ต่อไป »

[The Black Tulip]

3. Original - 1984 - ซีดี
ออกโดย  EMI (ออกก่อนค่ายโมบาย ข้างบน 4ปี)
และปั้มซ้ำ ลงในบ็อกเซ็ท Shine On
(เสียงธรรมดา -ผมไม่มี)

4. 20th-anniversary - 1993 - ซีดี
ฉบับครบรอบ20ปี เอามาสเตอร์เก่าจากข้อ3. มาทำดื้อๆ
(เสียงงั้นๆ -ผมก็ไม่มีแน่นอน)

 ขอแย้งครับ  บังเอิญมีกล่อง Shine On ที่บ้้านด้วย
 ตามความเข้าใจของผม version Shine On  น่าจะเป็น version Remastered ปี 1992 โดย James Guthrie ไม่น่าจะเป็น version  master 1984 ครับ

http://pinkfloydhyperbase.dk/albums/dark.htm

http://en.wikipedia.org/wiki/The_Dark_Side_of_the_Moon

[The Black Tulip]

5. 30th-anniversary - 2003 - ซีดี
ทำมาสเตอร์ใหม่ เสียงเฉียบเนียบนิ้งไปเลย
ถ้าให้ดี สอย SACD ไปเลย ก็ยิ่งดี
แต่ผมก็มีแค่เวอร์ชั่น ซีดีธรรมดาเท่านั้นนะ
(เสียงดี แต่ดันไปทำหน้าปกใหม่ซะงั้น )

 แผ่นครบรอบ 30 ปีนี้ ผมมีทั้ง SACD Hybrid และแผ่นเสียง ไม่รู้ซื้อไปทำไม
  ลองฟังแล้ว ไม่เห็นว่าเสียงจาก CD จะดีกว่าเดิม  ไม่ได้ฟังจากเครื่องเล่น SACD นะครับ
  ส่วนแผ่นเสียงนั้น เสียงสู้แผ่นเสียง Original ไม่ได้แน่นอนครับ

[ท่านผีเพลง]

จ๊ากๆๆ
คลาดเครียดบ้านเมือง 

อันแรก ถูกต้องทั้งคุณThe Black Tulip และน้องบาส เรื่อง รีมาสเตอร์ ปี 1992และ1993 ไม่ใช่ของปี 1984 จริงๆ ขอบคุณครับ

เอิ้ว..
อันที่สอง คุณสิทธิ์แย้งได้ถูกต้องแล้วครับ 
ซีดีปี2003 บังคับเราจ่ายเงินเพื่อสิ่งที่เราไม่ได้ใช้ 
ผมหยิบมาดู เฮ้ย..มันก็ไฮบริด นี่หว่า 

ส่วนที่เคยเอาแผ่นมากัดกัน -
ยกแรก แผ่น โมบาย ชนะไปอันดับหนึ่ง
ยกสอง แผ่น 30 ปี ชนะไป ด้วยความสะอาด ใส ขาวปานสาวเกาหลี
ยกสาม ได้แก่แผ่น 20ปี ที่ตอนจบแผ่น เพลงสุดท้ายจะมีเสียงแปลกๆ แถมมาครับ
ส่วน แผ่นปี 1984 มีไว้เปิดสาธิตตามงานเครื่องเสียง แทร็คนาฬิกาเท่านั้นนา

ส่วนใครที่ฟังแล้วไม่แตกต่าง แสดงว่ามีบุญนักแล้วครับ
เพราะว่าไอ้เรื่อง"เสียง" นี่เว็บเครื่องเสียง เขาเอาจริงเอาจังกว่านี้เยอะนาครับ 

[TRON]

ยกสาม ได้แก่แผ่น 20ปี ที่ตอนจบแผ่น เพลงสุดท้ายจะมีเสียงแปลกๆ แถมมาครับ

ของแถมในแผ่น 20 ปีที่พี่แจ๊คว่านี่ผมต้องลองไปเช็คดูเสียแล้วว่าได้มาหรือเปล่า 

In 1979 The Dark Side of the Moon was released as a remastered LP by Mobile Fidelity Sound Lab,[95]  and in April 1988 on their "Ultradisc" gold CD format.[96]  The album was released by EMI on the then-new compact disc format in 1984, and eight years later it was re-released as a remastered CD in the box set Shine On.[97]  This version was re-released as a 20th-anniversary box set edition with postcards the following year. Cover design was by Storm Thorgerson, designer of the original 1973 cover.[98]  Some have suggested that on later CD pressings a faintly audible orchestral version of The Beatles's "Ticket to Ride" can be heard after "Eclipse", over the album's closing heartbeats. This may have been the consequence of a remastering error,[55]  and is not audible on the original vinyl.

[TRON]

แนะนำว่าใครที่มีแผ่น 30 ปี Hybrid SACD แล้วนี่ หาโอกาสฟังแบบ 5.1 Surround จากเครื่องเล่น SACD ซักครั้งก็ยังดีนะครับ ถือไปลองที่ร้าน Sony Shop หรือร้านเครื่องเสียงตามห้างที่มีเครื่อง SACD ให้ลอง เอาแบบที่เข้าไปฟังในห้องเลย ทำทีว่ามาลองฟังก่อนซื้อก็ได้ บอกพนักงานขายว่าขอพี่ลองฟังซัก 42:59 นาที 

[Layla F Mulder]

แนะนำว่าใครที่มีแผ่น 30 ปี Hybrid SACD แล้วนี่ หาโอกาสฟังแบบ 5.1 Surround จากเครื่องเล่น SACD ซักครั้งก็ยังดีนะครับ ถือไปลองที่ร้าน Sony Shop หรือร้านเครื่องเสียงตามห้างที่มีเครื่อง SACD ให้ลอง เอาแบบที่เข้าไปฟังในห้องเลย ทำทีว่ามาลองฟังก่อนซื้อก็ได้ บอกพนักงานขายว่าขอพี่ลองฟังซัก 42:59 นาที 

สงสัยต้องนัดกันไปฟังกันทั้งเว็บทีเดียวเลย น่าจะคุ้มดีครับ อยากฟังแบบนี้ซักครั้งเหมือนกัน

[ท่านผีเพลง]

แนะนำว่าใครที่มีแผ่น 30 ปี Hybrid SACD แล้วนี่ หาโอกาสฟังแบบ 5.1 Surround จากเครื่องเล่น SACD ซักครั้งก็ยังดีนะครับ ถือไปลองที่ร้าน Sony Shop หรือร้านเครื่องเสียงตามห้างที่มีเครื่อง SACD ให้ลอง เอาแบบที่เข้าไปฟังในห้องเลย ทำทีว่ามาลองฟังก่อนซื้อก็ได้ บอกพนักงานขายว่าขอพี่ลองฟังซัก 42:59 นาที 

สงสัยต้องนัดกันไปฟังกันทั้งเว็บทีเดียวเลย น่าจะคุ้มดีครับ อยากฟังแบบนี้ซักครั้งเหมือนกัน

เสีนดาย วันนี้ ไม่ได้ไปร่วมด้วยจัง 


อาศัยความจำ จะตอบอะไรสมัยนี้ ยากครับ เพราะผิดๆถูกๆอยู่เรื่อย
เลยทำการบ้าน มาให้ท่านเจ้าของกระทู้เลือกเอา 

The Dark Side of the Moon - เฉพาะ ซีดี เท่านั้น 

   1. Harvest Records - 1st issue [CBS / Sony Japan] -ปี1984
   2. Harvest Records - 2nd issue [Toshiba / EMI Japan] ปี1986
   3. Capitol Records - 3rd issue [Toshiba / EMI Japan] 1986
   4. Capitol Records - 4th issue [Toshiba / EMI Japan] 1986
   5. Capitol Records - 5th issue [Sony DADC IN] 19??
   6. Capitol Records - 6th issue [Sony DADC IN] 1986
   7. Capitol Records - 7th issue [PDO NC] 1986
   8. Capitol Records - 8th issue [PDO NC] 1986

   9. Capitol Records - 9th issue [Toshiba / EMI Japan] 1986
  10. Capitol Records - 10th issue [Capitol Jax IL] 1986-1987?
  11. Capitol Records - 11th issue [Capitol Jax IL] 1987
  12. Capitol Records - 12th issue [Capitol Jax IL] 19??
  13. Capitol Records - 13th issue [PDO NC] 19??
  14. Capitol Records - 14th issue [Capitol Jax IL] 19??
  15. Capitol Records - 15th issue [Capitol Jax IL]  19??
 
16. Mobile Fidelity Sound Lab ทำการรีมาสเตอร์โดย Krieg Wunderlich
         1. MFSL UltraDisc #1 [Ultech, Japan] 1988
         2. MFSL UltraDisc #2 [U.S.] 1988-1993 ?
         3. MFSL UltraDisc II #1 [Zomax Optical, Plymouth, Minnesota] 1993
         4. MFSL UltraDisc II #2 [JVC Japan] ?

  17. EMI Records - Twentieth Anniverary Promotional Edition -1993
  18. EMI Records Twentieth Anniversary Edition Box [EMI Jax IL] -1993 รีมาสเตอร์โดย Doug Sax

  19. Capitol Records 1993 reissue [EMI Jax IL] -1993
  20. Capitol Records 1994 reissue [EMI Jax IL] -1994

  21. 30th Anniversary SACD Edition รีมาสเตอร์โดย James Guthrie
         1. Capitol Records SACD - 1st issue [U.S.] -2003
         2. Capitol Records SACD - 2nd issue [Japan] -2003

  22. Capitol Records 2004 issue [Cinram, Richmond IN] -2004 ใช้มาสเตอร์ปี 1993

เห็นแล้วตาลาย
ส่วนอีก 3ปี ใครจะปรุงมาสเตอร์เบล็นด์ ก็ยังไม่รู้ครัฟ
ส่วนเรื่องเสียงไหนดี
ประเด็นนอกจากความปราณีตแล้ว ยังอยู่ที่"ความดัง"อีกด้วย

รุ่น 1-8 ความดัง หรือ สัญญานเสียงจะแรงสูงสุดที่  72.5 %
รุ่น 9-12 สัญญานแรงสูงสุดที่ 100.0 %
รุ่น 13-15 สัญญานแรงสูงสุดที่ 95.5 %
รุ่น 16 (โมบาย) สัญญานแรงสูงสุดที่ 60.0 %
รุ่น 17-20และ 22 (20ปี) สัญญานแรงสูงสุดที่ 96.8 %
รุ่น 21 (30ปี) สัญญานแรงสูงสุดที่ 100.0 %

ยังกะเล่นพระเครื่องเลยนะเนี่ย ฮาฮาฮา 

[ท่านผีเพลง]

ลืมบอกไปว่า ที่กระทู้ข้างบนนั่น เฉพาะ ซีดี ที่ขายในอเมริกา เท่านั้นนะ จาบอกให้

ต่อไปเอาอย่างย่อๆครัฟ (โม้มาก เมื่อยมาก ฮาฮา)

The Dark Side of the Moon ซีดีของญี่ปุ่น

   1. Toshiba-EMI Records - 1st issue (1983 - Sony pressings)
   2. Toshiba-EMI Records - 2nd issue (1985)
   3. Toshiba-EMI Records - 3rd issue (1986)
   4. Toshiba-EMI Records - 4th issue
   5. Mobile Fidelity Sound Lab - MFSL UltraDisc
   6. Toshiba-EMI Records - 5th issue (1988 - Eternity Gold Edition)
   7. Mobile Fidelity Sound Lab - MFSL UltraDisc II
   8. Toshiba-EMI Records - 6th issue (1993 - 20th Anniversary Edition in box)
   9. Toshiba-EMI Records - 7th issue (1993)
  10. Toshiba-EMI Records - 8th issue (1996)
  11. Toshiba-EMI Records - 9th issue (2000)
  12. Toshiba-EMI Records - 10th issue (2001 - mini-LP sleeve)
  13. Toshiba-EMI Records - 11th issue (2003 - SACD)
  14. Toshiba-EMI Records - 12th issue (2006)
  15. Toshiba-EMI Records - 13th issue (2006 - Rock UK series)
  16. Toshiba-EMI Records - 14th issue (2007 - EMI 100 series)
  17. Toshiba-EMI Records - 15th issue (2009)

ผมก็เฝ้ารอ มินิ-แอลพี รุ่นใหม่ สักกล่องครับ อิอิ  (ถ้าเมืองไทยไม่พังไปซะก่อนนะ)

[TRON]

แล้วความดังของเสียงมากๆนี่มันดีครับยังไงครับ คือหมายถงระดับเสียงดังหรือหมายถึงอะไรที่ลึกกว่านั้นครับ ?

[ท่านผีเพลง]

แล้วความดังของเสียงมากๆนี่มันดีครับยังไงครับ คือหมายถงระดับเสียงดังหรือหมายถึงอะไรที่ลึกกว่านั้นครับ ?

ดังมาก ไม่ดีครับ สัญญานเกิดคลิป
สมัยปัจจุบัน วงการเพลงเรียกว่า "สงครามแข่งความดัง"
The Loudness Wars: Why Music Sounds Worse http://www.npr.org/templates/story/story.php?storyId=122114058

ถ้าขี้เกียจอ่าน ดูรูปแทนครัฟ 
หลักการ- http://www.youtube.com/watch?v=3Gmex_4hreQ&feature=related
ตัวอย่าง- http://www.youtube.com/watch?v=7UjQc0dM4H4&feature=related

[TRON]

ผมก็ว่าครับ เสียงดังไม่ดีครับ อย่าง Dark Side 2003 นี่เสียงดังมากสำหรับผมนะ มันเหมือน compress เสียงมากไป แต่คงไม่ถึงขั้น loudness war เหมือนอย่าง Death Magnetic

[ท่านผีเพลง]

ใช่ครับ พี่เคยพูดประเด็นนี้ในกระทู้ รีมาสเตอร์ เดอะ บี้ตเทิ้ล
เพราะเด็กๆรุ่นใหม่ ฟังเพลงผ่านไฟล์ที่ผ่านการบีบ-อัด หรือคอมเพรส ทั้งนั้น
ก็มันยุคสมัยของเขานี่ -ต้องเข้าใจ 

[.. polotoon ..]

พูดถึงวิธีการฟังเพลงแล้ว ผมเห็นว่า มันเป็นพัฒนาการส่วนบุคคลที่ขึ้นอยู่กับปัจจัยรอบด้านมากมาย
เมื่อก่อน ผมฟังจาก
วิทยุลำโพงเดียว
วิทยุเทปสองลำโพง
วิทยุเทปสองลำโพง + เทปผี
วิทยุเทปสองลำโพง + เทปลิขสิทธิ์
เทปเด็ค + แอมป์ + ลำโพงเก่า + เทปลิขสิทธิ์
เทปเด็ค + แอมป์ + ลำโพงเก่า + เทปแม่เหล็ก
เทปเด็ค + แอมป์ + ลำโพงเก่า + เทปโครเมี่ยม
เทิร์น + เข็ม MM + แอมป์ + ลำโพงเก่า + แผ่นเสียง used
เทิร์น + เข็ม MM + แอมป์ + ลำโพงเก่า + แผ่นเสียง Imported, sealed
เทิร์น + เข็ม MM + แอมป์ + ลำโพงใหม่ + แผ่นเสียง Japan, sealed
ซีดีเพลเยอร์ + แอมป์ + ลำโพงใหม่ + ซีดีอิมพอร์ท
ซีดีเพลเยอร์ + แอมป์ + ลำโพงใหม่ + ซีดีญี่ปุ่น
ซีดีเพลเยอร์ + แอมป์ + ลำโพงใหม่ + ซีดีไทย
เทิร์นใหม่ + เข็ม MC High + แอมป์ + ลำโพงใหม่ + แผ่นเสียง Imported, sealed
เทิร์นใหม่ + เข็ม MC High + แอมป์ + ลำโพงใหม่ + แผ่นเสียง Imported, sealed เสียงดีแบบต่างๆ
และอื่นๆต่อไป
ก็เพื่อตอบสนองความต้องการส่วนตัว อยากที่จะได้ความสุขจากการฟังมากขึ้น แต่บางครั้งก็ไม่สุขมากขึ้นนัก 

[pink milk]

ทำไมมันเยอะยังงี้!? เห็นข้อมูลแล้ว... ขอบคุณมากๆๆ ครับ

เสียงแปลกๆ ตอนจบเพลงสุดท้ายมีทั้ง 20th 30th เลยครับ ลองฟังมาแล้ว ตั้งใจรึป่าวเนี่ย แต่ในไวนีลไม่ได้ยินนะ

[ท่านผีเพลง]

ทำไมมันเยอะยังงี้!? เห็นข้อมูลแล้ว... ขอบคุณมากๆๆ ครับ

เสียงแปลกๆ ตอนจบเพลงสุดท้ายมีทั้ง 20th 30th เลยครับ ลองฟังมาแล้ว ตั้งใจรึป่าวเนี่ย แต่ในไวนีลไม่ได้ยินนะ

โอ้โฮเหะ..
แปลว่า..
เล่นทั้ง ซีดี และแผ่นเสียง (และเทป) ด้วยแน่ๆเลย 

"มิใช่ทำมะดาซะแล้วท่าน.."