อ่านเจอเมื่อเช้าพอดี
จากหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ วันศุกร์ที่ 9 ตุลาคม 2552
คอลัมน์หมายเหตุประเทศไทย โดย "ลม เปลี่ยนทิศ"
รถไฟไทย ไดโนเสาร์ที่ยังไม่สูญพันธุ์
อ่านข่าวรถไฟไทยทีไร ผมก็รู้สึกสงสารคนไทยเมื่อนั้น พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระเนตรยาวไกลก่อตั้ง การรถไฟแห่งประเทศไทย ขึ้นมาเมื่อ 119 ปีก่อน ทรงจัดหาที่ดินสำหรับการขยายกิจการรถไฟไว้ทั่วประเทศ แต่ลูกหลานบรรลัย นอกจากไม่พัฒนาขยายกิจการรถไฟต่อเนื่องแล้ว มันยังเอาที่ดินที่ทรงจัดหาไว้ขยายกิจการ ไปทำมาหากินให้เอกชนเช่าสัมปทานในราคาถูกเสียอีก
ถ้าไม่มีอุบัติเหตุรถไฟตกรางที่เขาเต่า ซึ่งเป็นครั้งร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์รถไฟไทยแล้ว เราคงไม่รู้ว่า รถไฟไทยมันอันตราย และ อนาถอนาถา แค่ไหน
หัวรถจักรที่ใช้ลากจูงมีอายุ 13 ปี 16 ปี 34 ปี และเก่าสุด 45 ปี เป็นรถไฟรุ่นพระเจ้าเหาที่เขาใช้ในโลกที่ 3 และโลกที่ 4 อะไหล่ต่างๆต้องถอดเปลี่ยนกันใช้ ยิ่งตู้รถโดยสารชั้น 3 ผมอ่านแล้วอยากจะร้องไห้ มีอายุตั้งแต่ 27-94 ปี ตู้ที่มีอายุ 94 ปี ผมไม่แน่ใจว่าจะเป็นตู้โดยสารที่จัดหามาตั้งแต่ รัชกาลที่ 5 สมัยก่อตั้งการรถไฟหรือไม่
ที่เลวร้ายที่สุดก็คือ รถไฟไทยไม่มีการประกันชีวิตผู้โดยสาร ตามกฎกติกาสากล แม้แต่รถยนต์ส่วนบุคคล กฎหมายยังบังคับให้ต้องมีประกัน
การรถไฟแห่งประเทศไทยยังสร้างสถิติที่เลวร้ายที่สุดในโลก โดยทำลายความเชื่อที่ว่า การโดยสารรถไฟเป็นการเดินทางที่ปลอดภัยที่สุด แต่ รถไฟไทย กลับทำให้ การโดยสารรถไฟเป็นการเดินทางที่อันตรายที่สุด รอบปีที่ผ่านมา รถไฟไทยตกรางร้อยกว่าครั้ง เฉลี่ยตกรางเดือนละ 10 กว่าครั้ง อันตรายกว่านั่งเครื่องบินนับร้อยเท่า
แล้วอนาคตรถไฟไทยจะเป็นอย่างไร
ผมคงตอบไม่ได้ตราบใดที่ นักการเมืองไทย ยังสมคบกันโกงกินทุกอย่างที่ขวางหน้าเหมือนผีปอบที่หิวโซ สหภาพการรถไฟ ยังขวางไม่ยอมแปรรูปขยายกิจการรถไฟให้เกิดการแข่งขัน ผูกขาดอยู่กับล้าหลัง ทั้งๆที่รถไฟในโลกปัจจุบันพัฒนาไปจนมีไม่รู้กี่สิบระบบแล้ว ผู้ที่เสียหายที่สุด ก็คือ คนไทยทั้งประเทศ คนไทยที่ต้องเดินทางด้วยรถไฟ และ การขนส่งสินค้าทางรถไฟ
ผมจำได้ว่า เคยเอาเรื่องรถไฟของประเทศที่เจริญแล้วมาเล่าให้ฟังบ่อยมาก ทั้ง รถไฟญี่ปุ่น รถไฟยุโรป ล่าสุดคือ รถไฟจีน ซึ่งมาทีหลังรถไฟไทย แต่จีนพัฒนาไปเร็วมากจนขึ้นมาเป็น มหาอำนาจรถไฟอันดับ 1 ของโลก แซงหน้าญี่ปุ่นไปแล้ว
รถไฟความเร็วสูงของจีน วันนี้ได้สร้างสถิติใหม่เป็น รถไฟที่วิ่งเร็วที่สุดในโลก เฉลี่ยความเร็วที่ 267 ไมล์ต่อชั่วโมง หรือ 427 กม./ชั่วโมง รองมา รถไฟฝรั่งเศส วิ่งด้วยความเร็ว 199 ไมล์ต่อชั่วโมง หรือ 318 กม./ชั่วโมง รถไฟญี่ปุ่น มาเป็น อันดับ 3 ที่ความเร็ว 188 ไมล์ต่อชั่วโมง หรือ 300 กม./ชั่วโมง
หลายเดือนก่อนผมเคยเล่าเรื่องรถไฟจีนให้ฟังว่า รัฐบาลจีนใช้โอกาสช่วงวิกฤติเศรษฐกิจครั้งนี้ ลงทุนสร้างระบบรถไฟความเร็วสูงทั่วประเทศ วิ่งด้วยความเร็วตั้งแต่ 200-350 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เป็นระยะทางถึง 13,000 กิโลเมตร กำหนดเสร็จเปิดให้บริการในปี 2012 อีก 3 ปีข้างหน้า สร้างเร็วกว่ารถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิ้งค์ของไทยที่มีระยะทางแค่ 20 กว่ากิโลเมตรเสียอีก
รัฐบาลจีนยังวางแผนลงทุนอีก 5 ล้านล้านหยวน หรือ 30 ล้านล้านบาท สร้างระบบรถไฟเพิ่มอีก 41,000 กิโลเมตร ภายในปี 2020
ดูรถไฟจีนแล้วย้อนดูรถไฟไทย รู้สึกว้าเหว่ไหมครับ นักการเมืองหน้าด้านที่ไม่รู้จักอายคงไม่รู้สึกอาย แต่ผมอายครับ แค่ "รางคู่" เพื่อให้รถไฟวิ่งสวนกันไม่ต้องรอสับหลีก รัฐบาลมีโครงการมา 20 กว่าปีแล้ว วันนี้มันก็ยังเป็นแค่โครงการ
ระบบขนส่งทางรถไฟ ไม่ว่าจะเป็นรถไฟความเร็วสูง หรือรถไฟธรรมดาเป็นที่ยอมรับกันทั่วโลกว่าเป็นระบบการขนส่งคนและสินค้าที่ทรงประสิทธิภาพที่สุด ต้นทุนต่ำที่สุด ปลอดภัยที่สุด แม้แต่ บารัก โอบามา ผู้นำสหรัฐฯ ก็ยังหันมาลงทุนรถไฟความเร็วสูงหาเสียง แต่ "รถไฟไทย" ยังเป็น "ไดโนเสาร์ที่ไม่สูญพันธุ์" แถมยัง "ไม่รู้จักพัฒนา" เพื่อความอยู่รอดอีกด้วย เศร้าไหม
http://www.thairath.co.th/column/pol/thai_remark/38223