ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

 
การค้นหาขั้นสูง

149687 กระทู้ ใน 4435 หัวข้อ- โดย 847 สมาชิก - สมาชิกล่าสุด: axlrose

07 พฤษภาคม 2024 | 03:55:16 AM
หน้า: 1 ... 310 311 [312] 313 314 ... 325
พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: ตาดู-หูฟัง  (อ่าน 1595656 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 3 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
อั๋น501
Voyage Of The Acolyte
*********
กระทู้: 4240



ดูรายละเอียด
« ตอบ #4665 เมื่อ: 24 กรกฎาคม 2014 | 08:39:33 AM »


พี่ปีศาจฯ เป็นของยี่ห้อ Roksan ทั้งซีสเต็ม อินทิเกรทแอมป์รุ่นใหม่เป็นดิจิตอลล้วนๆ 80 วัตต์/ข้าง ซีดี เทิร์นฯและลำโพง
โดยเฉพาะลำโพงวางหิ้งตัวเล็กๆแบบนี้ราคาแรงพอสมควร 180,000 บาท ผมได้ฟังชุดนี้แล้วเสียงดีใช้ได้เลยแฮะ
ผมฟังกับแผ่นเสียงชุด The Wall อัดเสียงได้เต็มห้องให้เสียงเบสเกินตัว พี่ปีศาจฯสนใจป่าว  ยิ้มกว้างๆ
ช่วงนี้ผมนิ่งสนิทและยึดหลักพอเพียงครับผม ยิ้มกว้างๆ

ช่วงนี้ผมก็หยุดอัพฯชุดซีสเต็มเพิ่มเช่นกัน เพราะเพิ่งสอย accuphase c7 mc step up มาเสริมแฮะ
บันทึกการเข้า
ปีศาจลายคราม
The Snow Goose
**********
เพศ: ชาย
กระทู้: 14376


Reap What You Sow


ดูรายละเอียด
« ตอบ #4666 เมื่อ: 24 กรกฎาคม 2014 | 10:57:18 AM »




พี่ปีศาจฯ ช่วยเลือกให้หน่อยซ้ายหรือขวาดี  ยิ้มกว้างๆแต่เฮียโป่ง เลือกตรงกลางแฮะ  ยิงฟันยิ้ม
เสียใจด้วย ไม่ใช่ taste ของผมทั้งซ้าย ขวา และกลางครับ ยิ้มกว้างๆ
บันทึกการเข้า
TRON
The Snow Goose
**********
เพศ: ชาย
กระทู้: 12866



ดูรายละเอียด
« ตอบ #4667 เมื่อ: 24 กรกฎาคม 2014 | 07:35:05 PM »









บันทึกการเข้า
อั๋น501
Voyage Of The Acolyte
*********
กระทู้: 4240



ดูรายละเอียด
« ตอบ #4668 เมื่อ: 25 กรกฎาคม 2014 | 08:02:58 AM »












ผมสอย accuphase c7 mc step up มาเสริมเล่นกับ rega aria phono stage แม้ว่า phono ของ rega เองสามารถเล่นหัวเข็ม MC ได้อยู่แล้ว
แต่ผมลองใช้  accuphase c7 mc น้ำเสียงนุ่มนวลให้รายละเอียดดีกว่าเหมาะกับแนวเพลงออดิโอไฟล์มากกว่า หากผมฟังเพลแนวร็อคก็จะใช้
ภาค MC ในตัวของ rega สลับเปลี่ยนอารมณ์ จะได้ฟิลลิ่ง 2 แบบเหมือนผมฟังลำโพง JBL 4343 สลับฟิลลิ่งกับ B&W 805 Diamond เลยแฮะ  ยิ้มกว้างๆ
(ขอบคุณเสี่ยสิทธิ์ ที่ช่วยลงรูปให้)
บันทึกการเข้า
ปีศาจลายคราม
The Snow Goose
**********
เพศ: ชาย
กระทู้: 14376


Reap What You Sow


ดูรายละเอียด
« ตอบ #4669 เมื่อ: 01 สิงหาคม 2014 | 02:48:31 PM »

ขอเรียนถามเทคนิคและวิชาการจากคุณอั๋น501 พี่แจ็ค หรือท่านใดก็ได้ที่เล่นแผ่นเสียงระบบ belt drive ในเรื่องการหยอดน้ำมัน (bearing oil) นั้น นอกจากจะหยอดน้ำมันลงไปที่แกน bearing shaft ใต้แป้นหมุน (platter) แล้ว เรายังสามารถหยอดลงไปที่ใต้แกนพูเล่ย์ (pulley) ที่ฉุดหมุนสายพานได้ด้วยหรือเปล่าครับ (เพื่อบำรุงรักษาให้พูเลย์หมุนได้คล่องตัวเนื่องจากเป็นเทิร์นเทเบิ้ลที่อายุมากแล้ว) ผมยังไม่กล้าหยอดตรงจุดนี้ กลัวจะเป็นผลเสียมากกว่าผลดี ดังนั้น ใครที่ทราบรบกวนช่วยให้ความเห็นหน่อยครับ
บันทึกการเข้า
ปีศาจลายคราม
The Snow Goose
**********
เพศ: ชาย
กระทู้: 14376


Reap What You Sow


ดูรายละเอียด
« ตอบ #4670 เมื่อ: 04 สิงหาคม 2014 | 08:45:47 AM »

ขออนุญาตเข้ามาบอกว่า ไม่ต้องตอบคำถามข้างต้นนี้ก็ได้นะครับ เพราะผมได้จัดการเรียบร้อยแล้ว ตรงแกนพูเล่ย์ (pulley) นั้นหยอดน้ำมัน bearing oil ลำบาก ผมจึงใช้สเปรย์ไล่ความชื้น เพิ่มการหล่อลื่นและลดแรงเสียดทานของ Phillips (กระป๋องสีส้ม) ฉีดลงไปสองครั้งแล้วทิ้งไว้สักพักจึงเปิดเครื่องเล่น ทีนี้ทั้งแกนพูเล่ย์และแกน spindle ทำงานเงียบกริบ ไร้เสียงรบกวนใด ๆ ทั้งสิ้น Happy Listening จริง ๆ ครับ
บันทึกการเข้า
ท่านผีเพลง
Voyage Of The Acolyte
*********
กระทู้: 4733


Phantom of the Paradise


ดูรายละเอียด เว็บไซต์ อีเมล์
« ตอบ #4671 เมื่อ: 05 สิงหาคม 2014 | 03:41:17 PM »

เก่งจริงๆเลยครับ  ยิงฟันยิ้ม
อัตหิ อัตโน นาโถ

ผมเองไม่ได้หยอดน้ำมันที่ว่านี้ ไม่ต่ำกว่า 5ปีแล้ว
คงโชคดีที่ไม่มีสนิมมาเกาะ ให้เกิดเสียงรบกวนใดๆ

ส่วนสาเหตุ ที่ให้หยอดน้ำมันเฉพาะแป้นหมุนเท่านั้น ไม่ให้หยอดตรงแกนขับสายพาน
เพราะน้ำมัน จะกัดยางสายพานจนเปื่อยครับ อายุงานจะสั้นลง และเสียงยืดด้วยครับ

นักเล่นแผ่นเสียงควรหมั่นเช็คสปีดบ่อยๆด้วยนะ
(เช็คกับซีดี-ด้วยเพลงเดียวกัน)
บันทึกการเข้า

ปีศาจลายคราม
The Snow Goose
**********
เพศ: ชาย
กระทู้: 14376


Reap What You Sow


ดูรายละเอียด
« ตอบ #4672 เมื่อ: 05 สิงหาคม 2014 | 06:52:33 PM »

ขอคารวะพี่แจ็คด้วยความขอบคุณ (มาช้าดีกว่าไม่มาครับ)

เรื่องหยอดน้ำมันแบริ่งออยล์ที่แกน spindle ใต้ platter เนี่ย ผมได้ยินมาหลายกระแสครับ เพื่อนผมบางคนว่า ตั้งแต่ซื้อเครื่องเล่นแผ่นเสียงมาไม่เคยหยอดน้ำมันสักครั้งเลย มันก็ยังเล่นได้ดีอยู่ บางคนบอกว่า ถ้าเล่นบ่อย สมควรหยอดน้ำมันหกเดือนครั้ง หรือปีละครั้ง แต่ก่อนจะหยอดน้ำมันใหม่ลงไป จะต้องทำความสะอาดปล่อง spindle shaft โดยซับเอาน้ำมันเก่าออกให้หมดเสียก่อน แล้วค่อยเติมน้ำมันใหม่ลงไป ซักสองสามหยดก็พอ ถ้ามากกว่านี้ แป้นหมุนจะหนืดมากกว่าวิ่งฉิว

แต่บางคนกลับย้อนถามผมว่า "ต้องหยอดน้ำมันด้วยหรือ?" (อั๊ยย่ะ)

โดยส่วนตัว ผมเชื่อว่าอะไรก็ตามที่เป็น mechanic และมีส่วนที่หมุนหรือเคลื่อนไหวอยู่ จะต้องมีการ maintenance เป็นครั้งคราว ตามสภาพ ทีนี้เทิร์นเทเบิ้ลที่ผมได้มานั้นใช้งานมาราวสิบปีเศษแล้ว (แต่อายุของมันมากกว่านั้นสามเท่า) และผมไม่ทราบว่าเจ้าของเดิมเขาบำรุงรักษามากน้อยแค่ไหน หรือเป็นแต่เล่นอย่างเดียว

พอไปอ่านตำรา ไปศึกษาข้อมูลจากเน็ตบ้าง ก็พบว่าส่วนใหญ่เขาให้หยอดน้ำมันในส่วนที่เป็นแบริ่ง และอาจรวมถึงแกนฉุดสายพานด้วย ผมก็เลยซื้อน้ำมันที่ใช้เฉพาะสำหรับเทิร์นเทเบิ้ล ยี่ห้อ Clearaudio มาลองใช้ดู เพราะใต้ platter นั้นพบว่ามีปล่อง bearing shaft และหลุมให้หยอดน้ำมันลงไป ตอนแรกกลัวหมุนไม่ลื่นเลยหยอดไปซะเยอะ ราว ๆ 5 หรือ 7 หยด อะไรประมาณนี้ เศษน้ำมันทะลักขึ้นมาจาก spindle shaft ผมจึงต้องซับน้ำมันเก่าทั้งหมดออกแล้วหยอดใหม่ ทีนี้เอาแค่สองหยดพอ ปรากฏว่าแพลตเตอร์ก็หมุนคล่องและเงียบกริบ

มีสิ่งหนึ่งที่ผมยังไม่ได้พิสูจน์แต่ได้ยินมาว่า น้ำมันต่างยี่ห้อจะให้ผลลัพธ์เสียงที่ต่างกันเล็กน้อย อันนี้ฝรั่งเขาว่ายังงั้น จริงหรือไม่จริงผมไม่ทราบ แต่โดยส่วนตัวขอให้หล่อลื่นเอาไว้ก่อนเป็นพอ ยี่ห้อไม่เกี่ยง และที่สนุกว่านั้นก็คือ บางคนบอกว่าให้ซื้อน้ำมันที่ใช้กับเทิร์นเทเบิ้ลมาใช้เท่านั้น ห้ามใช้น้ำมันเครื่องหรือน้ำมันจักรเด็ดขาด แต่ฝรั่งบางคนที่เล่นกระทู้ถามตอบเรื่องเครื่องเล่นแผ่นเสียงมันบอกว่า ไปวักเอาน้ำมันเครื่องรถยนต์มาใช้ ก็ได้เหมือนกัน ไม่ต้องหาซื้อน้ำมันเฉพาะมาให้เปลือง ผมอ่านแล้วรู้สึกว่าไม่อยากเสี่ยงตามเขา ถ้าใช้น้ำมันมั่วซั่ว ประเดี๋ยวปล่อง spindle shaft แตกรั่วขึ้นมา ทีนี้ล่ะยุ่งเลย

ส่วนที่ใต้แกนพูเล่ย์ฉุดสายพานของเครื่องที่ผมใช้อยู่นั้น มีช่องแคบเล็ก ๆ ให้พอหยอดน้ำมันได้อยู่ แต่ผมไม่อยากเสี่ยงให้น้ำมันหยดลงไปเลอะเทอะ และกลัวว่าน้ำมันจะไปโดนอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อย่างอื่นด้วย จึงใช้สเปรย์ไล่ความชื้นและลดแรงเสียดทาน เพิ่มความหล่อลื่น (อย่างที่พวกช่างอิเล็กทรอนิกส์เขาชอบใช้กัน) ติดหัวฉีดก้านเล็กยาวฉีดลงไปสองฟืด ทิ้งไว้สักครู่พอให้สเปรย์ซึมลงไปในส่วนที่ต้องการบำรุงรักษา (สเปรย์นี้เขาบอกว่าไม่เป็นอันตรายต่อโลหะและพลาสติก) จากนั้นก็ลองติดเครื่องหรือเปิดสวิตช์ดู พร้อมกับเงี่ยหูฟังใกล้แป้นหมุน พบว่าเทิร์นเทเบิ้ลทำงานได้เงียบกริบดีมากครับ

ใครที่มีเครื่องเก่า ๆ และมีปล่องให้หยอดน้ำมันได้ ผมว่าก็น่าลองนะครับ
บันทึกการเข้า
อั๋น501
Voyage Of The Acolyte
*********
กระทู้: 4240



ดูรายละเอียด
« ตอบ #4673 เมื่อ: 09 สิงหาคม 2014 | 06:27:02 AM »

พี่ปีศาจฯ เก่งแฮะ ตั้งแต่ผมกลับมาเล่นเทิร์นฯได้ประมาณ 1 ปี ยังไมเคยหยอดน้ำมันเองเลย เมื่อเดือนก่อนถอดอาร์มเปลี่ยนสายสัญญาณ RCA
ใหม่ให้ดีขึ้นกว่าของเก่าเท่านั้น  ยิ้มเท่ห์
บันทึกการเข้า
ปีศาจลายคราม
The Snow Goose
**********
เพศ: ชาย
กระทู้: 14376


Reap What You Sow


ดูรายละเอียด
« ตอบ #4674 เมื่อ: 10 สิงหาคม 2014 | 09:27:26 PM »

พี่ปีศาจฯ เก่งแฮะ ตั้งแต่ผมกลับมาเล่นเทิร์นฯได้ประมาณ 1 ปี ยังไมเคยหยอดน้ำมันเองเลย เมื่อเดือนก่อนถอดอาร์มเปลี่ยนสายสัญญาณ RCA
ใหม่ให้ดีขึ้นกว่าของเก่าเท่านั้น  ยิ้มเท่ห์

ผมคิดว่าการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันหล่อลื่นแกนแบริ่งเป็นการยืดอายุการทำงานของเทิร์นเทเบิ้ลวิธีหนึ่งนะครับ แม้แต่รถยนต์ยังต้องมีการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องเป็นระยะ ๆ เลย เทิร์นเทเบิ้ลมันก็เป็นระบบเมคานิค คงไม่ต่างอะไรไปจากรถยนต์หรอกครับ ผมลองแล้ว สำหรับเครื่องที่ผมเล่น เห็นผลชัด เครื่องเดินเงียบกริบครับ ส่วนการเปลี่ยนสาย tonearm cable นั้น ถ้าสายเดิมมันเก่ามาก จะลองเปลี่ยนดูก็ได้ มีหลายยี่ห้อให้เล่นในตลาด ผมลองมาแล้วประมาณ 2-3 ยี่ห้อ แต่ฟังไม่ค่อยออก จึงไม่ค่อยรู้สึกถึงความแตกต่าง อาจเป็นเพราะไม่ใช่หู audiophile ก็ได้ครับ ยิ้มกว้างๆ
บันทึกการเข้า
ปีศาจลายคราม
The Snow Goose
**********
เพศ: ชาย
กระทู้: 14376


Reap What You Sow


ดูรายละเอียด
« ตอบ #4675 เมื่อ: 13 สิงหาคม 2014 | 08:51:28 AM »

record clamp หรือ stabilizer ที่ใช้กดทับแผ่นเสียงให้มั่นคงในขณะเล่นนั้นมีผลเสียต่อระบบการทำงานของเครื่อง (เช่น ระบบฉุดสายพาน แบริ่ง แกนหมุน ซัสเพนชั่น ฯลฯ) ในระยะยาวหรือเปล่าครับ?

บันทึกการเข้า
อั๋น501
Voyage Of The Acolyte
*********
กระทู้: 4240



ดูรายละเอียด
« ตอบ #4676 เมื่อ: 19 สิงหาคม 2014 | 12:18:33 PM »

record clamp หรือ stabilizer ที่ใช้กดทับแผ่นเสียงให้มั่นคงในขณะเล่นนั้นมีผลเสียต่อระบบการทำงานของเครื่อง (เช่น ระบบฉุดสายพาน แบริ่ง แกนหมุน ซัสเพนชั่น ฯลฯ) ในระยะยาวหรือเปล่าครับ?



 ผมว่าการใช้ clamp กดทับแผ่นต้องดูประเภทของตัว clamp ด้วย โดยส่วนตัวไม่ค่อยเห็นด้วยกับการใช้  clamp ที่ทำด้วยโลหะน้ำหนักมาก
อาจจะส่งผลกับมอเตอร์ชุดขับเสียหายได้ เพราะเทิร์นฯบางรุ่นไม่ได้ออกแบบการใช้แรงที่เพิ่มน้ำหนักมากเกินไป นอกแต่ว่าตัวเทิร์นฯของรุ่นนั้นๆออกแบบมาไว้ใช้งานได้อยู่แล้ว แม้ว่าหลักการจะดีเพื่อต้องการให้  clamp กดทับแผ่นให้มั่นคงก็ตาม เทิร์นฯบางรุ่นบางยี่ห้อ มอเตอร์ขับตัวเล็กนิดเดียว
ลงทุนซื้อมาใช้ไม่คุ้มเสีย แต่ผมเห็น clamp บางยี่ห้อออกแบบมาดีเหมือนกันวิธีการกดทับโดยไม่ใช้น้ำหนักของตัว  clamp เอง ใช้ยึดล็อตที่แกน
หมุนแทน ตัว clamp ทำด้วยวัสดุพวกพีวีซีน้ำหนักเบาแฮะ  ยิ้มเท่ห์
บันทึกการเข้า
ปีศาจลายคราม
The Snow Goose
**********
เพศ: ชาย
กระทู้: 14376


Reap What You Sow


ดูรายละเอียด
« ตอบ #4677 เมื่อ: 21 สิงหาคม 2014 | 10:36:46 AM »

record clamp หรือ stabilizer ที่ใช้กดทับแผ่นเสียงให้มั่นคงในขณะเล่นนั้นมีผลเสียต่อระบบการทำงานของเครื่อง (เช่น ระบบฉุดสายพาน แบริ่ง แกนหมุน ซัสเพนชั่น ฯลฯ) ในระยะยาวหรือเปล่าครับ?


 ผมว่าการใช้ clamp กดทับแผ่นต้องดูประเภทของตัว clamp ด้วย โดยส่วนตัวไม่ค่อยเห็นด้วยกับการใช้  clamp ที่ทำด้วยโลหะน้ำหนักมาก
อาจจะส่งผลกับมอเตอร์ชุดขับเสียหายได้ เพราะเทิร์นฯบางรุ่นไม่ได้ออกแบบการใช้แรงที่เพิ่มน้ำหนักมากเกินไป นอกแต่ว่าตัวเทิร์นฯของรุ่นนั้นๆออกแบบมาไว้ใช้งานได้อยู่แล้ว แม้ว่าหลักการจะดีเพื่อต้องการให้  clamp กดทับแผ่นให้มั่นคงก็ตาม เทิร์นฯบางรุ่นบางยี่ห้อ มอเตอร์ขับตัวเล็กนิดเดียว
ลงทุนซื้อมาใช้ไม่คุ้มเสีย แต่ผมเห็น clamp บางยี่ห้อออกแบบมาดีเหมือนกันวิธีการกดทับโดยไม่ใช้น้ำหนักของตัว  clamp เอง ใช้ยึดล็อตที่แกน
หมุนแทน ตัว clamp ทำด้วยวัสดุพวกพีวีซีน้ำหนักเบาแฮะ  ยิ้มเท่ห์
เห็นด้วยครับ ถ้าจะใช้ clamp ก็น่าจะใช้กับเครื่องที่มี platter น้ำหนักมาก บึกบึน และมีมอเตอร์ที่มีแรงฉุดมากสักหน่อย ซึ่งก็คงจะเป็นพวกเครื่องไฮเอนด์ราคาแพง ส่วนพวกเครื่องที่บอบบางทั้งหลาย ผมคิดว่าไม่สมควรจะใช้ clamp หรือ stabilizer ซึ่งจะไปเพิ่มมวลหรือน้ำหนักให้กับ platter เกินความจำเป็น แต่บางครั้งผมก็เห็นเขาถ่ายรูปกันมาโชว์อย่างในตัวอย่างข้างต้นนี้ ใช้ stabilizer น้ำหนักหลายร้อยกรัม เผลอ ๆ ก็เกือบครึ่งกิโลกรัม ซึ่งก็ออกจะเสี่ยงอยู่ ผมเองก็มี stabilizer อยู่อันหนึ่ง ซื้อมานานแล้ว มีระดับน้ำในตัวเพื่อเช็ค level ให้ได้ระนาบที่สมบูรณ์ด้วย แต่น้ำหนักกดทับของมันจะอยู่ราว ๆ 300 กว่ากรัม ผมจึงยังไม่กล้าใช้กับเครื่องที่มีอยู่ในปัจจุบัน เอาไว้ให้ได้เครื่องใหม่ที่ "กล้ามใหญ่" กว่าเดิมมาก่อน แล้วจึงค่อยเอาออกมาใช้ครับ
บันทึกการเข้า
ปีศาจลายคราม
The Snow Goose
**********
เพศ: ชาย
กระทู้: 14376


Reap What You Sow


ดูรายละเอียด
« ตอบ #4678 เมื่อ: 21 สิงหาคม 2014 | 03:07:36 PM »

ผมมีความคิดอยู่ประเด็นหนึ่ง (ซึ่งบางท่านอาจคิดเหมือนผม) คือ ได้สังเกตมานานแล้วว่า ในการทดสอบเครื่องเสียงเพื่อเขียนบทวิจารณ์ลงในหนังสือหรือสื่อใดก็ตามนั้น นักวิจารณ์แทบจะร้อยละหนึ่งร้อยมักใช้แผ่นเสียงหรือซีดีที่มีคุณภาพการบันทึกเสียงเยี่ยมเป็นตัวอ้างอิงกันทั้งนั้น ผมไม่เคยเห็นนักวิจารณ์คนใดใช้สื่อ (แผ่นเสียง ซีดี) ที่มีคุณภาพเสียงแย่หรือห่วยแตกในการทดสอบเครื่องเสียงเลย ซึ่งอันที่จริงแล้วพวกเขาควรจะใช้สื่อประเภทหลังนี้ในการทดสอบเครื่องเสียงมากกว่า -- ทำไมหรือครับ? -- ก็เพื่อที่เขาจะได้สามารถบอกได้ว่า เครื่องเสียงที่เขากำลังทดสอบและวิจารณ์อยู่นั้นสามารถทำให้แผ่นที่บันทึกเสียงมาไม่ดีกลับดูน่าฟังขึ้นมาได้ (อันนี้ผมว่าน่าจะเป็นความสามารถหลักของเครื่องเสียงที่ดี) ถ้าใช้แผ่นที่บันทึกเสียงดีอยู่แล้ว ถ้าได้เครื่องเสียงดี อะไรทุกอย่างมันก็ยิ่งดีไปใหญ่ ผมคิดว่ามันไม่ท้าทายและไม่ใช่การเผยศักยภาพที่ดีของเครื่องเสียงนั้นเลย เครื่องเสียงที่ดีต้องทำให้สื่อที่บันทึกเสียงมาแย่เกิดเสียงที่น่าฟังขึ้นได้ เพราะในความเป็นจริงเพลงที่เราชื่นชอบและฟังกันส่วนใหญ่ก็บันทึกเสียงมาในยุคที่มาสเตอร์เทปไม่ค่อยจะสมบูรณ์และเทคโนโลยีการบันทึกเสียงไม่ก้าวหน้านัก ผมสงสัยว่าทำไมนักทดสอบและวิจารณ์เครื่องเสียงส่วนใหญ่ไม่อยู่ในโลกแห่งความเป็นจริง ชอบที่จะเลือกเอาอัลบั้มเพลงที่มีคุณภาพการบันทึกเสียงดีแต่ไม่ใช่เพลงที่คนทั่วไปชื่นชอบและฟังกัน (ซึ่งมักเรียกกันว่าแผ่นออดิโอฟาย) มาเป็นตัวอ้างอิงในการทดสอบเครื่องเสียงกันนัก? เพราะอันที่จริงแล้ว เครื่องเสียงที่เขากำลังทดสอบและบอกว่าดีนั้นมันควรจะเล่นแผ่นที่คุณภาพเสียงแย่ให้ได้เสียงที่น่าฟังมากกว่า

ใครมีความเห็นอย่างไรในเรื่องนี้บ้างครับ?
บันทึกการเข้า
อั๋น501
Voyage Of The Acolyte
*********
กระทู้: 4240



ดูรายละเอียด
« ตอบ #4679 เมื่อ: 22 สิงหาคม 2014 | 06:38:41 AM »

ผมมีความคิดอยู่ประเด็นหนึ่ง (ซึ่งบางท่านอาจคิดเหมือนผม) คือ ได้สังเกตมานานแล้วว่า ในการทดสอบเครื่องเสียงเพื่อเขียนบทวิจารณ์ลงในหนังสือหรือสื่อใดก็ตามนั้น นักวิจารณ์แทบจะร้อยละหนึ่งร้อยมักใช้แผ่นเสียงหรือซีดีที่มีคุณภาพการบันทึกเสียงเยี่ยมเป็นตัวอ้างอิงกันทั้งนั้น ผมไม่เคยเห็นนักวิจารณ์คนใดใช้สื่อ (แผ่นเสียง ซีดี) ที่มีคุณภาพเสียงแย่หรือห่วยแตกในการทดสอบเครื่องเสียงเลย ซึ่งอันที่จริงแล้วพวกเขาควรจะใช้สื่อประเภทหลังนี้ในการทดสอบเครื่องเสียงมากกว่า -- ทำไมหรือครับ? -- ก็เพื่อที่เขาจะได้สามารถบอกได้ว่า เครื่องเสียงที่เขากำลังทดสอบและวิจารณ์อยู่นั้นสามารถทำให้แผ่นที่บันทึกเสียงมาไม่ดีกลับดูน่าฟังขึ้นมาได้ (อันนี้ผมว่าน่าจะเป็นความสามารถหลักของเครื่องเสียงที่ดี) ถ้าใช้แผ่นที่บันทึกเสียงดีอยู่แล้ว ถ้าได้เครื่องเสียงดี อะไรทุกอย่างมันก็ยิ่งดีไปใหญ่ ผมคิดว่ามันไม่ท้าทายและไม่ใช่การเผยศักยภาพที่ดีของเครื่องเสียงนั้นเลย เครื่องเสียงที่ดีต้องทำให้สื่อที่บันทึกเสียงมาแย่เกิดเสียงที่น่าฟังขึ้นได้ เพราะในความเป็นจริงเพลงที่เราชื่นชอบและฟังกันส่วนใหญ่ก็บันทึกเสียงมาในยุคที่มาสเตอร์เทปไม่ค่อยจะสมบูรณ์และเทคโนโลยีการบันทึกเสียงไม่ก้าวหน้านัก ผมสงสัยว่าทำไมนักทดสอบและวิจารณ์เครื่องเสียงส่วนใหญ่ไม่อยู่ในโลกแห่งความเป็นจริง ชอบที่จะเลือกเอาอัลบั้มเพลงที่มีคุณภาพการบันทึกเสียงดีแต่ไม่ใช่เพลงที่คนทั่วไปชื่นชอบและฟังกัน (ซึ่งมักเรียกกันว่าแผ่นออดิโอฟาย) มาเป็นตัวอ้างอิงในการทดสอบเครื่องเสียงกันนัก? เพราะอันที่จริงแล้ว เครื่องเสียงที่เขากำลังทดสอบและบอกว่าดีนั้นมันควรจะเล่นแผ่นที่คุณภาพเสียงแย่ให้ได้เสียงที่น่าฟังมากกว่า

ใครมีความเห็นอย่างไรในเรื่องนี้บ้างครับ?

เรื่องการทดสอบเครื่องเสียงนั้น ต้นสัญญาณที่บันทึกเสียงที่ดีนั้นมีส่วนสำคัญในการอ้างอิงกับชุดซีสเต็มนั้นๆเหมือนกัน หากว่าใช้ซีดีหรือแผ่นเสียง
ที่บันทึกเสียงมาไม่ได้พอคือแย่ๆแบบที่พี่ปีศาจฯ ว่าไว้เราก็ไม่อาจรู้ว่าเครื่องเสียงชิ้นนั้นๆ มีคุณภาพเสียงที่แท้จริงเป็นเช่นใดในเมื่อต้นทางให้
คุณภาพเสียงไม่ดีมาตั้งแต่ต้น อันนี้จะไม่กล่าวถึงแนวดนตรีที่ผู้วิจารณ์ชื่นชอบเป็นการส่วนตัว ฉะนั้นเราจะเห็นว่านักวิจารณ์เครื่องเสียงมัก
จะใช้แผ่นซีดีหรือแผ่นเสียงที่บันทึกเสียงมาดีอย่างเช่นแผ่นออดิโอไฟล์ นำมาอ้างอิงเสมอ จึงทำให้แผ่นพวกนี้จะมีราคาแพงเพราะบันทึกเสียงมาดี
บางคนซื้อเพราะแผ่นอัดดี มากกว่าจะชื่นชอบกับตัวผลงานดนตรีด้วยซ้ำไป  ยิ้มกว้างๆ  ผมจะขอก็อปข้อความที่ผมเขียนโพสต์ไว้ในเฟชบุ๊คเพจ ตาดู-หูฟัง
เปรียบ 3 อัลบั้มที่เป็นผลงาน soundtrack เหมือนๆกัน แต่มีราคาแผ่นที่แตกต่างกันมีเหตุผลง่ายๆเพราะแผ่นที่มีราคาแพงบันทึกเสียงดีกว่าเท่านั้น
นักวิจารณ์หรือคนเล่นเครื่องเสียงมักจะไม่ให้ความสำคัญกับคุณภาพของดนตรีไงล่ะ  ยิ้มเท่ห์



อัลบั้ม Casino Royale (1967) - soundtrack
อัลบั้ม Tootsie (1982) – Soundtracks
อัลบั้ม An Officer and a Gentleman (1982) – Soundtracks

หนังทั้ง 3 เรื่องนี้มีเรื่องเล่าที่น่าสนใจ มาว่ากันเริ่มจาก Casino Royale (1967) คือเรื่อง เจมส์ บอนด์ นิยายตอนแรกของ Ian Fleming ที่เขียนไว้ แต่ไม่ได้ถูกมาสร้างเป็นหนังตอนแรก เพราะเจ้าตัวได้ขายลิขสิทธิ์เรื่องนี้ให้เจ้าอื่นไปก่อนที่ Broccoli จะได้ซื้อลิขสิทธิ์ทั้งหมดมาสร้างเป็นภาพยนตร์ หนังเจมส์ บอนด์ภาคแรกจึงคือเรื่อง Dr. No(1962) นั่นเอง ซึ่งต่อมาเมื่อปี 2006 จึงได้สิทธิ์นำเรื่อง Casino Royale นำกลับมาสร้างพร้อมเปิดตัวสายลับเจมส์ บอนด์ คนใหม่รับบทโดย Daniel Craig แต่เรื่อง Casino Royale เคยถูกนำสร้างเป็นหนังตลกล้อเลียนเจมส์ บอนด์ โดยมีดาราดังๆรุ่นใหญ่ในยุดนั้นมาร่วมแสดงด้วยมากมายอย่างเช่น Peter Sellers, David Niven, Orson Welles, John Huston, Woody Allen, Ursula Andress ฯลฯ เป็นหนังบอนด์ ที่ถูกยำเลอะเทอะที่สุดใครที่เป็นแฟนหนังของบอนด์คงรับไม่ได้ ตัวหนังมีดีเพียงอย่างเดียวน่าจะเป็นดนตรีประกอบโดยเฉพาะอัลบั้ม soundtrack ผลงานของ Burt Bacharach และเป็นเรื่องที่แปลกมีคนมากมายที่ชื่นชอบอัลบั้มชุดนี้โดยที่ไม่เคยดูภาพยนต์เรื่องนี้มาก่อนเลยแฮะ อาจจะเห็นว่ามีนักวิจารณ์เครื่องเสียงชื่นชมกันกันนักหนา Tootsie (1982) หนังของผู้กำกับ Sydney Pollack เรื่องนี้ของจริงเป็นหนังรัก Comedy ที่ได้นักแสดงคุณภาพอย่าง Dustin Hoffman รับบทเป็นดาราประกอบตกงานที่ปลอมตัวเป็นผู้หญิงเพื่อจะหางานแสดงกับบท โดโรธี ของรายการละครทีวีภาคกลาง ดันเกิดตกหลุมรัก จูลี่ เพื่อนนักแสดงสาวสวยรับบทโดย Jessica Lange เมื่อปีนั้นถือว่าเป็นปีทองในอาชีพการแสดงของเธอเลยก็ว่าได้เพราะมีหนังเข้าชิงรางวัลออสก้าร์พร้อมกันทั้ง 2 เรื่อง Frances (1982) หนังของผู้กำกับ Graeme Clifford เธอรับบทเป็น Frances Farmer ดาราดังในอดีตที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นคอมมิวนิสต์ บทบาทที่โดดเด่นมากเข้าชิงนักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม ผมเคยดูเรื่องนี้จากโรงรอเป็นบูลเรย์อยู่ ตอนนั้นเชียร์อยากให้ เจสสิก้า แลงจ์ ชนะชอบเธอจากเรื่อง The Postman Always Rings Twice มากเล่นประกบแจ็ค นิโคลสัน ฉากเซ็กซ์อันร้อนแรงบนโต๊ะแบบไม่ต้องโป๊จำได้ติดตาอยู่ทุกวันนี้ แพ้กับ Meryl Streep จากเรื่อง Sophie's Choice ต้องยอมเธอรับบทหนักมากเป็นแม่ที่ ต้องเลือกว่าจะเสียลูกชายหรือลูกสาวให้กับทหารฝ่ายนาซีเอาไปฆ่า ตอนที่ดูฉากนี้ที่เธอต้องเลือกว่าจะให้ลูกสาวซึ่งยังเล็กอยู่หรือลูกชายซึ่งโตกว่าหน่อย ใจผมคิดว่าเธอต้องให้ลูกชายเพราะลูกสาวยังเล็กอยู่ หารู้ไม่เธอส่งลูกสาวที่กำลังอุ้มอยู่ส่งให้ทหารนาซีแบบว่าเธอร้องไห้เห็นแล้วน่าสงสารมาก มาเข้าใจที่หลังว่าเพราะลูกสาวยังเล็กไม่สามารถช่วยตัวเองได้ในค่ายกักขังชาวยิวแบบนี้ลูกชายโตกว่ายังพอสามารถช่วยเหลือตัวเองได้บ้าง ส่วนบทโดโรธี จากเรื่อง Tootsie ชิลๆเข้าชิงสาขานักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยม ได้รางวัลนี้ไป ส่วนดนตรีประกอบเป็นผลงานของ Dave Grusin ยอดเยี่ยมมาก ที่จะลืมไม่ได้คือเพลง It Might Be You ร้องโดย Stephen Bishop ไพเราะเหลือหลาย ในปีนั้นยังมีหนังที่เป็นคู่แข่งเรื่อง An Officer and a Gentleman หนังของผู้กำกับ Taylor Hackford มาแรงทั้งหนังและดนตรีประกอบเหมือนกัน เป็นหนังแจ้งเกิดให้กับพระเอกสุดหล่อ Richard Gere กับบทนักเรียนนายเรือชุดขาวทั้งหล่อทั้งเท่ห์เรียกว่าสมัยนั้นจัดว่าเป็นขวัญใจของสาวๆ เพลงประกอบนั้นประสบความสำเร็จไม่แพ้ตัวหนัง Up Where We Belong ร้องโดย Joe Cocker กับ Jennifer Warnes แจ้งเกิดให้กับนักร้องสาว Jennifer Warnes เช่นกันหนังได้รางวัลนักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยม Louis Gossett, Jr.รับบทเป็นครูฝึกจอมโหดและรางวัลสำคัญคือเพลงยอดเยี่ยมด้วย ทั้ง 3 อัลบั้ม soundtrack ถ้าวัดคุณค่าทางดนตรีย่อมเหมือนๆกัน หากนำตัวหนังมาเปรียบเทียบเรื่อง Casino Royale (1967) นั้นห่วยแตกที่สุด มีเรื่องที่แปลกแต่เป็นเรื่องจริง ว่าทำไมราคาแผ่นเสียงจึงมีความแตกต่างกันคงจะทราบกันอยู่แล้วว่าแผ่นเสียง soundtrack เรื่องใดมีราคาแพงกว่ากันแฮะ

หมายเหตุ: ลงรูปที่โพสต์มาไม่เป็น วานพี่ปีศาจฯ ช่วยหารูปแผ่นเสียง 3 อัลบั้มมาลงประกอบเรื่องด้วย เผื่อหลายๆท่านที่เข้ามาอ่านจะได้
เห็นรูปปกแผ่นเสียงด้วยแฮะ  ยิงฟันยิ้ม
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22 สิงหาคม 2014 | 06:41:50 AM โดย อั๋น501 » บันทึกการเข้า
หน้า: 1 ... 310 311 [312] 313 314 ... 325
พิมพ์
กระโดดไป:  

ThaiProg.net Ver 4.0 by tisanai,Shineon,kongbei
Top 10 Best Sellers in Kindle eBooks Reviewer 2016 Top 10 Best Sellers In Automotive Parts And Accessories Reviewer 2016 Top 10 Best Sellers in Tools and Home Improvement Under $10, Reviewer 2016
Top 10 Best Sellers in Clothing for 2017 Top 10 Best Sellers in Clothing Best Sellers in Clothing
Top 10 Best Sellers in Books reviewer 2017 Top 10 Best Sellers in Books Best Sellers in Books
Top 10 Best Sellers In Best Sellers In Grocery Reviewer 2017 Top 10 Best Sellers In Best Sellers In Grocery Best Sellers In Grocery