ถ้าแผ่นเสียงเป็น "ลมพัดหวน" ก็คงจะ "พัดหวน" ไม่รู้กี่รอบแล้ว นั่นก็แสดงให้เห็นถึงความเป็น "อมตะ" และความ "ไร้กาลเวลา" ของมัน ไม่ต้องมีโฆษณา ไม่ต้องเขียนเชียร์ ทุกวันนี้ผมสบายใจและมีความสุขกับการเล่นแผ่นเสียง เพราะแผ่นเสียงที่เคยคิดว่าหายาก (เอาแค่เฉพาะแนว progressive rock เท่านั้น) ถูกทยอยนำมารีอิชชู่/รีมาสเตอร์ใหม่อยู่เรื่อย ๆ ในขณะที่แผ่นเสียงมือสองก็ยังคงมีให้หาซื้อได้อีกมากมายในท้องตลาดครับ
ช่วงนี้ผมไม่ได้ค่อยแวะเข้ามาคุยด้วยกับพี่ปีศาจฯ คิดถึงแฮะ
ไม่ยอมเล่นเฟชบุ๊ค มีเพจของไทยพร็อกฯในเฟชบุ๊คแล้วนะ
ผมโพสต์เรื่องราวการกลับมาเล่นแผ่นเสียงของผมไว้เพียบ เป็นมือใหม่หัดขับ
แต่อาจจะเก๋าหน่อย 555 ก็เป็นอย่างที่เคยบอกไว้
เมื่อลมพัดหวน ครั้งนี้ของผมเล่นแผ่นเสียงแบบว่าย้อนกลับสู่ยุดคลาสสิคร็อคโดยต้องการฟังในแบบฟิลลิ่งครั้นอดีตเลยแฮะ
ผมเล่นแบบเปลี่ยนชุดซีสเต็มกึ่งๆเป็นวินเทจเลยแฮะ เริ่มจากต้นทางเทิร์นฯLuxman PD 310 + SME 3009 + Ortofon MC 20 Super, ปรีแอมป์Krell, KSP 7b (single ended, class A, dual mono pre-amp) เล่นหัวเข็ม MM/MC ได้ด้วย ปลายทางผมเปลี่ยนลำโพงเป็น JBL4343B ฟังสะใจมาก วูฟเฟอร์ดอก 15 นิ้วเป็นลำโพง 4 ทางน้ำหนัก 85 กก./ตู้ ผมต้องใช้คนแบก 3 คนเพื่อขนขึ้นห้องฟังบนชั้น 2 เล่นเอาแทบแย่ช่วงที่ต้องขึ้นบันได เสียดายที่ผมลงรูปไม่เป็นอยากให้พี่ปีศาจฯได้เห็น (ฝากช่วยพี่ปีศาจฯช่วยหารูปในเว็บลงให้ด้วย)
แผ่นเสียงมันไม่ได้กลับมาหรอกครับ แต่มันยังคงอยู่ และจะดำรงอยู่อย่างยั่งยืนตลอดไป เพราะหนึ่ง เครื่องเล่นทั้งเก่าและใหม่และอะไหล่ทดแทนยังมีให้หาได้ในท้องตลาด และสอง เพลงดีมีคุณภาพและเป็นที่ติดตรึงใจของผู้ฟังนั้นมีผลิตออกมาในช่วงยุค 50's ถึงก่อนยุค 90's ซึ่งเป็นช่วงที่แผ่นเสียงยังครองบัลลังก์ก่อนจะถูกซีดีแย่งซีนไป ฟังเพลงเหล่านี้จากสื่อฟอร์แมทอื่นใดก็ไม่ประทับใจและได้อารมณ์เท่ากับฟังผ่านแผ่นเสียงหรอกครับ ไม่ต้องเชื่อผมก็ได้ ให้ลองไปถามคนที่ "เอาจริง" ในการฟังเพลงยุคดังกล่าวดู ขนาดเพลงที่ออกใหม่ในยุคปัจจุบันจำนวนไม่น้อยยังต้องมีทำเป็นแผ่นเสียงออกขายมี Limited Number ด้วยเลย นั่นก็แสดงให้เห็นว่าแผ่นเสียงมันไม่ยอมตายและแถมยังมีคนถวิลหามันอยู่เสมอยังไงล่ะครับ
ใช่แฮะ แผ่นเสียงมันไม่ได้กลับมาหรอก แต่คนอยากที่จะกลับมาฟังเพลงจากแผ่นเสียงเอง ซึ่งก็ไม่ใช่มีมากมายเหมือนครั้นอดีตสมัยยุดแผ่นเสียงเบิกบานช่วงปี 50-90 เพราะยอดขายแผ่นเสียงนั้นก็ไม่ได้มากมายอย่างที่หลายคนเข้าใจ สมัยก่อนอัลบั้มแผ่นเสียงดังๆมียอดจำหน่ายหลายๆล้านแผ่นแต่ยุดนี้ผมว่าไม่น่าเกินหลักหมื่นแผ่นเต็มที่และที่บอกต้องทำเป็นแบบ Limited Number เพราะผลิตมาน้อยนั่นเอง
ผลิตมามามากก็ขายไม่หมดอยู่ดีแฮะเป็นเงื่อนไขทางธุรกิจอยู่แล้ว หากว่าขายได้มากๆมีหรือที่ต้นสังกัดค่ายเพลงจะไม่ทำออกมาขายแยะๆ 555 ผมจะยกตัวอย่างแค่แผ่นเสียงเพลงไทยของเราที่กำลังเป็นกระแสทำเป็นแผ่นเสียงออกมามากมาย ผมจะบอกให้แต่ละอัลบั้มผลิตออกมาไม่เกิน 1,000 แผ่น(เจ้าของค่ายเพลงบอกผมเอง)ต้นทุนเลยสูงจึงต้องขายราคาสูงแผ่นละประมาณ 1800 บาท (ต้นทุนอยู่ประมาณ 800-900 บาท) แล้วรู้ป่าวยอดขายแต่ละชุด 400-500 แผ่นก็เก่งแล้ว อาจจะมีบางอัลบั้มอาจจะขายถึงหลักพันแผ่น น่าจะเป็นคาราบาว ชุดเมดอินไทยแลนด์แค่ชุดเดียวเท่านั้น นอกนั้นหลักร้อยครับ หากเทียบกับคนที่ฟังเพลงจริงๆ คนที่ยังรักกับการเล่นแผ่นเสียงนั้นน้อยมาก ไม่งั้นจะมีแผ่นเสียงมือสองออกมาขายมากมายแบบนี้หรือ แสดงว่าต้องมีคนเลิกเล่น
แผ่นมากมายมหาศาลจึงมีแผ่นเสียงมือสองขายอยู่ในตลาดมากมายเช่นนี้ไงล่ะ อันนี้ว่ากันถึงแผ่นเสียงเพลงสากลนะไม่ใช่แผ่นเพลงไทย เพราะแผ่น
เสียงเพลงไทยเก่าๆของบ้านเรา ไม่ใช่มีไว้ฟังแฮะ แต่มีไว้ให้คนมีสตางค์ซื้อเก็บสะสมไงล่ะ
ราคาที่สูงเพราะแผ่นเพลงไทยเก่าๆนั้นตั้งแต่
ครั้นอดีตก็ไม่ได้ผลิตออกมาแยะอยู่แล้วบางอัลบั้มผลิตออกมาเพื่อโปรโมทให้เปิดทางวิทยุมากกว่าจะมาหวังยอดขายเหมือนแผ่นเสียงเพลงฝรั่งสากล
เมื่อสมัยก่อนบางแผ่นทำมาขายไม่ได้ไม่เห็นมีใครสนใจทั้งๆเป็นยุดสมัยของแผ่นเสียงด้วยซ้ำไป มาเวลานี้กับขายแผ่นเสียงเก่าขายกันราคาแพงเว่อร์มากๆ กลายเป็นว่าแผ่นเสียงเพลงไทยกับเป็นของสะสมแทนที่จะเอามาฟังเพลงคนที่ยอมจ่ายแพงๆเพื่อซื้อคงไม่ได้หวังเอามาเปิดฟังกันอยู่แล้วแฮะ
แล้วจะกลับมาว่ากันต่อภาค 2 นานๆแวะเข้ามาสนทนากับพี่ปีศาจฯสักทีต้องจัดเต็มเนื้อหามีสาระหน่อย รู้ป่าวบางช่วงเวลามีคนนอกเข้ามาอ่านที่เราทั้ง
2 คนโพสต์คุยกันบางเวลา 40-50 คนเลยล่ะ
แสดงว่าคนชอบแฮะ