ǝɹoɔǝsıɐuuoʎɐɯʎɹbuɐ
|
|
« เมื่อ: 20 มีนาคม 2008 | 02:24:29 PM » |
|
Queensryche ถือเป็นวงโปรเกรสสีฟเมตัลที่ผมรักมากที่สุดวงหนึ่งเลยนะครับ โดยเฉพาะผลงาน 5 อัลบั้มแรกที่เป็นอะไรที่ยอดเยี่ยมสุดๆแล้ว และผมก็ทนไม่ได้กับอัลบั้มหลังๆที่ดนตรีออกจะย่ำแย่เอามากๆ (เหมือนที่พี่ V รู้สึกกับ Helloween นั่นแหละครับ) ผมเลยจะลองเอาเรื่องราวของวงนี้มาลงให้ได้อ่านกันครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ǝɹoɔǝsıɐuuoʎɐɯʎɹbuɐ
|
|
« ตอบ #1 เมื่อ: 20 มีนาคม 2008 | 02:30:50 PM » |
|
Queensryche: เมื่อราชินีตกบัลลังก์Written by: Lilium มีไม่กี่วงหรอกนะครับที่จะสามารถสร้างอัลบั้มระดับ “คลาสสิค” ตลอดกาลได้ทั้งในวงการโปรเกรสสีฟและวงการเมตัล ซึ่งนอกจากอัลบั้ม Metropolis Pt.2: Scenes from Memory ที่เด็กๆนักฟังเพลงรุ่นใหม่รู้จักกันดีแล้ว ต้นตำรับความคลาสสิคที่ไม่อาจจะลืมหรือละเลยได้เลยคืออัลบั้ม Operation: Mindcrime ของวงโปรเกรสสีฟ/เฮฟวี่เมตัลชื่อเรียกยากอย่าง Queensryche นี่แหละครับ ตำนานของวง Queensryche เริ่มต้นในช่วงต้นยุค 80’s จากวง Cross+Fire ซึ่งนำโดยมือกีตาร์ Michael Wilton และมือกลอง Scott Rockenfield ซึ่ง Cross+Fire เป็นวงที่เล่นคัฟเวอร์เพลงของวงเมตัลดังๆในยุคนั้นเช่น Iron Maiden หรือ Judas Priest ซึ่งหลังจากนั้นพวกเขาก็ได้เชิญมือกีตาร์คนที่สองอย่าง Chris Degarmo และมือเบส Eddie Jackson เข้ามาร่วมวงและได้เปลี่ยนชื่อวงใหม่เป็น The Mob ตอนนั้น The Mob ยังขาดแคลนนักร้อง ทางวงเลยไปชวน Geoff Tate จากวง Babylon เพื่อมาร้องนำในงานแสดงโชว์ท้องถิ่น ซึงหลังจากนั้นเมื่อวง Babylon แตกวงไป Geoff Tate ก็มาช่วยร้องในโชว์ของ The Mob เป็นครั้งคราวแต่ก็ยังไม่ตอบรับเป็นสมาชิกถาวรเพราะตัว Geoff Tate นั้นไม่ค่อยสนใจในการเป็นนักร้องนำในวงเฮฟวี่เมตัลเท่าไรนัก หลังจากนั้นในปี 1981 ทางวงได้บันทึกเสียงเป็นเดโมเทปทั้งหมด 4 เพลงได้แก่เพลง “Queen of the Reich”, “Nightrider”, “Blind” และ “The Lady Wore Black” โดย Geoff Tate เป็นผู้ร้องนำทั้งหมด (ตอนนั้นเขาเป็นนักร้องนำให้วง Myth และยังคงไม่ตอบรับเป็นสมาชิกถาวรของ The Mob) อย่างไรก็ตามเมื่อพวกเขานำเดโมเทปม้วนนี้ไปเสนอตามค่ายเพลง พวกเขาก็ถูกปฏิเสธทั้งหมด ในช่วงนั้นเองที่ทางวงได้เปลี่ยนชื่อวงเป็น Queensryche (มาจากชื่อเพลง Queen of the Reich ในเดโมเทปม้วนนั้นนั่นเอง) ซึ่งหลังจากนั้นเดโมเทปม้วนนั้นได้ถูกส่งไปให้กับนิตยสาร Kerrang! และได้รับเสียงวิจารณ์ในแง่ดีมาก และพวกเขาเริ่มมีชื่อเสียงในวงแคบๆมากขึ้น ทางวงจึงนำเดโมเทปอันนั้นมาออกเป็น EP ภายใต้สังกัด 206 Records ของพวกเขาเอง และ Geoff Tate ก็ได้ลาออกจาก Myth มาเป็นนักร้องนำถาวรให้กับวงในช่วงนั้นนั่นเอง และหลังจากนั้นวงก็ได้เซ็นสัญญากับ EMI ซึ่ง EMI ได้นำงานอีพีของพวกเขามาออกใหม่อีกครั้งและอีพีชุดนี้ก็สามารถไปติดอันดับที่ 81 ในบิลบอร์ดชาร์ตในทันที และนี่คือจุดเริ่มต้นของตำนานราชินี.................
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ǝɹoɔǝsıɐuuoʎɐɯʎɹbuɐ
|
|
« ตอบ #2 เมื่อ: 20 มีนาคม 2008 | 02:35:30 PM » |
|
1.)The Sweet BeginningQueensryche (EP) – 1983 1.Queen of the Reich 2.Nightrider 3.Blinded 4.The Lady Wore Black งานอีพีชุดแรกที่ใช้ชื่อเดียวกับวงเพลงทั้งหมดในอัลบั้มนี้ถูกนำมาจากเดโมเทปทั้ง4เพลงอัดแน่นไปด้วยพลังเฮฟวี่เมตัลที่สดใหม่และสุดจะเมามันส์ โดยได้รับอิทธิพลจากวง Iron Maiden และ Judas Priest เพลงอย่าง Queen of the Reich เป็นเพลงเฮฟวี่เมตัลสุดมันส์ มีทีเด็ดในช่วงลีดกีตาร์คู่ที่เร่าร้อน Geoff Tate ได้โชว์เรนจ์เสียงที่กว้างสุดๆของเขา ทำให้เขาได้รับการยกย่องเป็นสุดยอดนักร้องนำแนวเฮฟวี่เมตัลคนหนึ่งในยุคนั้นเลยทีเดียว ส่วนเพลง The Lady Wore Black ก็เป็นเฮฟวี่บัลลาดชั้นดีที่ Chris Degarmo ได้ฝากฝีมือการลีดกีตาร์ที่สุดคมกริบเอาไว้ นับเป็นการเปิดตัวที่สวยงามสุดๆครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ǝɹoɔǝsıɐuuoʎɐɯʎɹbuɐ
|
|
« ตอบ #3 เมื่อ: 20 มีนาคม 2008 | 02:39:56 PM » |
|
2.)The Rise of Prog./Heavy MetalThe Warning – 1984 1.Warning 2.En Force 3.Deliverance 4.No Sanctuary 5.NM 156 6.Take Hold of the Flame 7.Before the Storm 8.Child of Fire 9.Roads to Madness อัลบั้มเต็มชุดแรกของวง โปรดิวซ์โดย James Guthrie (คนที่ร่วมโปรดิวซ์ในอัลบั้ม The Wall ของ Pink Floyd นั่นแหละครับ) ซึ่งคงเป็นเขานั่นเองที่มีส่วนในการเหยาะสำเนียงโปรเกรสสีฟใส่เข้าไปในงานของวง ทุกเพลงในอัลบั้มนี้ยังคงความเป็นเฮฟวี่เมตัลมันส์ๆเอาไว้ แต่มันถูกผสมด้วยความจริงจังในแบบโปรเกรสสีฟมากขึ้น ทั้งตัวดนตรีและเนื้อหาที่เริ่มหันเข้าหาเรื่องของจิตวิทยาและเรื่องราวแบบไซไฟมากขึ้น เพลงเด่นๆในอัลบั้มนี้คงต้องยกให้ Road to Madness ที่มีความยาว 9 นาที ที่เป็นเพลงที่มีอารมณ์เพลงหลากหลาย ลีดกีตาร์ทำได้สวยงามมากๆ รวมทั้งยังมีวงออเคสตร้าเป็นแบ๊คอัพอีกด้วย (วงออเคสตร้าวงนี้คอนดักต์โดย Michael Kamen นั่นเองครับ) ส่วนเพลงมันส์ๆอย่าง NM 156 นั้นมีเนื้อหาเกี่ยวกับโลกคอมพิวเตอร์ เป็นไซไฟแบบเต็มๆ ซึ่งในอัลบั้มนี้ Chris DeGarmo มือกีตาร์ของวงได้แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการแต่งเพลงของเขาอย่างชัดเจน (สังเกตจากบางเพลงที่เขาไม่มีเครดิตเป็นคนแต่งจะไม่ค่อยโดดเด่นเท่าไรนัก) อัลบั้มนี้ยอดเยี่ยมมาก ฟังได้ทุกเพลงครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ǝɹoɔǝsıɐuuoʎɐɯʎɹbuɐ
|
|
« ตอบ #4 เมื่อ: 20 มีนาคม 2008 | 02:45:32 PM » |
|
Rage for Order -1986 1.Walk in the Shadows 2.I Dream in Infrared 3.The Whisper 4.Gonna Get Close to You 5.The Killing Words 6.Surgical Strike 7.Neue Regel 8.Chemical Youth (We Are Rebellion) 9.London 10.Screaming in Digital 11.I Will Remember อัลบั้มเต็มชุดที่ 2 ยังคงเดินตามความสำเร็จจากอัลบั้มแรกอย่างเหนียวแน่น ตำแหน่งโปรดิวเซอร์ถูกเปลี่ยนมือไปเป็น Neil Kernon (ที่ระยะหลังมักจะโปรดิวซ์ให้กับวงเดธเมตัลอย่าง Nile หรือ Cannibal Corpse เป็นส่วนใหญ่) รายละเอียดดนตรีถูกปรับเปลี่ยนจากอัลบั้มที่แล้วเล็กน้อย โดยที่เสียงคีย์บอร์ดเริ่มเข้ามามีบทบาทมากขึ้น ความหนักหน่วงลดลงเล็กน้อย แต่ก็ยังคงความยอดเยี่ยมอยู่ ไอเดียในการทำเพลงก็ยังล้นเหลือ อัลบั้มนี้มีแทร๊คเยี่ยมๆมากมายเช่น Walk in the Shadows (เพลงเปิดอัลบั้มที่เป็นเฮฟวี่เมตัลจังหวะกลางๆ แต่เด็ดด้วยริฟฟ์กีตาร์และท่อนคอรัสที่ชวนให้ตะโกนตามโดยไม่รู้ตัว), Gonna Get Close to You (เพลงคัฟเวอร์ของ Lisa Dobello ที่เหยาะความเฮฟวี่เข้าไปแบบพอดีๆ), The Killing Words (เพาเวอร์บัลลาดที่ให้อารมณ์หม่นหมอง), Surgical Strike (เหมือนเป็นเพลงนำร่องให้กับเพลง Speak ในอัลบั้มต่อไปยังไงยังงั้น), London (แทร๊คที่โปรเกรสสีฟที่สุดในอัลบั้ม ฟังดูยิ่งใหญ่ มีลีดกีตาร์คู่สุดงาม), Screaming In Digital (เฮฟวี่เมตัลสุดมันส์ เคล้าเสียงซินธ์แบบไซเบอร์) และ I Will Remember (บัลลาดเศร้าๆปิดท้ายอัลบั้มที่งดงามด้วยเสียงอคูสติกกีตาร์) โดยรวมอัลบั้มนี้มีความเป็นโปรเกรสสีฟมาหขึ้นกว่าชุดก่อน แม้จะไม่ลงตัวเท่า The Warning แต่ก็แสดงให้เห็นถึงพัฒนาการที่ดีครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ǝɹoɔǝsıɐuuoʎɐɯʎɹbuɐ
|
|
« ตอบ #5 เมื่อ: 20 มีนาคม 2008 | 02:50:51 PM » |
|
3.)The Queens Enthroned!!!!!!Operation: Mindcrime – 1988 1.I Remember Now 2.Anarchy-X 3.Revolution Calling 4.Operation: Mindcrime 5.Speak 6.Spreading the Disease 7.The Mission 8.Suite Sister Mary 9.The Needle Lies 10.Electric Requiem 11.Breaking the Silence 12.I Don't Believe in Love 13.Waiting for 22 14.My Empty Room 15.Eyes of a Stranger ในที่สุดก็ถึงคราวที่ราชินีจะได้เถลิงบัลลังก์เสียที เมื่อ Queensryche เริ่มคิดที่จะทำคอนเซปต์อัลบั้ม โดยได้รับแรงบันดาลใจใหญ่ๆในการทำคอนเซปต์อัลบั้มมาจากอัลบั้ม The Wall ของ Pink Floyd ช่วงนี้เป็นช่วงที่ไอเดียและความสามารถในการทำเพลงของวงอยู่ในจุดที่สุกงอมที่สุด ฉะนั้นนี่จึงเป็นการกำเนิดของหนึ่งในคอนเซปต์อัลบั้มที่ยอดเยี่ยมและทรงอิทธิพลที่สุดในวงการเมตัลและโปรเกรสสีฟ “Operation: Mindcrime”!!!!!! ซึ่งอัลบั้มนี้เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับมือปืนนาม Nikki ที่ถูกครอบงำโดยอำนาจสะกดจิตของ Dr. X รวมถึงตีแผ่สภาพสังคมอันรุนแรงของอเมริกาในยุคนั้นอีกด้วย ดนตรีในอัลบั้มนี้เป็นอะไรที่ลงตัวที่สุดระหว่างโปรเกรสสีฟและเมตัล ลงตัวทั้งด้านดนตรีและเนื้อหา มีทั้งความจริงจัง ความมันส์และความงดงาม ผสานกันได้อย่างกลมกลืน เสียงร้องของ Geoff Tate อยู่ในระดับท๊อปฟอร์ม ลีลากีตาร์คู่ที่โดดเด่นเป็นสง่ามากๆ รวมถึงเสียงกลองที่หนักแน่นขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และแน่นอนการประพันธ์ดนตรีที่ยอดเยี่ยมอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนด้วย (บางท่านยกให้อัลบั้มนี้เป็นเหมือน Pink Floyd+Metallica ด้วยซ้ำ!!) อัลบั้มนี้ดีทุกแทร๊คจริงๆครับ โดยเฉพาะแทร๊คอย่าง Spreading the Disease (เฮฟวี่เมตัลริฟฟ์เด็ด Scott Rockenfield หวดกลองได้สะใจมากๆๆๆ), The Mission (เพลงจังหวะค่อนข้างช้าแต่หนักแน่นมากๆ มีทีเด็ดที่ท่อนคอรัสที่ติดหูมากๆ ดนตรีเคร่งเครียด มีเสียงจากวงออเคสตร้าเป็นแบ๊คอัพ เป็นแทร๊คที่ฟังแล้วอยากย้อนกลับมาฟังอีกหลายๆรอบ), Suite Sister Mary (มหากาพย์โปรเกรสสีฟเมตัลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเท่าที่วงเคยทำมา), The Needle Lies (น่าจะเป็นเพลงที่หนักหน่วงที่สุดเท่าที่วงเคยทำมาเช่นเดียวกัน เฮฟวี่ชวนโยกมากๆ), I Don’t Believe in Love (เพลงมิดเทมโปที่เด็ดสุดๆ โดยเฉพาะท่อนคอรัสที่ทำมาเพื่อให้ร้องตามกันโดยเฉพาะ) และเพลงปิดท้ายอัลบั้ม Eyes of a Stranger ที่ให้ความรู้สึกยิ่งใหญ่อลังการ สอดแทรกด้วยความงดงามจากวงออเคสตร้าชุดใหญ่ ดนตรีและเสียงร้องทุกสัดส่วนถูกสอดประสานกันอย่างลงตัวจริงๆครับ ในตอนจบอัลบั้มนี้ยังทิ้งปริศนาว่าใครเป็นคนฆ่าแม่ชีแมรี่ในเพลง Suite Sister Mary ระหว่าง Nikki, Dr. X หรือแม่ชีแมรี่ฆ่าตัวตายเองกันแน่ เป็นปริศนาที่ทำให้อัลบั้มนี้คงความขลังได้อย่างยาวนาน นี่คืออัลบั้มที่ดีที่สุดของวงอย่างไม่ต้องสงสัย เป้นอัลบั้มที่ยิ่งใหญ่ ไร้รอยตำหนิ และสมบูรณ์แบบอย่างแท้จริง นับเป็นช่วงเวลาที่ราชินีได้ครองบัลลังก์อย่างยิ่งใหญ่และสมเกียรติครับ!!!!!
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ǝɹoɔǝsıɐuuoʎɐɯʎɹbuɐ
|
|
« ตอบ #6 เมื่อ: 20 มีนาคม 2008 | 02:55:01 PM » |
|
4.)More popular, Less Prog n’ Heavy, But still Favorable.Empire - 1990 1.Best I Can 2.The Thin Line 3.Jet City Woman 4.Della Brown 5.Another Rainy Night (Without You) 6.Empire 7.Resistance 8.Silent Lucidity 9.Hand on Heart 10.One and Only 11.Anybody Listening? หลังจากเวิลด์ทัวร์อันยาวนานที่ได้มาพร้อมชื่อเสียงสุงสุดและแฟนเพลงอีกขนานใหญ่ ทางวงต้องแบกรับความกดดันอันหนักอึ้งในการทำอัลบั้มให้คงเส้นคงวาอย่างต่อเนื่องให้ได้ ซึ่งทางวงเลือกที่จะไม่ทำคอนเซปต์อัลบั้มและพยายามทำอัลบั้มในรูปแบบที่เรียบง่ายขึ้นมาก จนออกมาเป็นอัลบั้มที่ดีอีกชุดหนึ่งคือ Empire อัลบั้มนี้ลดความหนักหน่วงและความเป็นโปรเกรสสีฟลงมามากจนแทบจะกลายเป็นแฮร์เมตัล แต่การนำเสนอดนตรีของวงก็ยังยอดเยี่ยมเช่นเคย อัลบั้มนี้นอกจากจะฟังง่ายขึ้นแล้ว ยังทำให้ขยายกลุ่มแฟนเพลงได้อีกมาก ด้วยเพลงส่วนใหญ่ในอัลบั้มนี้เข้าถึงได้ง่าย ไม่ซับซ้อน แต่ยังเปี่ยมด้วยชั้นเชิง Best I Can ซึ่งเป็นเพลงเปิดอัลบั้มนั้นเบาลงมาจนแทบจะกลายเป็นฮาร์ดร๊อคเลยก็ว่าได้ แต่ด้วยความติดหูของมันก็ทำให้เราให้อภัยพวกเขาได้อยู่ดี ทางด้านแทร๊คอย่าง Jet City Woman นั้นแทบจะกลายเป็นเพลงประจำวงที่จะต้องเล่นทุกโชว์ ก็แหงล่ะ เพลงมันติดหูน่าร้องตามขนาดนี้ใครจะห้ามใจใหว เช่นเดียวกับ Another Rainy Night (Without You) ที่ป๊อปและติดหูไม่แพ้กัน ส่วนบัลลาดช้าๆหวานๆประจำอัลบั้มอย่าง Silent Lucidity คือเพลงที่โด่งดังที่สุดของวง เป็นเพลงบัลลาดที่งดงามด้วยเสียงเครื่องสายและอคูสติกกีตาร์ที่ฟังดูอบอุ่นครับ น่าจะเป็นเพลงที่หวานที่สุดเท่าที่วงเคยทำมาเลย ขณะที่แฟนเพลงที่อยากได้อะไรที่หนักหน่วงก็ยังพอหาได้จากไตเติ้ลแทร๊คครับ แต่เพลงที่ดีที่สุดในอัลบั้มในสายตาผมแล้วกลับเป็นเพาเวอร์บัลลาดแน่นๆปิดท้ายอัลบั้มอย่าง Anybody Listening? ที่ทั้งไพเราะและหนักหน่วง เสียงร้องถ่ายทอดอารมณ์เจ็บปวดได้ดี มีแถมด้วยลีดกีตาร์สวยๆครับ อัลบั้มนี้ป๊อปขึ้นผิดหูผิดตาครับและยังเป็นอัลบั้มที่ทำอันดับในชาร์ตได้สูงสุดเท่าที่วงเคยทำมาด้วย แต่อย่างไรก็ตามทุกเพลงในอัลบั้มนี้ก็ยังไม่มีเพลงใหนแย่และยังคงความน่าฟังไว้อยู่ แต่มันก็เริ่มเป็นสัญญาณถึงอนาคตที่ชักจะไม่แน่นอนของวงแล้วล่ะครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ǝɹoɔǝsıɐuuoʎɐɯʎɹbuɐ
|
|
« ตอบ #7 เมื่อ: 20 มีนาคม 2008 | 02:59:12 PM » |
|
Promised Land – 1994 1.9:28 a.m. 2.I Am I 3.Damaged 4.Out of Mind 5.Bridge 6.Promised Land 7.Disconnected 8.Lady Jane 9.My Global Mind 10.One More Time 11.Someone Else? หลังจากทิ้งช่วงจากอัลบั้มที่แล้วมาเกือบ 4 ปี ทางวงก็กลับมาอีกครั้งพร้อมกับส่งอัลบั้ม Promised Land มาให้แฟนๆได้ติดตามกัน ซึ่งอัลบั้มนี้มีความหนักหน่วงขึ้นกว่าชุดที่แล้วเล็กน้อย เป็นอัลบั้มที่เปี่ยมด้วยอารมณ์มากที่สุด และน่าจะเป็นอัลบั้มที่มืดมนที่สุดเท่าที่วงเคยทำมาด้วยครับ โดยส่วนตัวแล้วมีความเห็นว่าอัลบั้มทำออกมาได้ค่อนข้างดีมากๆ ถึงแม้ว่ายอดขายจะตกจาก 2 อัลบั้มก่อนพอสมควรก็ตาม หลังจากเสียงชีพจรหัวใจและเสียงร้องไห้ของเด็กในอินโทรแล้ว ความดุเดือดก็เริ่มปะทุทันทีกับ I am I เพลงจังหวะยากๆที่มีริฟฟ์กีตาร์หนักหน่วง เกรี้ยวกราด และมืดมน แทรกด้วยกลิ่นอายแบบภารตะ ซึ่งเชื่อมต่อด้วย Damaged เฮฟวี่ร๊อคหนักหน่วง เคร่งเครียด ที่เชื่อมอารมณ์ต่อเนื่องจากเพลงที่แล้วได้ดีมากๆ ก่อนจะตามมาด้วย Out of Mind อคูสติกบัลลาดที่แสนจะมืดมน แต่ฟังแล้วเพราะดีครับ ทางด้าน Bridge เป็นอีกหนึ่งอคูสติกบัลลาดที่ลดความมืดมนลงมาหน่อย แต่ยังคงไว้ซึ่งความเคร่งเครียดเช่นเดิม ตามด้วย Promised Land แทร๊คที่ยาวที่สุดประจำอัลบั้ม เป็นโปรเกรสสีฟฮาร์ดร๊อคหม่นๆ จังหวะหนืดๆ ท่อนโซโล่กีตาร์กลางเพลงหลอนมากๆครับ อ้อ...เสียงแซ๊กโซโฟนในเพลงนี้เป็นฝีมือการเป่าของ Geoff Tate นะครับ ทางด้าน Lady Jane เป็นอีกหนึ่งบัลลาดที่งดงามด้วยเสียงเปียโนและเชลโล่ แต่บรรยากาศของเพลงนี่สิครับทั้งเศร้าและมืดสนิท (สำหรับผมแล้วนี่คือเพลงบัลลาดที่เพราะที่สุดของวงนี้ครับ) One More Time เป็นบัลลาดแน่นๆคล้ายกับเพลง Anybody Listening? จากอัลบั้มที่แล้ว เป็นอีกเพลงที่ติดหูมากๆครับ ส่วนเพลงปิดอัลบั้มอย่าง Someone Else เป็นบัลลาดเศร้าๆที่มีเพียงเสียงร้องของ Geoff Tate กับเปียโนเท่านั้น เพราะมากๆครับ ทางด้านเพลงอื่นๆอย่าง Disconnected และ My Global Mind ก็สามารถเติมเต็มอารมณ์ของอัลบั้มได้ดีครับ นี่เป็นอัลบั้มที่มืดมนและเปี่ยมไปด้วยอารมณ์มากที่สุดของวงนี้ครับ แต่ถึงแม้ว่าอัลบั้มนี้จะมีเพลงบัลลาดกง่าครึ่งอัลบั้ม แต่ทุกเพลงล้วนไพเราะและจับใจมากๆ เพลงหนักๆก็ช่างเคร่งเครียดและหนักหน่วงจริงๆ เป็นอัลบั้มที่ผมชอบมากที่สุดรองจาก Operation: Mindcrime เลยครับ และไม่น่าเชื่อว่าหลังจากอัลบั้มนี้แล้ว ราชินีคนนี้ก็แทบจะเปลี่ยนไปเป็นคนละคน.......
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ǝɹoɔǝsıɐuuoʎɐɯʎɹbuɐ
|
|
« ตอบ #8 เมื่อ: 20 มีนาคม 2008 | 03:03:29 PM » |
|
5.)Obscured by CrownsHere in the Now Frontier - 1997 1.Sign of the Times 2.Cuckoo's Nest 3.Get a Life 4.The Voice Inside 5.Some People Fly 6.Saved 7.You 8.Hero 9.Miles Away 10.Reach 11.All I Want 12.Hit the Black 13.Anytime / Anywhere 14.sp00L มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย? คือสิ่งแรกที่ต้องอุทานเมื่อได้ลองฟังอัลบั้มนี้ ครับ...ราชินีคนนี้ไม่เหมือนเดิมซะแล้ว ทางวงได้สลัดทิ้งไปหมดทั้งเมตัลและโปรเกรสสีฟ และกลับรับอิทธิพลกรันจ์ที่กำลังครองตลาดในช่วงนั้นมาแทน แล้วผลที่ออกมาคือ ล้มเหลว ครับ ยอดขายในอัลบั้มนี้หายฮวบอย่างน่าตกใจ แฟนเก่าๆรับไม่ได้กับอัลบั้มนี้ บางคนถึงกับเลิกคบค้าสมาคมกับทางวงไปเลย ก็นั่นแหละครับ อัลบั้มนี้มีแต่เพลงระดับสนิมจับจริงๆ ไม่รู้ไอเดียสร้างสรรค์หายไปใหนหมด ไม่มีเพลงใหนน่าจดจำเลย ถึงแม้ว่า Chris Degarmo จะมีส่วนร่วมในการแต่งเพลงทั้งอัลบั้ม แต่ก็ไม่สามารถทำให้เพลงฟังดูดีขึ้นได้ หลังจากอัลบั้มนี้ Chris Degarmo ก็ได้ลาออกจากวงไป ทำให้สถานการณ์ของวงยิ่งสั่นคลอนเข้าไปใหญ่ นี่คือจุดเริ่มต้นของยุคมืดของ Queensryche อย่างแท้จริง................
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ǝɹoɔǝsıɐuuoʎɐɯʎɹbuɐ
|
|
« ตอบ #9 เมื่อ: 20 มีนาคม 2008 | 03:07:02 PM » |
|
Q2K - 1999 1.Falling Down 2.Sacred Ground 3.One Life 4.When The Rain Comes 5.How Could I? 6.Besides You 7.Liquid Sky 8.Breakdown 9.Burning Man 10.Wot Kinda Man 11.Right Side Of My Mind เมื่อไม่มี Chris DeGarmo วงก็เริ่มจมดิ่งลงไปเรื่อยๆ อัลบั้มนี้ Geoff Tate ได้ไปดึง Kelly Gray อดีตเพื่อนร่วมวง Myth มาเป็นมือกีตาร์และนั่งเก้าอี้โปรดิวซ์ด้วย ซึ่งผลที่ออกมาคือ ย่ำแย่และไม่มีอะไรดีไปกว่าเดิมครับ หน้าที่หลักในการแต่งเพลงตกเป็นของ Geoff Tate และ Michael Wilton ซึ่งเห็นได้ชัดว่าเซนส์ในการแต่เพลงให้น่าฟังนั้นสู้ Chiras DeGarmo ไม่ได้เลยแม้แต่นิดเดียว เสียงร้องของ Geoff Tateนั้นตกลงมากรวมถึงดนตรีที่ธรรมดาสุดๆ บางคราวเหมือนพยายามจะให้หนักหน่วง แต่ก็ทำไม่ได้เสียแล้ว อัลบั้มนี้จึงมีเพลงที่น่าจดจำเพียงเพลงเดียวคือ The Right Side of My Mind เพลงบัลลาดแน่นๆแบบที่วงชอบทำซึ่งเป็นเพลงปิดอัลบั้มครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ǝɹoɔǝsıɐuuoʎɐɯʎɹbuɐ
|
|
« ตอบ #10 เมื่อ: 20 มีนาคม 2008 | 03:10:11 PM » |
|
Tribe – 2003 1.Open 2.Losing Myself 3.Desert Dance 4.Falling Behind 5.The Great Divide 6.Rhythm of Hope 7.Tribe 8.Blood 9.The Art of Life 10.Doin' Fine อัลบั้มนี้เหมือนฟื้นคืนชีพชั่วคราว เมื่อ Chris DeGarmo ตกลงมาร่วมงานกับวงอีกครั้ง เพลงในอัลบั้มนี้จึงดูดีขึ้นมากเมื่อเทียบกับ 2 อัลบั้มก่อนหน้านี้ ถึงแม้จะไม่มีทางเทียบได้กับ 5 อัลบั้มแรกก็ตาม อัลบั้มนี้มีแทร๊คที่น่าจดจำพอสมควรเช่นเพลงเปิดอย่าง Open ที่ขึ้นมาด้วยริฟฟ์เท่ๆหนักๆ จังหวะหน่วงๆชวนโยก แต่ท่อนคอรัสดูตันๆไปหน่อย หรือ Desert Dance เพลงหนักๆอีกเพลงที่ออกกลิ่นอายภารตะ ริฟฟ์กีตาร์หนักหน่วงมาก น่าจะเป็นเพลงที่ดีที่สุดในอัลบั้มนี้ ทางด้าน Tribe ก็โอเค แตกต่างด้วยการร้องแบบบ่นๆแร๊พๆนิดแบบ Pain of Salvation สำหรับเพลงอื่นๆก็โอเคครับ แต่ก็มีหลายๆเพลงที่ฟังดูเนือยๆไปหน่อยเหมือนกัน ก็ฟังดูดีขึ้นมาหน่อยครับ แต่อย่างไรก้ตามทุกอย่างมันก็ดูเนือยๆลงไปหมดแล้ว ฟังไปนานๆก็คงเบื่อครับ หลังจากอัลบั้มนี้ Chris DeGarmo ก็อำลาวงไปอีกครั้งและทางวงก็รับ Mike Stone เข้ามาเป็นมือกีตาร์แทนครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ǝɹoɔǝsıɐuuoʎɐɯʎɹbuɐ
|
|
« ตอบ #11 เมื่อ: 20 มีนาคม 2008 | 03:14:48 PM » |
|
6.)The Queens fell down from the throne!!!!!!!Operation: Mindcrime II – 2006 1.Freiheit Overture 2.Convict 3.I'm American 4.One Foot In Hell 5.Hostage 6.The Hands 7.Speed of Light 8.Signs Say Go 9.Re-Arrange You 10.The Chase 11.Murderer? 12.Circles 13.If I Could Change It All 14.An Intentional Confrontation 15.A Junkie's Blues 16.Fear City Slide 17.All the Promises ตามธรรมดาถ้าวงของคุณเริ่มตกอับชื่อเสียงและไร้ไอเดียในการทำงาน คุณจะทำอย่างไรครับ? อาจจะออกงานรวมฮิตมาหากิน หรือจะหากินกับงานเก่าๆดี? ครับ ในเมื่อเป็นอย่างนี้แล้ว Queensryche ที่ตอนนี้หมดชื่อเสียงและไร้ซึ่งไอเดียในการทำงานอย่างสิ้นเชิง ก็ต้องเอาชื่อเสียงเก่าๆมาหากินครับ!!!!! เรียกว่ายอมขายเกียรติยศแลกกันเลย ผลที่ออกมาคือ โอเคครับ ยอดขายดีกว่า 3 ชุดที่ผ่านมา แต่ขายได้เพราะชื่อ!!!! ไมได้ขายที่คุณภาพครับ!!! จริงๆแฟนๆส่วนใหญ่พอใจแล้วที่ให้ภาค 1 จบแบบปริศนาเช่นนั้น แต่นี่อะไร อัลบั้มนี้ถูกทำออกมาอย่างไร้ไอเดียและย่ำแย่อย่างถึงที่สุด เนื้อร้องของ Geoff Tate นั้นวกไปวนมาและชวนสับสนรวมถึงชวนง่วงเอามากๆ ดนตรีที่ธรรมดาสุดๆ ย้ำว่าธรรมดามากๆ!!! แย่กว่า Here in the Now Frontier เสียอีก แถมไม่มีอะไรติดหูอีกต่างหาก ฟังกี่รอบๆก็ไม่เห็นความดีของมัน ยิ่งใช้ชื่ออัลบั้มเป็น Operation: Mindcrime ด้วยแล้ว ยิ่งน่าเขวี้ยงทิ้งครับ ที่แย่ๆกว่านั้นคือในช่วงเดียวกันนี้ Geoff Tate ได้ไปออกรายการวิทยุและไปพูดด่าอัลบั้ม Octavarium ของ Dream Theater อย่างเสียๆหายๆ และเป็นไงครับ....อัลบั้มของตัวเองยังสู้เดโมแรกของวง Dream Theater ไม่ได้เลยครับ!!!! จากเหตุการณ์นั้นก็ทำให้ Mike Portnoy ประกาศเลิกคบค้าสมาคมกับ Queensryche ไปเลย ทั้งๆที่เคยสนิทกันมาก่อน ................................................................. ครับ ณ ตอนนี้ Queen of the Reich ก็กลายเป็นราชินีที่ไร้บัลลังก์ไปเสียแล้ว และดูท่าจะทวีความย่ำแย่ขึ้นทุกที ก็ไม่รู้นะครับว่าพวกเขาจะสามารถผลิตอัลบั้มดีๆออกมาสู่ผู้ฟังได้อีกครั้งหรือเปล่า แต่สำหรับผมและน่าจะสำหรับแฟนเพลงหลายๆคนของวงนี้คงไม่หวังให้วงทำงานออกมาเพื่อเป็นการทำลายเกียรติยศของวงอีกต่อไปแล้ว คงจะเลือกที่จะกอดงานเก่าๆซึ่งเป็นอดีตอันหอมหวานไว้ตลอดกาลดีกว่าครับ The End.
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เพชร วิปลาส
|
|
« ตอบ #12 เมื่อ: 20 มีนาคม 2008 | 03:25:40 PM » |
|
ขอบคุณที่พิมพ์บทความดีๆให้อ่านครับ เป็นกำลังใจให้ ต่อไปเอาเป็นวง Pain of salvation นะครับ เย้ ผมอ่านมาตั้งแต่ข้อความแรกแล้วรีเฟรชตามมาเรื่อยๆ 555 อยากเขียนขอบคุณตั้งแต่ต้นๆแล้ว แต่ไม่อยากแทรก คนที่มาอ่านจะได้อ่าน ต่อเนื่องแบบเนื้อๆครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ท่านผีเพลง
|
|
« ตอบ #13 เมื่อ: 20 มีนาคม 2008 | 06:19:58 PM » |
|
โอว.. เป็นของขวัญวันเกิดให้ตัวเองที่หนักแน่นมากๆ
เขียนได้สนุกและจับประเด็นชัดเจนแจ่มแจ้งเลย
อังกอร์ อังกอร์ อังกอร์
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
kongbei
|
|
« ตอบ #14 เมื่อ: 20 มีนาคม 2008 | 08:06:29 PM » |
|
อนาคตนักเขียนบทความ Prog อันดับ 1 ของเมืองไทย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|