ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

 
การค้นหาขั้นสูง

149686 กระทู้ ใน 4435 หัวข้อ- โดย 847 สมาชิก - สมาชิกล่าสุด: axlrose

05 พฤษภาคม 2024 | 09:13:56 AM
Thai Progressive Rock CommunityThaiProgKeep Talkingกิจกรรม : Thaiprogers Top 2008 Albums
หน้า: 1 2 3 [4]
พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: กิจกรรม : Thaiprogers Top 2008 Albums  (อ่าน 46239 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 2 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
.. polotoon ..
The Snow Goose
**********
กระทู้: 18602



ดูรายละเอียด
« ตอบ #45 เมื่อ: 10 มกราคม 2009 | 08:50:22 AM »

โอ ยอดเยี่ยมปานนี้เชียวหรือ เห็นทีจะต้องเจกันเร็วๆนี้เสียแล้วสิ  ยิ้มกว้างๆ
บันทึกการเข้า

TRON
The Snow Goose
**********
เพศ: ชาย
กระทู้: 12866



ดูรายละเอียด
« ตอบ #46 เมื่อ: 15 มกราคม 2009 | 02:38:59 PM »

มาช้าดีกว่าไม่นะครับ  ยิ้มกว้างๆ

1. Metallica - Death Magnetic

เอาไปเลยอันดับหนึ่งกับอัลบั้มที่ทวงศักดิ์ศรีของเจ้าพ่อแทรชเมทัลมาได้อย่างงดงาม

2. Sigur Ros - Med Sud I Eyrum Vid Spilum Endalaust

งานที่เปลี่ยนจากซาวนด์ล่องลอยกลายมาเป็นซาวนด์แบบอคูสติกและธรรมชาติ ได้อารมณ์แบบเปลือยเปล่าไร้สิ่งเจือปนเหมือนปกอัลบั้ม

3. Coldplay - Viva La Vida or Death and all his friend + Prospekt March

ค่อยๆเติบโตขึ้นมาอีกระดับ การเรียบเรียงดนตรีระดับวงขึ้นหิ้ง น่าจะเป็นผู้สืบทอดวงยูทูในอนาคตได้แน่นอน

4. David Gilmour - Live In Gdansk

แค่ว่าเป็นงานบันทึกการแสดงสดครั้งสุดท้ายทีมีริคเล่นด้วย ก็ไม่ต้องสาธยายอะไรแล้ว

5. Guns N' Roses - Chinese Democracy

โดยภาพรวมค่อนข้างผิดหวัง แต่อย่างน้อยก็เป็นงานดนตรีที่ดีกว่าหลายๆวงในปัจจุบัน น่าจะเป็นหนึ่งในอัลบั้มที่ต้องใช้ความพยายามมากเป็นพิเศษเพื่อเข้่าใจในสิ่งที่ Axl Rose จะสื่อ

6. Nine Inch Nails - Ghosts I - IV

งานทดลองของเจ้าพ่ออินดัสเตรียล ที่เหมือนเป็นการแจมด้วยเครื่องดนตรีจริงๆกับเสียงสังเคราะห์ตามสไตล์ มี Adrian Belew มาร่วมแจมด้วย

7. Avenged Sevefold - Live in the LBC

ได้ดูการแสดงสดชุดนี้แล้วต้องบอกว่ามันส์จริงๆครับ

8. Journey - Revealation

อยากให้เครดิตอัลบั้มนี้ที่ตัวนักร้องคนใหม่ที่มีพลังเสียงใกล้เคียง Steve Perry มากๆครับ

9. Bass Communion - Pacific Codex

ดำิดิ่งไปในทะเลลึกกับ Steve Wilson

10. Keane - Perfect Symmatry

โดยรวมออกจะด้วยกว่า 2 ชุดแรก แต่ก็ยังมีเมโลดี้โดนๆตามสูตรให้ได้ฟังกันครับ

จริงๆน่าจะมีงานอื่นดีๆที่ออกมาในปีนี้อีกมากมาย เพียงแต่ผมยังไม่ได้ศึกษาอย่างละเอียดเท่านั้นครับ งานอย่าง Oasis, Opeth, Steve Wilson คิดว่าดีเหมือนกัน แต่ยังไม่มีเวลาให้พอเลยไม่ได้พูดถึงครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15 มกราคม 2009 | 04:21:47 PM โดย TRON » บันทึกการเข้า
Layla F Mulder
Administrator
Blackfield
*****
เพศ: ชาย
กระทู้: 3604


Without appreciation, the music isn't worth.

basnaphon@hotmail.com
ดูรายละเอียด อีเมล์
« ตอบ #47 เมื่อ: 15 มกราคม 2009 | 02:45:00 PM »

ผมหนีงานมาหลายวันแล้วครับ ช่วงนี้ทำแต่โปรเจคต์ รายงาน ก็จะพยายามทำของตัวเองให้เสร็จเรื่อยๆ นะครับ คือว่ามันมีงานเข้ามาตลอดแหละ แต่คิดว่ายังไงต้องพยายามเอาทั้งหมดนี้ลงหน้าเว็บให้ได้ ตอนนี้อยากทำให้มันเป็นไฟล์พวก pdf เก็บไว้ด้วยครับ ทำเป็น Thaiprog Fanzine #1 เลยก็ดี แต่ไม่มีความรู้เลย ถ้าว่างแล้วจะลองมั่วๆ ดูนะครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15 มกราคม 2009 | 02:46:42 PM โดย Agent Fox Mulder » บันทึกการเข้า

 
Tsundere (ツンデレ?) (pronounced /(t)sʌnˈdɪə(r)/ in English or /t͡sun.de.ɽe/ in Japanese) is a Japanese concept of a character archetype which describes a person with a conceited, irritable, and/or violent personality that suddenly becomes modest and loving when triggered by some sort of cause (such as being alone with someone)
Layla F Mulder
Administrator
Blackfield
*****
เพศ: ชาย
กระทู้: 3604


Without appreciation, the music isn't worth.

basnaphon@hotmail.com
ดูรายละเอียด อีเมล์
« ตอบ #48 เมื่อ: 18 มกราคม 2009 | 09:08:24 PM »



12. Nakayoshi Battle Concert Tour 2008 Haru ~Berryz Kamen vs Cutie Ranger~ - Berryz Koubou & C-ute

เมื่อ Yes และ Genesis แห่งวงการ J-Pop โคจรมาพบกัน


ลองจินตนาการถึงวงโปรแกรสสีฟร็อคระดับตำนานอย่าง Yes กับ Genesis ทั้งสองวงออกทัวร์เล่นคอนเสิร์ตบนเวทีเดียวกัน นำเพลงของแต่ละวงมาช่วยกันร้องและเล่นกันอย่างสนุกสนาน เพอฟอร์มแมนซ์ยอดเยี่ยมไร้ที่ติ และัแน่นอนว่าเป็นทัวร์ที่ประสบความสำเร็จอย่างสูง จนมีดีวีดีบันทึกการแสดงสดตามออกมา.............

เรื่องที่กล่าวมาข้างต้นอาจจะเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้สำหรับวงการดนตรีโปรแกรสสีฟร็อค แต่สำหรับวงการ J-Pop แล้ว ทุกอย่างล้วนเป็นได้เสมอ (โดยเฉพาะเมื่อวงสองวงอยู่ในค่ายเดียวกัน) และนี่คือ Nakayoshi Battle Concert Tour 2008 Haru ~Berryz Kamen vs Cutie Ranger~ ดีวีดีบันทึกการแสดงสดจากสองสุดยอดวง J-Pop แห่งยุค  ยิงฟันยิ้ม (คิดเอาเองหรือเปล่าเนี่ย?)

เมื่อทางช่วงฤดูใบไม้ผลิของปี 2008 ทาง H!P ได้เข็น Berryz และ C-ute ออกทัวร์คอนเสิร์ตแพ็คคู่ร่วมกัน งานนี้โปรดักชั่นของทัวร์จึงค่อนข้างใหญ่และลงทุนมากกว่าทัวร์ปกติทั่วๆ ไป สำหรับโอตาคุหลายๆ คนก็เป็นแฟนของสองวงนี้คู่กันอยู่แล้วด้วย งานนี้จึงถือว่าคุ้มยิ่งกว่าคุ้ม ซึ่้งผมเองก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าตั๋วคอนแพงแค่ไหน หลังจากดูดีวีดีไปได้หลายรอบก็ได้แต่นั่งฝันหวานว่า อยากไปดูคอนติดขอบเวทีแบบลุงโอตาคุที่ญี่ปุ่นบ้าง สำหรับสถานที่บันทึกคอนเสิร์ตครั้งนี้ถือว่าใหญ่โตพอสมควร ที่สังเกตเห็นได้อย่างชัดเจนคือจะมีเวทีอยู่สองฝั่งของฮอลล์ใหญ่ และทั้งสองเวทีจะถูกต่อเชื่อมกันด้วยพื้นที่ยกสูงตรงกลางขนาดใหญ่คล้ายๆ สะพาน เรียกว่างานนี้คนดูที่อยู่แถวๆ โซนกลางฮอลล์คงจะได้สัมผัสน้องๆ แบบใกล้ชิดสุดๆ เลยทีเดียว พอแล้วๆ อิจฉาครับ เข้าเรื่องคอนเสิร์ตกันเลยดีกว่า



เิปิดงานด้วย Darling I Love You ซิงเกิ้ลแยกเวอร์ชั่นของทั้งสองวง Berryz ปรากฎตัวในชุดสีฟ้า และ C-ute ปรากฎตัวในชุดสีชมพู ตอนเปิดตัวนี่ผมตื่นเต้นราวกับได้ยินได้ฟัง Speak to Me/Breathe ในการเปิดตัวของคอนเสิร์ตพิงค์ฟลอยด์เลยทีเดียว (เว่อร์ไหม) หลังจากนั้นก็อัดต่อด้วยเพลงมาสเตอร์พีซของทั้งสองวง Special Generation และ Ookina Ai de Motenashite ซึ่งนี่ถือว่าเป็นไฮไลท์ของคอนเสิร์ตเลยก็ว่าได้ ทั้งสองวงร่วมกันร้องและเต้นเพลงของต่างวงได้อย่างคล่องแคล่วราวกับเป็นเพลงของวงตัวเอง เต้นกันตรงสะพานกลางฮอลล์นั่นแหละครับ ตอนวิ่งจากเวทีสองฝั่งไปรวมกันกลางฮอลล์นี่เสียงโอตาคุครางฮือกันเลยทีเดียว แถมท่าเต้นในเพลง Special Generation ยังมีการเข้าไปยืนเรียงแถวผสมกันระหว่างสองวงอีกด้วย สุดยอดจริงๆ ครับ ท่าเต้นปล่อยแสง กับกระโดดเหย๋งๆ ดูกี่ทีก็ยังปลื้มทุกที Ookina Ai de Motenashite นี่มีเด็กไข่ออกมาร่วมเต้นด้วยครับ ต้องบอกว่าในช่วงเซ็ทนี้ประทับใจความสวยของบิและความน่ารักของไอริเป็นพิเศษเลยครับ บิทำผมฟูๆ แล้วสวยมาก ส่วนไอรินี่ไม่ต้องพูดถึงอยู่แล้ว การร้องก็ทำได้ดีมากๆ ครับ จบเซ็ทนี้แล้วก็มี VTR เปิดตัวแบบฮาๆ ตามคอนเซปต์ Berryz Kamen vs Cutie Ranger ให้ดูกัน ดูแล้วก็ฮานิดหน่อย ไม่ค่อยฮามาก ติที่ตอนแอ๊คท่าถ่ายรูปนี่บางคนไม่น่าเอามาออกเลย ดูแล้วแปลกๆ ชอบกล ฮาที่สุดก็ตอนซากิกินข้าวอยู่แล้วมีโทรศัพท์โทรมาเรียกนั่นแหละครับ



หลังจากนั้นก็เข้าสู่ช่วงต่อไป เซ็ตนี้จะเน้นไปที่ซิงเกิ้ลหลังๆ ของทั้งสองวงเสียส่วนมาก มีสลับกันออกมาวงละเพลงกันไป Namida no Iro สลับด้วย Munasawagi Scarlet แล้วก็ต่อด้วย LALALA Shiawase no Uta ซึ่งช่วงหลังๆ จะมี Berryz ออกมาเต้นโบกไม้โบกมือด้วย แล้วก็มายึดเวทีคืนด้วยเพลงคัฟเวอร์อย่าง Dschinghis Khan แล้ว C-ute ก็ออกมาต่อด้วย Tokaikko Junjou และตามด้วย Tsukiatteru no ni Kataomoi จาก Berryz ซึ่งถ้าเราดูจากเซ็ตนี้จะสังเกตได้ชัดเจนถึง "ความโปร" ในการเต้นของทั้งสองวง ซึ่ง C-ute นั้นดูกระฉับกระเฉงและเต้นได้ออกรสชาติกว่ามาก ในขณะที่ Berryz นั้นดูเต้นกันแบบเด็กๆ ชิวๆ ออกแนวน่ารักเสียมากกว่า อีกอย่างที่สังเกตได้คือความเป็น Leader ที่เด่นชัดของไมมิ เวลาที่ C-ute ร้องและเต้น ไมมิจะฉายแววรัศมี Leader มาแรงมาก ในขณะที่ซากิในตำแหน่งกัปตันนั้นดูแล้วเหมือนหลบๆ อยู่ด้านหลังเสียมากกว่า อาจเป็นเพราะบทบาทของสมาชิกใน Berryz ค่อนข้างเฉลี่ยให้มีเท่ากันมากกว่าทาง C-ute ที่เน้นเฉพาะไมมิกับไอริก็เป็นได้



หลังจากจบเพลง Tsukiatteru no ni Kataomoi อินโทรของเพลงช้าสุดโปรดของผมก็ดังขึ้น Very Beauty สมาชิกของ Berryz เดินหันหลังจากเวทีไป เหลือแต่น้องคนที่อั๋นๆ  ขยิบตา คนนั้นแหละ นางเอชประจำวง Berryz รี่จังนั่นเอง ร้องโซโล่เพลง Very Beauty ไปได้ครึ่งเพลง นางเอชของวง C-ute ไอริจังก็ออกมารับช่วงต่อ และประสานเสียงกันในช่วงท้ายเพลง อย่าหาว่าผมลำเอียงเลยครับ ผมว่าไอริร้องได้เสียงนิ่งและเสียงดีกว่ารี่จังยิ่งนัก ต่อด้วยเพลง Bokura no Kagayaki ที่มีน้องยู จีจัง มาสะ จีซาโตะ และคันนะ ออกมาร่วมกันร้อง ซึ่งเซ็ตนี้ดูเหมือนเป็นเศษๆ ชอบกล แล้วก็ตามด้วยชุดสุดท้ายในเพลง Sayonara Hageshiki Koi คือคนที่เหลือที่ไม่ได้ออกในสองเพลงก่อนหน้านี้คือ บิ กัปตัน ซากิ(C-ute) โมโม ไมมิ และหนูไมไม ซึ่งเพลงนี้ก็ร้องและเต้นได้น่าประทับใจทุกคน กัปตันในเพลงนี้น่ารักไม่หยอกทีเดียว



จบเพลงแล้วก็ถึงคราวของอุเมดะ ออกมาเล่นตลกหรือไงไม่ทราบ เพราะฟังไม่ออก คนดูก็ตอบสนองอย่างดี แล้วเพื่อนๆ ก็มาช่วยอุเมดะร้องเพลง That's the POWER และอุเมดะก็ได้โซโล่เต็มๆ ไปทั้งเพลงใน Dodongadon Ondo ซึ่งออกเหมือนเป็นเพลงญี่ปุ่นโบราณ โดยมีเพื่อนๆ (และเด็กไข่) เดินและรำไปรอบๆ ฮอลล์ เพลงนี้นอกจากจะได้ดูเด็กไข่กันอย่างจุใจแล้ว ยังได้เห็นลุงโอตาคุที่นั่งอยู่บริเวณรอบๆ ฮอลล์อีกด้วย



และแล้วก็ถึงเวลาของยูนิตเทพอย่าง Buono! มากับชุดดำสะท้อนแสง กับสองซิงเกิ้ลสุดฮิตอย่าง Honto no Jibun และ Renai Rider เพลงแรกมีเด็กไข่ 4 คนมาร่วมเ้ต้นรอบๆ ด้วย เพลงแรกรู้สึกจะสั้นๆ ยังไงชอบกล เข้าใจว่าตัดมา ใครที่ติดใจยูนิตนี้ ก็สามารถหาคอนเสิร์ตเต็มของ Buono! ที่ชื่อ Rock'n Buono! มาชมเพิ่มได้ อันนั้นเล่นกับวงดนตรีสดจริงๆ ด้วย ประโยคเดิมๆ ที่ผมจะพูดเกี่ยวกับเซ็ตนี้ คือ บิสวยมาก ไอริน่ารักมาก โดยเฉพาะฟันกระต่ายของไอริ ส่วนโมก็งั้นๆ (ลำเอียงชัดๆ)



ต่อไปก็ถึงเวลาไมมิโชว์เดี่ยวกับเพลงของตัวเอง Natsu DOKI Lipstick โดยมีสองสาวซากิจาก Berryz และ C-ute มาคอยเต้นแบ๊คอัพให้ เพลงนี้ขอบอกว่าดุเดือดมาก ทั้งสองซากิโชว์การเต้นระดับเซียน ไมมิตอนแรกก็เต้นนิดหน่อยยืนร้องเฉยๆ พอถึงท่อนโซโล่ดนตรีไมมิก็โชว์สเต็ปซะ.... ทำเอาสองซากินี่กลายเป็นเด็กๆ ไปเลย คือต้องบอกว่าไมมินี่รัศมีแรงจริงๆ อย่างที่ผมบอกมาก่อนหน้านี้ เวลาดูเค้าถ่าย PB นี่เรียบร้อยเป็นกุลสตรีซะไม่มี แต่เวลาร้องเพลง/เต้นนี่คือว่าเทพมาก



พอจบเพลง Natsu DOKI Lipstick ไมมิก็เรียกเพื่อนๆ ออกมา คราวนี้ใส่ชุดสีเงิน-ทองสะท้อนแสงกันทุกคน ดูแล้วออกแนวลิเก-งานวัดไปหน่อย อัดต่อกันด้วยเซ็ตที่เป็นเพลงมันส์ๆ จังหวะเร็วจี๋ล้วนๆ Massara Blue Jeans ซึ่งพอถึงช่วงหลังของเพลง Berryz ก็ออกมาแจมด้วย ต่อด้วยเพลงโปรดอีกเพลงของผมอย่าง Jiriri Kiteru แล้วก็ตามด้วย JUMP และ Yuujou Junjou oh Seishun เซ็ตนี้เต้นกันเหงื่อท่วมตัวกันแทบทุกคน คนที่เหงื่อท่วมตัวมากที่สุดคือไมมิ เพราะเต้นมาติดๆ 5 เพลงรวด คนที่เหงื่อน้อยที่สุดอาจจะเป็นรี่จัง เพราะดูเหมือนไม่ค่อยยอมเต้นยังไงก็ไม่รู้(อู้) อีกอย่างคือตั้งแต่เซ็ตนี้เป็นต้นไปคนจะเยอะมาก เพราะทั้ง Berryz และ C-ute ออกมาครบทั้งสองวง โอตาคุทั้งกระโดด ทั้งส่งเสียงอย่างเมามัน



หลังจากนั้นก็เข้าสู่เซ็ต ปญอ. ที่มีปีศาจออกมารุกราน และแล้วเหล่า Berryz Kamen ก็ต้องออกมาพิทักษ์ความยุติธรรม ก็ออกมาโชว์การแปลงร่าง และก็มีการเล่นจำอวดกันเล็กน้อย (ใครทนดูความ ปญอ. ของเซ็ตนี้ไม่ได้ก็กดข้ามไปก็ได้ครับ)
 




แล้วเหล่า Berryz Kamen ก็ต่อสู้กับปีศาจร้าย ผลคือไม่สามารถเอาชนะได้ จึงต้องให้คนดูเรียก Cutie Ranger มาช่วย ก็มาเล่นจำอวดกันอีกซักรอบ และแล้ว Cutie Ranger ก็สู้ไม่ได้เหมือนเดิม ทั้งสองทีมจึงต้องรวมพลังกันเพื่อที่จะปราบปีศาจ ซึ่งก็คือมาร้องเพลง Warera! Berryz Kamen & Cutie Ranger ร่วมกันนั่นแหละครับ พอจบเพลงทั้งสองทีมก็ช่วยกันใช้ท่าไม้ตายกำจัดปีศาจร้ายได้สำเร็จ เสร็จแล้วก็มีช่วงทิ้งทายเป็น MC กล่าวอำลาและขอบคุณจากสมาชิกของทั้งสองวงทุกคน ก่อนจะปิดงานด้วย Sakura Chirari แล้วก็เดินบ๊ายบายโอตาคุีอีกประมาณ 5 นาทีรอบฮอล์ คอนเสิร์ตจึงเสร็จสิ้นโดยสมบูรณ์



คอนเสิร์ตนี้ถือเป็นคอนเสิร์ตที่คุ้มค่าจริงๆ สำหรับแฟนของทั้งสองวง หรือแฟนของวงๆ เดียวก็สามารถดูได้อย่างไม่ขัดเขิน เผลอๆ จะได้เป็นแฟนของอีกวงนึงไปด้วยอีกตะหาก ต้องบอกว่าโปรดักชั่นของคอนเสิร์ตนี้ค่อนข้างลงทุนจริงๆ ดูจากหลายๆ อย่าง ทั้งฮอลล์ เวที คนดู รวมถึงเอฟเฟคต์ต่างๆ ก็ใช้ได้ในระดับนึง เซ็ตลิสต์ก็วางไว้อย่างลงตัว มีการสลับไปมาระหว่างเพลงของ Berryz และ C-ute อยู่ตลอด รวมถึงการจับกลุ่มผสมระหว่างสมาชิกของสองวงจึงทำให้ดูกลมเกลียวกันมากขึ้น พระเอกของงานนี้ (ความจริงต้องเป็นนางเอก) หนีไม่พ้นไมมิ ที่ทั้งร้องทั้งเต้นได้อย่างสมบูรณ์แบบ นอกจากนั้นเธอยังทุ่มเททั้่งกายและใจให้กับการแสดงอย่างมาก สังเกตจากแววตา่ก็พอจะเดาออกว่ามุ่งมั่นขนาดไหน ผิดกับตอนที่เํธอถ่าย PB ที่เป็นหญิงเรียบร้อย อ่อนหวานอย่างมาก คนอื่นๆ ที่ประทับใจก็คือบิที่สวยได้ตลอดเวลาจริงๆ ใครอยากลองของแปลก ลองหาดีวีดีคอนเสิร์ตแผ่นนี้มาชมดูนะครับ อาจจะรับได้หรือไม่ได้ก็แล้วแต่ แต่นี่คือดีวีดีคอนเสิร์ตที่น่าดูและเพลินตาที่สุดในปี 2008 ของผมเลยครับ

ขอขอบคุณ - รูปภาพจากสเปซของคุณ loliconmoviemaker และ loveberryz.net แหล่งข้อมูลข่าวสารและไฟล์ทุกๆ อย่างของ H!P ครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01 กุมภาพันธ์ 2009 | 06:54:54 PM โดย Agent Fox Mulder » บันทึกการเข้า

 
Tsundere (ツンデレ?) (pronounced /(t)sʌnˈdɪə(r)/ in English or /t͡sun.de.ɽe/ in Japanese) is a Japanese concept of a character archetype which describes a person with a conceited, irritable, and/or violent personality that suddenly becomes modest and loving when triggered by some sort of cause (such as being alone with someone)
ShadowServant
Images & Words
****
กระทู้: 631


TROLLKASTEL!


ดูรายละเอียด อีเมล์
« ตอบ #49 เมื่อ: 01 กุมภาพันธ์ 2009 | 11:14:36 PM »

^
^
ความรักทำได้ทุกอย่างจริง ๆ  เจ๋ง
บันทึกการเข้า



กลับมาด้วยความเพี๊ยนกว่าเดิม
♫ phil_wc ♫
Phi
Blade Runner
*****
เพศ: ชาย
กระทู้: 2083


นักดนตรีบ้าบอ

chupawicht@hotmail.com
ดูรายละเอียด อีเมล์
« ตอบ #50 เมื่อ: 01 กุมภาพันธ์ 2009 | 11:23:49 PM »

^
^
ความรักทำได้ทุกอย่างจริง ๆ  เจ๋ง

กำลังรอคนแซวอยู่พอดีเลย 55
บันทึกการเข้า

winston
The Dark Side of the Moon
*****
เพศ: ชาย
กระทู้: 1016


Imagine there's no stairway to heaven


ดูรายละเอียด เว็บไซต์ อีเมล์
« ตอบ #51 เมื่อ: 10 กุมภาพันธ์ 2009 | 11:08:41 AM »

เขียนไว้ตั้งแต่พ.ย.นะครับ แต่อันดับก็ไม่เปลี่ยนมากมาย เว้นแค่ Chinese Democracy ที่คงเลื่อนเข้ามาท็อป5

20 Greatest Albums Of 2008

แม้ปี 2008 จะยังไม่จบลงดีนัก แต่10กว่าเดือนที่ผ่านมามันก็เต็มไปด้วยอัลบั้มแนวป๊อบและร็อคที่ยอดเยี่ยมมากมายไม่แพ้ปีก่อนๆ ถึงแม้ยอดขายซีดีจะตกต่ำลงเรื่อยๆ
แต่ก็ดูเหมือนมันจะไม่มีผลกระทบโดยตรงกับการทำงานของศิลปิน และนี่คือ 20 อัลบั้มที่ผมคัดเลือกด้วยความเห็นส่วนตัวว่ามัน “ยอดเยี่ยม” ที่สุดในรอบปีที่ผ่านมาครับ


20.Guns N’ Roses -Chinese Democracy 14 ปีที่รอคอย ถึงตอนที่ท่านผุ้อ่านอ่านอยู่อัลบั้มนี้คงออกมาแล้ว แต่ขณะที่เขียนอยู่นี้ผมเพิ่งได้ฟังแค่ไทเทิลแทร็คเพลงเดียว เมื่อนำไปผูกโยงกับเวอร์ชั่นเก่าๆที่เคยหลุดออกมาเป็นระยะทำให้ผมสรุปออกนอกหน้าและไร้เหตุผลรองรับว่ามันน่าจะเป็นหนึ่งในอัลบั้มที่ยอดเยี่ยมที่สุดของปีนี้อีกแผ่น

19.Elvis Costello -Momofuku* คอสเทลโลค้นหาไฟในตัวเจออีกครั้ง ถ้าไม่นับเสียงร้องที่อาจจะไม่สดใสเหมือนวัยหนุ่ม นี่คือร็อคเรียบง่ายแต่เปี่ยมพลังเหมือนงานในยุคแรกของเขา โปรดพิสูจน์ฝีมือการเขียนเนื้อเพลงยังคงปราดเปรื่อง และฝีมือกีต้าร์ที่มักจะถูกมองข้าม

  18.Sheryl Crow -Detours* สาวแกร่ง Sheryl กลับไปร่วมงานกับโปรดิวเซอร์คนแรกที่ทำให้เธอโด่งดัง Bill Bottrell Detours เป็นอัลบั้มที่แฟนๆพร้อมจะอ้าแขนรับ มันเป็น classic Sheryl เสียงร้องหวานใส  และดนครีโฟล์คร็อคที่ไม่เคยแห้งแล้งเมโลดี้ แม้เนื้อหาจะหนักอึ้งไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวทางการเมือง, การเลิกร้างกับแฟนหนุ่ม แลนซ์ อาร์มสตรอง หรือสภาวะจิตใจของเธอขณะรอรับการฉายรังสีรักษามะเร็ง แต่ Crow ก็ยังทำเพลงออกมาได้น่าฟังเสมอ

17.Neil Diamond -Home Before Dark* การร่วมมือกันอีกครั้งของ Neil และ Rick Rubin ดนตรียังคงเป็นในแบบคล้ายที่ Rubin โปรดิวซ์ให้กับ Johnny Cash เน้นกีต้าร์โปร่ง ดนตรีน้อยชิ้น บทเพลงจริงจังตรงไปตรงมา  แตกต่างไปจากยุครุ่งเรืองของ Neil พอสมควร

16.Madonna -Hard Candy* ราชินีป๊อบทำอัลบั้มนี้ในแบบ play safe ปิดประตูล้มเหลว ด้วยการจ้างโปรดิวเซอร์ที่ทำงานติดตลาดที่สุด อย่าง Timberland และ Pharrell Williams และแขกรับเชิญงานชุกอย่าง Justin Timberlake มาเป็นหน้าเป็นตาให้ Hard Candy อีกทั้งดนตรีก็เป็นป๊อบสูตรสำเร็จที่คาดเดาได้ กระนั้นก็ปฏิเสธไม่ได้ว่านี่เป็นงานคุณภาพที่เหนือชั้น เพียงแต่คงไม่มีความจีรังในความทรงจำของแฟนเพลงได้เท่างานเยี่ยมๆของเธอในอดีตอย่าง Ray Of Light หรือ Like A Prayer

15.She & Him- Volume 1* Zooey Deschannel เป็นหนึ่งในดาราหนังไม่กี่คนที่เป็นนักร้องได้อย่างเต็มตัว แถมเธอยังแต่งเพลงเองเสียอีก ‘him’ คือ M.Ward  มือกีต้าร์และโปรดิวเซอร์หนุ่มในทาง alternative country Volume One เต็มไปด้วยเพลงรักในแบบยุคคุณป้ายังสาว wall-of-sound แบบ Phil Spector และป๊อบสนุกแบบ Girl Group ที่โด่งดังในยุค 60’s

14.Kean -Perfect Symmetry* เลิกทำตัวเป็นทริโอเปียโนป๊อบไร้กีต้าร์ แต่หันไปเล่นซินธ์ป๊อบแบบ A-Ha และ Pet Shop Boys แถมใส่ดนตรีแน่นขนัด เสียงร้องของ Tom Chaplin ยังคงอิ่มเอิบเฉียบขาด และ Tim Rice-Oxley ก็ยังคงร่ายมนต์ผลิตเมโลดี้เร้าใจได้มากมายเหมือนเดิม

13.Mariah Carey -E=MC2 สมัยเธอดังขึ้นมาคู่กันมากับ Whitney Houston เราก็ติดตามอยู่ว่าใครจะคงกระพันกว่ากันระหว่างสองดีว่าดำ-ขาว แต่ในขณะที่ Whitney ติดยาหมดสภาพไปแล้ว เจ๊ม้าลายของเรายังอยู่ แม้ว่าจะเคยสติแตกหวิดฆ่าตัวตายไปเหมือนกันในยุคตกต่ำ
แต่เธอก็กลับมาได้อย่างไม่น่าเชื่อในอัลบั้มที่แล้ว The Emancipation Of Mimi อัลบั้มนี้ยังเดินรอยตามเดิมเป็นป๊อบที่กลมกลืนไปกับฮิปฮอปที่เธอโปรดมานานแล้วพร้อมแขกรับเชิญกระจาย เสียงกระบังลมหวีดหวิวของเธอก็ยังตามมาหลอกหลอนเป็นระยะๆ นี่เป็นงานที่ฟังได้เพลินๆและจับตลาดอเมริกันได้อยู่หมัดเหลือเกิน

12.Rolling Stones -Shine A Light ซาวนด์แทร็คจากหนังคอนเสิร์ตอีกเรื่องของสโตนส์จากการแสดงที่ Bacon Theatre ในปี 2006  ด้วยความที่เป็นสถานที่เล็กและต่อหน้าการกำกับของ Martin Scorsese ทำให้การแสดงของพวกเขาเข้มข้นและโฟกัสเป็นพิเศษ ผมได้ชมหนังเรื่องนี้ในการฉาย “กลางแปลง” ที่ Siam Paragon ในวันที่ 1 พ.ย. แม้สุ้มเสียงจะไม่สมบูรณ์ แต่ก็ต้องบอกว่าสนุกมากๆ มันจะเป็นอัลบั้มที่จะทำให้คุณกลับมาหลงรักร็อคแอนด์โรลอีกครั้ง

11.The Last Shadow Puppets -The Age Of Understatement โปรเจ็คเล่นๆของ Alex Turner แห่ง british punk pop ชื่อดัง Arctic Monkeys และ Miles Kane จาก The Rascals แต่ฟังแล้วโปรดักชั่นหรูหราไม่ใช่งานแก้เหงาธรรมดาๆเลย นอกจากน้ำเสียงของ Alex แล้วงานนี้แทบไม่มีอะไรเหมือน the Monkeys อิทธิพลสำคัญคือ symphonic pop ของ Scott Walker และ David Bowie ในยุคก่อนมีชื่อเสียง Alex Turner คือนักดนตรี-นักแต่งเพลงที่น่าจับตามองที่สุดคนหนึ่งในปัจจุบัน เชื่อว่าอัลบั้มที่สามของ Arctic Monkeys ต้องไม่ธรรมดาแน่นอน

10.Slipknot -All Hope Is Gone* เมทัลหน้ากาก9หน่อจากไอโอวาหาจุดลงตัวของตลาดและความรุนแรงหนักหน่วงของดนตรีของพวกเขาพบในอัลบั้มที่ 4 ไม่ใช่เรื่องง่ายที่ใครจะทำเพลงในระดับการทำลายล้างขนาดนี้ให้มีท่วงทำนองติดหูได้ด้วย

9. Randy Newman- Harps And Angles * ปลีกเวลาจากงานซาวนด์แทร็คมาทำงานเดี่ยวอีกครั้ง ไม่มีคำว่าฟอร์มตกสำหรับแรนดี้ นิวแมน เขายังทำดนตรีป๊อบที่มีสุ้มเสียงแบบนิวออร์ลีนส์บ้านเกิดได้น่าฟัง หลายเพลงโชว์ฝีมือการเขียนภาคออเคสตร้าราวกับเป็นซาวนด์แทร็คในบทเพลง

8.Ryan Adams and the Cardinals -Cardinology หลังจากเคยออกถึงสามอัลบั้มในปีเดียว ไรอันทิ้งช่วงห่างจาก Easy Tiger งานเดี่ยวของเขาไปถึง 1 ปี รายงานข่าวว่าเขาเอาชนะปัญหาเหล้ายาได้เด็ดขาด และ Cardinology ก็เป็นหนึ่งในงานยอดเยี่ยมที่สุดที่เขาเคยทำมา ไรอันคือส่วนผสมของแกรม พาร์สันส์ และนีล ยังก์ในวัยหนุ่ม และ Cardinology ก็ยังยืนยันในส่วนผสมนั้น มันคือ classic rock ในแบบที่คนหนุ่มยุคนี้หาใครมือถึงทำได้อย่างนี้แทบไม่มีอีกแล้ว

7.The Ting Tings -We Started Nothing ดูโอจากแมนเชสเตอร์คู่นี้ดูเผินๆเหมือนจะเป็นวงติงต๊องตลกๆธรรมดา Katie White นักร้องและกีต้าร์ผมบลอนด์น่ารักน่าชังและมือกลอง Jules De Martino กลับทำเพลงออกมาได้อย่างน่าเกรงขาม? ลองฟัง That’s Not My Name ซิงเกิ้ลดัง หนึ่งในเพลงป๊อบที่สมบูรณ์แบบที่สุดแห่งปีจากเพลงป๊อบพังค์ที่เหมือนจะเอาสนุกเข้าว่าแบบ Mickey ของ Toni Basilแต่ตอนจบกลับโชว์การ counterpoint กันถึง 4 elements!  ดนตรีของพวกเขานั้นคงจะ started nothing เหมือนกับที่ออกตัวไว้ แต่สิ่งที่เขาและเธอสานต่อนั้นก็เหลือเฟือแล้ว ได้แต่หวังว่าพวกเขาคงจะเป็น New Blondie มากกว่า New Knack ที่จอดแค่ป้ายแรก

6.B.B. King -One Kind Favor* ราชันย์แห่งบลูส์มาในสุ้มเสียงที่สดดิบที่สุดในรอบหลายปี จากการโปรดิวซ์ของ T-Bone Burnett วัย 83 ไม่เป็นปัญหาใดๆแก่คิงทั้งเสียงร้องและการเล่นกีต้าร์ Lucille ยังกรีดเสียงหวานเศร้าได้เหมือนหลายสิบปีที่ผ่านมา ปู่คิงล้อเล่นกับมรณะกาลของตนเองอย่างไม่ยี่หระใน See That My Grave Is Kept Clean และร่ายมนต์บลูส์ปลิดน้ำตาแฟนๆปิดท้ายด้วย Tomorrow Night นี่คืออัลบั้มที่จะเป็นตำนานบลูส์ในอนาคต

5.AC/DC -Black Ice หายไปหลายปี กลับมาครั้งนี้พวกเขาจับซาวนด์ในแบบ Back In Black ที่ทำให้วงเมทัลออสเตรเลียนนี้กลายเป็นหนึ่งในวงดนตรีขายดีที่สุดตลอดกาลได้อีกครั้ง ทุกอย่างยังเป็นสูตรเดิมๆ ฮาร์ดร็อคจังหวะกลางๆที่ขายริฟฟ์มันส์ๆ เสียงร้องกรีดเค้น (แต่ในอัลบั้มนี้ Brian Johnson ในวัยนี้กรีดร้องน้อยลงแต่ใส่ความ soulful ที่ไม่ค่อยเคยได้ยินลงไปในเนื้อเสียงของเขาได้อย่างน่าฟัง) และเนื้อหาที่ไม่มีอะไรมากไปกว่า ปัจจัย4ของร็อคแอนด์โรลล์ แต่คุณคิดว่าสูตรนี้ทำกันได้ง่ายๆหรือ และมีใครทำได้อย่างพวกเขาบ้างล่ะ?
 
4.Fleet Foxes -Fleet Foxes งานเปิดตัวของหนุ่มฮิปปี้หลงสมัย5คนจากซีแอตเติล มันเป็นอัลบั้มที่ฟังแล้วเหมือนบันทีกเสียงกันในหุบผาซอกหินหรือเทือกเขาลำเนาไพรอันซ่อนเร้นสักแห่งในอเมริกาแทนที่จะเป็นห้องบันทึกเสียงสมัยใหม่ พวกเขาเรียกดนตรีโฟล์คร็อคที่เน้นเสียงประสานโหยหวนของพวกเขาว่า “baroque harmonic pop jams” อาจจะเป็นงานที่ไม่ขายนัก แต่เรื่องคำวิจารณ์รับดาวไปหลายตะกร้าจากทุกสำนัก

3.Duffy -Rockferry สาวเวลช์ร่างเล็กที่โด่งดังมาก่อนจะออกอัลบั้ม และเสียงเธอก็สมคำร่ำลือจริงๆ การร้องของเธอคล้ายนักร้องรุ่นใหญ่หลายคนแต่ที่โดดเด่นออกมาคือสไตล์ของ Dusty Springfield และโทนเสียงจัดจ้านแบบ Cyndi Lauper   Bernard Butler อดีตมือกีต้าร์ Suede โปรดิวซ์อัลบั้มนี้ออกมาในแนวดนตรีป๊อบโซลยุค 60’s ในแบบที่เขาถนัด โดยส่วนตัวผมคิดว่าเธอมีเสียงร้องที่น่าทึ่งที่สุดในรอบปีที่ผ่านมา อย่าแปลกใจว่าทำไมเธอถึงได้มาในอัลบั้มแรกอย่างสมบูรณ์แบบเช่นนี้ เพราะเบื้องหลังการทำงานใน Rockferry นั้นใช้เวลาย้อนกลับไปถึง 4 ปี จึงไม่ถูกนักถ้าจะเรียกเธอว่าเป็น New Amy Winehouse

2.Coldplay -Viva La Vida or Death and All His Friends Brian Eno ก้าวเข้ามารับบทโปรดิวเซอร์ในอัลบั้มนี้ แต่น่าจะเรียกเขาว่าเป็นผู้อำนวยการสร้างน่าจะเหมาะกว่า  ไม่มีอีกแล้วสำหรับเพลงอ้อนสาวอย่าง Fix You หรือ In My Place, Viva La Vida เต็มไปด้วยซาวนด์ที่ถักทอสอดประสานหลายซับทับซ้อน มันอาจจะไม่มีเพลงติดหูง่ายๆเหมือนสามอัลบั้มแรก แต่ในภาพรวมของอัลบั้มนี่คือการผจญภัยครั้งใหม่ที่พวกเขาไปใกล้ขอบฟ้ามากขึ้นทุกที เสียงร้องของ Martin ยังทรงเสน่ห์และเป็นเอกลักษณ์ของวงเหมือนเดิม

1.Nick Cave and The Bad Seeds -Dig!!! Lazarus Dig!!!*

เจ้าพ่อ Gothic Rock วัยครึ่งศตวรรษ เครื่องติดตั้งแต่โปรเจ็กก่อนที่เขาทำกับวง Bad Seeds ชุดเล็กในชื่อ Grinderman, Dig!!! Lazarus Dig!!! ยังคงเต็มไปด้วยเพลงที่ว่าด้วยเรื่องต้องห้ามของเซ็กซ์ ศาสนา และความหายนะ ที่หาใครในโลกเขียนได้อย่างเข้มข้น(และบางทีก็ขำขัน)ได้เท่า Nick Cave ยาก ดนตรีขับเคลื่อนด้วยเบสอ้วนลึกและคีย์บอร์ดไหลลื่นในแบบ The Doors สมทบด้วยกีต้าร์ดิบร้อนฉ่า นี่คือร็อคที่ไร้กาลเวลาโดยสิ้นเชิง

 

บันทึกการเข้า

Facebook group สำหรับคนรักเพลงทุกรูปแบบ.....

http://tinyurl.com/allmusiclovers
.. polotoon ..
The Snow Goose
**********
กระทู้: 18602



ดูรายละเอียด
« ตอบ #52 เมื่อ: 10 กุมภาพันธ์ 2009 | 11:19:23 AM »

8.Ryan Adams and the Cardinals -Cardinology

ชื่อเหมือนอัลบั้มรวมเพลง ใช่่รวมเพลงไหมครับ  ขยิบตา
บันทึกการเข้า

winston
The Dark Side of the Moon
*****
เพศ: ชาย
กระทู้: 1016


Imagine there's no stairway to heaven


ดูรายละเอียด เว็บไซต์ อีเมล์
« ตอบ #53 เมื่อ: 10 กุมภาพันธ์ 2009 | 01:36:45 PM »

8.Ryan Adams and the Cardinals -Cardinology

ชื่อเหมือนอัลบั้มรวมเพลง ใช่่รวมเพลงไหมครับ  ขยิบตา

ไม่ใช่ครับ
บันทึกการเข้า

Facebook group สำหรับคนรักเพลงทุกรูปแบบ.....

http://tinyurl.com/allmusiclovers
ท่านผีเพลง
Voyage Of The Acolyte
*********
กระทู้: 4733


Phantom of the Paradise


ดูรายละเอียด เว็บไซต์ อีเมล์
« ตอบ #54 เมื่อ: 18 กุมภาพันธ์ 2009 | 01:17:01 PM »



12. Nakayoshi Battle Concert Tour 2008 Haru ~Berryz Kamen vs Cutie Ranger~ - Berryz Koubou & C-ute

เมื่อ Yes และ Genesis แห่งวงการ J-Pop โคจรมาพบกัน


ขอพลัง L จงอยู่กับท่านตลอดไป

เอ่อ..ก็อปเพื่อพี่ด้วยแผ่นนึงคร้าฟ
บันทึกการเข้า

kongbei
Administrator
The Snow Goose
*****
เพศ: ชาย
กระทู้: 6534


ขงปี่

pink_floyd@thaiprog.net
ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #55 เมื่อ: 27 กุมภาพันธ์ 2009 | 10:20:27 PM »

ไปหางานของ Duffy มาฟังแล้ว ตอนแรกเริ่มสนใจจากการที่ McCartney เลือกเธอให้มาคัฟเวอร์เพลง Live And Let Die ในอัลบั้ม War Child Heroes และได้อ่านรีวิวของพี่หมอ winston เมื่อฟังแล้วเพราะทุกเพลงจริงๆ เพลงที่ชอบที่สุดคือแทร็คสุดท้าย Distant Dreamer ครับ ช่วงนี้ยิ่งเครียดๆอยู่พอดี เจอเพลงนี้โดนเลย
บันทึกการเข้า
♫ phil_wc ♫
Phi
Blade Runner
*****
เพศ: ชาย
กระทู้: 2083


นักดนตรีบ้าบอ

chupawicht@hotmail.com
ดูรายละเอียด อีเมล์
« ตอบ #56 เมื่อ: 27 กุมภาพันธ์ 2009 | 11:49:53 PM »

http://i-phan.exteen.com/20080714/e-book
แนะนำโปรแกรมทำE-Book ครับ

เผื่อไว้มาทำ Thaiprog Fanzine #1 กัน
บันทึกการเข้า

winston
The Dark Side of the Moon
*****
เพศ: ชาย
กระทู้: 1016


Imagine there's no stairway to heaven


ดูรายละเอียด เว็บไซต์ อีเมล์
« ตอบ #57 เมื่อ: 28 กุมภาพันธ์ 2009 | 07:42:30 AM »

ไปหางานของ Duffy มาฟังแล้ว ตอนแรกเริ่มสนใจจากการที่ McCartney เลือกเธอให้มาคัฟเวอร์เพลง Live And Let Die ในอัลบั้ม War Child Heroes และได้อ่านรีวิวของพี่หมอ winston เมื่อฟังแล้วเพราะทุกเพลงจริงๆ เพลงที่ชอบที่สุดคือแทร็คสุดท้าย Distant Dreamer ครับ ช่วงนี้ยิ่งเครียดๆอยู่พอดี เจอเพลงนี้โดนเลย

เสียงเธอแจ๋นดีนะครับ ยิ้มกว้างๆ
บันทึกการเข้า

Facebook group สำหรับคนรักเพลงทุกรูปแบบ.....

http://tinyurl.com/allmusiclovers
หน้า: 1 2 3 [4]
พิมพ์
กระโดดไป:  

ThaiProg.net Ver 4.0 by tisanai,Shineon,kongbei
Top 10 Best Sellers in Kindle eBooks Reviewer 2016 Top 10 Best Sellers In Automotive Parts And Accessories Reviewer 2016 Top 10 Best Sellers in Tools and Home Improvement Under $10, Reviewer 2016
Top 10 Best Sellers in Clothing for 2017 Top 10 Best Sellers in Clothing Best Sellers in Clothing
Top 10 Best Sellers in Books reviewer 2017 Top 10 Best Sellers in Books Best Sellers in Books
Top 10 Best Sellers In Best Sellers In Grocery Reviewer 2017 Top 10 Best Sellers In Best Sellers In Grocery Best Sellers In Grocery