ก็ขอกล่าวถึงผลงานในรูป LP ของ Mike เท่าที่พอจะตามเก็บมาได้ดังนี้ครับ
1. Tubular Bells (1973) LP ประวัติศาสตร์ชุดนี้วางตลาดเมื่อ Mike อายุเพียง 20 ปี ซึ่งเขาต้องใช้เวลาถึง 3 ปีในการเรียบเรียงความคิดให้ออกมาเป็นดนตรีที่ซับซ้อนและสมบูรณ์ได้สำเร็จ Mike เป็นผู้เล่นดนตรีเองเกือบทุกชิ้นโดยการใช้เทคนิคอัดทับหลายๆ ครั้ง
LP ชุดนี้ติดอันดับ Pop LP ในอังกฤษติดต่อกันนานถึง 3 ปี และ Mike ยังได้รับรางวัลแกรมมี่ ในฐานะผู้ผลิต Best Instrumental Pop LP ซึ่งผู้เขียนก็ยังสงสัยอยู่ไม่หายว่า LP นี้ มันเป็น Pop ได้ยังไง นอกจากนี้ Mike ยังได้รับคำชมเชยจากนักวิจารณ์เป็นจำนวนมาก ในด้านความคิดแบบนอกรีดนอกรอย ซึ่งเป็นความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ที่มีอิทธิพลต่อตัว Mike เองในเวลาต่อมา ตลอดจนต่อนักแต่งเพลงคนอื่นๆ
The Exorcistใน LP ชุดนี้มีเพลงอยู่เพลงเดียว ความยาวกว่า 40 นาทีเป็นเพลงบรรเลงหลายลีลาที่มีทั้งช่วงที่เปลี่ยนจังหวะแบบค่อยเป็นค่อยไป และแบบกะทันหัน ซึ่งยากที่จะอธิบายเป็นคำพูดได้ว่าไพเราะเพียงใด ในชุดนี้ มี Sally Oldfield มาช่วยร้องเป็น Chorus คนหนึ่งซึ่งไม่มีบทบาทมากนัก ท่อนที่เด่นมากของเพลงชุดนี้คือ ท่อนเริ่ม ซึ่งถูกหยิบยืมไปใช้ในหนัง The Exorcist ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยโหมกระพือความโด่งดังของ LP ชุดนี้ สำหรับท่อนท้ายของหน้า A ซึ่งเป็นช่วงแนะนำเครื่องดนตรีหลายชนิด และท่อนท้ายของ หน้า B ซึ่งเป็นการนำเพลงสั้นๆ ชื่อ Sailor's Hornpipe มาเรียบเรียงใหม่ ก็ได้ถูกแยกออกไปรวมไว้ใน LP รวมเพลงเอกของ Mike ในชุดต่างๆ
เมื่อติดตามผลงานของ Mike ทุกชุด จะพบว่า Mike ไม่สามารถหลุดพ้นจาก Tubular Bells ซึ่งเปรียบเสมือนมีดปักหลังของ Mike ไปได้ ไม่ว่าเขาจะทำผลงานออกมาในแนวไหน ก็ยังพบว่า ยังมีอิทธิพลของ Tubular Bells แฝงอยู่ไม่มากก็น้อย การจะทำความรู้จักกับผลงานของ Mike ทั้งหมด สามารถทำได้โดยการฟังชุด Tubular Bells เพียงชุดเดียว เพราะ LP. อีกหลายชุดที่ตามมาเป็นการเดินรอยตาม Tubular Bells อย่างออกนอกหน้า ส่วน LP ชุดอื่นๆ ที่ออกตามมาอีกแม้จะเพิ่มเสียงร้องนำ และการทำดนตรีให้ Pop มากขึ้นเพื่อพยายามทำตัวให้หลุดพ้นจากอิทธิพลของ Tubular Bells แต่เสียงกีตาร์ในหลายเพลง มันช่างเหมือนเสียงกีตาร์ในเพลง Tubular Bells เหลือเกิน
The Orchestral Tubular Bells - David Bedfordเพื่อเป็นการฉวยโอกาสจากความสำเร็จของ Tubular Bells หรือเปล่า ไม่สามารถทราบได้ David Bedford ได้ผลิต LP ชุด The Orchestral Tubular Bells ขึ้นมาซึ่งเป็นการบรรเลงโดยวง Orchestra โดยมี Mike เป็นผู้เล่นกีตาร์ ซ้ำยังทำหน้าปกเลียนแบบ LP ของ Mike อีกด้วย
2. Hergest Ridge (1974) LP ชุดนี้ Mike ยังคงเหมาเล่นเครื่องดนตรีส่วนใหญ่เช่นเคย ซึ่งผลที่ออกมาก็เป็นดนตรีที่ด้อยกว่าแผ่นแรกอย่างน่าเกลียด โดยมีอิทธิพลของดนตรี Minimalism เข้ามาพอสมควร LP ชุดนี้ได้รับการต้อนรับด้วยดี โดยอาศัยบารมีของ Tubular Bells คุ้มหัว
ดนตรีในชุดนี้ มีการเปลี่ยนอารมณ์แบบค่อยเป็นค่อยไป แบบ Minimalism ซึ่งผิดกับ LP ชุดแรก ทำให้ฟังดูธรรมดามากและค่อนข้างน่าเบื่อ อาจจะเป็นเพราะมี David Bedford มาช่วยงานด้านเครื่องสายและเสียงประสาน ซึ่งตามความเห็นของผู้เขียน David Bedford ในยุคนั้นเป็นผู้เชี่ยวชาญในการทำดนตรีที่แปลกแต่น่าเบื่อ และยืดเยื้อมากๆ เช่นเดียวกับดนตรีแนว Ambient ของ Brian Eno