์Nude หลากหลายลีลาและอารมณ์ ลื่นไหนต่อเนื่อง ไพเราะประทับใจ ปกเท่ห์มีดีไซน์ ชุดนี้ ผม๙ื้อทั้ง เทปผี เทปลิขสิทธิ์ แผ่นเสียง cd ( พอละดีกว่า ซื้ออย่างอื่นมั่ง .. )
ผมนึกอยู่ในใจว่าทำไมโทนสีและรูปภาพบนปก มันดูเอเชียๆยังไงบอกไม่ถูก พอได้ยินคำเฉลยจากปากสมาชิกวง ก็ให้คลายข้องใจ คือเขาพูดถึงทหารญี่ปุ่น ( คนหนึ่ง ? ) ที่หนีกลับมาจากสงครามในทะเลแปซิฟิคเพราะความเคว้งคว้าง ไม่เข้าใจในแก่นสารของสงครามที่ดำเนินอยู่ ( แปลถูกไหมหว่า
)
Quote เก่าไปนิดนะครับ ขออภัยแต่เพิ่งกลัมาอ่านกระทู้นี้เลยขอเพิ่มเติมหน่อย Nude เป้นคอนเสพอัลบั้มที่มาจากเรื่องจริงที่แสนจะหลุดโลก แต่ก็เกิดขึ้นมาแล้วจริงๆ ใครทราบอยู่แล้วก็ขอบันทึกไว้ตรงนี้อีกนิดแล้วกันนะครับ
เรื่องของเรื่องคือมีนายทหารร้อยโทญี่ปุ่นชื่อ ฮิโรโอะ โอโนดะ ถูกส่งไปประจำการที่เกาะลูบังอินโดนิเซียในปี 1944 ตอนนั้นเป็นช่วงปลายสงครามโลก พอปี 1945 แกกับลุกน้องอีกสามคนถูกนายแกสั่งให้ไปทำการลาดตระเวณในป่าลึกในเกาะคงไปลาดตระเวนอะไรประมาณนั้น แกก็ออกไปตามคำสั่ง แต่พอดีช่วงที่แกหายไปปฎิบัติงาน ญี่ปุ่นเจอระเบิดนิวเครียสงครามสงบพอดีครับ พอแกปฎิบัติหน้าที่ลาดตระเวณเสร็จกลับมา แกก็ไม่เจอใครที่ฐานแกแล้วสิแล้วสิครับแกก็คิดว่าคงโดนข้าศึกตีถอยล่นไปแน่แกก็เลยนำลุกน้องหลบเข้าไปป่าไป โดยที่ไม่รู้ว่าสงครามโลกสงบลงไปแล้ว แกกะลุกน้องอยู่ไปเรื่อยๆครับ คงมีออกมาดูลาดเลาบ่าง แอบกลับไปอยู่ถ้ำบ่าง ยิงกะชาวบ้านที่เข้าป่าไปเรื่อยเพราะคิดว่าเป็นศัตรู จนกลายเป็นเหมือนตำนานผีในป่าของชาวบ้านแถวนั้นไป
เวลาผ่านไปเช่นนั้นนานมากขึ้นๆ ที่แกหลบซ่อนกองกำลังของแกสี่คน ซุ่มโจมดี ที่จริงคือโขมยอาหารชาวบ้านมากกว่า เพราะตอนนี้ศัตรูที่แกเข้าใจก็คือชวาบ้านที่กลับมาอยู่กันปรกติแล้ว โดยที่แกคิดว่าสงครามยังดำเนินอยู่ จนทางการเอาเครื่องบินมาโปรยใบปลิวในป่าให้แกอ่านว่าสงครามสงบแล้วนะใครที่หลบๆอยู่นะออกมาเถอะ ที่จริงคนโปรยก็ไม่รู้เหมือนกันว่าโปรยให้ใครแต่คงมีซักคนละนะที่อยู่ในป่านี้แน่นอน แกเห็นใบปลิว แกก็ไม่เชื่อคิดว่าเป็นแผนของศัตรู โปรยใบปลิวแบบนี้อยู่หลายปีตั้งแต่ปี 1952 -1957 ก็ไม่มีผล จนเอาคำประกาศยอมแพ้ขององค์จักรพรรดิ์ ติดไปทั่วป่า แกก็ไม่เชื่ออีกคิดว่าเป็นของปลอม เวลาผ่านไปลุกน้องแกตายไปทีละคนเพราะป่วยบ่าง บาดเจ็บจากการยิงกะชาวบ้านบ่าง จนเหลือตัวแกอยู่คนเดียว แกก็ยังคิดว่าสงครามยังดำเนินต่อไปอยู่อย่างนั้น จนกระทั้งปี 1974 ไม่ผิดครับอ่านปีถูกต้องแล้ว ยี่สิบเก้าปีหลังสงครามโลก มีนักท่องเที่ยวญี่ปุ่นไปเจอแก คุยบอกความจริงกับแก แกก็ยังไม่เชื่อบอกว่าต้องให้นายทหารที่เป็นหัวหน้าแกมายืนยัน จนรัฐบาลต้องตามตัวนายพันที่ สั่งให้แกออกไปลาดตระเวนบินมาเกาะลูบัง สั่งให้แกยอมแพ้สงคราม และวางอาวุธซะ แถถึงยอมออกมา หลังจากคิดว่าสงครามยังดำเนินอยู่ถึง ยี่สิบเก้าปี และหลังจากที่แกถูกจำหน่ายว่าตายไปแล้วสิบห้าปี ผมคิดว่า O the city light. ในเนื้อเพลงหมายถึง Onoda นี่แหละครับ
นี่เป้นเรื่องนึงที่เกิดขึ้นจริงประหลาดยิ่งกว่านิยาย ที่จริงโอโนดะเป็นคนที่สองรองสุดท้ายในเคสแบบนี้ เพราะก่อนหน้าแกนึ่งปีก็มีเคสแบบนี้อยู่คนนึงที่เกาะกวม อันนี้เป็นพลทหารครับ หนักกว่าโอโนดะอีกเพราะแกขุดรูอยู่ในป่าอยู่คนเดียวโดดๆเลยนานถึงยี่สิบแปดปี จนมีคนไปเจอในปี1973 อีกเคสนึงเจอหลังโอโนดะสามเดือน ในเกาะที่ไต้หวัน แต่เคสของโอโนดะจะโด่งดังที่สุดและถูกมองในฐานะฮีโร่มากที่สุดเมื่อกลับประเทศ เลยเป้นเคสที่คนจดจำมากที่สุด คงมีแต่เลือดบูชิโดแบบญี่ปุ่นอันสุดโตกเท่านั้นที่จะหล่อหลอมคนจนสุดขั้วได้ขนาดนั้น อ่านเรื่องนี้ไปขำก็ขำไม่ออกครับ