเล่นหน่อยครับ อ่านหัวกระทู้ทีไร นึกอยากให้เป็น Yes กับงานชุดใหม่ Pet Shop Boys ทุกทีเลย  ;D

ถ้าเช่นนั้น ต้องดึง Trevor Rabin กลับมาแต่งเพลง กับเล่นกีตาร์ ไม่ให้ Roger Dean ออกแบบปกครับ

จริงๆ 2 วงนี้มีบางสิ่งเชื่อมโยงกันครับ นั่นก็คือ Trevor Horn นักร้องนำของ Yes มาโปรดิวซ์งานให้ Pet Shop Boys อยู่ประจำครับ  ;)

อืม...จะว่าไปปกอัลบั้มใหม่นี้ก็คล้ายปก 90125 อยู่หน่อยๆนะครับ มีสีเป็นช่องๆ ว่าไปนั่น  ;D

ชุดนี้ฟังไป 6 เพลงแล้วโอเคเลยครับ ถึงแม้จะยังใช้อีเล็กทรอนิกส์เป็นหลักอยู่แต่การเรียบเรียงนี่สะอาดและเนี้ยบจริงๆครับ ไม่อึกทึกครึกโครมมากนัก เพลงส่วนใหญ่ออกแนวผ่อนคลายไม่ค่อยโฉ่งฉ่าง อารมณ์ชุดนี้น่าจะอยู่ตรงกลางระหว่าง Behaviour และ Very นะครับ  :D

+ 1 ครับ เพลง Love ETC กับ Pandemonium นี่อารมณ์ชวนให้นึกถึง Can You Forgive Her ? จากอัลบั้ม Very เลย  :D

ดูเหมือนอัลบั้มเต็มจะหลุดมาแล้วนะครับ :D

โหลดมาแล้วครับ แต่ยังไม่ได้ฟังเลย (ตามเคย)

แทร๊คที่ผมชอบที่สุดในอัลบั้ม (เรียงจากชอบมากสุดไปหาชอบน้อยสุด)

1. The Way it Used to Be
2. King of Rome
3. More Than a Dream
4. Vulnerable
5. Love etc.
6. Did You See Me Coming?
7. Building a Wall
8. All Over the World
9. Pandemonium
10. Beautiful People
11. Legacy

สรุปว่าชุดนี้ผ่ีานฉลุยครับ บรรยากาศใกล้เคียงชุด Behaviour จริงๆ โดยเฉพาะแทร๊ค King of Rome นี่ให้อารมณ์ใกล้เคียงเพลงอย่าง Only the Wind หรือ To Face the Truth เลยครับ ส่วน The Way it Used to Be นี่ เหนือคำบรรยายครับ  :D

ผมแอบลองฟังไปนิดๆ ยังไม่รุ้สึกอะไรเลยครับ บางเพลงเหมือน Kylie ด้วย แต่ขอเวลาครับ  :D

ได้ฟังแล้ว ลื่นๆ เนียนๆ เพลินๆ

ฟังแล้วเพลินใช้ได้เลยครับ ที่ชอบตอนนี้ก็มี Beautiful People, Did You See It Coming?, Vulnarable, Buiidlign A Wall และอย่างที่น้อง Lilium ว่าเพลง The Way It Used To Be ดูจะโดดเด่นที่สุด แต่เพลง More Than A Dream นี่ไม่รู้เป็นฟังแล้วนึกถึง Kylie ขึ้นมาทุกทีเลย ทำให้ผมไม่ค่อยชอบเพลงนี้เสียเท่าไหร่ แต่ถ้าไม่คิดมากมันก็เพราะครับ แต่เพลงอย่าง King Of Rome นี่ไพเราะขลังๆแบบยุค Behaviour จริงๆแต่โดยรวมชุดนี้ให้อารมณ์กลางๆคือไม่หม่นหรืออาร์ตเท่า Behaviour (ในความคิดเห็นของผม) แต่ก็ไม่สดใสหรือติดหูสุดๆูแบบ Very อาจอยู่ระดับเดียวกับ Release แต่เอาเป็นว่าดีกว่าชุดที่แล้วแน่ๆครับ  ;)

สรุปคือเอางานชุดนี้ไปวางตรงกลางระหว่าง Behaviour กับ Very น่าจะเหมาะที่สุดนะครับ  :D

ขอแถมนิดนึง.... ผมว่าเพลง Legacy ที่ปิดอัลบั้มนี่ดูแปลกๆเนือยๆชอบกลนะครับ จริงๆถ้าจะทำให้หรูหราโอ่อ่าแบบ It Couldn't Happen Here ก็ยังได้ เพราะอารมณ์มันให้อยู่แล้ว แต่กลับฟังดูน่าเบื่อชวนหลับซะนี่ และมันก็กลายเป็นแทร๊คที่ผมชอบน้อยที่สุดในอัลบั้มไปเลย (ผมว่าถ้าเอาเพลงหม่นๆอย่าง Gin and Jag ที่เป็นบีไซด์ของซิงเกิ้ล Love etc. มาใส่แทนยังจะดูเข้าท่ากว่าเยอะเลยครับ)

ครับ เพลงนี้ฟังแล้วมันเอื่อยมากๆเลย เหมือนพยายามทำแบบพวกเพลง traditional pop ย้อนยุค เป็นเพลงปิดอัลบั้มแบบเสียอารมณ์ไปเลย

เป็นอัลบั้มที่ฟังแล้วผ่อนคลายมากๆครับ เต็มไปด้วยเมโลดี้สวยงาม เต้นได้(โยกช้าๆแบบคนแก่นิดๆ) ฟังสบายๆยามฝนพรำก็ได้ ไม่มีอะไรแหวกแนว แปลกใหม่ แต่งานนี้ fresh เหลือเกิน

เอาเซ็ตลิสต์ของทัวร์ Pandemonium Worldwide ที่ St.Petersberg เมื่อเร็วๆนี้มาให้ชมกันครับ สังเกตว่าพวกเขาเล่นเพลงที่ไม่ค่อยได้เล่นเท่าไรอย่าง Two Divided by Zero, King's Cross, Do I Have To? และ Why Can't We Live Together ด้วย  :D

1.Heart
2.Did you see me coming?
3.Integral/Pandemonium
4.Two divided by zero
5.Can you forgive her?
6.Love,etc
7.King's cross
8.Do I have to?
9.Why can't we live together?
10.Go west
11.Left to my own devices
12.Building a wall
13.Left to my own devices
14.Suburbia
15.Love comes quickly
16.Se a vida e
17.The way it used to be
18.Jealousy
19.Closer to heaven/Domino dancing/Viva la Vida (Coldplay Cover)
20.It's a sin
21.Being boring
22.West end girls

PSB เป็นอีกวงหนึ่งที่มักแสดงสดโดยนำเพลงที่ไม่ดังมาเล่นเสมอ เหมือนพยายมเวียนไปเรื่อยๆในแต่ละทัวร์ ขนาดเพลงอย่าง Tonight Is Forever ยังเคยเล่นในทัวร์ชุด Very มาแล้ว ทั้งๆที่นึกว่าเป็นเพลงที่ถูกลืม หรืออย่างเพลง Shopping ที่เล่นต่อจาก Minimal ในทัวร์ที่แล้วได้เข้ากันเพราะร้องแบบสะกดคำเหมือนกัน มาทัวร์นี้เห็นเพลงอย่าง Heart, Two Divided By Zero, Why Can't We Live Together ก็ชื่นใจแล้วครับ แต่เพลงอย่าง One More Chance, I Want To Wake Up ก็น่าจะเล่นบ้างในทัวร์ต่อๆไป

แถมคราวนี้ยังมีเพลงบีไซด์สุดโปรดของผมอย่าง Do I Have To? อีกด้วย (เข้าใจว่าตั้งใจเอามาเล่นต่อจาก King's Cross ที่ให้อารมณ์ใกล้เคียงกันครับ) แล้วที่เซอร์ไพรส์สุดๆคือ Viva La Vida ที่เอามาเล่นเป็นอีเล็กโทรนิกส์ผสมผสานในเพลง Domino Dancing ได้แนบเนียนมากๆ (ผมเคยเห็นคลิปนี้ในยูทูปแล้วครับ Neil Tennant ร้องเพลงนี้ได้ไพเราะแนบเนียนราวกับเป็นเพลงของวงเองเลยทีเดียว)  :D

PSB ออกซิงเกิ้ลเพลง Christmas ออกมาแล้ว มีใครได้ฟังบ้างแล้วครับ ?  :D

Viva La Vida นี่เปลี่ยนดนตรีไปเลย

PET SHOP BOYS Pandemonium - Live at the O2 Arena, London, 21 December 2009 (2010 UK 2-disc [CD/DVD] set - Captured on their sold out worldwide 'Pandemonium' tour, this 2-disc release sees the Pet Shop Boys at the height of their powers. Featuring songs from 2009's critically acclaimed 'Yes' album plus all their greatest hits including 'West End Girls', 'Being Boring' and 'Heart', 'Pandemonium' is the definitive live Pet Shop Boys experience; shot in HD and mixed by Stuart Price. With DVD Bonus Material containing 3 music videos and 2 exclusive live encore tracks performed at the 02 - including a cover of 'My Girl' by Madness. Last but by no means least is the spectacular BRITs performance from 2009 when the Pet Shop Boys were honoured with the prestigious Outstanding Contribution to Music award. This performance features both Lady Gaga and Brandon Flowers. And finally, a brand new audio commentary from Neil and Chris together with the show's creative director Es Devlin!).
[released 15 February 2010]

CD:
1. More Than A Dream/Heart
2. Did You See Me Coming?
3. Pandemonium / Can You Forgive Her?
4. Love Etc.
5. Go West
6. Two Divided By Zero
7. Why Don't We Live Together?
8. New York City Boy
9. Always On My Mind
10. Closer To Heaven / Left To My Own Devices
11. Do I Have To?
12. King's Cross
13. Suburbia
14. Se A Vida É / Discoteca / Domino Dancing / Viva La Vida
15. It's A Sin
16. Being Boring
17. West End Girls

DVD:
1. More Than A Dream / Heart
2. Did You See Me Coming?
3. Pandemonium / Can You Forgive Her?
4. Love Etc.
5. Building A Wall
6. Go West
7. Two Divided By Zero
8. Why Don't We Live Together?
9. New York City Boy
10. Always On My Mind
11. Closer To Heaven / Left To My Own Devices
12. Do I Have To?
13. King's Cross
14. The Way It Used To Be
15. Jealousy
16. Suburbia
17. What Have I Done To Deserve This?
18. All Over The World
19. Se A Vida É / Discoteca / Domino Dancing / Viva La Vida
20. It's A Sin
21. Being Boring
22. West End Girls
23. My Girl
24. It Doesn't Often Snow At Christmas

Bonus Material:
25. Love etc. - Music Video
26. Did you see me coming? - Music Video
27. All over the world - Music Video
28. 2009 BRIT Awards Performance - featuring Lady Gaga and Brandon Flowers
29. Audio Commentaryby Pet Shop Boys and Es Devlin

น่าสนใจมากครับ ผมล่ะชอบเซ็ตลิสต์ทัวร์ครั้งนี้ที่สุดเลย โดยเฉพาะ Two Divided by Zero, Why Don't We Live Together?, King's Cross และ Do I Have To? นี่ไม่น่าเชื่อเลยว่าจะงัดกรุกลับมาเล่นได้ แถมสเตจโปรดักชั่นสวยงามอลังการ อยากดูครับ แม้จะไม่ได้เล่นดนตรีแบบสดๆก็เหอะ  :D

ถึงตอนนี้ก็อยากดูเพลงจากอัลบั้มแรกอย่าง Two Divided by Zero, Why Don't We Live Together? เหมือนกันครับ นึกถึงสมัยจบมัธยมต้นเลย  :)

ซื้อแน่นอน

(http://i137.photobucket.com/albums/q239/polotoon/pet-shop-boys-box-set-by-farrow-00.jpg)



http://www.selectism.com/news/2009/06/10/pet-shop-boys-vinyl-box-set-by-farrow/

สวยดีครับ   :D

เซ็ทนี้ได้ลายเซ็นต์ด้วย ออกมาแค่ 300 ก๊อปปี้ ราคาปัจจุบันเกินเอื้อมจริงๆ แต่ชุดนี้ไม่ได้ปลื้มมากเลยเฉยๆครับ

พึ่งมีโอกาสได้ฟังครับ  ปกก็สวยเพลงก็ O.K.  สรุปแล้วชอบครับ

12 เรื่องที่คุณอาจไม่รู้..

http://www.musicexpress.in.th/ReadContent.php?id=MzQz

 ;D ;D

PET SHOP BOYS Ultimate (2010 UK Special Edition 2-disc [CD/DVD] set - The Pet Shop Boys are one of the most commercially and critically acclaimed bands of the past 25 years. Their career has spanned 25 years and is in its 3rd decade. This 2-disc collection comprises a 19-track CD collection of their biggest hits, such as 'West End Girls', 'It's A Sin', 'What Have I Done To Deserve This?', 'Domino Dancing', 'Go West', 'Se A Vida ษ [That's The Way Life Is]', 'New York City Boy', 'Home And Dry', 'Love Etc.', alongside the newly recorded single, 'Together'; plus a Bonus DVD including their previously unreleased performances from the BBC [27 tracks from shows such as TOTP, Wogan, The Old Grey Whistle Test] as well as their 2010 headlining performance at Glastonbury).
[released 01 November 2010]

(http://www.uppicfree.com/images/872_Pet_Shop_Boys_Ultimate.jpg) (http://www.uppicfree.com/view-872_Pet_Shop_Boys_Ultimate.jpg)

CD:
1. West End Girls
2. Suburbia
3. It's A Sin
4. What Have I Done To Deserve This?
5. Always On My Mind
6. Heart
7. Domino Dancing
8. Left To My Own Devices
9. Being Boring
10. Where The Streets Have No Name (I Can't Take My Eyes Off You)
11. Go West
12. Before
13. Se A Vida ษ (That's The Way Life Is)
14. New York City Boy
15. Home And Dry
16. Miracles
17. I'm With Stupid
18. Love Etc.
19. Together

DVD:
1. West End Girls - BBC Top Of The Pops
2. Love Comes Quickly - BBC Top Of The Pops
3. Opportunities (Let's Make Lots Of Money) - Old Grey Whistle Test
4. Suburbia - BBC Top Of The Pops
5. It's A Sin - BBC Top Of The Pops
6. Rent - BBC Top Of The Pops
7. Always On My Mind - BBC Top Of The Pops
8. What Have I Done To Deserve This? - BRITS
9. Heart (Wogan)
10. Domino Dancing - BBC Top Of The Pops
11. Left To My Own Devices - BBC Top Of The Pops
12. So Hard (Wogan)
13. Being Boring - BBC Top Of The Pops
14. Can You Forgive Her? - BBC Top Of The Pops
15. Liberation - BBC Top Of The Pops
16. Paninaro '95 - BBC Top Of The Pops
17. Se A Vida ษ - BBC Top Of The Pops 2
18. A Red Letter Day - BBC Top Of The Pops
19. Somewhere - BBC Top Of The Pops
20. I Don't Know What You Want But I Can't Give It Anymore - BBC Top Of The Pops
21. New York City Boy - BBC Top Of The Pops
22. You Only Tell Me You Love Me When You're Drunk - BBC Top Of The Pops
23. Home And Dry - BBC Top Of The Pops
24. I Get Along - BBC Re:Covered
25. Miracles - BBC Top Of The Pops
26. Flamboyant - BBC Top Of The Pops
27. I'm With Stupid - BBC Top Of The Pops

Live At Glastonbury 2010
28. Heart
29. Did You See Me Coming?
30. Love Etc.
31. Building A Wall
32. Go West
33. Two Divided By Zero
34. Why Don't We Live Together?
35. New York City Boy
36. Always On My Mind
37. Closer To Devices
38. Do I Have To?
39. King's Cross
40. Jealousy
41. Suburbia
42. What Have I Done To Deserve This?
43. All Over The World
44. Se A Vida ษ
45. Viva La Vida
46. It's A Sin
47. Being Boring
48. West End Girls

เพลงนี้เพราะดีครับ ไม่เคยเห็นมีขายเป็นทางการเลย

http://www.youtube.com/watch?v=hVCw8RFk4D0

เพราะใช้ได้เลยครับ อีกเพลงที่ผมเคยเห็นทั้งคู่ feat. กันก็คือตอนที่คัฟเวอร์เพลง Believe ของ Elton John เองครับ (เพลงนี้เป็นเพลงโปรดของผมจากอัลบั้ม Made in England ด้วย) ผมชอบเวอร์ชั่นนี้ตรงที่เอาไลน์เปียโนเพลง Song for Guy มาใส่ด้วยนี่แหละ

http://www.youtube.com/watch?v=QKKoBn37vbk

PET SHOP BOYS The Most Incredible Thing (2011 UK 22-track 2-CD set - Neil Tennant & Chris Lowe release the music for their first ever full-length ballet, 'The Most Incredible Thing'. Based on the Hans Christian Anderson story of the same title, Tennant & Lowe proposed Andersen's story as the basis for a new ballet to Sadler's Wells in London in 2007 after a friend, the then Royal Ballet principal, Ivan Putrov, asked Neil if Pet Shop Boys would consider writing a piece of music for himto dance to at Sadler's Wells. Coincidentally a couple of days later, Chris suggested to Neil that 'The Most Incredible Thing' would make an excellent narrative for a ballet and, inspired by this synchronicity, they approached Sadler's Wells with the project. The following year, Javier De Frutos was chosen as the choreographer. The story is about a competition in a mythical kingdom where the King announces that whoever invents the most incredible thing will win the hand of the Princess in marriage and half of the Kingdom. What follows is creative, destructive but ultimately happy. Tennant & Lowe composed most of 'Act One' in autumn, 2008, and the rest of the score in 2010. The music is a combination of electronics and orchestra. They approached the young German musician Sven Helbig to create the orchestrations and at the end of 2010 these were recorded in Poland with the Wroclaw Score Orchestra conducted by Dominic Wheeler!).
[released 14 March 2011]

(http://img209.imageshack.us/img209/8105/petshopboysthemostincre.jpg) (http://img209.imageshack.us/i/petshopboysthemostincre.jpg/)

Uploaded with ImageShack.us (http://imageshack.us)

CD1:
1. Prologue
2. The Grind
3. The Challenge
4. Help Me
5. Risk
6. Physical Jerks
7. The Competition
8. The Meeting
9. The Clock 1/2/3
10. The Clock 4/5/6
11. The Clock 7/8/9
12. The Clock 10/11/12
13. The Winner
14. Destruction

CD2:
1. Back To The Grind
2. The Miracle - Ceremony
3. The Miracle - Revolution
4. The Miracle - Resurrection
5. The Miracle - Colour And Light
6. The Miracle - The Meeting (Reprise)
7. The Wedding
8. The Clock 10/11/12

บัลเล่ต์มีการแสดงหรือยังครับ

ไม่ทราบเลยครับ

สำหรับแฟนๆ PSB ครับ

http://www.youtube.com/watch?v=1FHEn8rJ4Vw

http://www.youtube.com/watch?v=Z21F39BCgUk

เพลงใหม่ครับ นุ่มๆลอยๆ ไม่ป๊อปมาก ได้บรรยากาศดีนะ

http://www.youtube.com/watch?v=n609XaagVJo

อันนี้เค้าว่าตัดมาจากซิงเกิ้ลแรกที่จะเปิดตัววันจันทร์นี้ ไม่แน่ใจว่าของจริงหรือเปล่า แต่ถ้าใช่ก็โอเคทีเดียวครับ เพราะดีเหมือนกัน มีนัยๆว่าอัลบั้มนี้จะนุ่มนวลกว่าก่อนด้วย

http://www.youtube.com/watch?v=UyxUx7PJfYc

ซิงเกิลแรกมาแล้วครับ ไม่มีอะไรแปลกใหม่ให้ตื่นเ้ต้นหรอก แต่เพราะจังเลย ยิ่งฟังยิ่งชอบครับ

http://www.youtube.com/watch?v=6AEO21i-oN0

ไพเราะดีครับ ถูกโฉลกมากกว่าซิงเกิ้ลชุดที่แล้วเสียอีก อารมณ์คล้ายๆ I get along จากชุด Release เลย ถ้าออกมาสไตล์ Release จะยินดีมาก :)

เพราะดีครับ

+1 ครับ

จากบีไซด์ของซิงเกิ้ล Winner ครับ

http://www.youtube.com/watch?v=Ez2qKLZVm1o

เพราะครับ

พรีวิวของทุกเพลงในอัลบั้มครับ รู้สึกว่าจะออกมาในโทนเนิบๆ เรียบง่าย อย่างที่คาดจริงๆ

http://www.youtube.com/watch?v=KMXGmV6u7ls

ชอบครับ ผมชอบมากกว่าชุด yes และ fundamental อีกครับ

แหม่ อัลบั้มเต็มยังไม่ออกเลยครับ ต้องดูกันต่อไป ...แต่เอาจริงๆถ้าฟังจากแค่ตัวอย่างนี้ผมก็แอบคิดแบบนั้นอยู่เหมือนกันครับ ผมชอบ PSB อารมณ์เนิบๆลอยๆแบบนี้น่ะ (เหมือนที่ผมชอบชุด Behaviour และ Release มากๆ) :)

อยากทราบว่า 5 อัลบั้มที่ดีที่สุด(เรียงตามลำดับ)ในใจของแฟนๆ pet shop boys มีชุดอะไรบ้างครับ  

สำหรับผม ณ ตอนนี้นะครับ (เรียงลำดับเลย)

1. Behaviour
2. Very
3. Actually
4. Release
5. Bilingual

จริงๆผมชอบชุด Alternative มากๆด้วยครับ เป็นรวมเพลงบีไซด์ที่ดีแทบทุกเพลงจริงๆ แต่ผมก็คงไม่เอามารวมอยู่ในลิสต์สตูดิโออัลบั้มครับ

1 behaviour
2 release
3 very
4 bilingual
5 actually

 เสียดาย nightlife อยู่เหมือนกันเพราะมีเพลงสุดโปรดอย่าง you only tell me you love me when you're drunk

Nightlife เป็นที่หกสำหรับผมครับ ผมชอบบรรยากาศโดยรวมจองชุดนี้นะ

Please
Actually
Very
Behaviour
Release

รองมาก็ Bilingual ครับ

Pet Shop Boys เมื่อคืนนี้  :)

(http://resources0.news.com.au/images/2012/08/13/1226448/869368-pet-shop-boys.jpg)

(http://www.abc.net.au/news/image/4194264-3x2-700x467.jpg)

(http://2.bp.blogspot.com/-eaRvt7jOoD4/UCgftv0YFVI/AAAAAAAAKos/omqNCOsGrko/s1600/Neil+Tennant+Chris+Lowe+Pet+Shop+Boys+London+Olympics+closing+ceremony.jpg)

(http://i.dailymail.co.uk/i/pix/2012/08/12/article-2187413-1484D5D7000005DC-47_964x598.jpg)

PSB สำหรับผมนี่ Nightlife, Fundamental, Yes เป็น 3 ชุดที่ผมชอบน้อยหรือแทบไม่ชอบเลยครับ  

Nightlife
คือผมไม่ชอบภาพลักษณ์ที่เขาอุปโลกขึ้นตอนนั้น อัลบั้มโดยรวมผมว่ามันไม่ปะติดปะต่อกันเอาเสียเลย เหมือนฟังงานรวมเพลงบีไซด์ที่อารมณ์ของอัลบั้มขาดๆเกินๆ ชอบเพลง You Only Tell Me... เพลงเดียวจริงๆ ที่เหลือนี่ไม่มีเพลงไหนที่อยากฟังซ้ำอีกเลย

Fundamental
ผมก็รู้สึกคล้าย Nightlife คือฟังแล้วไม่ปะติดปะต่อยังไงไม่ทราบ ทั้งๆที่ออกต่อจาก Release แต่คุณภาพโดยรวมน่าผิดหวัง แต่มีเพลงดีกว่า Nightlife และโชคดีได้ Trevor Horn มาโปรดิวซ์ โปรดักชั่นเลยออกมาดีพอกลบเกลื่อนได้ ซิงเกิ้ลอย่าง I'm With Stupid, Minimal นี่ผมว่าต่ำกว่ามาตรฐาน PSB ด้วยคือธรรมดามาก เพลงที่พอชอบก็มี Numb, Luna Park, Twentieth Century แต่ไม่มากนัก โดยรวมอารมณ์ทั้งอัลบั้มมันอืดไปหน่อยผมว่า

Yes
ชุดนี้อยากลืมๆไปเลยครับ ไม่ประทับใจเอาเสียเลย พยายามฟังหลายรอบ ไม่สามารถฟังจบได้ครับ

เป็นความเห็นส่วนตัวนะครับ :D

ความเห็นส่วนตัวของผมบ้างนะครับ ผมเองค่อนข้างเห็นต่างจากพี่สิทธิ์อยู่พอสมควรทีเดียว

Nightlife - ชุดนี้ผมชอบมากๆเป็นการส่วนตัวครับ ผมชอบบรรยากาศโดยรวมของมันที่ได้ฟีลกลางคืนสมชื่ออัลบั้ม แล้วยิ่งฟังตอนดึกๆยิ่งได้อารมณ์ครับ ไล่ตั้งแต่ For Your Own Good ที่เหมือนเป็นประตูพาเข้าสู่ชีวิตแห่งราตรีกาลที่มีเสน่ห์น่าค้นหา ไปจนถึง Footsteps บัลลาดเพราะๆแฝงความหม่นให้ความรู้สึกเหมือนเวลาใกล้รุ่ง คือก็ยอมรับครับว่าเพลงส่วนใหญ่จะไม่เด่นถ้าเทียบกับงานชุดอื่น แต่หลายๆเพลงนี่ผมฟังไปฟังมาก็ยิ่งชอบนะ อย่าง Boy Strange นี่ฟังครั้งแรกนี่ค่อนข้างงงๆ แต่มันก็เป็นเพลงที่แปลกดีสำหรับ PSB เอง ในทางกลับกัน You Only Tell Me... น่ะกลายเป็นเพลงที่ผมชอบน้อยที่สุดในอัลบั้มเลย เพราะรู้สึกว่ามันมาขัดบรรยากาศยังไงก็ไม่รู้
ป.ล. ผมซื้อเทปอัลบั้มนี้มาเปิดฟังครั้งแรกตอนนั่งรถเวลากลางคืนครับ ก็เลยมี First Impression ที่น่าจดจำเป็นพิเศษ

Fundamental - ผมว่าข้อเสียของชุดนี้คือเพลงมันจับฉ่ายเกิน และไม่ค่อยปะติดปะต่ออย่างที่พี่สิทธิ์ว่า แต่ถ้าเอามาแยกเป็นเพลงๆ ก็ยังมีเพลงที่ถูกใจผมอยู่ไม่น้อย เช่นซินธ์ป๊อปหม่นทะมึนอย่าง Psychological (เคยได้ยินห้าง Central World เปิดเพลงนี้ตอนห้างใกล้ปิด ได้อารมณ์วังเวงแบบเท่ๆดีมาก), ออร์เคสตรัลบัลลาดอลังการอย่าง Numb, รวมไปถึงเพลงที่เพราะแบบเรื่อยๆอย่าง Luna Park กับ Twentieth Century และเพลงที่ผมชอบที่สุดคือ Live Anthem ชั้นยอดอย่าง Integral ส่วนซิงเกิ้ลที่ค่อนข้างธรรมดาอย่าง Minimal นั้นผมว่ามันไม่ได้เป็นอะไรมากกว่าการทำ Homage อ้างอิงถึง Shopping จากอัลบั้ม Actually หรอกครับ

นอกเหนือเรื่องจากดนตรีแล้ว ผมเองยังถูกใจการเขียนเนื้อร้องอันชาญฉลาดของ Neil ในหลายๆเพลงของอัลบั้มนี้ ที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ปนจิกกัดสังคมและการเมืองอย่างคมคาย มีชั้นเชิง ไม่โฉ่งฉ่าง แต่ก็ยังสัมผัสได้ถึงความเข้มข้นครับ

Yes - นี่คืออัลบั้มของ PSB ที่ผมชอบน้อยที่สุดแน่นอน คือหาจุดเด่นอะไรไม่ได้เลย รวมไปถึงเรื่องเอกภาพที่ขาดไปอย่างแรง ก็เลยฟังแค่บางเพลงที่ชอบเช่น Love etc., Vulnerable, Building the Wall, More Than a Dream ส่วนเพลงที่ผมประทับใจมากเป้นพิเศษและเปิดฟังบ่อยจริงๆคือ King of Rome และ The Way It Used to Be ครับ    

นี่ก็ความเห็นส่วนตัวเช่นกัน...

จริงๆพวก First Impression นี่เป็นอะไรที่ทุกคนต้องมี ผมถึงให้ Please, Actually อยู่อันดับต้นๆ เพราะสมัยนั้นผมฟังเทป 2 อัลบั้มนี้ตอนช่วงมัธยมจนเข้าพาณิชย์ มีความทรงจำดีมากมายในช่วงนั้น และจริงๆเพลง 2 ชุดนั้นก็ดีมากๆด้วย ชุดแรก Please นี่เรียกว่าดีทุกเพลง เพลงที่ไม่มีคนพูดถึงอย่าง Tonight is Forever, Violence และ Later Tonight (เป็นเพลงเดียวที่เราจะได้ยินคริสโซโลเปียนโน) ส่วน Actually ดีทุกเพลงเช่นกัน เพลงที่ไม่คนพูดถึงและผมชอบก็จะมี I Want To Wake Up แต่ชุดนี้จะมีเพลงที่ผมว่ามันต่ำกว่ามาตรฐานบ้าง Hit Music

พอมา Behaviour ก็อย่างที่รู้ๆคืองานเนี๊ยบมากๆและอาร์ตมากๆ อารมณ์หม่นหมองผสมความสวยงามปราณีตก็เสียง programming และเสียงเครื่องสายและกีตาร์ ที่ผสมกันลงตัวมากๆ ส่วน Very นี่เรียกว่าเป็นการทำอัลบั้มที่สดใสไพเราะทั้งอัลบั้มตื่นตาตื่นใจทั้งอัลบั้มจริงๆ เพลงเพราะๆดีๆอัดแน่นมาก ส่วน Release ถือว่ากลับมาเรียบง่ายคล้าย Behaviour แต่ไม่หม่นเท่าและได้ฟีลวงที่เล่นสดๆมากกว่า พอหลังจาก Release เหมือนทางวงหลงทางไม่รู้จะไปทางไหนต่อ เพราะ PSB ไม่ค่อยย้อนรอยเดิมติดต่อกันในแต่อัลบั้มอยู่แล้ว แต่ละอัลบั้มหลังจากนั้นเลยเหมือนออกมาครึ่งๆกลางๆหรือแย่สุดอย่าง Yes

จริงๆแล้ว PSB เป็นวงเริ่มต่้นจากที่คนมักเรียกว่า "ดนตรีดิสโก้แต่เนื้อหาซีเรียส" ซึ่งขัดแย้งกันตั้งแต่ยุคแรกเลย เพลงที่พูดถึงสังคมตั้งแต่ชุดแรกอย่างเพลง Why Don't We Live Together, West End Girls มา Actually ก็จะมี King Cross ที่เรารู้จักกันดี

ผมเองก็เป็นอีกคนที่ผิดหวังเอามากๆกับ yes และ fundamental จึงหวังอยากให้ elysium หวนกลับมาสู่บรรยากาศเดิมๆแบบ behaviour หรือ release อีกครั้งเพื่อให้สมกับที่เฝ้ารอคอย

จากที่ฟังพรีวิวอัลบั้มและสองเพลงที่ปล่อยมาให้ฟัง ผมก็แอบหวังแบบนั้นเลยล่ะครับ เห็นแฟนเดนตายบางคนที่ใช้วิชามารหาอัลบั้มเต็มมาฟังได้แล้วบอกว่าบรรยากาศโดยรวมของชุดนี้คล้ายกับ Behaviour มาก ในแง่ของความเรียบง่าย ผ่อนคลาย และนุ่มนวลครับ อย่างน้อยผมก็เชื่อว่ามันคงไม่เป็นจับฉ่ายที่หาทิศทางไม่ถูกแบบสองชุดที่ผ่านมาแน่ๆ

ตัว Neil เองก็บอกไว้ในบทสัมภาษณ์ล่าสุดเหมือนกันว่า “We wanted this smoothness and elegance"

สิ่งหนึ่งที่จะบ่งบอกว่างานจะคล้ายหรือพอคาดหวังให้เหมือน Behaviour กับ Release ได้หรือไม่ก็คือเสียงกีตาร์ครับ ซึ่งจะทำให้บรรยากาศเพลงละมุนขึ้นกว่าใช้เสียงสังเคราะห์อย่างเดียว แต่ผมยังไม่ได้ยินจากตัวอย่างนะครับ ต้องรอฟังเต็มๆกัน

แรงบันดาลใจของทางวงในการใส่กีตาร์ในอัลบั้ม Behaviour ก็เพราะทางวงชอบเสียงกีตาร์ในเพลง Enjoy the Silence ของ Depeche Mode จากอัลบั้ม Violator มากๆ บอกว่าเป็นการใช้กีตาร์อย่างชาญฉลาดและสุดยอดมาก ทั้งคริสและนีลยอมรับว่าอิจฉา Depeche Mode มากที่ทำ Violator ออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม ถ้าฟังดีๆจะได้ยินเสียงกีตาร์จากเพลง End of the World ในอัลบั้ม Behaviour ใช้เสียงแซมเปิ้ลเสียงกีตาร์เพลง Enjoy The Silence มาครับ

จากที่เคยอ่านบทสัมภาษณ์การทำงาน คิดว่าชุดนี้ไม่มีเสียงกีตาร์แน่นอนครับ เพราะ PSB ไม่อยากให้ชุดนี้มีรายละเอียดอะไรมาก พวกเขาต้องการทำมันให้ออกมาเรียบง่ายที่สุด ซึ่งผมเองก็คิดว่าแม้ไม่มีเสียงกีตาร์ แต่หากเรียบเรียงซาวนด์สังเคราะห์ให้เนี้ยบๆ ไม่โฉ่งฉ่าง และสร้างซาวนด์บรรยากาศที่ละมุนละไม มีความเป็น Ambiental มันก็ทำให้เพลงนุ่มและน่าฟังขึ้นได้นะครับ (ลองนึกถึงงานของ Boards of Canada หรือ Telefon Tel Aviv ดู) แถมจะไม่ซ้ำรอยเดิมของชุด Behaviour และ Release อีกด้วยนะ

ทราบมาว่าชุด Elysium นี้ PSB ได้อิทธิพลเรื่องซาวนด์มาจาก 808s & Heartbreak อัลบั้มสุดเนี้ยบของ Kanye West ครับ (ใช่ครับ ศิลปินฮิปฮอปนั่นแหละ) ซึ่งงานชุดนี้ไม่เหมือนชุดอื่นของ Kanye เลยครับ ผมเองก็ชอบอัลบั้มนี้มากๆทั้งเรื่องของบรรยากาศและการเรียบเรียงเสียงสังเคราะห์ที่สะอาดสะอ้าน ฟังนุ่มหูครับ

http://www.youtube.com/watch?v=jfrenkSar8Y

ปกอัลบั้ม Elysium ก็มีสามแบบเหมือนกับตอนออกชุด Release

ซีดีธรรมดา

(http://www.kaltblut-magazine.com/wp-content/uploads/2012/08/Pet-Shop-Boys-Elysium-400x400.jpg)

ซีดีแผ่นคู่

(http://ecx.images-amazon.com/images/I/61vHCz-mCQL._SL500_AA300_.jpg)

ไวนิล

(http://2.bp.blogspot.com/-O1iY7hRJkt0/UBQlmgs-6OI/AAAAAAAAKcM/ae82hUJjKzU/s400/Pet+Shop+Boys+double-CD+version.jpg)

ส่วนภาพถ่าย Session ของชุด Elysium น่าจะพอบ่งบอกซาวนด์โดยรวมของอัลบั้มได้ไม่มากก็น้อยครับ

(http://hangout.altsounds.com/altthumb.php?src=http%3A%2F%2Fhangout.altsounds.com%2Fgeek%2Fgars%2Fimages%2F2%2F1%2F5%2F2%2F9%2F30image001.jpg&w=600&zc=1&q=70)

เรียบง่าย ผ่อนคลาย สบายๆ

ว่าแต่แบบซีดี 2 แผ่นนี่ แผ่นแถมมีอะไรพิเศษไหมครับ?

แค่เพลงบรรเลงครับ ไม่มีอะไรพิเศษเลย

หาดูยากครับ เล่นสดจริงทั้งเสียงร้อง คียบอร์ด เปียนโน ถึงขึ้นนีลต้องช่วยเล่นด้วย ได้ฟีลอนาล๊อกซินธ์ดิบๆแบบยุคแรกที่ผมชอบ เพลง Opportunities นี้ผมชอบเวอร์ชั่นแรกๆก่อนจะทำใหม่ในอัลบั้ม Please เสียอีก ผมว่ามันดิบสะใจดี

http://www.youtube.com/watch?v=qM_ljzdoS4M

ใครที่ไม่เคยดูตอน PSB มาไทย หรือเคยดูแล้วคิดถึงทัวร์นั้นก็ดูคลิปนี้แก้ขัดเอาครับ เพราะไลน์อัพและเป็นช่วงทัวร์อัลบั้ม Release ถึงแม้นี่เป็นการมาแสดงรายการทีวี

http://www.youtube.com/watch?v=3f2kJ4Is2Jo

หลังจากฟังทั้งอัลบั้มติดต่อกันไป 7-8 แล้ว นี่คือรีวิวฉบับเต็มโดย Lilium ครับ

(http://upload.wikimedia.org/wikipedia/en/0/0b/PSB_Elysium.jpg)

Pet Shop Boys - Elysium (2012)

หลังจากที่ทัวร์อลังการงานสร้างอย่าง Pandemonium ที่รวมไปถึงการเป็นวงเปิดให้ Take That และการขึ้นเล่นในเทศกาล Glastonbury ได้สิ้นสุดลง คู่หู Neil Tennant และ Chris Lowe ก็จัดการจับเครื่องบินไปพักผ่อนพร้อมกับการหาแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์อัลบั้มใหม่ ณ นคร Los Angeles ที่พวกต้องมนต์เสน่ห์มาเป็นเวลานานทันที โดยขั้นตอนการแต่งเพลง อัดเสียง และทำโปรดักชั่นเกือบทั้งหมดของ Elysium อัลบั้มเต็มลำดับที่ 11 นี้ก็ขึ้นที่ LA นี่เอง

การที่ PSB เลือก Andrew Dawson ที่เคยผ่านงานกับศิลปินอย่าง Kanye West, Ne-Yo และ Lil Wayne มาก่อนมาร่วมนั่งแท่นโปรดิวซ์ อาจทำให้แฟนเพลงส่วนใหญ่ (รวมถึงผมเอง) กังวลใจอยู่ไม่น้อย แต่เมื่อได้ทราบภายหลังว่า PSB เลือกใช้งาน Andrew ด้วยเหตุเพราะประทับใจในซาวนด์เนียนเนี้ยบในอัลบั้ม 808s & Heartbreak ของ Kanye West (ที่ผมเองก็ชอบเป็นการส่วนตัว) ที่ Andrew รับบทซาวนด์เอนจิเนียร์ ก็ทำให้ผมพอใจชื้นขึ้นมาได้บ้างเล็กน้อย แต่ก็ยังแอบหวั่นๆอยู่เหมือนกัน

แต่เมื่อได้ฟังเพลงที่ทางคู่หูปล่อยออกมาให้ฟังเป็นน้ำจิ้มก่อนอย่าง Invisible นั้น ผมก็ค่อนข้างประทับใจทีเดียว ด้วยความที่มันประกอบไปด้วยซาวนด์สังเคราะห์อันเรียบง่าย ล่องลอย ละมุนละไม และมินิมอล อีกทั้งยัง Ambiental ซึ่งนี่ก็ทำให้แฟนๆพากันคาดหวังว่างานชุดนี้อาจจะเป็นภาคต่อของอัลบั้มสุดละเมียดอย่าง Behaviour ที่รีลีสเมื่อ 20 กว่าปีก่อนก็เป็นได้ ขณะที่ Winner ซิงเกิลแรกจริงๆที่เป็นป๊อปบัลลาดโลกสวยนั้นกลับทำให้นึกถึง I Get Along จากอัลบั้ม Release มากกว่า ซึ่งตรงนี้ผมเองก็แปลกใจที่แฟนหลายคนบ่นอุบว่าไม่ถูกชะตากับเพลงนี้ ทั้งๆที่ผมเห็นว่ามันก็เพราะเอาเรื่อง และยิ่งไปกว่านั้น โดยส่วนตัวแล้วผมว่าเพลงนี้ยังเหมาะแก่การเป็นเพลงประจำการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกมากกว่า Survival ของ Muse ซะอีก

มาดูกันที่แนวทางของอัลบั้มนี้ โดยรวมแล้วก็ออกมาในโทนเรียบง่ายและผ่อนคลายใกล้เคียงกับ Behaviour และ Release จนพอจะจัดเป็น Trilogy กันได้เลย โดยเนื้อหาของอัลบั้มนี้ก็ดูจะผ่อนคลายความเข้มข้นลงเยอะ แทนที่จะเป็นเรื่องราวการจิกกัดและเสียดสีสังคมอย่างคมคายอย่างที่เคยเป็น ก็เปลี่ยนมาเป็นธีมเกี่ยวกับความโรยรา ความเข้าใจในชีวิต ไปจนถึงเรื่องของความตาย โดยทั้งหมดก็เขียนออกมาในอารมณ์ Uplifting ทำให้ฟังแล้วไม่รู้สึกหดหู่ใจแต่อย่างใด

แค่เพลงเปิดหัวอัลบั้ม (ที่กำลังจะเป็นซิงเกิลถัดไป) อย่าง Leaving ก็ทำเอาเคลิ้มซะแล้ว ด้วยบีทเรียบๆ แต่มีความลึก ฟังนุ่มหู พร้อมเสียงร้องคีย์ต่ำของ Neil Tennant ที่ช่วยดึงบรรยากาศเก่าๆสมัย Behaviour กลับมาได้อย่างเนี้ยบ ขณะที่เพลงส่วนใหญ่ของอัลบั้มชุดนี้จะเป็นเพลงช้า โดยนอกจาก Invisible และ Winner ที่กล่าวถึงไปแล้ว ก็ยังมี Breathing Space ที่อบอุ่นด้วยเสียงอคูสติกกีตาร์และแบ็คกราวด์เครื่องสายละเมียดละไม, อคูสติกป็อปน่ารักๆมองโลกในแง่ดีอย่าง Give It a Go, เพลงที่ให้ทีมประสานเสียงรับบทเด่นอย่าง Hold On, เพลงสั้นๆเรียบๆแต่ไพเราะไม่แพ้ใครอย่าง Your Early Stuff และเพลงแอบอาร์ตที่ผมยังฟังไม่ค่อยติดอย่าง Everything Means Something ส่วนใครที่อยากฟังอะไรที่มันอัพบีทหน่อย พวกเขาก็จัดให้พอหอมปากหอมคอใน A Face Like That ที่น่าจะสนุกสนานที่สุดในอัลบั้ม บีทหลักๆของเพลงนี้ฟังแล้วก็นึกถึงงานยุค 80s ได้เหมือนกัน หรือจะเป็นซินธ์ป๊อปสุดเฉียบสไตล์ PSB แท้ๆใน Memory of the Future ที่มีเมโลดีท่อนฮุคโคตรเพราะ จับคนฟังได้อยู่หมัด ส่วน Ego Music นั้นอาจฟังดูแปลกๆอยู่สักหน่อย แต่มีเนื้อเพลงที่เหมือนจะประชดตัวเองดี ขณะที่แทร็คชื่อแปลกส่งท้ายอัลบั้มอย่าง Requiem in Denim and Leopardskin นั้นมาเป็นเพลงกึ่งดิสโกที่เนียนนุ่มน่าฟัง ซึ่งเนื้อหานั้น Neil ถึงเรื่องความตายได้อย่างเก๋ไก๋และมีสไตล์ชนิดที่หาใครมาเทียบเหมือนได้ยากจริงๆ

ผมไม่แน่ใจว่าแฟนเพลงส่วนใหญ่ของ PSB จะคิดยังไงกับอัลบั้มชุดนี้ เพราะผมเห็นบางคนก็บอกว่าอยากได้งานแบบ Yes อีกสักชุดมากกว่า อันนี้ก็นานาจิตตัง แต่โดยส่วนตัวแล้วผมคิดว่านี่คืองานที่ดีที่สุดของ PSB ในรอบสิบปี และอาจจะีดีกว่าอัลบั้มอย่าง Nightlife และ Bilingual ด้วยซ้ำ ตอนนี้ก็ได้แต่หวังว่าเพลง Requiem in Denim and Leopardskin จะไม่ใช่คำบอกใบ้ว่าพวกเขากำลังจะเลิกราจากวงการดนตรีไปนะครับ เพราะผมเชื่อว่าคู่หูคู่นี้ยังมีอะไรดีๆหลงเหลือให้เราได้ติดตามฟังกันอีกนานเลยล่ะ...

เมื่อคืนฟังไปสองรอบยังไม่รู้สึกอะไรมาก ไม่สะดุดเพลงไหนเลย อาจเป็นเพราะลึกๆพยายามคาดหวังว่าจะเป็นภาคต่อ Behaviour หรือ Release แต่เท่าที่ฟังผมว่าไม่ค่อยจะต่อเนื่องเหมือนที่ผมรู้สึกตอนฟัง Release รอบแรกที่ชวนให้นึกถึง Behaviour จริงๆ แต่วันนี้ฟังอีกรอบเริ่มรู้สึกดีขึ้นและชอบมากขึ้นแล้วครับ คือถ้าฟังแบบไม่คาดหวังอะไร อัลบั้มนี้ก็มีทิศทางในตัวของมันเองแล้ว พอฟังเพลินๆให้มันซึมซาบตามธรรมชาติก็จะรู้สึกดี เพลงต่อเนื่องสบายๆดีครับ เริ่มรู้สึกถึงความไพเราะต่อเนื่องบ้างแล้ว เหมือนอัลบั้มนี้ควรฟังยกชุดน่าจะดีกว่าฟังแยกเป็นเพลง ถ้าได้ฟังหลายๆรอบน่าจะชอบมากขึ้น ที่แน่ๆน่าจะชอบมากกว่า Nightlife, Fundamental, Yes ครับ

ตามนี้เลยครับ แต่ถ้าจะให้ฟังแยกเป็นเพลงๆจริงๆผมก็ชอบฟัง Winner, Breathing Space, Give it a Go, Memory of the Future และ Requiem in Denim and Leopardskin เป็นพิเศษครับ

ชอบ winner, breathing space, give it a go, requiem in denim and leopardskin ครับ บรรยากาศเก่าๆของ release, very, behaviour ลอยไปลอยมาอยู่พอสมควรเลยครับ

i started a joke ก็ชอบครับ  ฟังแล้วมันช่างนุ่มละมุนละไมหูดีเหลือเกินครับ

Mojo ให้ Elysium สี่ดาวเลยครับ

(http://a2.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-ash4/480079_10151196362376285_1124948479_n.jpg)

mojo ให้แค่ 4 แต่ raylee ให้ 5 ดาวเลยครับ  ;) :D ;D

ยังฟังอยู่เรื่อยๆ ยิ่งฟังยิ่งกลมกล่อมขึ้นอย่างที่คาดไว้ (ว่าแล้ว) และพอจะจัดเป็น trilogy ต่อจาก Behaviour, Release ในแง่ความปราณีตเรียบง่ายด้านดนตรีและอารมณ์รวมๆเหมือนที่น้อง Lilium ว่าไว้ ;D คือถ้าฟัง 3 ชุดนี้ต่อกันเหมือนอารมณ์จะค่อยๆกลายจากความหม่นที่สวยงามของ Behaviour กลายมาเป็นความเรียบง่ายผ่อนคลายใน Elysium สำหรับผมถือว่าเป็นอัลบั้มที่ต้องใจเย็นค่อยๆฟังไปเรื่อยๆแล้วจะชอบขึ้นซึ่งต่างจาก Behaviour, Release อยู่บ้างที่ฟังแล้วชอบเลยอยู่บ้างครับ

ผมชอบที่ Mojo บอกว่า "...with an ease and lightness of touch that was absent from their recent work"  ....ถูกต้องครับ

วันนี้นั่งฟัง Elysium ในรถวนไปมา 3-4 รอบไม่รู้เบื่อ และเริ่มสังเกตุเห็นว่าเพลงแต่เพลงในอัลบั้มนี้ค่อนข้างแตกต่างกัน คือมีความหลากหลายมาก แต่พอนำมาเรียบเรียงเป็นอัลบั้มกลับฟังได้ไหลลื่นและเพลินดีจริงๆ เพราะอารมณ์แต่ละเพลงจะเปลี่ยนไปมาไม่เบื่อ แต่ก็ได้ความรู้สึกต่อเนื่องไม่สะดุดเลย ฟังไปฟังมาถ้าว่ากันในมุมมองอัลบั้มเต็มๆกับความต่อเนื่องและคุณภาพของทุกเพลง ตอนนี้ผมเริ่มจะให้ Elysium เทียบเท่า Release แล้วและดีไม่ดีอาจจะชอบแซง Release ในอีกไม่ช้าด้วยครับ จนป่านนี้ผมไม่สามารถเจาะจงว่าชอบเพลงไหนที่สุดได้เลย เพราะมันเจาะจงยากอยู่เหมือนกัน ลองเขียนอธิบายเท่าที่รู้สึกตอนนี้ครับ

1. Leaving เปิดอัลบั้มขี้นมาด้วยเพลงจังหวะป่านกลางคล้ายๆสมัย Nightlife และ Fundamental เลย
2. Invisible ตัดอารมณ์มาที่เพลงช้าแบบเกือบปรับอารมณ์ไม่ทัน โทนเพลงนี้ชวนให้นึกถึงอัลบั้ม Fundamental ที่ช้าและเนิบๆ แต่ก็ไพเราะครับ
3. Winner เข้าสู่ซิงเกิ้ลแรกที่ไพเราะที่เปลี่ยนอารมณ์มาแบบสดใสและไพเราะชวนให้นึกถึง Release
4. Your early stuff อีกเพลงที่ผมชอบพอสมควรโดยเฉพาะท่อนคอรัสที่มาแปลกคือไม่มีการวนคอรัสรอบสอง แต่ท่อนคอรัสถือว่าไพเราะและชวนให้นึกถึงงานบีไซด์ระดับเกรดเอยุคแรกอย่าง Alternative
5. A face like that และก็มาเพลงจังหวะคึกคักภาคดนตรีชวนให้นึกถึง Very นิดๆ เพลงที่ไม่ต้องคิดอะไรมาก แต่ถือเป็นส่วนผสมเหมาะเจาะในอัลบั้มนี้
6. Breathing space อีกเพลงช้าเพราะๆชวนให้นึกถึงเพลงช้าๆอย่าง To Face The Truth (Behaviour) หรือไม่ก็ The Survivor (Billingual) หน่อยๆ
7. Ego music อีกเพลงที่ฟังบ่อยๆแล้วชอบครับ ภาคดนตรีอิเลคทรอนิคส์แบบทดลองๆเหมือนที่ทางวงเคยทำไว้กับซิงเกิ้ล DJ Culture จากอัลบั้มรวมเพลงและเพลง Electricity จาก Billingual เนื่อเพลงเหมือนมองกลับไปในเวลาที่อยู่ในวงการเพลงและการเป็นศิลปินและเหมือนเป็นการขอบคุณแฟนๆ ด้วย จะทิ้งท้ายอะไรหรือเปล่า?
8. Hold on เข้าสู่เพลงประสานเสียงที่ไพเราะน่าฟังมาก เสียงนักร้องประสานที่ร้องแทรกเป็นช่วงๆก็ทำออกมาได้ไพเราะมาก เกือบเป็นเพลง PSB แบบกอสเปล
9. Give it a go เข้าสู่เพลงกึ่งๆอคูสติกสุดสบายๆ เรียบง่าย ปราณีตครับ
10. Memory of the future อีกเพลงที่เดาว่าอาจตัดเป็นซิงเกิ้ลในอนาคต
11. Everything means something โทนเพลงแปลกไม่ค่อยเหมือนชุดก่อนๆดี อาจถือเป็นเพลงโปรเกรฟสีฟอ่อนๆของ PSB ได้เลย ซึ่งผมชอบนะ อารมณ์เพลงนี้ถ้าจะให้เป็นเพลงปิดอัลบั้มก็จะเยี่ยมมาก แต่ PSB มักไม่ค่อยปิดอัลบั้มด้วยอารมณ์หม่นๆเลยต้องเพลงรองก่อนปิดอัลบั้ม
12. Requiem in denim and leopardskin เพลงปิดอัลบั้มที่อารมณ์เพลงชวนให้นึกถึงเพลงปิดอัลบั้ม Billingual อย่าง Saturnday Night Forever ส่วนเนื่อเพลงเป็นการบอกลาหรือเปล่า อันนี้ยังไม่แน่ใจ แต่หวังว่าคงไม่นะ :D

ท่อนฮุคที่ร้องว่า This is our last chance for goodbye, let the music begin... นี่ฟังแล้วขนลุกเลยครับ เหมือนจะสั่งลากันจริงๆเลย เพลงนี้ผมคิดว่าถ้าเอาไปเล่นสดคงจะทรงพลังขึ้นไม่น้อยเลยครับ

กระทู้นี้คุยไปคุยมาเหลือกันอยู่แค่ 3 คนเอง หากวันไหนผมมีโอกาสเหมาะๆเข้ากรุงเทพ อยากจะขอเรียนเชิญคุณ tron กับคุณ lilium เอาไว้ล่วงหน้าเลยนะครับ (ขอเปิดประชุมเจรจา 3 ฝ่ายโดยผมยินดีอาสาเป็นเจ้าภาพเองครับ)

ด้วยความยินดีครับ :D

+1 ครับ

ยินดีเช่นกันครับ :D

http://www.bbc.co.uk/music/reviews/pnx2

มาอีกแล้วครับคุณเรย์ :D

http://www.petshopboysshop.co.uk/petshopboys/Memory-of-the-Future/

สงสัยมีแววว่าจะได้เสียตังค์อีกเป็นรอบที่ 3 ครับคุณสิทธิ์

น่าจะอย่างนั้นครับ เพราะเขาให้มาใส่รวมในกล่อง deluxe ให้ครบ :D

 ;)แสดงว่าถ้าใครมีกล่อง deluxe แล้ว จะต้องหามาใส่ให้ครบใช่มั๊ยครับ  ;)

ถูกต้องแล้วครับ ขนาดผมไปสิงค์โปร์เจอกล่องนี้ยังกล้าๆกลัวๆว่าจะซื้อดีไหม เพราะมั่นใจว่าถ้าซื้อมาแล้วผมต้องซื้อบรรดาซิงเกิ้ลทุกเพลงมาใส่ด้วย ห้ามขาดเด็ดขาด ไม่งั้นเหมือนเก็บไม่สมบูรณ์ :D

มาลุ้นเพลงแถม 3 เพลงกันต่อครับว่าจะมีของดีซ่อนไว้อีกหรือเปล่า?

1   Memory of the future (Stuart Price mix)
2   Listening
3   One night
4   Inside

ถึงจะยังไม่เคยฟัง แต่แค่ได้เห็นชื่อเพลงอย่าง one night ก็ถูกจริตผมเสียแล้วครับ
กลัวว่ามันจะเพราะกว่าใน studio album อย่างเพลง in his imagination น่ะสิครับ

ครับ ชื่อเพลงแบบนี้ผมจะเดาว่าประมาณเพลงช้าๆเนิบๆเย็นๆ มารอลุ้นกันครับ ออกปลายปีเลยแต่ใกล้ๆคงมีหลุดมาก่อน และลุ้นว่า  Memory of the future (Stuart Price mix) ที่ปรับแต่งเพื่อเป็นเวอร์ชั่นซิงเกิ้ลจะออกมาต่างจากอัลบั้มมากแค่ไหน? ในอดีต PSB มักมีเวอร์ชั่นซิงเกิ้ลที่ไม่เหมือนในอัลบั้ม เอาที่ผมจำได้นะครับ ไม่นับพวก edit หรือตัดต่อให้สั้นลงนะครับ

Suburbia อันนี้ต่างแบบเห็นได้ชัด เพราะอัดไหมหมดครับ
Rent อันนี้ต้องฟังดีๆตอนอินโทรนี่แหละครับ
Heart อันนี้ก็ไม่ยาก
Left to my own device
It's alright
I wouldn't normally do this kind of thing
Yesterday when I was mad
A Red Letter day ผมชอบเพลงนี้มากๆเพราะเวอร์ชั่นซิงเกิ้ลนี่แหละครับ

ผมก็ชอบ a red letter day เวอร์ชั่น singles เหมือนกันเพราะจบได้เนียนและพริ้วกว่าครับ

ใช่ครับ เพิ่มท่อนโซโลซินธ์ เพิ่มท่อนร้องและเปลี่ยนเนื้อร้องตอนท้ายๆนิดๆด้วย ที่สำคัญซาวนด์ดีกว่าในอัลบั้มมาก

เหมาะสำหรับเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับแฟนๆเพลงพอดีเลยครับ

เอาเอ็มวีแรกของชุดใหม่เพลง Leaving มาแปะครับ อารมณ์เหมือนเอ็มวีเก่าๆพวก King's Cross หน่อยๆ

http://www.youtube.com/watch?v=U81VoqHxIp4

ส่วนเพลงแถมในซิงเกิ้ลใหม่ Memory of The Future เหมือนจะเพราะไม่แพ้ในอัลบั้มอีกแล้วครับ

http://www.amazon.co.uk/Memory-future-Pet-Shop-Boys/dp/B00A6F9YFQ/ref=sr_1_6?s=music&ie=UTF8&qid=1356794134&sr=1-6

เพลง Memory of the Future (new single remix) เหมือนร้องใหม่ด้วยหรือเปล่า?

อย่างกับไตเติ้ล Star Wars

http://www.youtube.com/watch?v=NgU1v3ww0k8

เร็วเกินคาดจริงๆครับ บอกแล้วเขาไม่หมดไฟกันง่ายๆหรอก :)

http://www.youtube.com/watch?v=gNliJ66WbbU

ถ้าชุดที่แล้วเปรียบได้กับ Behaviour ชุดนี้ก็น่าจะเปรียบเหมือน Very ภาคสองนะครับ ดูจากไตเติ้ลก็มีกลิ่นอายมาแล้ว

http://www.youtube.com/watch?v=SYNky_K5xeI

เพลงนี้คัฟเวอร์ Bruce Springsteen ครับ จะอยู่ในอัลบั้มชุดใหม่ด้วย

ด้วยความที่ผมชอบหลายๆเพลงในอัลบั้ม Nightlife เป็นการส่วนตัว แต่ก็เสียดายที่โดยภาครวมแล้วอัลบั้มนี้มันดูจับฉ่ายและไร้ทิศทางไปหน่อย ตอนนี้ผมก็เลยพยายามทำให้งานชุดนี้น่าฟังมากขึ้นด้วยการตัดบางเพลงที่ผมคิดว่าอารมณ์มันหลุดๆไปหน่อย (ไม่ใช่เพลงเหล่านั้นไม่ดีนะครับ แต่อารมณ์มันไม่ใช่อ่ะ) แล้วใส่พวกบีไซด์ของซิงเกิลที่ออกช่วงนั้นมาแทน (บวกกับอีกหนึ่ง interlude หลอนๆจากมิวสิคัล Closer to Heaven) ปรับเปลี่ยนการเรียงเพลงนิดหน่อยก็รู้สึกว่ามีความต่อเนื่องน่าฟังขึ้นครับ ทำให้อัลบั้มชุดนี้กลายเป็นงานที่หม่นมืดที่สุดของ PSB ไปเลย ก็ได้อารมณ์ตามชื่ออัลบั้มดีครับ ใครจะเอาไปลองก็เชิญครับ

ลิสต์เพลงใหม่จะประมาณนี้...

1. For Your Own Good
2. Closer to Heaven
3. I don't know what you want...
4. Happiness is an Option
5. Casting a Shadow
6. Vampires
7. Radiophonic
8. K-Hole
9. Screaming
10. The Ghost of Myself
11. Silver Age
12. Lies
13. Footsteps

เพลงใหม่แบบชัดๆครับ จากคอนเสิร์ตที่อาร์เจนตินาเมื่อไม่กี่วันก่อน

Thursday - ได้ฟีลงานสองชุดแรกนิดๆ ลงตัวและติดหูมาก คาดว่าน่าจะเป็นซิงเกิลต่อไปแน่ๆ ส่วนตัวผมคิดว่าท่อนแรปของ Example ก็ไม่ได้ทำลายความดีของเพลงไปแต่อย่างใด
http://www.youtube.com/watch?v=DqNNIctkxpI

Last To Die - งานคัฟเวอร์ Bruce Springsteen ที่ให้อารมณ์แตกต่างจากต้นฉบับพอสมควร แต่ก็เพราะไม่แพ้กัน
http://www.youtube.com/watch?v=S0qdx43QBvw

Vocal - เพลงเทคโนเพราะๆ ได้อารมณ์ชุด Very ครับ
http://www.youtube.com/watch?v=6_oWhW2jc24

https://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=GKxWCJOdjK8

ยังไม่ทิ้งความเปรี้ยวนะ อยากดูสดๆแล้ว

อันนี้ตัวอย่างของเพลง Fluorescent ครับ

http://www.youtube.com/watch?v=SJzTzRGfR5U

ได้ฟัง Electric แบบเต็มๆหลายรอบแล้ว บอกได้เลยว่านี่คืองานที่ดีมากๆอีกชุดนึงของ PSB ครับ เป็นงานเพลงแดนซ์ที่ตรงข้ามกับความนุ่มนวลในชุด Elysium อย่างสิ้นเชิง แต่ก็เพลงแดนซ์ในแบบของ PSB น่ะไม่ธรรมดาอยู่แล้วครับ เพลงเด่นๆในชุดนี้ก็เช่น Inside a Dream กับ Fluorescent ที่ฟังแล้วนึกถึงงานชุดแรกๆ ทั้งท่วงทำนอง และเสียงซินธ์+โปรแกรมมิง แต่จะทดลองมากกว่าและไม่ได้มีโครงสร้างแบบเพลงป๊อปทั่วไป รวมไปถึงเพลงโคตรติดหูอย่าง Thursday ที่ราวกับหลุดมาจากชุด Please ยังไงยังงั้น แม้จะมีท่อนแรปฝีมือแรปเปอร์หนุ่มอย่าง Example แทรกเข้ามาด้วยแต่ก็ไม่ได้ทำให้เพลงเสียรสชาติแต่อย่างใด (เพราะปกติ Neil ก็ชอบแรปด้วยสำเนียงบริติชอยู่บ่อยๆอยู่แล้ว)

การคัฟเวอร์เพลงไม่ดังของ Bruce Sprinsteen อย่าง The Last to Die นี่ก็ทำได้ยอดเยี่ยมครับ ตัวเมโลดีของต้นฉบับน่ะเพราะมากอยู่แล้ว แต่ PSB เอามาทำซะอย่างกับเป็นเพลงของตัวเองจริงๆเลย อีกเพลงที่น่าพูดถึงก็คือ Love Is A Bourgeois Construct ครับ อันนี้พวกเขาแซมปลิงเมโลดีจากเพลงซาวนด์แทร็คที่ประพันธ์โดย Michael Nyman มาเป็นยูโรแดนซ์อารมณ์เดียวกับชุด Very ก็ฟังดูน่ารักและได้ความรู้สึกแปลกๆดี ในขณะที่เพลงปิดอัลบั้มอย่าง Vocal นี่ฟังแล้วนึกถึง It's Alright จากชุด Introspective ครับ

Axis กับ Shouting in the Evening นี่เป็นเพลงแดนซ์เต็มสูบครับ กึ่งๆจะเป็นเพลงบรรเลงแบบชุด Very Relentless ส่วนอีกเพลงที่เหลืออย่าง Bolshy นั้นเป็นเพลงป๊อปฉูดฉาดแบบยุค 80s จริงๆ นึกถึงงานเ่่ก่าๆของ Madonna หรือ Cyndi Lauper อะไรแบบนั้นน่ะครับ

http://www.youtube.com/watch?v=pOE4hRJzq2g

ที่ชอบมากๆก็ 5 เพลงนี้ครับ

Inside A Dream
เป็นเพลงที่เนิบๆไปเรื่อยๆแต่มีเสน่ห์บอกไม่ถูกครับ คงเพราะเป็นไลน์เบสซินธิ์ที่เท่และการเรียบเรียงที่ยอดเยี่ยมด้วย ให้เป็นเพลงที่ยอดเยี่ยมที่สุดของชุดนี้ครับ

Fluorescent
จริงๆเพลงนี้เรียกว่าสูสีกับ Inside A Dream ก็ว่าได้ เสียงเบสซินธิ์ของ Moog ในท่อนอินโทรนี่สุดยอดมาก ท่วงทำนองท่อนร้องชวนให้นึกถึงงานชุดแรกเลย ทำนองซินธิ์อาจทำให้นึกถึงเพลงดังของวง Visage อย่าง Fade to Grey บ้างนิดหน่อย แต่อาจบังเอิญมากกว่า

Love Is Bourgeois Contruct
เพลงนี้เรียกว่าเหมือนหลุดมาจากอัลบั้ม Very ท้ังทำนอง ดนตรี และบรรยากาศ เรียกว่าเอาไปใส่ในอัลบั้ม Very ได้แบบเนียนๆ แถมมีเสียงประสานแบบไควร์แบบเพลง Go West ด้วย สำหรับคนที่ชอบ Very จาก 20 ปีที่แล้วอย่างผมต้องบอกว่าถูกใจมาก

Thursday
ขึ้นดนตรีมานี่นึกว่าภาคต่อของ West End Girls เลยใน 1 นาทีแรกชอบมากๆ แถมได้ยินเสียงร้องของ Chris Lowe อีกครั้งในท่อนฮุคที่ร้อง Thursday, Friday, Saturday หลังจากไม่ค่อยได้ยินเสียงเขาในระยะหลังๆ

The Last to Die
คัฟเวอร์ออกมาได้ไพเราะมาก อย่างที่น้องเหม่งว่าครับ เหมือนเป็นเพลงของ PSB เองเลย

เพลงที่เหลือก็ฟังได้เพลินๆต่อเนื่อง โดยส่วนตัวผมถูกใจอัลบั้มนี้มากกว่าอัลบั้มที่แล้วอย่าง Elysium ที่ย่อยนานกว่าชุดนี้ (สำหรับผมนะครับ) เพราะความที่อัลบั้มเน้นซินธิ์แพรวพราวและทดลองนิดๆ และแต่ละเพลงก็มีโครงสร้างแหวกแนวกว่าที่ทำมาพอสมควร แต่ฟังดูเข้าท่าและเท่มากครับ

มีใครจะซื้อฟอร์แมทใหม่นี้บ้างไหมครับ?

http://playbutton.com/products/pet-shop-boys-electric

http://www.popjustice.com/blogs/etc/here-are-five-reasons-why-pet-shop-boys-electric-is-their-best-album-since-very/117254/