ในช่วงครึ่งเดือนหลังของเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา เป็นอีกหนึ่งช่วงเวลาที่วุ่นวายที่สุดในชีวิตของผม มีการเปลี่ยนแปลงต่างๆ มากมาย ช่วงต้นเดือนก็ยุ่งๆ กับการสัมภาษณ์งาน ตรวจร่างกาย สัมภาษณ์วันที่ 1 แล้วก็ต้องมาเริ่มงานในวันที่ 16 เลย ซึ่งถือว่าเร็วมาก เพราะต้องตระเตรียมเรื่องข้าวของ และหาที่พักภายในเวลาอันเร่งรัด พอเข้าสู่ช่วงปลายเดือนก็ต้องทำทั้งการปรับตัวเข้ากับที่ทำงานใหม่และจังหวัดสระบุรี แถมยังมีเรื่องของการรับปริญญา ซึ่งต้องซ้อมย่อย ซ้อมใหญ่ และรับจริง ทั้งหมดสามวัน คือต้องลางานมาทำเรื่องรับปริญญา แล้วพอตกเย็นก็ต้องรีบกลับไปสระบุรีอีก งง วุ่นวาย สับสน และเหนื่อยมาก คืนวันอังคารของสัปดาห์ที่แล้วเจ้านายญี่ปุ่นก็พาไปเลี้ยงอีก ในขณะที่วันพุธในวันรุ่งขึ้น ก็ต้องมารับจริง ช่วงเช้าก็ถ่ายรูป เที่ยงเข้าแถวเดินเข้าอาคารจักรฯ บ่ายนั่งรอ บ่ายแก่ๆ ก็ได้เวลารับ (เพราะคนเยอะมาก รอบละประมาณ 3 พันคน) รับเสร็จก็กลับบ้าน นอนค้างที่บ้านแล้วตอนเช้าตื่นตี 5 ออกจากบ้าน 6 โมง ไปสระบุรีเพื่อไปให้ทันเข้างาน
เรื่องงานก็ยังไม่เข้าที่เข้าทางนัก อาจจะยังปรับตัวไม่ได้หรือว่าไม่ถนัดหรืออย่างไรก็ตาม ก็จะพยายามสู้ต่อไปเท่าที่จะทำได้ แต่ต้องยอมรับว่าชีวิตเปลี่ยนไปมากพอสมควรจริงๆ โดยเฉพาะการทำงานแบบฟูลไทม์ จันทร์-เสาร์ 8.00-17.00 น. แถมยังต้องอยู่คนเดียวในที่ๆ ไม่ค่อยคุ้นเคยอีกตะหาก บางทีก็รู้สึกหวิวๆ เพราะว่าเราเองอยู่บ้านตัวเองมาตลอด ไม่เคยไปค้างที่ไหนถ้าไม่จำเป็นจริงๆ เที่ยวไหนไกลๆ ก็ไม่ค่อยไป ขนาดพ่อแม่ไปเที่ยวเมืองจีนกัน ชวนผมไปด้วย ผมยังไม่ยอมไปเลย (ติดบ้านมาก)
เรื่องเน็ทก็ยังเป็นปัญหาอยู่สำหรับหอพัก เนื่องจากทางหอเค้าไม่ยอมให้ขออินเตอร์เน็ทตรงเข้าห้อง (เพื่อนที่ทำงานผม อยู่หอในตัวอำเภอเมืองสระบุรี เค้าอนุญาตให้ขอเน็ทตรงเข้าหอเลย โหลดบิตกันได้มันส์ไปเลย) เน็ทก็จะไม่ค่อยสเถียร บางทีเล่นแล้วก็ต่อได้บ้างไม่ได้บ้าง พาลให้อารมณ์เสีย โดยเฉพาะคนที่คุยเอ็มกับผมบ่อยๆ อย่างเหม่งจะรู้เลยว่า เข้าๆ ออกๆ บ่อยมาก (คือหลุดนั่นเอง) ก็ต้องทนกันต่อไป
ต่อไปนี้ขอนำรูปภาพถ่ายเซสชั่นเดี่ยวตอนรับปริญญาที่ได้คัดเลือกไว้แล้ว 8 ภาพ เอามาให้ชมกัน ไม่ได้คิดว่าตัวเองหล่อหรือดูดีอย่างไรหรอกนะครับถึงกล้าเอามาโชว์ (555+) เพียงแต่ว่าจ้างช่างกล้องมาถ่ายแล้ว จะเก็บเอาไว้ดูคนเดียวก็คงไม่คุ้มค่า ต้องเอามาแปะไว้บ้าง จะได้คุ้มๆ กับเงินและเวลาที่เสียไปซะหน่อย ตอนถ่ายนี่ผมเหนื่อยมาก แล้วก็ยิ้มไม่ค่อยเก่ง (โดยเฉพาะการยิ้มเพื่อการถ่ายรูป) พร้อมด้วยข้อคิด 8 ประการที่ผมได้เรียนรู้ในช่วงรับปริญญาและช่วงเริ่มต้นทำงานนี้ บางข้ออาจจะเป็นอะไรที่เคยรู้สึกมาก่อนแล้ว แต่พอมาเจอกับช่วงเวลาที่เพิ่งผ่านมานี้แล้ว ยิ่งตอกย้ำความชัดเจนของมันยิ่งขึ้นไปอีก ภาพเหล่านี้คัดเลือกมาจากภาพถ่ายทั้งหมดประมาณ 800 ภาพ ที่ถ่ายทั้งในช่วงของวันซ้อมใหญ่และวันจริง โดยตัดส่วนที่ถ่ายร่วมกับญาติๆ เพื่อนๆ และคุณพ่อคุณแม่ออกไป คือเป็นภาพเดี่ยวทั้งหมด
1. ในเพลง Take It To The Limit ของ Eagles บอกเอาไว้ว่า "You can spend all your time making money. You can spend all your love making time." นี่คือความจริง ที่ต้องมาได้สัมผัสด้วยตัวเอง เมื่อคุณไม่มีเวลา หรือเวลาสำหรับการทำอะไรน้อยลงไป ความสุขก็จะลดน้อยลงไปเช่นกัน
2. วัยเด็ก-วัยเรียน เป็นวัยที่สบายที่สุดแล้ว ถึงเราจะทำอะไรพลาดนิดหน่อย ก็ไม่เป็นไรมาก ยิ่งอายุมากขึ้น เรายิ่งต้องรับผิดชอบมากขึ้น ความวิตกกังวลและความเครียด ก็จะมีมากขึ้นเพิ่มตามไปด้วย
3. เวลาเลือกตัดสินใจทำอะไร ให้ดูที่ผลของมัน ว่าเป็นช่วงระยะยาวหรือระยะสั้น ยิ่งการตัดสินใจอันไหน จะส่งผลกับเราในระยะยาว เรายิ่งต้องคิด พิจารณาให้รอบคอบและละเอียดถี่ถ้วน ใช้ทั้งความรู้สึกของตนเองและเหตุผลในการตัดสินใจควบคู่กันไป อย่าใช้แค่อย่างใดอย่างหนึ่ง ระวังจะมาเสียใจภายหลัง
4. "While you were hanging yourself on someone elses words. Dying to believe in what you heard. I was staring straight into the shining sun." จากเพลง Coming Back to Life - Pink Floyd คนเราทุกคนแตกต่างกัน ทั้งหน้าตา รูปร่าง อุปนิสัย ค่านิยม ครอบครัว การถูกเลี้ยงดูมา และทัศนคติ ดังนั้นไม่มี
ข้อคิดเห็นของใครคนไหน ที่จะถูกต้อง 100% หรือผิด 100% แต่เราต้องรู้จักตนเอง เป็นตัวของตัวเอง โดยอย่าไปใส่ใจกับคำพูดของคนอื่นมาก แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นการกระทำของเราใดๆ ต้องตั้งอยู่บนพื้นฐานของการไม่ทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน
5. "Our House is a very fine house, with two cats in the yard. Life used to be so hard, now everything is easy cause of you." บ้านและครอบครัวเป็นสิ่งที่มีค่ามาก จงใช้เวลาให้อยู่กับสิ่งเหล่านี้ให้ได้มากที่สุด
6. ความทุกข์เป็นสิ่งที่ทำให้ความสุขมีค่า หากปราศจากความทุกข์ เราก็ไม่สามารถลิ้มรสความสุขได้อย่างแท้จริง
7. "The child is grown, the dream is gone." วัยเด็กเป็นวัยแห่งความฝัน ดังนั้นถ้ารู้ตัวว่ายังเป็นเด็ก จะทำอะไรให้รีบทำ วัยเด็กไม่สามารถย้อนกลับมาหาเราได้อีกแล้ว วัยเด็กมีทั้งความหวัง การมองโลกในแง่ดี ความสนุกสนาน อะไรก็สวยงามไปหมด พอเราโตขึ้น เราจะพบว่าความจริงในโลกของเรามันไม่ได้สวยงามอย่างที่เราคิดอีกต่อไป
8. ชีวิตที่สมบูรณ์ คือการได้อยู่กับครอบครัว เพื่อนฝูง คนที่เรารัก ในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม และหาเลี้ยงตนเองได้โดยไม่ต้องรบกวนคนอื่น เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว ลาภ ยศ สรรเสริญ และเงินเป็นเพียงปัจจัยภายนอกที่ช่วยให้เราเรารู้สึกดีขึ้นเล็กน้อยเท่านั้น