ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

 
การค้นหาขั้นสูง

149705 กระทู้ ใน 4435 หัวข้อ- โดย 847 สมาชิก - สมาชิกล่าสุด: axlrose

12 พฤษภาคม 2024 | 09:21:43 PM
หน้า: 1 ... 30 31 [32] 33 34 ... 158
พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: Chat !  (อ่าน 772732 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 8 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
TRON
The Snow Goose
**********
เพศ: ชาย
กระทู้: 12866



ดูรายละเอียด
« ตอบ #465 เมื่อ: 27 ตุลาคม 2008 | 03:25:29 PM »

อ้างถึง
ความรู้สึกยินดีที่เกิดขึ้นเมื่อเราได้รับรู้ว่ามีใครไปทำบุญมานั้น น่าจะเป็นความสุขใจประการหนึ่ง ซึ่งน่าจะส่งผลให้เรามีความสุข ซึ่งถือว่าเป็นบุญประการหนึ่งได้ (เหมือนกับการที่เราพลอยยินดี เมื่อผู้อื่นได้ดี)
แต่ต่อมาอาจเข้าใจคลาดเคลื่อนกันไป เลยกลายเป็นว่า การอนุโมทนานั้น ถือเป็นการขอมีส่วนร่วมในการทำบุญ

แต่ผมคิดว่าเป็นบุญของคนทำนะครับ ที่ทำให้เราพลอยรู้สึกดีไปด้วย ส่วนเราน่าจะเป็นเพียงผู้พลอยได้รับผลบุญไปด้วยครับ  ยิ้ม


ก็คงนับว่าเป็นบุญเหมือนๆ กันมั้ง ...
ไม่เหมือนนะ ถ้าให้ดี ต้องพยายามทำเอง มากๆ  ยิ้มเท่ห์

ใหม่ๆผมก็เข้าใจว่าเหมือนไปขอส่วนแบ่งบุญ เหมือนทำไมไม่ทำเอง แต่ถ้าคนที่ไปทำบุญบ่อยๆจะรู้ว่าทำไมเขาถึงใช้คำนี้ครับ เหมือนเรารู้สึกดีด้วยเลย ก็เลยได้บุญมั๊งครับ การแบ่งบุญใครจะแบ่งให้ใครก็ได้ ไม่มีจำกัดครับ คือไม่ใช่แบ่งให้แล้วเราได้น้อยลงอะไรแบบนั้นนะครับ สงสัยต้องรอพี่ panyarak มาอธิบายดีกว่า แต่แน่นอนครับเราควรทำเองด้วยมากๆ
บันทึกการเข้า
.. polotoon ..
The Snow Goose
**********
กระทู้: 18602



ดูรายละเอียด
« ตอบ #466 เมื่อ: 27 ตุลาคม 2008 | 04:21:59 PM »

ศัพท์ธรรมคำวัด : อนุโมทนา


มีคำอยู่คำหนึ่งที่ชาวพุทธพูดกันจนติดปาก คำนั้นก็คือ “อนุโมทนา” ความหมายของอนุโมทนาคืออะไร และเมื่อไหร่ที่ควรใช้คำนี้ คำตอบก็คือ...

ในหนังสือ ‘คำวัด’ โดยพระธรรมกิตติวงศ์ ได้อธิบายความหมายของคำนี้ไว้ว่า

อนุโมทนา หมายถึง การแสดงความชื่นชมยินดีในบุญหรือความดีที่ผู้อื่นทำ การอนุโมทนานั้นอาจทำได้ด้วยการพูด เขียนหนังสือ หรือแสดงกิริยาก็ได้ เช่น เมื่อได้ยินเสียงย่ำฆ้องกลองที่วัดในตอนเย็น แสดงว่าพระท่านทำวัตรเย็นจบ ก็ยกมือขึ้นประนมไหว้ เปล่งวาจาว่าสาธุ เป็นการอนุโมทนาต่อพระสงฆ์ที่วัด หรือมีใครทำบุญ แล้วมาบอกให้ทราบ ทราบแล้วก็ยกมือขึ้นสาธุ เป็นการอนุโมทนาบุญของเขาด้วย

เรียกการพูดแสดงความยินดีในความดีของผู้อื่นว่า “อนุโมทนากถา”

เรียกหนังสือรับรองการบริจาคที่วัดออกให้แก่ผู้บริจาคทรัพย์ทำบุญว่า “อนุโมทนาบัตร หรือใบอนุโมทนา”

เรียกบุญที่เกิดจากการอนุโมทนาตามตัวอย่างข้างต้นว่า “อนุโมทนามัยบุญ”

และการที่ภิกษุกล่าว สัมโมทนียกถา อันแปลว่า ถ้อย คำอันเป็นที่บันเทิงใจ ใช้เรียกการที่ภิกษุพูดแสดงความขอบคุณหรือกล่าวถึงประโยชน์และอานิสงส์ของ ความดี ของบุญกุศล ที่ทายกทายิกาได้ทำ เช่น ถวายอาหาร สร้างกุฏิ สร้างหอระฆัง เป็นต้น ไว้ในบวรพระพุทธศาสนา บางทีเรียกว่า อนุโมทนากถา

ส่วนในหนังสือศาสนพิธี เล่ม ๒ ฉบับมาตรฐาน โดยคณาจารย์แห่งโรงพิมพ์เลี่ยงเชียง ได้อธิบายเพิ่มเติมว่า

ธรรมเนียมของพระภิกษุสามเณร เมื่อได้รับถวายปัจจัยสี่ ไม่ว่าจะเป็นภัตตาหาร หรือทานวัตถุใดๆ ก็ตามจากทายกทายิกา จะต้องทำพิธีอนุโมทนาทานนั้น ไม่ว่าจะได้รับรูปเดียวหรือหลายรูปก็ตาม ต้องอนุโมทนาทุกครั้ง จะละเว้นเสียมิได้ถือว่าผิดพระพุทธานุญาต ต่างแต่ว่าอนุโมทนาต่อหน้าหรือลับหลังเท่านั้น

ธรรมเนียมนี้ปฏิบัติกันมาแต่ครั้งพุทธกาลแล้ว ฉะนั้นการอนุโมทนาทานจึงเป็น ประเพณีมานานในหมู่สงฆ์ การประกอบพิธีอนุโมทนาลับหลังทา ยกทายิกามีวิธีเดียว คือ การบิณฑบาตที่ต้องออกรับในสถานที่ต่างๆ ทั่วไปไม่จำกัด กรณีเช่นนี้ไม่ต้อง อนุโมทนาต่อหน้าขณะที่รับบิณฑบาต แต่กลับมาถึงวัดฉันอาหารเรียบร้อยแล้ว จึงอนุโมทนา หรือยกไปอนุโมทนาในช่วงทำวัตรสวดมนต์ เช้า - เย็นก็ได้

ส่วนพิธีอย่างอื่นนอกจากนี้ควรจะอนุโมทนาต่อหน้าเสมอไปจึงจะสมควร พิธีอนุโมทนาแบ่งออกเป็นหัวข้อใหญ่ๆ ได้ ๒ หัวข้อคือ

๑. สามัญอนุโมทนา คือ การอนุโมทนาที่นิยมใช้ปฏิบัติกันโดยทั่วไป ไม่จำกัดงานหนึ่งงานใด ก็คงใช้คำอนุโมทนาแบบเดียวกัน

๒. วิสามัญอนุโมทนา คือ การอนุโมทนาด้วยบทสวดพิเศษ คือ อนุโมทนาเฉพาะทาน เฉพาะกาล และเฉพาะเรื่อง

สำหรับคำว่า “สาธุ” แปลว่า “ดีแล้ว ชอบแล้ว” ดังนั้นการเปล่งวาจาว่าสาธุก็เพื่อแสดงความเห็นชอบด้วยชื่นชม หรือยกย่องสรรเสริญ เพื่ออนุโมทนาในบุญ หรือความดีที่ผู้อื่นทำนั่นเอง

ในพระไตรปิฎก ได้พูดเรื่องผลบุญของการอนุโมทนาที่ทำให้ไปเกิดในวิหารวิมานว่า

ท่านพระอนุรุทธเถระได้ถามนางเทพธิดาตนหนึ่งว่า เหตุใดมีวรรณะงามยิ่งนัก มีรัศมีส่องสว่างไสวไปทั่วทุกทิศ สถิตอยู่เหมือนดาวประกายพฤกษ์ มีเสียงอันเป็นทิพย์น่าฟัง รื่นรมย์ใจ มีกลิ่นทิพย์อันหอมหวนยวนใจ เสียงของเครื่องประดับผมก็ดังเสียงไพเราะดุจเสียงดนตรี แม้พวงมาลัยบนศีรษะก็มีกลิ่นหอมชวนให้เบิกบานใจ หอมฟุ้งไปทั่วทุกทิศ ขอท่านจงบอก นี้เป็นผลแห่งกรรมอะไร ?

นางเทพธิดาตอบว่า ข้าแต่พระคุณเจ้าผู้เจริญ นางวิสาขามหาอุบาสิกา เป็นสหายของดิฉัน อยู่ในเมืองสาวัตถี ได้สร้างมหาวิหารถวายสงฆ์ ดิฉันเห็นมหาวิหารนั้น แล้วมีจิตเลื่อมใสอนุโมทนา ก็วิมานอันเป็นที่รักนี้อันดิ ฉันได้แล้ว เพราะการอนุโมทนาด้วยจิตบริสุทธิ์แต่อย่างเดียวเท่านั้น วิมานนี้เป็นวิมานอัศจรรย์น่าดูน่าชม โดยรอบสูง ๑๖ โยชน์ เลื่อนลอยไปในอากาศ ได้ตามความปรารถนาของดิฉัน ดิฉันมีปราสาทเป็นที่อยู่อา ศัย อันบุญกรรมจัดแจงเนรมิตให้เป็นส่วนๆ งามรุ่งโรจน์ตลอดร้อยโยชน์โดยรอบทิศ วิมานอันมีรัศมีสว่างไสวไปทั่วทุกทิศ น่าอัศจรรย์ น่าดูน่าชมเช่นนี้ เกิดแต่ดิฉันเพราะกุศลกรรมทั้งหลาย ควรทำบุญโดยแท้

สรุปแล้วการอนุโมทนาเป็นสิ่งดี แต่สิ่งที่ดีกว่าก็คือ การลงมือทำความดี สร้างบุญกุศลนั้นๆ ด้วยตนเอง
บันทึกการเข้า

Nosferatu ZoDD
Three of a Perfect Pair
******
กระทู้: 1654



ดูรายละเอียด
« ตอบ #467 เมื่อ: 27 ตุลาคม 2008 | 06:27:30 PM »

บุญ เป็นของที่ไม่มีหมด ยิ่งแบ่งปัน ยิ่งเพิ่มพูน
บันทึกการเข้า

JKNoremorse
Voyage Of The Acolyte
*********
เพศ: ชาย
กระทู้: 4654


8 years later, woke up with two kids

jknoremorse@hotmail.com
ดูรายละเอียด
« ตอบ #468 เมื่อ: 29 ตุลาคม 2008 | 04:30:26 PM »

บอร์ดเงียบไปเยอะเลยนะครับ ตั้งแต่เปิดเทอม  ยิ้ม
บันทึกการเข้า
.. polotoon ..
The Snow Goose
**********
กระทู้: 18602



ดูรายละเอียด
« ตอบ #469 เมื่อ: 29 ตุลาคม 2008 | 04:32:35 PM »

บอร์ดเงียบไปเยอะเลยนะครับ ตั้งแต่เปิดเทอม  ยิ้ม
เดี๋ยวก็มากันครับ ใจเย็นๆ  ยิ้มกว้างๆ
บันทึกการเข้า

panyarak
The Snow Goose
**********
กระทู้: 9716



ดูรายละเอียด อีเมล์
« ตอบ #470 เมื่อ: 30 ตุลาคม 2008 | 11:06:15 PM »

ศัพท์ธรรมคำวัด : อนุโมทนา


มีคำอยู่คำหนึ่งที่ชาวพุทธพูดกันจนติดปาก คำนั้นก็คือ “อนุโมทนา” ความหมายของอนุโมทนาคืออะไร และเมื่อไหร่ที่ควรใช้คำนี้ คำตอบก็คือ...

ในหนังสือ ‘คำวัด’ โดยพระธรรมกิตติวงศ์ ได้อธิบายความหมายของคำนี้ไว้ว่า

อนุโมทนา หมายถึง การแสดงความชื่นชมยินดีในบุญหรือความดีที่ผู้อื่นทำ การอนุโมทนานั้นอาจทำได้ด้วยการพูด เขียนหนังสือ หรือแสดงกิริยาก็ได้ เช่น เมื่อได้ยินเสียงย่ำฆ้องกลองที่วัดในตอนเย็น แสดงว่าพระท่านทำวัตรเย็นจบ ก็ยกมือขึ้นประนมไหว้ เปล่งวาจาว่าสาธุ เป็นการอนุโมทนาต่อพระสงฆ์ที่วัด หรือมีใครทำบุญ แล้วมาบอกให้ทราบ ทราบแล้วก็ยกมือขึ้นสาธุ เป็นการอนุโมทนาบุญของเขาด้วย

เรียกการพูดแสดงความยินดีในความดีของผู้อื่นว่า “อนุโมทนากถา”

เรียกหนังสือรับรองการบริจาคที่วัดออกให้แก่ผู้บริจาคทรัพย์ทำบุญว่า “อนุโมทนาบัตร หรือใบอนุโมทนา”

เรียกบุญที่เกิดจากการอนุโมทนาตามตัวอย่างข้างต้นว่า “อนุโมทนามัยบุญ”

และการที่ภิกษุกล่าว สัมโมทนียกถา อันแปลว่า ถ้อย คำอันเป็นที่บันเทิงใจ ใช้เรียกการที่ภิกษุพูดแสดงความขอบคุณหรือกล่าวถึงประโยชน์และอานิสงส์ของ ความดี ของบุญกุศล ที่ทายกทายิกาได้ทำ เช่น ถวายอาหาร สร้างกุฏิ สร้างหอระฆัง เป็นต้น ไว้ในบวรพระพุทธศาสนา บางทีเรียกว่า อนุโมทนากถา

ส่วนในหนังสือศาสนพิธี เล่ม ๒ ฉบับมาตรฐาน โดยคณาจารย์แห่งโรงพิมพ์เลี่ยงเชียง ได้อธิบายเพิ่มเติมว่า

ธรรมเนียมของพระภิกษุสามเณร เมื่อได้รับถวายปัจจัยสี่ ไม่ว่าจะเป็นภัตตาหาร หรือทานวัตถุใดๆ ก็ตามจากทายกทายิกา จะต้องทำพิธีอนุโมทนาทานนั้น ไม่ว่าจะได้รับรูปเดียวหรือหลายรูปก็ตาม ต้องอนุโมทนาทุกครั้ง จะละเว้นเสียมิได้ถือว่าผิดพระพุทธานุญาต ต่างแต่ว่าอนุโมทนาต่อหน้าหรือลับหลังเท่านั้น

ธรรมเนียมนี้ปฏิบัติกันมาแต่ครั้งพุทธกาลแล้ว ฉะนั้นการอนุโมทนาทานจึงเป็น ประเพณีมานานในหมู่สงฆ์ การประกอบพิธีอนุโมทนาลับหลังทา ยกทายิกามีวิธีเดียว คือ การบิณฑบาตที่ต้องออกรับในสถานที่ต่างๆ ทั่วไปไม่จำกัด กรณีเช่นนี้ไม่ต้อง อนุโมทนาต่อหน้าขณะที่รับบิณฑบาต แต่กลับมาถึงวัดฉันอาหารเรียบร้อยแล้ว จึงอนุโมทนา หรือยกไปอนุโมทนาในช่วงทำวัตรสวดมนต์ เช้า - เย็นก็ได้

ส่วนพิธีอย่างอื่นนอกจากนี้ควรจะอนุโมทนาต่อหน้าเสมอไปจึงจะสมควร พิธีอนุโมทนาแบ่งออกเป็นหัวข้อใหญ่ๆ ได้ ๒ หัวข้อคือ

๑. สามัญอนุโมทนา คือ การอนุโมทนาที่นิยมใช้ปฏิบัติกันโดยทั่วไป ไม่จำกัดงานหนึ่งงานใด ก็คงใช้คำอนุโมทนาแบบเดียวกัน

๒. วิสามัญอนุโมทนา คือ การอนุโมทนาด้วยบทสวดพิเศษ คือ อนุโมทนาเฉพาะทาน เฉพาะกาล และเฉพาะเรื่อง

สำหรับคำว่า “สาธุ” แปลว่า “ดีแล้ว ชอบแล้ว” ดังนั้นการเปล่งวาจาว่าสาธุก็เพื่อแสดงความเห็นชอบด้วยชื่นชม หรือยกย่องสรรเสริญ เพื่ออนุโมทนาในบุญ หรือความดีที่ผู้อื่นทำนั่นเอง

ในพระไตรปิฎก ได้พูดเรื่องผลบุญของการอนุโมทนาที่ทำให้ไปเกิดในวิหารวิมานว่า

ท่านพระอนุรุทธเถระได้ถามนางเทพธิดาตนหนึ่งว่า เหตุใดมีวรรณะงามยิ่งนัก มีรัศมีส่องสว่างไสวไปทั่วทุกทิศ สถิตอยู่เหมือนดาวประกายพฤกษ์ มีเสียงอันเป็นทิพย์น่าฟัง รื่นรมย์ใจ มีกลิ่นทิพย์อันหอมหวนยวนใจ เสียงของเครื่องประดับผมก็ดังเสียงไพเราะดุจเสียงดนตรี แม้พวงมาลัยบนศีรษะก็มีกลิ่นหอมชวนให้เบิกบานใจ หอมฟุ้งไปทั่วทุกทิศ ขอท่านจงบอก นี้เป็นผลแห่งกรรมอะไร ?

นางเทพธิดาตอบว่า ข้าแต่พระคุณเจ้าผู้เจริญ นางวิสาขามหาอุบาสิกา เป็นสหายของดิฉัน อยู่ในเมืองสาวัตถี ได้สร้างมหาวิหารถวายสงฆ์ ดิฉันเห็นมหาวิหารนั้น แล้วมีจิตเลื่อมใสอนุโมทนา ก็วิมานอันเป็นที่รักนี้อันดิ ฉันได้แล้ว เพราะการอนุโมทนาด้วยจิตบริสุทธิ์แต่อย่างเดียวเท่านั้น วิมานนี้เป็นวิมานอัศจรรย์น่าดูน่าชม โดยรอบสูง ๑๖ โยชน์ เลื่อนลอยไปในอากาศ ได้ตามความปรารถนาของดิฉัน ดิฉันมีปราสาทเป็นที่อยู่อา ศัย อันบุญกรรมจัดแจงเนรมิตให้เป็นส่วนๆ งามรุ่งโรจน์ตลอดร้อยโยชน์โดยรอบทิศ วิมานอันมีรัศมีสว่างไสวไปทั่วทุกทิศ น่าอัศจรรย์ น่าดูน่าชมเช่นนี้ เกิดแต่ดิฉันเพราะกุศลกรรมทั้งหลาย ควรทำบุญโดยแท้

สรุปแล้วการอนุโมทนาเป็นสิ่งดี แต่สิ่งที่ดีกว่าก็คือ การลงมือทำความดี สร้างบุญกุศลนั้นๆ ด้วยตนเอง


ถูกต้องแล้วครับ
บันทึกการเข้า

Nosferatu ZoDD
Three of a Perfect Pair
******
กระทู้: 1654



ดูรายละเอียด
« ตอบ #471 เมื่อ: 07 พฤศจิกายน 2008 | 01:45:49 PM »

299 แล้วววววว .....
บันทึกการเข้า

Nosferatu ZoDD
Three of a Perfect Pair
******
กระทู้: 1654



ดูรายละเอียด
« ตอบ #472 เมื่อ: 08 พฤศจิกายน 2008 | 01:35:35 PM »

300 แล้วววววววว  ตกใจ
บันทึกการเข้า

.. polotoon ..
The Snow Goose
**********
กระทู้: 18602



ดูรายละเอียด
« ตอบ #473 เมื่อ: 11 พฤศจิกายน 2008 | 03:29:50 PM »

ช่วงนี้เพื่อนๆ ไม่ค่อยคุย Spam เลยเข้าตรึมเลย (แก้เหงา)   ยิ้มกว้างๆ
บันทึกการเข้า

panyarak
The Snow Goose
**********
กระทู้: 9716



ดูรายละเอียด อีเมล์
« ตอบ #474 เมื่อ: 21 พฤศจิกายน 2008 | 04:18:36 PM »



Test



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21 พฤศจิกายน 2008 | 04:26:53 PM โดย panyarak » บันทึกการเข้า

♫ phil_wc ♫
Phi
Blade Runner
*****
เพศ: ชาย
กระทู้: 2083


นักดนตรีบ้าบอ

chupawicht@hotmail.com
ดูรายละเอียด อีเมล์
« ตอบ #475 เมื่อ: 21 พฤศจิกายน 2008 | 11:25:05 PM »

วันนี้สอบไม่ผ่านศิลปากรมาครับ ถาปัตกะนิเทศ
บันทึกการเข้า

Layla F Mulder
Administrator
Blackfield
*****
เพศ: ชาย
กระทู้: 3604


Without appreciation, the music isn't worth.

basnaphon@hotmail.com
ดูรายละเอียด อีเมล์
« ตอบ #476 เมื่อ: 22 พฤศจิกายน 2008 | 10:04:35 AM »

ขออนุญาตมาโม้เรื่องสมัครงานต่อในกระทู้นี้นะครับ

ผมสมัครงานไปตอนนี้เกือบจะสิบที่แล้วมั้งครับ อาจจะดูเยอะ แต่ขอบอกว่าจริงๆ ไม่ได้เยอะเลย เพราะอัตราการแข่งขันในแต่ละที่สูงมาก บางที่คนสมัคร 2000 รับ 40 คน แถมบริษัทพวกนี้ก็จะไปตามมหาลัยดังๆ ทั้งหลาย คอนเซปต์ของเค้าคือต้องการเด็กที่ดีที่สุด เก่งที่สุด ในทุกด้านไป บางคนอาจจะบอกว่า เด็กเรียนดี อาจจะทำงานไม่เก่งก็ได้ เด็กบางคนทำงานเก่ง อาจจะไม่เก่งอังกฤษก็ได้ หรือเด็กเรียนเก่ง อาจจะ EQ ไม่ดีก็ได้ แต่บริษัทพวกนี้เค้าต้องการ เด็กที่เรียนดี EQ สูง ทำงานเก่ง ความคิดสร้างสรรค์ชั้นยอด อะไรประมาณนี้ ซึ่งการคัดเลือกจากเด็ก 2000 คน คิดว่ามันจะต้องมีกันเยอะแน่นอน และคัดกันอย่างละเอียดมากๆ

ผมขอยกตัวอย่างที่นึงที่ผมไปสมัครไว้ ว่าขั้นตอนเค้ายุ่งยากขนาดไหน
บริษัท Toyota Motor Asia Pacific หรือเค้าเรียกกันสั้นๆ ว่า TMAP เป็นบริษัทที่ทำงานเกี่ยวกับรถยนต์ Toyota ในด้านของ Research & Development และทางด้าน Manufacturing Support คือบริษัทนี้เค้าไม่ได้ทำการผลิตรถยนต์โดยตรง บริษัทที่มีโรงงานและทำการผลิตรถยนต์โดยตรงคือบริษัท Toyota Motor Thailand ซึ่งเค้าก็จะเรียนกันสั้นๆ อีกว่า TMT ก็จะแยกการรับสมัครไปอีกทีหนึ่ง ซึ่งผมก็สมัครไปเหมือนกัน รวมถึงบริษัท Toyota Boshoku ซึ่งทำหน้านี้ดูแลพวก Part ต่างๆ ของรถยนต์ที่จะส่งไปให้ TMT ประกอบอีกที ซึ่งอันนี้ผมก็สมัครไปเช่นกัน แต่ผมขอยกตัวอย่างขั้นตอนของ TMAP แล้วกันครับ เพราะเพิ่งไปสัมภาษณ์มาเมื่อวันพุธที่ผ่านมา

TMAP จะใช้วิธี Campus Tour ไปตามมหาลัยดังๆ เช่น จุฬา เกษตร ธรรมศาสตร์ ลาดกระบัง พระนครเหนือ ABAC etc... แล้วเค้าจะให้เด็กส่งหลักฐานต่างๆ สำเนาบัตรประชาชน ใบสมัคร Transcript อะไรพวกนี้ มารวมกันไว้ก่อนทั้งหมด เค้าจะดูประวัติเด็ก แล้วคัดเอาเด็กที่ผ่านเกณฑ์ มาสอบข้อเขียน จำนวนประมาณ 2000 คน ทั่วประเทศ สอบพื้นฐานทางด้านวิศวกรรม ภาษาอังกฤษ Logic Test EQ Test อะไรพวกนี้ แล้วเค้าใช้เวลาสามเดือนในการตรวจข้อสอบเด็กทั้งหมด แล้วโทรเรียกเด็กที่ผ่านเกณฑ์ประมาณ 500 คน มาทำการสัมภาษณ์ครั้งแรกและทำกิจกรรมกลุ่มอีก โดยทาง TMAP เค้าจะจ้างบริษัท Accenture ซึ่งเป็นบริษัทที่ดูแลด้านทรัพยากรบุคคลแบบมืออาชีพ ให้มาสัมภาษณ์และจัดกิจกรรมกลุ่มอีก โดยในการทำกิจกรรมกลุ่ม เค้าจะแบ่งเด็กออกเป็นกลุ่มย่อยๆ นั่งโต๊ะมาคุยประชุมปรึกษาหารือกัน โดยเค้าจะให้โจทย์มา เช่น จงออกแบบรถในอีก 10 ปีข้างหน้าซิ จะมีอุปกรณ์ให้ซื้อเพื่อมาทำโมเดล (คล้ายๆ การจำลองสถานการณ์อะไรประมาณนั้น) แล้วระหว่างที่เราคุย ปรึกษาหารือกัน จะมีคนของบริษัท Accenture นั่งที่หัวโต๊ะ คอยจดบันทึกลักษณะนิสัย ทัศนคติของเด็กแต่ละคน ว่าเป็นคนใจเย็น ใจร้อน รอบคอบไหม ละเอียดไหม มีความคิดสร้างสรรค์แค่ไหน อยู่ตลอด คือแบบว่าเด็กต้องแย่งซีนกันพูด อะไรทำนองนี้ (แต่แย่งจนน่าเกลียดไม่ได้ เค้าก็ดูออกอยู่ดี) แล้วก็มีการสัมภาษณ์ตัวต่อตัวประมาณครึ่งชั่วโมง สัมภาษณ์แบบ Professional มาก คือมีห้องสัมภาษณ์จริงๆ แล้วก็สัมภาษณ์ทั้งเป็นภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ถามทุกเรื่อง เรื่องเรียน เรื่องโปรเจคต์ เรื่องธุรกิจ เรื่องทัศนคติ (โดยเค้าจะดูจากประวัติในใบสมัครของเรา แล้วก็สัมภาษณ์ไป) เมื่อวันพุธที่ผ่านมาเค้าสัมภาษณ์ว่าผมทำอะไรบ้าง ผมก็แอบโม้ว่า ผมทำเว็บไซต์ thaiprog ด้วย คนสัมภาษณ์เค้าถึงขนาดจดเว็บของผมลงไปในใบสมัครกันเลยทีเดียว

ถ้าผ่านตรงนี้ไปได้ เค้าจะคัดจาก 500 คน เหลือ 100 คน โดยประมาณ แล้วก็จะให้เด็กสอบ TOEIC เพื่อดูคะแนน และสอมสัมภาษณ์รอบที่สองอีก ถ้าผ่านรอบที่สองไปได้ เค้าก็จะรับแล้วครับ ซึ่งถึงตอนนั้นก็คงจะเหลือแค่ 30-40 คนเท่านั้น แข่งกันแบบสุดๆ จริงๆ ครับ

นี่แค่บริษัทเดียวนะครับ ลองคิดดูว่าถ้าผมสมัครซัก 10 บริษัทมันจะยุ่งขนาดไหน แต่นี่คือโอกาสมันยากมากไงครับ ก็เลยต้องทำแบบนี้ เดือนที่ผ่านมานี่เลยไม่ค่อยมีกะจิตกะใจฟังเพลง เพราะมึนไปหมดเลยครับ
บันทึกการเข้า

 
Tsundere (ツンデレ?) (pronounced /(t)sʌnˈdɪə(r)/ in English or /t͡sun.de.ɽe/ in Japanese) is a Japanese concept of a character archetype which describes a person with a conceited, irritable, and/or violent personality that suddenly becomes modest and loving when triggered by some sort of cause (such as being alone with someone)
TRON
The Snow Goose
**********
เพศ: ชาย
กระทู้: 12866



ดูรายละเอียด
« ตอบ #477 เมื่อ: 22 พฤศจิกายน 2008 | 11:24:29 AM »

ไม่ต้องสนใจเพลงกับกีตาร์แล้วครับ ช่วงนี้เน้นๆไปเลยครับ โอกาสแบบนี้มีไม่มากต้องรีบไขว่คว้า แต่ก็ต้องเผื่อใจไว้ด้วยครับ ชีวิตนี้ทางเดินอีกยาวไกล
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22 พฤศจิกายน 2008 | 11:26:56 AM โดย TRON » บันทึกการเข้า
Layla F Mulder
Administrator
Blackfield
*****
เพศ: ชาย
กระทู้: 3604


Without appreciation, the music isn't worth.

basnaphon@hotmail.com
ดูรายละเอียด อีเมล์
« ตอบ #478 เมื่อ: 22 พฤศจิกายน 2008 | 08:30:46 PM »

เราโดนหลอกกันมาตลอดครับ

ช่วง ป.5-ป.6 มีคนบอกว่า "ตั้งใจหน่อย เดี๋ยวเข้า ม.1 ได้ก็สบายแล้ว" เค้าโกหกครับ
ช่วง ม.5-ม.6 มีคนบอกว่า "ตั้งใจหน่อย เดี๋ยวเข้ามหาลัยได้ก็สบายแล้ว" เค้าโกหกครับ
พอใกล้จบ มีคนบอกว่า "พยายามหน่อย เดี๋ยวหางานทำได้้ก็สบายแล้ว" เค้าโกหกครับ

ชีวิตคือการดิ้นรนไม่สิ้นสุดจริงๆ ครับ

Run, rabbit run
Dig that hole, forget the sun,
And when at last the work is done
Don't sit down it's time to dig another one
บันทึกการเข้า

 
Tsundere (ツンデレ?) (pronounced /(t)sʌnˈdɪə(r)/ in English or /t͡sun.de.ɽe/ in Japanese) is a Japanese concept of a character archetype which describes a person with a conceited, irritable, and/or violent personality that suddenly becomes modest and loving when triggered by some sort of cause (such as being alone with someone)
.. polotoon ..
The Snow Goose
**********
กระทู้: 18602



ดูรายละเอียด
« ตอบ #479 เมื่อ: 22 พฤศจิกายน 2008 | 08:47:19 PM »

ไม่หรอกนะครับ ที่จริงก็สบายจริงๆนะ สบายใจไงครับ ลองคิดดูอีกทีสิ  ยิ้มกว้างๆ
บันทึกการเข้า

หน้า: 1 ... 30 31 [32] 33 34 ... 158
พิมพ์
กระโดดไป:  

ThaiProg.net Ver 4.0 by tisanai,Shineon,kongbei
Top 10 Best Sellers in Kindle eBooks Reviewer 2016 Top 10 Best Sellers In Automotive Parts And Accessories Reviewer 2016 Top 10 Best Sellers in Tools and Home Improvement Under $10, Reviewer 2016
Top 10 Best Sellers in Clothing for 2017 Top 10 Best Sellers in Clothing Best Sellers in Clothing
Top 10 Best Sellers in Books reviewer 2017 Top 10 Best Sellers in Books Best Sellers in Books
Top 10 Best Sellers In Best Sellers In Grocery Reviewer 2017 Top 10 Best Sellers In Best Sellers In Grocery Best Sellers In Grocery