Thai Progressive Rock Community

17 ความเชื่อผิด ๆ เกี่ยวกับ Hard Disk
มีความเชื่อต่างๆ นานาเกี่ยวกับ HDD.และการใช้งาน HDD.ซึ่งเป็นความเชื่อบางอย่างที่มันเป็นความเชื่อ
ที่ผิดๆ และทำให้เราไม่สามารถใช้งาน HDD. ได้อย่างเต็มที่ เรามาดูกันว่าความเชี่อเหล่านั้นมีอะไรบ้าง และข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร

ความเชื่อที่ 1 :การฟอร์แมต HDD.บ่อยๆ อาจทำให้อายุการใช้งานของ HDD.สั้นลง
ข้อเท็จจริง : การฟอร์แมต HDD.ไม่ว่าจะกี่ครั้งก็ตาม จะไม่ส่งผลต่อการทำงานของ HDD.แต่อย่างใด ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่หลายๆคนจะคิดว่ามีส่วนทำให้อาย ุการใช้งานสั้นลง แต่จริงๆ แล้ว เป็นความเชื่อที่ผิดๆ เท่านั้นการฟอร์แมต HDD. ไม่ถือเป็นการทำงานที่จะทำให้ HDD.ต้องแบกรับภาะหนัก หัวอ่านของ HDD.จะไม่มีการสัมผัสกับแผ่นจานข้อมูลแต่อย่างใด (Platter) ระหว่างการฟอร์แมตสรุปแล้วก็คือ เราสามารถฟอร์แมต HDD. 30 ครั้งต่อวัน ทุกวันเลยก็ได้ อายุการใช้งานมันก็จะไม่ต่างจากจาก HDD. อื่นๆเลย

ความเชื่อที่ 2 :การฟอร์แมต HDD.จะทำให้มีข้อมูล หรือปฎิกรณ์ ;อะไรสักอย่างวางซ้อนเพิ่มบนแผ่นดิสก์ ซึ่งมีผลทำให้เกิด;bad sector ได้
ข้อเท็จจริง : การฟอร์แมตจะไม่ทำให้เกิดข้อมูล หรืออะไรทั้งนั้นที่แผ่น HDD. เนื่องจาก HDD.เป็นระบบปิด ดั้งนั้นฝุ่นหรือปฏิกรณ์จะ ยากที่จะเข้าไปยังดิสก์ได้ และแม้จะมีฝุ่นก็ตามแต่ก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่ฝุ่นจะต้ องมากับการฟอร์แมต

ความเชื่อที่ 3 :การฟอร์แมต HDD. จะมีความเค้นต่อเข็มหัวอ่าน (head actuator) สูง
ข้อเท็จจริง : การฟอร์แมตมีการอ่านในแต่ละเซ็กเตอร์อย่างต่อเนื่อง และเป็นลำดับชั้น เช่น เซ็กเตอร์ที่ 500 เซ็กเตอร์ที่ 501เซ็กเตอร์ที่ 502 และต่อเนื่องกันไปเรื่อยๆ ทำให้มีการเคลื่อนตัวของเข็มหัวอ่านน้อยมาก ดังนั้น ข้อเท็จจริงของความเชื่อนี้ก็คือ การฟอร์แมตจะไม่มีความเค้นสูงต่อเข็มหัวอ่าน HDD.

ความเชื่อที่ 4 :การดีแฟรกเมนต์ (defragmenting) HDD.จะมีความเค้นที่หัวอ่านสูง
ข้อเท็จจริง : ข้อนี้ถือว่าเป็นเรื่องจริง เพราะการดีแฟรกเมนต์ต้องอาศัยการควานหาตำแหน่งของเซ็ กเตอร์อย่างสูง เนื่องจากการดีแฟรกเมนต์ก็คือการจัดระเบียบเซ็กเตอร์ ต่างๆ เพื่อไม่ให้หัวอ่านต้องทำงานหนักเวลาที่ใช้หาข้อมูลใ นการใช้งานจริงดังนั้น แม้ในกระบวนการดีแฟร็กเมนต์ จะทำให้เข็มหัวอ่านมีความเค้นสูงก็ตาม แต่หลังจากที่ได้ทำการดีแฟรกเมนต์แล้วเข็มหัวอ่านก็ไ ม่ต้องทำงานหนัก เหมือนก่อนที่จะทำการดีแฟรกเมนต์ เพราะจะหาเซ็กเตอร์ได้เร็วขึ้น สะดวกขึ้น

ความเชื่อที่ 5 :ถ้า HDD.ของคุณมี bad sector อยู่แล้ว การฟอร์แมต HDD.จะยิ่งทำให้เกิดเซ็กเตอร์เสียเพิ่มขึ้น
ข้อเท็จจริง : ถ้า HDD. ของคุณมีเซ็กเตอร์เสียอยู่แล้ว แน่นอนว่าเมื่อใช้งานไปเรื่อยๆ จะต้องพบเซ็กเอตอร์เสียเพื่มขึ้นเรื่อยๆการฟอร์แมตแล ้วเห็นเซ็กเตอร์เสียเพิ่มขึ้นนั้น สาเหตุไม่ได้เป็นเพราะการฟอร์แมต เพียงแต่ว่าการฟอร์แมตจะทำ
ให้เราได้พบเห็นเซ็กเตอร์ที่เสียเพิ่มขึ้นนั่นเอง เพราะยูทิลิตี้สำหรับทำการฟอร์แมตนั้น จะสแกนและตรวจสอบ HDD.ด้วย ทำให้พบเห็นเซ็กเตอร์ที่เสียเพิ่มขึ้นตามกาลเวลา

ความเชื่อที่ 6 :การดาวน์โหลดโปรแกรมและไฟล์ต่างๆ จากอินเตอร์เน็ตจำนวนมาก จะทำให้อายุการใช้งานของ HDD.สั้นลง
ข้อเท็จจริง : การดาวน์โหลดจากอินเตอร์เน็ตไม่ทำให้อายุการใช้งานขอ ง HDD.ลดน้อยลงไป HDD.จะมีการหมุนอยู่ตลอดเวลาไม่ว่าจะมีการดาวน์โหลดไ ฟล์ หรือว่าไม่ได้ทำอะไรเลยก็ตาม ดังนี้โอกาสที่จะเสียขณะทำการดาวน์โหลด กับขณะที่เปิดคอมพิวเตอร์ไว้เฉยๆ ก็มีเท่ากัน อายุการใช้งานท่าเดิม

ความเชื่อที่ 7 :พลังงาน (กระแสไฟ) ที่ไม่เพียงพอ เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดเซ็กเตอร์เสีย
ข้อเท็จจริง : กระแสไฟฟ้าที่ไม่เพียงพอ กับกระแสไฟฟ้าถูกตัดทันทีทันใด จะไม่ก่อให้เกิดเซ็กเตอร์เสีย เพราะในช่วงที่กระแสไฟไม่เพียงพอ หรือมีการตัดกระแสไฟนั้น เข็มหัวอ่านจะพักตัวโดยอัตโนมัติเพื่อไม่ให้เกิดความ เสี่ยงต่อแผ่นดิสก์ ดังนั้น จึงไม่มีทางที่จะมีการสร้างเซ็กเตอร์เสียได้ ที่เสียหายก็อาจเป็นความเสียหายของ OS.มากกว่า

ความเชื่อที่ 8 :ระบบกำลังไฟ หรือระบบสำรองไฟที่มีราคาถูก และไม่มีคุณภาพ อาจจะบั่นทอนอายุการใช้งานของ HDD.เรื่อย ๆ และทำให้ HDD.ตายลงอย่างช้า ๆ
ข้อเท็จจริง :ระบบกำลังไฟหรือระบบสำรองไฟที่มีคุณภาพไม่ได้มาตรฐา น จะไม่ทำให้ HDD.ตายลงอย่างช้าๆ แต่หาระบบไม่สามารถควบคุมกระแสไฟได้ จนทำให้กระแสไฟฟ้าปริมาณมากไหลทะลักสู่เครื่องคอมพิว เตอร์ อาจทำให้ HDD.ตายในทันที ไม่ใช่ตายลงอย่างช้าๆ แต่ถ้าไม่สามารถให้กระแสไฟเพียงพอแก่การทำงานได้ ดิสก์ก็แค่มาสามารถทำงานได้เต็มที่ ไม่สามารถทำงานได้อย่างสมบูรณ์ หรืออาจไม่ทำงานเลย แต่ HDD.จะไม่ตาย แต่ OS อาจตายหรือ พิการ

ความเชื่อที่ 9 : ถ้า HDD.มีการหมุนความเร็วของดิสก์แบบขึ้นๆ ลงๆนั่นเป็นเพราะว่าระบบสำรองไฟในบางครั้งสามารถส่งก ระแสไปที่พอสำหรับการทำงานได้มันจึงหมุนเร็วขึ้น แต่เมื่อมันไม่สามารถให้กระแสไฟที่เพียงพอได้ มันจึงหมุนช้าลง
ข้อเท็จจริง : ในกรณีที่กำลังไฟตกฮวบ มันจะทำให้ระบบทั้งหมดถูกตัดไฟ ชะงักการทำงานและจะทำให้เครื่องแฮงก์ ซึ่งแน่นอนว่าจะไม่มีการหมุนของ HDD.ให้เห็นอย่างแน่นอน หมุนเร็วขึ้นหมุนลดลงนั้น เป็นการการปกติของ HDD. ที่จะทำการวัดขนาดของดิสก์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกระบวน
การเตรียมความพร้อมในการใช้งานแต่ละครั้ง

ความเชื่อที่ 10 : เสียงคลิกที่ได้ยินจาก HDD. เกิดจากการพักการทำงานของหัวอ่าน
ข้อเท็จจริง : เสียงคลิกที่ได้ยินจากการทำงานของ HDD.อาจเป็นได้ทั้งเสียงการเตรียมพร้อมที่จะเขียนข้อ มูล (เหมือนอย่างในความเชื่อที่ 9) หรืออาจเป็นเสียงการสะดุดของหัวอ่านบนแผ่น HDD.

ความเชื่อที่ 11 : เข็มหัวอ่านใช้มอเตอร์ในการทำงาน ซึ่งการทำงานของมอเตอร์นี้อาจล้มได้หากมีการใช้งานมา กเกินไป
ข้อเท็จจริง : เข็มหัวอ่านในปัจจุบัน ไม่มีการใช้มอเตอร์ในการทำงานแต่อย่างใด ดังนั้น ก็ไม่มีมอเตอร์ที่จะล้มเหลวเมื่อมีการใช้งานมากเกินไ ปสมัยก่อนนั้นเข็มหัวอ่านเคยใช้มอเตอร์เดินไปยังตำแห น่งที่ต้องการ แต่ปัจจุบัน เข็มหัวอ่านใช้ระบบ Voice Call Mechanism ซึ่งก็คือการใช้แรงแม่เหล็กไฟฟ้าในการเคลื่อนหัวอ่าน ไปตามตำแหน่งที่ต้องการ

ความเชื่อที่ 12 : การจอดพักของหัวอ่าน ทำให้มอเตอร์เข็มหัวอ่านเสื่อมเร็ว
ข้อเท็จจริง : ก็เหมือนกับความเชื่อข้อที่ 11 นั่นคือไม่มีมอเตอร์ นอกจากนี้การจอดพักการทำงานของหัวอ่าน HDD. นั้นจะ มีขึ้นโดยอัตโนมัติในกรณีที่กระแสไฟถูกตัด หรือ HDD. หยุดการทำงาน ดังนั้นการจอดพักนี้ ไม่ใช่กระบวนการที่มีการทำงานบ่อย หรือที่มีการทำงานอย่างต่อเนื่อง เข็มหัวอ่านจะมีสปริงคอยควบคุมตำแหน่งของมัน เมื่อมีกระแสไฟเข็มหัวอ่านก็จะอยู่ในตำแหน่งที่มีการ ต้านแรง ของสปริง และเมื่อไม่มีกระแสไฟ เข็มหัวอ่านก็จะถูกดันให้อยู่ในตำแหน่งจอดพัก ดังนั้น แม้ว่าเข็มหัวอ่านจะมีมอเตอร์ลี้ลับนี้จริง การจอดพักของเข็มหัวอ่านก็จะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับก ารทำให้มอเตอร์ดังว่ามีการเสื่อมแต่อย่างใด

ความเชื่อที่ 13 : ดิสก์จะมีการหมุนเร็วขึ้นเวลาที่มีการอ่านหรือเขียนข ้อมูลเท่านั้น แต่จะหมุนลดลงเมื่อ HDD .ไม่มีกิจกรรม (idle)
ข้อเท็จจริง : แผ่นดิสก์ภายใน HDD. หรือที่เรียกว่า platter นั้นมีการหมุนในความเร็วระดับเดียวอยู่ตลอดเวลา ไมว่าจะเป็นการ อ่าน เขียน หรือ พัก (idle) ยกเว้นแต่เจ้าของเครื่องใช้คำสั่งให้มีการหมุนลดลงใน ช่วง idle เพื่อเป็นกาประหยัด พลังงาน

ความเชื่อที่ 14 : การหมุนลดลงจะทำให้ลดความเค้นที่มอเตอร์ขับเคลื่อนแผ ่นดิสก์ได 
ข้อเท็จจริง : โดยปกติแล้วแผ่นดิสก์จะเริ่มหมุนตอนเครื่อง startup และจะหมุนอยู่อย่างนั้นจน shutdown ในช่วงที่มีการหมุนอยู่นั้น ถือเป็นช่วงที่มีความเค้นสูงสุดต่อตัวมอเตอร์แล้ว ส่วนการรักษาความเร็วของการหมุนให้คงที่นั้น จะใช้กำลังน้อยลงมา หากมีการใช้คำสั่งให้แผ่นดิสก์หมุนลดลงในช่วง idle นั้น ทุกครั้งที่มีการเขียน หรืออ่านไฟล์ใด ๆ ก็จะต้องมีการหมุน เพื่อให้เร็วขึ้นเพื่อให้ได้ความเร็วปกติ ก่อนที่จะอ่านหรือเขียนได้ ดังนั้น ควรที่จะให้ดิสก์มีการหมุนที่ความเร็วคงที่ตลอด เพื่อลด ความเค้นที่ตัวมอเตอร์

ความเชื่อที่ 15 : การตัดกระแสไฟอย่างทันทีทันใดอาจทำให้เกิดเซ็กเตอร์เ สีย
ข้อเท็จจริง : เซ็กเตอร์เสีย หรือ bad sector นั้นไม่ได้เกิดจากการปิดหรือการดับเครื่องอย่างทันที ทันใด แต่เมื่อสมัยก่อนนานมาแล้ว ก่อนปิดเครื่องทุกครั้ง ผู้ใช้จะต้องพักจอดหัวอ่าน HDD.ก่อนที่จะสามารถปิดเครื่องได้ แต่ปัจจุบัน ระบบหัวอ่านแบบคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า จะทำการจอดพักตัวเองโดยอัตโนมัติทุกครั้งที่กระแสไฟฟ ้าถูกตัดจากระบบ ด้วยเหตุนี้จึงไม่เกิดความเสี่ยงว่าจะเกิด
bad sector จากกรณีการตัดกระแสไฟ

ความเชื่อที่ 16 : เซ็กเตอร์เสียบางอัน เป็นเซ็กเตอร์เสียแบบเวอร์ชัวล์ (คือเป็นที่ซอฟต์แวร์ไม่ใช่ฮาร์ดแวร์)
และสามารถแก้ไขได้โดยการทำฟอร์แมต HDD.
ข้อเท็จจริง : เซ็กเตอร์เสียแบบเวอร์ชัวล์ไม่มีอยู่จริง เซ็กเตอร์ที่เสียนั้น คือเซ็กเตอร์(หรือช่องอันเป็นส่วนหนึ่งของดิสก์สำหรั บการเก็บข้อมูล) ที่ไม่สามารถทำการอ่านหรือเขียนได้ เนื่องจากมีการเสียหารทางกายภาพ เช่น ถูกทำลาย หรือทีการเสื่อมลง ดังนั้น จึงไม่สามารถซ่อมแซมด้วยกระบวนการทางด้านซอฟต์แวร์ได 

ความเชื่อที่ 17 : เซ็กเตอร์เสีย สามารถถูกลบได้โดยการฟอร์แมต HDD.
ข้อเท็จจริง : การฟอร์แมตในระดับต่ำ จะสามารถทดแทนเช็กเตอร์เสียด้วยเซ็กเตอร์ดีได้ โดยอาศัยพพื้นที่ว่างสำรองบน
HDD. อย่างไรก็ตาม ประสิทธิภาพของ HDD. ก็จะลดลงเนื่องจากหัวอ่านจะต้องทำการค้นหาพื้นที่สำร องบน HDD.ด้วย อีกทั้งพื้นที่สำรองบน HDD.นั้นมีจำนวนจำกัดสรุปแล้ว bad sector ก็คือ สัญญาณเตือนภัยอย่างหนึ่งที่แสดงให้เห็นถึงข้อบกพร่อ งบางอย่างของ HDD. แม้bad sector นั้นจะเกิดจากการชนของหัวอ่าน (crash) เพียงครั้งเดียว แต่ซากที่เหลือจากการชนครั้งนั้น รวมทั้งหัวอ่านที่อาจได้รับความเสียหาย อาจนำมาซึ่งความเสียหายต่อไปในอนาคตได้ เช่น อาจทำให้เกิดรอยขีดข่วนบนแผ่นดิสก์เพิ่มมากขึ้น หรืออาจทำให้ความเร็วในการหมุน หรือการอ่านลดลง
ดังนั้น ถ้ามีข้อมูลที่สำคัญที่ต้องการเก็บรักษาไว้อย่างมั่น คง ควรหัดทำการแบ็คอัพข้อมูล และเปลี่ยน HDD.เมื่อพบว่ามีปัญหาบางอย่าง เช่น การค้นพบ bad sector เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ แม้ว่า HDD.จะสามารถทำงานได้ต่อไป และนานๆ
ครั้งจะพบว่าเกิด bad sector เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ นั่นคือสัญญาณบอกว่า HDD. ของคุณมันใกล้ตายแล้วครับ

**ข้อมูลจาก Forward Mail ครับ**
เครดิตาก RhythmMan

ขอบคุณมากจ้า ความรู้จิง ๆ  :D ;)

ในยุคนี้ที่สมาชิกหลายๆท่านหันมาเล่นไฟล์ hi-def เป็นทางเลือกโดยใช้ HDD เป็นตัวเก็บข้อมูล เลยขอขุดกระทู้นี้มาอีกครั้งเพราะเห็นว่ามีประโยชน์

โอ้วว .... กระทู้นี้มีประโยชน์จริง ๆ ครับ ต้องปริ้นท์ไปอ่านซะแล้วว..

+1 ครับ ตอนนี้ก็วุ่นกับ hard disk ทั้งวันทั้งคืน ทั้ง rip เพลง และ concert dvd และหนังที่ชอบครับ

ตอนนี้วุ่นกับหัวอ่านฮาร์ดดิสก์ ทุกๆ วัน วันละ 9 ชั่วโมง ทั้งดู Performance, Support Build, ทำพรีเซนต์, เข้ามีตติ้ง, Analyze Data ฯลฯ

น้องบาสนี่แหละ เซียน HDD ตัวจริงของเว็บเราครับ ;D

  สงสัยครับ มีคนบอกว่าฮาร์ดดิสเวลาเล่นต้องวางแนวนอน(แบบอยู่ในเคส)
  ถ้าวางแนวอื่นอาจทำให้หัวเข็มเสียหายได้  จริงหรือเปล่าครับ  ???

ผมว่าไม่จริงครับ หัวเข็มปกติมันก็เกือบจะชนถาดแม่เหล็กอยู่แล้วอีกอย่างมันก็น่าจะล็อคอยู่ในตำแหน่งของมันด้วยครับ
NAS กับ HDD External หลายๆรุ่นก็จับ HDD เป็นแนวตั้งครับ

ผมเป็น Process Engineer ของ Head (หัวอ่าน) ไม่ใช่ของไดร์ฟครับ ข้อมูลอาจไม่เป๊ะร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่จะลองตอบตามเซนส์และความรู้ที่พอมีดังนี้ครับ

การวางฮาร์ดดิสก์ไม่ว่าจะในแนวตั้งหรือแนวนอน ไม่น่ามีผลต่อประสิทธิภาพหรือ Reliability ของตัวไดร์ฟมากนักครับ ถึงมีก็คือน้อยมาก จนอยู่ในระดับที่ไม่มีนัยสำคัญครับ สมัยนี้ ทั้ง External HD และ Internal HD สามารถวางตั้งขึ้นเพื่อใช้งานได้ครับ ยกตัวอย่าง External HD ของ Seagate บางรุ่น จะมีแท่นวางฮาร์ดดิสก์แบบตั้งแถมมาให้กับไดร์ฟเลย ซึ่งอย่างนี้เป็นข้อพิสูจน์ว่าการวางไดร์ฟแบบตั้งนั้น ไม่น่าจะมีผลกระทบกับ Performance ในการทำงานของฮาร์ดดิสก์แต่อย่างใด หรือในกรณีของ Internal HD นั้น บริษัทคอมพิวเตอร์อย่าง DELL ที่ทำ PC ออกมาขาย จะเห็นว่าเค้าออกแบบใน CPU เคส วางตั้งคู่กับจอมอนิเตอร์ของคอมได้ ก็เป็นอีกสิ่งที่น่าจะยืนยันได้ว่า การวางฮาร์ดดิสก์ในแนวตั้งเป็นที่ยอมรับในวงการแล้วว่าไม่ได้ส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญกับไดร์ฟครับ

สมัยก่อนนั้น เทคโนโลยีการผลิตฮาร์ดดิสก์ยังไม่ดีเท่ากับในปัจจุบันครับ จึงมีเรื่องความเสี่ยงของ Failure ต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้น รวมถึง Performance ที่ Drop ลงไปจากการวางฮาร์ดดิสก์แบบตั้งขึ้นมาก็ได้ ถ้าลองคิดแบบเซนส์ง่ายๆ ก็เช่น กา่รหมุนของ Media เวลาวางไดร์ฟในแนวตั้ง อาจไม่มีประสิทธิภาพดีเท่ากับวางในแนวนอน หรืออาจมีโอกาสที่ Head จะไป Scratch ขูดหรือไปชนกับแผ่น Media ฯลฯ ดังนั้นอาจจะเป็นไปได้ครับว่าในสมัยก่อน ไดร์ฟจึงถูกออกแบบมาให้เหมาะสมกับการวางในแนวระนาบมากกว่า

แต่สมัยนี้นั้น เทคโนโลยีทุกอย่างพัฒนาขึ้นไปมากแล้วครับ ทั้ง Spec ของชิ้นส่วนต่างๆ ก็มีการ Tight ให้แคบลงกว่าเมื่อก่อนมาก (ซึ่งมันจะทำให้ผมทำงานได้ยากลำบากมากขึ้นไปเรื่อยๆ หากยังคิดจะ Tight ลงไปอีก) รวมถึงมีการควบคุมพารามิเตอร์ต่างๆ ที่ส่งผลต่อคุณภาพของไดร์ฟ (หรือเรียกเป็นภาษาทางการว่า CTQ Parameters = Critical to Quality Parameters) ตั้งแต่ Upstream จนถึง Downstream ตลอดทั้ง Flow การผลิต จนทำให้ปัจจุบันนี้ไดร์ฟส่วนใหญ่สามารถวางตั้งใช้งานได้อย่างเป็นเรื่องปรกติธรรมดาแล้วครับผม

  ขอบคุณน้องทั้งสองคนมากครับ  :D

แล้วถ้ากลับหลังละครับ แบบนอนหงายท้องนะ

(สงสัยแบบต่อเนื่อง)
(http://i154.photobucket.com/albums/s248/nbee_piz/cartoon2/set2/NB155.gif)

ขอถามว่า ระหว่างซื้อ Internal HD มาเสียบเข้าออกกับ Main Board กับซื้อ External HD มาเสียบช่อง USB อันไหนน่าทำกว่ากันครับ

ไม่น่ามีผลกระทบเช่นกันครับ เพราะไดร์ฟจะถูกออกแบบมาให้ทำงานแบบสมมาตร หัวอ่านนั้นจะีการอ่านและเขียนข้อมูลทั้งด้านบนและด้านล่างของแผ่น Media (เราเรียก Head ที่อยู่บนและล่างของแผ่น Media ว่า Tab Up และ Tab Down ดังนั้นแผ่น Media หนึ่งแผ่น จะมี Head ทำงานอยู่บนมันทั้งสองข้าง) แล้ว Head ทั้งสองตัวนี้ ก็ไม่ได้มีสเปคอะไรแตกต่างกันมากครับ ด้วยเหตุนี้ จึงพอบอกได้ว่า ไม่น่าเกี่ยวเช่นกันครับ

เข้าใจเลย ขอบคุณมากครับบาส

ปล. เมื่อไหร่จะลาออก ไปทำงานบริษัทเฟ็นเดอร์ซะทีละครับ  ::) ::) ::)

ขึ้นอยู่กับการใช้งานครับ ถ้าเกิดต้องการจะพกพาออกไปข้างนอกบ้างก็ External HDD น่าจะเหมาะสมกว่า ตัวใหญ่จะถูกกว่าตัวเล็กเพราะทำง่ายกว่าแต่ถ้าไม่คิดจะเอาออกไปไหนเลยก็ Internal HDD จะราคาถูกกว่าและจะทำ RAID ได้ด้วยครับ

(จริงๆแล้ว External ก็สามารถหาตัวเคสมาใส่เองก็ได้ ซื้อแบบปกติมาแล้วซื้อตัวเคสมาใส่จะถูกลงกว่า External มียี่ห้อลงไปหน่อยหรือจะซื้อ Dock มาต่อเอาก็ได้ครับ)

เหล่ากรุ๊ปอ็อฟเด็ธทั้งหลายอ่านๆกระทู้นี้ไว้  เพราะอาวุธสำคัญของการเล่นไฟล์ก็คือเจ้าฮาร์ดดีสก์นี่เอง
เป็นเครื่องมือหากินที่ขาดไม่ได้เลยครับ  ใครมีอะไรสงสัยกันก็ถามๆมาเลยคนที่รู้จะได้ตอบให้

พออ่านที่คุณJM-Sarn เขียนถึงHDD ที่มาทำเป็นRaid มีกล่องProbox อยู่รุ่นที่ทำเป็นRaid ได้
ราคาจะแพงกว่าProbox รุ่นธรรมดาที่ผมใช้อยู่  ผมแนะนำเลยอย่าซื้อมาใช้ครับมันไม่เหมาะกับกับพวกเรา
ที่จะเอามาเก็บหนังเก็บเพลงเล่นกัน  ผมเคยซื้อมาแล้วโดยที่ไม่รู้ไม่เข้าใจทางร้านแนะนำมาว่าดีกว่าProbox รุ่นธรรมดา
พอซื้อมาแล้วกลับใช้งานไม่เหมาะกับการเก็บไฟล์หนังแบบที่เรากำลังเล่นกันอยู่เพราะมันจะต้องอ่านข้อมูลจากฮาร์ดีสก์
รวมกันหมดให้เห็นเป็นฮาร์ดดีสก์ลูกเดียวเลย(กล่องProboxมีฮาร์ดดีสก์ 4 ลูก)มันจะไม่สามารถอ่านฮาร์ดดีสก์ได้ทีละลูก
เวลาเอามาดูดไฟล์หนังต้องดูดที่เดียวทั้งหมดรวมความจุ 4 ลูกเลยแยกเอามาทีละลูกไม่ได้ ผมต้องเอาไปขอเปลี่ยนที่ร้านวุ่นวายมาก
ดีนะที่ร้านยอมให้เปลี่ยนเป็นprobox รุ่นธรรมดาให้ผม

  สงสัยครับ
  ฮาร์ดดิสกับแผ่นซีดี โดยทั่วไปมีอายุการใช้งานประมาณกี่ปีครับ
  และวิธีการใช้งานทั้งฮาร์ดิสและแผ่นให้มีอายุการใช้งานยาวนานขึ้น

เคยอ่านเจอในหนังสือว่าฮาร์ดดิสค์มีอาุยุประมาณ 10-15 ปี (สำหรับแบบจานแม่เหล็ก ส่วน SSD ผมไม่มั่นใจครับ อาจจะพอๆกัน) แล้วจะเริ่มเสื่อมสภาพลงเรื่อยๆ ส่วน CD นี่ก็อายุน่าจะพอๆกับอารค์ดิสค์ ขึ้นอยู่กับว่าดูแลมันดีขนาดไหนด้วยครับ ส่วนวิธีรักษาหรือยืดอายุมันผมว่าทำได้แค่ใช้มันอย่างถนุถนอมและเก็บรักษา อย่าให้ไปกระแทกอะไร อย่าไปเอาไว้ใกล้ๆแม่เหล็กเท่านี้ครับจะได้อยู่ไปนานๆ

WD ซื้อ Hitachi Global Storage แล้ววววว

Seagate แย่เลยเนี่ยยยยยยยยยยยยยย

ให้ Seagate แก้ลำโดยการซื้อ Toshiba HDD ได้ไหมครับ ?

สงสัยทุนจะไม่พอนะครับ

อยากจะถามถ้าใครพอทราบช่วยตอบให้หน่อย  ฮาร์ดดีสก์ตามความจุเช่น 1 TB(1000GB)แต่ทำไมเหลือแค่ 900 กว่าGBเท่านั้น
หรือ 2TB(2000GB)จะมีแค่ 1800กว่าGBไม่รู้ทำไมถึงไม่ได้เต็มมันหายไปกับอะไร  ผมข้องใจมากเวลาซื้อฮาร์ดดีสก์ใหม่ไม่เคย
ได้เต็มตามความจุเลยเหมือนถูกโกง

มันเป็นแบบนี้อยู่แล้วครับ เข้าใจว่ามันกำหนดเป๊ะๆไม่ได้ จะให้บอกว่าความจุ 1.86 TB เลขมันคงไม่สวยหรือเปล่า? เลยต้องปัดเลขให้ลงตัวหรือไม่ก็ต้องเผื่อที่ไว้สำหรับการใช้งานบางอย่าง รอผู้รู้มาตอบดีกว่าครับ ;D

ที่เห็นเขียนตามกล่องหรือบนตัวฮาร์ดดิสค์ว่า 1TB, 2TB ไม่ใช่ขนาดจริงๆครับ

ปัจจุบันคนเราจะเข้าใจกันง่ายๆว่า

1KB = 1000 Bytes
1MB = 1000 KB
1GB = 1000 MB
1TB = 1000 GB

มันก็ไม่ผิดครับ เป็นค่าประมาณ แต่ไม่ใช่ขนาดจริงๆที่ Windows เห็น (ผมเองก็นับแบบนี้แหละครับ)

RAM ก็ใช้กรณีเดียวกันครับ (ถ้าผมไม่หาข้อมูลมาผิด) แต่เห็นว่าได้เท่าบ้างไม่เท่าบ้าง บางคนใส่ 4 GB เหมือนกัน เห็นไม่เท่ากันก็มี (คนนึงอาจจะเห็น 3.6 GB อีกคนเห็น 3.5 GB) ทั้งนี้อาจจะขึ้นอยู่กับฮาร์ดแวร์ตัวอื่นที่ใช้ด้วยครับ

แต่ถ้าอยากได้ RAM เยอะๆต้องลง Windows 64-bit, 32-bit ใส่ได้สูงสุดแค่ 4 GB (สำหรับ Mac กับ Linux รองรับ 64-bit อยู่แล้ว) 64-bit อัดได้ถึง 16 GB ได้แน่นอนไม่มีหน่วง ;D

ตามความจริงคอมพิวเตอร์จะมอง 1 KB = 1024 bytes (8 bits = 1 byte) ครับ ลองเอา 1024 ไปหารดูจะได้คล้ายกับๆที่ Windows มันเห็นครับ
(โดยปกติเขาจะเริ่มนับที่ 1 KB)

1 TB = 1000000000000 Bytes
       --------------
            1024     Bytes

     = 976562500 KB

แปลงเป็น MB

     = 976562500
       ---------
         1024

     = 953674.3164 MB

แปลงเป็น GB

     = 953674.3164
       -----------   
          1024

     = 931.32257 GB

(สำหรับ 2 TB : 931.33*2 = 1862.66 GB)

หรือเอา 1073741824 Bytes ไปหาร 1TB  (1024 คูณกัน 3 รอบ)

อีกวิธีนึงแต่ไม่ค่อยแม่นเท่าไหร่คือ (อันนี้ผมใช้ๆบ้างครับ)
1 KB = 1024 Bytes
1 MB = 1024*1000 = 1024000 Bytes
1 GB = 1024*1000000 = 1024000000 Bytes
1 TB = 1024*1000000000 = 1024000000000  Bytes

(1K = 1,000             ; Kilo (พัน))
(1M = 1,000,000         ; Mega (ล้าน)
(1G = 1,000,000,000     ; Giga (พันล้าน))
(1T = 1,000,000,000,000 ; Tera (ล้านๆ)

สังเกตว่าทุก K,M,G,T จะเพิ่มมาทีละ 1 พัน อยากรู้อันไหนคูณเข้าไปให้เท่ากับขนาดหน่วยที่เรียกแล้วเอาไปหารครับ


1TB = 1,000,000,000,000
      -----------------
         1024000000

    = 976.5625 GB

ใช้วิธีนี้เลขจะเพี้ยนไปเยอะครับ

อธิบายสั้นๆ : คอมพิวเตอร์ไม่ได้เห็นเป็น 1TB ถ้วนๆ แบบที่คนเข้าใจว่า 1TB = 1000000000000 bytes
เพราะฉะนั้นพื้นที่จริงๆจะมีคลาดเคลื่อนกันครับ

รู้สึกว่า Linux กับ Mac OSX จะเห็นเต็มๆ เพราะระบบไฟล์ของฮารค์ดิสค์ต่างกับ Windows (Windows ใช้ NTFS) อันนี้ผมไม่แน่ใจครับ
เดี๋ยวผมจะมาแก้ไขข้อมูลอีกรอบถ้าเกิดมีผิดพลาดครับ

อย่างเช่นExternal Hard Drive ของWD (My Book Essential) ขนาดความจุ 1TB ผมเห็นมีเป็นอะไรไม่รู้เหมือนกับพวกโปรแกรมการใช้งานหรือเปล่า
อยู่ในฮาร์ดดีสก์จึงทำให้ต้องกินเนื้อที่ของฮาร์ดดีสก์ไป  จึงเหลือความจุเท่าที่เห็น 900 กว่าGBเท่านั้น  ขอบคุณที่ช่วยตอบข้อสงสัยให้ครับ

น้อง JM-Sarn ตัวจริงเสียงจริงเรื่องคอมพิวเตอร์ ;)

จะซื้อ Internal HD แบบ 2.5
พอมียี่ห้ออะไรแนะนำบ้างไหมครับ

พวกInternal HD 2.5"ที่เพื่อนๆฝากมาให้ผมดูดหนังและเพลงส่วนมากแล้วจะใช้ยี่ห้อHitachi หรือWD ความจุ500 GBราคาประมาณสองพันบาท
เมื่อวานนี้ผมพึ่งไปซื้อฮาร์ดดีสก์เปลือย 3.5" ของยี่ห้อWD หัวเขียวความจุ 2 TB ราคาอยู่ที่ 2850 บาทเท่านั้น แต่ต้องเดินหาหลายๆร้านหน่อย
เพราะราคาขายของแต่ละร้านไม่เท่ากัน  เพื่อนผมซื้อวันเดียวกันแต่คนละร้านราคาอยู่ที่ 2890 บาทบางร้านก็ยังขาย 3050 บาทก็มี(ที่พันธ์ทิพย์ประตูน้ำ)
ผมแนะนำถ้าเคยซื้อฮาร์ดดีสก์ที่ร้านไหนราคาไม่แพงกว่านี้ให้ซื้อเป็นร้านประจำไปเลยเพราะจะได้ไม่ผิดราคา

เท่าที่เดินดูมา ถ้าจ่ายเงินสด จะได้ราคาถูกกว่าใช้บัตรเครดิตครับ

แนะนำ WD ครับ
อีกไม่กี่วันคอมมาร์ทจะมาแล้ว แนะนำให้รอคอมมาร์ทดีกว่า (17-20 มีนา)
แนะนำให้ซื้อวันสุดท้ายเกือบเย็นๆจะได้ราคาถูกมาก คิดว่าน่าจะลดทั้ง Internal และ External (ตอนนั้นซื้อ 3.5" External 1TB ราคาตามตลาดน่าจะ 3,500 บาท จำราคาจริงตอนนั้นไม่ได้ แต่ซื้อมาในงานได้ราคา 3,080 บาท)
 

ไม่ต้องรอซื้อที่งานคอมมาร์ทก็ได้  เมื่อวานนี้ผมพึ่งเห็นราคาInternal และ External 3.5" ขนาดความจุ 2 TB อยู่ที่3,800 บาทและ1TB ราคา 2,100บาท
หากเป็นฮาร์ดดีสก์เปลือง 3.5" ความจุ 2TB ราคา 2,850 บาทเท่านั้น ราคาฮาร์ดดีสก์เหล่านี้ผมว่าต้องเดินดูหลายๆร้านก่อนเพราะแต่ละร้านราคาจะต่างกัน
ห่างกันแค่ไม่กี่เมตรราคาก็ต่างกันแล้วครับ  ระยะหลังๆนี้ผมซื้อฮาร์ดดีสก์มากมายเหลือเกินทั้งซื้อไว้ใช้เองและเพื่อนๆฝากซื้อด้วยเห็นราคาที่เปลี่ยนแปลง
ทุกครั้งที่ไปซื้อราคาจะถูกลงเรื่อยๆ

ว่าจะเดินพรุ่งนี้เพราะวันอาทิตย์ไม่สะดวกเท่าไร

     ฮาร์ดดิสที่อยู่ในเครื่อง DUNE MAX จะร้อนมากขนาดมือจับไม่ได้ต้องรีบวาง
  อยากทราบว่าความร้อนจะทำให้ฮาร์ดดิสเสื่อมหรือเสียได้หรือเปล่าครับ
     และถ้าเราใช้ DOC การที่ต้องเสียบเข้าออกระหว่างดิสกับด๊อกบ่อยๆจะมีผลอะไร
  กับตัวฮาร์ดดิสหรือเปล่าครับ

ผมลากสายจากภายในตัว cpu ออกมาเสียบกับ hd ที่วางอยู่หลังตู้ cpu พบว่า hd ร้อนไม่น้อยไปกว่าที่อยู่ใน dune เท่าไร
เข้าใจว่า hd ที่เสียบ doc ก็คงร้อนไม่น้อยไปกว่ากัน ใช่ไหมครับ

ผมว่า HDD มันทำงานต้องร้อนเป็นปกติ แต่ถ้าใส่ในเครื่อง Dune คงต้องร้อนมาขึ้นเพราะมันไม่อยู่ในที่โล่งเหมือนใส่ doc ของผมใส่ doc ก็ร้อน แต่ไม่ขนาดจับไม่ได้

ผมใช้พัดลมเป่าเครื่อง DUNE กรณีก็อปไฟล์ระหว่าง HDD ครับ ใช้เฉพาะกรณีที่ทำนาน ๆ 
บางครั้งก็เปิดแอร์บ้าง ซึ่งทั้ง 2 อย่างเหล่านี้ จะช่วยให้ HDD ไม่ร้อนมากครับ รวมไปถึงตัวเครื่อง DUNE ด้วย

ก็กังวลเหมือนกันว่าเครื่องเล่นจะเสื่อมเร็วหรือเปล่า แต่พยายามจะไม่ไปหักโหมใช้งานมันครับ

ใส่ฮาร์ดดีสก์ที่อยู่ในเครื่องเล่นDUNE MAX นั้นร้อนมากจริงๆครับ ต่างกับที่ผมใส่ในเครื่องเล่น PC ของผมมากเลย อาจจะเป็นเพราะเครื่องDUNE
มีพัดลมระบายร้อนตัวเล็กเกินไปทำให้ช่วยถ่ายเทอากาศไม่ดีพอ ต่างกับพัดลมที่อยู่ในเครื่องเล่นPC ของผมซึ่งใช้พัดลมระบายอากาศตัวใหญ่มาก
กว่า  ผมแนะนำเลยควรใช้ docking ต่อใส่ภายนอกดีกว่าครับ ขนาดห้องดูหนังของผมติดแอร์ฮาร์ดดีสก์ที่ใส่อยู่ในเครื่องDUNE ยังร้อนมากเลยครับ
และการเสียบฮาร์ดดีสก์ใส่ docking บ่อยๆไม่มีปัญหาอะไรหรอกครับ ขออย่าให้ฮาร์ดดีสก์ตกก็แล้วกันโดยเฉพาะเฮียเดจาวูมีลูกๆกำลังซนต้องระวัง
วางไว้ให้ไกลมือเด็กๆหน่อยก็จะดีครับ

  คุณอั๋นหรือท่านอื่นๆช่วยแนะนำ Docking ที่ใช้ดีๆให้หน่อยครับ

docking เวลาใช้กับ dune จะเอา hd เข้าออกได้เลย ขณะเปิดเครื่องอยู่
แต่ถ้าใช้กับ pc จะเอา hd เข้าออกขณะเปิดเครื่องอยู่ได้ไหมครับ

ต้องปิดอ็อฟที่เครื่อง docking ก่อนเสมอครับเวลาที่จะเอาฮาร์ดดีสก์ออกจากแท่น  ผมใช้ docking อยู่ 2 ตัวเป็นแบบใส่ฮาร์ดดีสก์ได้ 1 ลูก(1200 บาท)
กับแบบที่ใส่ฮาร์ดดีสก์ได้ 2 ลูกราคาต่างกันแค่สามร้อยบาทเท่านั้น( 1500 บาท)แต่สามารถใส่ฮาร์ดดีสก์ได้ 2 ลูกครับเฮียเดจาวูซื้อแบบใส่ได้ 2 ลูก
คุ้มกว่าครับ  ผมว่าพวกเราควรที่จะต้องใช้ docking ดีกว่าแต่อย่าพึ่งไปซื้อ Probox ที่ผมเคยแนะนำให้ใช้เพราะเครื่องเล่นDUNE ไม่เหมือนเครื่อง PC
เครื่อง DUNE อาจจะมองไม่เห็นฮาร์ดดีสก์ที่ใส่อยู่ใน Probox ทั้งหมด 4 ลูกแต่จะเห็นเพียงลูกแรกเท่านั้น เดี๋ยวผมจะทดลองเล่นดูให้ก่อนแล้วจะมา
บอกให้เพราะถ้ามองเห็นเพียงลูกเดียวก็เปล่าประโยชน์ซื้อแค่ docking แบบ 2 ลูกคุ้มเงินกว่าครับ

เท่าที่ผมได้ลองใช้มาแล้วหลายยี่ห้อก็เหมือนๆกันหมดไม่เห็นว่าจะต่างกันแบบที่ทาง Dune บอกว่าให้ใช้ของยี่ห้อที่ทางร้านเค้าขายเลยครับ
เฮียซื้อไปได้เลย แต่docking รุ่นใหม่รองรับUSB 3.0 ด้วยครับราคาก็แพงขึ้นอีกหน่อย เพราะเวลานี้พวกฮาร์ดดีสก์ขนาด 2.5นิ้วแบบพกพา
รุ่นใหม่ๆรองรับ USB 3.0 กันหมดแล้วราคารุ่นเก่า USB 2.0 เลยถูกลงเรื่อยๆ สำหรับพวกเราแค่ USB 2.0 ก็พอแล้ว

  มีคนบอกว่าถ้าเกิดไฟตกหรือไฟดับขณะกำลังเล่นอยู่
  จะทำให้ฮาร์ดดิสเสียได้ จริงหรือเปล่าครับ

มีโอกาสทำให้ฮาร์ดดีสก์เสียได้เหมือนกันครับ  ผมถึงใช้ UPS สำรองไฟไว้ก่อนแถมต่อด้วย Stabilizer Line Conditioner ควบกระแสไฟฟ้าอีกชั้น
ผมใช้ต่อกับเครื่องเล่นโปรเจคเตอร์(ซึ่งสำคัญมากในกรณีไฟฟ้าดับหรือไฟตกอย่างกระทันหัน)และเครื่องเล่น PC Player, DUNE MAX และฮาร์ดดีสก์
เฮียควรจะใช้ UPS ต่อกับเครื่องเล่น DUNE ราคาของ UPS ไม่แพงเท่าไรขนาด 1000 วัตต์ประมาณไม่น่าเกินสี่พันบาท(แล้วแต่ยี่ห้อ) แต่ถ้าไฟฟ้า
แถวๆบ้านเฮียไม่ค่อยดับบ่อยก็ไม่น่ามีปัญหาอะไรกันไว้ก่อนก็ดีเหมือนกันครับ  ถึงแม้ของมูลหนังและเพลงของเราอาจจะไม่สำคัญเหมือนเช่นเรื่อง
งานหรือธุรกิจที่มีความจำเป็นต้องเก็บข้อมูลสำคัญหากว่าเสียหายไปแล้วส่งผลต่อเรื่องงานที่ทำอยู่  ต่างจากข้อมูลหนังและเพลงถ้าเสียหายเฮียก็มาดูด
เอาใหม่ที่เพื่อนๆได้เสมอ 

เครื่องเล่น DUNE สามารถมองเห็นฮาร์ดดีสก์จาก docking คู่( 2 ลูก) เห็นได้ทั้ง 2 ลูกเลยครับหน้าเมนูจะขึ้นว่า USB 1 และ USB 2
ผมยังไม่ได้ลองต่อ Probox 4 ลูกเดี๋ยวจะทดลองดูแต่เครื่องเล่นบูลเรย์ Oppo 95 ตัวใหม่ล่าสุดที่สามารถเล่นไฟล์ได้แบบเครื่องเล่น DUNE
ไม่สามารถมองเห็นฮาร์ดดีสก์จาก Probox 4 ลูกได้ครับจะเห็นแค่ลูกแรกเท่านั้น(ได้ทดลองต่อกันมาแล้ว)

มีใครทราบบ้าง ผมเปิด com ตั้งโต๊ะที่ใช้มาจะสิบปี
ตอนนี้เป็น Win XP มันเข้าหน้าวินโดว์ไม่ได้
พอเปิดเสร็จ มันขึ้นว่า Disk Error มีวิธีเซ็ทไหม
หรือต้องนำไปให้ช่างลงใหม่

เข้า Window ไม่ได้เดาว่า Hard disk เสียครับ อาจต้องฟอร์แมทแล้วลงใหม่หมด

ถ้าเป็นประมาณว่า NTLDR is missing ถ้าไม่อยากเสียเวลาซ่อม Windows ลงใหม่เร็วกว่าครับ ไม่เกินชม.เสร็จ

อาการเป็นแบบนี้ครับ กดเปิดเครื่องปุ๊บ มันก็รัน ๆ เพื่อเข้าวินโดว์ตามปกติ
พอรัน ๆ ปุ๊บ ก่อนจะเข้าวินโดว์ มันบอก Read Disk Error แล้วมี
ข้อความ Ctrl+Alt Del for Re Start พอกดตาม มันรีบู๊ท
แล้วก็เป็นเหมือนเดิม แต่ก่อนจะค้างกด F2 หรือ F10 ได้นะ
แต่ปัญหาคือ ผมทำไม่เป็น ว่าจะยกไปให้ช่างซ่อม

เป็นไปได้ว่า HDD มีปัญหาซักอย่างแบบพี่สิทธิ์พูดครับ แต่ถ้าเกิดเข้า Safe Mode ได้คงมีปัญหาที่ Windows ครับ
ลองเข้าดูโดยกด F8 หลังเปิดเครื่องแล้วซักพัก แล้วเลือก Safe Mode ถ้าเข้าได้แสดงว่าอาจจะไม่ใช่ที่ HDD ก็เป็นได้

ใช่ครับ
กด F5 หรือ F8 ก็ได้ครับ ลองดู รับรองไม่เจ๊ง
แต่ต้องกดค้างไว้ ก่อนโลโก้ วินโดว์ขึ้นนะครับ

ถ้าขึ้นแล้ว เข้าไป chkdisk แก้ bad sector drive c: เลยครับ
แต่มีแนวโน้ม ที่ต้องลงวินโดว์ใหม่

ว่าแต่ว่า ใช้มาถึง 10ปี แล้วหรือเนี่ย... ว้าววว.. :o :o

เวลานี้ Probox ที่ใส่ฮาร์ดดีสก์ได้แบบ 4 ลูกนั้นได้ออกเวอร์ชั่นใหม่มาแล้วรองรับกับฮาร์ดดีสก์แบบ 3TB สามารถใส่ฮาร์ดดีสก์ลูกละ 3TB ได้เลย
ซึ่งของเดิมรองรับกับฮาร์ดดีสก์ขนาด 2TB เท่านั้นแถมราคายังเท่าเดิมอีกด้วย ฉะนั้นถ้าเอาฮาร์ดดีสก์ใส่ทั้งหมด 4 ลูกๆละ 3TB จะมีความจุรวมถึง 12TB
เลยทีเดียว และยังมีรุ่นที่ใส่ฮาร์ดดีสก์ได้มากถึง 8 ลูกๆละ 3TB รวมความจุได้มากมายถึง 24TB อยากได้มากๆเลยครับ เรียกใช้ Probox รุ่น 8 ลูก
เครื่องเดียวเหมือนกับเป็นคลังแสงเก็บหนังหรือเพลงได้อย่างมหาศาล ไม่รู้เหมือนกันราคาจะแพงมากเท่าไรเพราะ Probox รุ่น 4 ลูกราคา 3100 บาท
ถ้าราคาไม่เกิน 7000 บาทผมคงเอาแน่ หากเกินกว่านี้สู้ซื้อรุ่น 4 ลูก 2 เครื่องคุ้มกว่าครับ(6200 บาท)

ข่าวร้ายฮาร์ดดีสก์ราคาในปัจจุบันนี้แพงขึ้นเป็น 100% ฮาร์ดดีสก์ขนาดความจุ 2TB ราคาที่ผมซื้อก่อนน้ำท่วม 2700 บาท
แต่มาเวลานี้ 5000 กว่าบาทยังหาซื้อยากเลยครับ  มหาอุทกภัยครั้งนี้ส่งผลกระทกโดยตรงกับผู้บริโภคอย่างมากเพราะโรงงาน
ผลิตฮาร์ดดีสก์รายใหญ่จมน้ำ  ตอนนี้มีแต่คนโทรมาหาผมถามหาฝากซื้อฮาร์ดดีสก์ซึ่งช่วงนี้ผมเองก็ยังไม่ได้ซื้อฮาร์ดดีสก์ใหม่เลย
ล่าสุดไปซื้อมาตอนก่อนน้ำท่วมไว้แค่ 2 ลูกเท่านั้น  วันนั้นว่าจะซื้อเก็บไว้ 6 ลูกแล้วแต่เนื่องจากคิดว่าราคามันจะถูกลงอีก
เพราะผมต้องใช้ฮาร์ดดีสก์ไว้เก็บหนังและคอนเสริต์บูลเรย์เป็นประจำอยู่แล้ว  นี่ก็กำลังจะมีหนังบูลเรย์ทั้งใหม่และเก่าที่ต้องเก็บ
อีกมากมาย(มีฮาร์ดดีสก์เท่าไหร่ก็ไม่พอ) ที่นี้เดือดร้อนแล้วซิ

ไม่มีของจีนขายเลยหรือครับ พวกทำในไทยที่มีขายในกาตาร์ยังยืนราคาเดิมอยู่ แต่คงขึ้นในไม่ช้าครับ

มันขึ้นตามกันหมดครับทุก ยี่ห้อ

ผมว่ายังใง อินเทอร์นอลก็ยังดีกว่านะครับ เอทเทอนอล มีข้อจำกัดเรื่องความเร็วครับ

แต่ผมเจอปัญหาจาก Internal บ่อยครั้ง ในขณะที่ External ทนทานได้ใจมาก

จริงๆ อินเทอเนล เหมาะสำหรับใช้ลง โอเอสต่างๆ ละโปรแกรมสำคัญครับ แต่ก็จะมีอินเทอนอล เฉพาะสำหรับเก็บไฟล์ได้ครับ เช่น WD Green  มันจะหยุดทำงานเมื่อไฟล์ ไม่ใด้ใช้งานในฮาร์ดดิสครับ ประหยัดไป ไปอีกแบบ  ส่วนอินเทอนอลผมมองว่าเป็น ที่สำรองข้อมูล(ที่ไม่ใช่โอเอส)มากกว่ามครับ ยูเอสบี 2.0 ความเร็วรับส่งอยู่ที่ 30-40 MB ต่อวินาทีครับ ถ้าต่อกับคอมโดยตรงพ่อเล่นไฟล์เช่น หนังฟูลริปต่างๆจะเกิดอาการประมาณนี้ครับ

1เสียงช้ากว่าภาพ หรือภาพช้ากว่าเสียง
2ซับช้ากว่าภาพหรือเร็วกว่าภาพ หรืออาจจะไม่ขึ้นเลย

ปล.แล้วแต่ผุ้ใช้นำไปเพื่อประโยชน์อะไรครับ

โอเอสคือโปรแกรมครับ  Operation System ครับ เดี๋ยวงง เหอๆ

คอมศึกษาด้วยตอนเองบ่อยๆจะดีมากครับ

ผมมี WD Green 2TB อยู่ 3 ตัว เสียส่งเครมไปแล้ว 1 ตัว เค้าบอกว่าจะไม่มีของเปลี่ยนจนถึงมิถุนา ปีหน้าครับ เฮ้อ ซวยย
ส่วนอื่นๆ ก็มี WD Green 1 TB 2 ตัวครับ WD Blue 500 GB ไว้ลง โปรแกรม และไฟล์เพลงบางส่วน  ครับ สำหรับคอมที่ทำงาน(ร้านเนท)

  สาย USB มีผลกับความเร็วช้าด้วยหรือครับ

 ตอนต้นเดือนได้ฮาร์ดดิส 2 TB พร้อมหนังมาในราคา 4200 บาท คนขายบอกว่าเหลืออยู่แค่ 2 ลูก
 ของใหม่ราคาแพงมากและหายากด้วย

ตามที่ใช้อยู่ก็มีผลด้วยนะครับ บางเส้นติดๆดับๆด้วยเลยครับ

  แล้วมีผลเรื่องภาพและเสียงด้วยหรือเปล่าครับ  เห็นบางเส้นมีราคาเป็นหลักหมื่น
  อ้อแล้วเรื่องสาย HDMI ด้วยครับ เห็นบางคนบอกใช้สายดีๆ(แพง)ภาพจะดีขึ้น บางคนก็ว่า
  สายดิจิตอลมันแค่ให้สัญญาณมากับไม่มา(ไม่มีมาดีหรือไม่ดี)

เรื่องเส้นสายทั้ง USB หรือ HDMI นั้นมีผลข้างเคียงมากครับ   ผมมีพวกเส้น USB และ HDMI ที่บ้านอยู่หลายเส้น
ได้ทดลองใช้งานดู เริ่มต้นจากสาย USB ก่อนบางเส้นราคาถูกๆบางทีใส่ไปแล้วมองไม่เห็นฮาร์ดดีสก์เฉยเลย
หรือบางทีเอามาเล่นกับสัญญาณเสียง(ไฟล์รายละเอียดสูง)คุณภา่พเสียงต่างกับสาย USB ราคาที่แพงกว่าอย่างฟังออก
ขนาดสาย USB เองที่เป็นเวอร์ชั่น 2.0 ยังต่างกว่าเวอร์ชั่น 3.0 เลย  ยิ่งสาย HDMI ก็เหมือนกันสายที่เป็นเวอร์ 1.3 คุณภาพดีๆ
ราคาแพงกว่าสาย HDMI ราคาถูกกว่าให้คุณภาพของภาพที่ออกมาต่างกันครับ(สาย HDMI ก็มีหลายเวอร์ชั่น 1.4 รองรับกับบูลเรย์ 3D)
มันก็เหมือนพวกเส้นลำโพงหรือสายสัญญาณแต่ละชนิดหรือแต่ละยี่ห้อราคาก็ให้คุณภาพเสียงที่แตกต่างกัน

สาย USB หรือ HDMI เป็นสายดิจิตอลซึ่งต้องเป็นตัวนำที่ดีพอในการส่งสัญญาณความเร็วสูง เพราะฉะนั้นใครที่คิดว่าตัวสายจะเหมือนกันหมด
คิดผิดครับ

 มี จอมยุทธไร้สำนัก มายืนยันแบบนี้ชักอยากลองบ้างแล้ว
 คุณอั๋นมียี่ห้อหรือรุ่นอะไรมาแนะนำบ้างครับ ทั้ง USB และ HDMI เอาราคาปานกลางพอนะครับ  :D

ไม่รู้จะแนะนำเช่นใดเพราะได้ทดลองใช้อยู่ไม่กี่เส้นเท่านั้น แค่ลองเปรียบเทียบกับสายที่มีอยู่ราคาที่แตกต่างกันเท่านั้น
เฮียก็ลองไปดูตามร้านเอาราคากลางๆ(หลักพันบาทขึ้นไป) น่้าจะใช้ได้ดีกว่าสายที่แถมมากับเครื่องแน่  ผมมีสายUSB อยู่หลายเส้น
เหมือนกันมีทั้งของแถมมากับเครื่อง ซื้อมาหลักร้อยและหลักหลายพันบาทเส้นที่มีราคาหลักพันนั้นคุณภาพดีกว่าหลักร้อยและสายแถม
แต่มีอย่างละเส้นไม่มีหลายเส้นในแต่ละราคาก็เลยไม่รู้จะแนะนำเช่นไร HDMI ก็เช่นกัน

ความเห็นของผม

ผมว่า HDD ราคาคงขึ้นไปไม่นาน ไม่น่าเกิน 6 เดือน ราคาก็คงกลับมาหล่นเหมือนในช่วงภาวะปกตินะครับ
ลูกค้าผมในนิคมฯ บางปะอิน กลับมาทำงานกันปกติแล้ว ถึงแม้ว่า Production จะเริ่มแค่ 15-20%

เมื่อวานลองไปสำรวจราคาฮาร์ดดีสก์ขนาด 3.5" 2TB หัวเขียนของWD รุ่นใหม่(เห็นบอกว่าสเปกดีกว่าเก่า) ร้านเจ้าประจำแถวบ้าน
ราคาอยู่ที่ 3,400 กว่าบาทนับว่าราคาขึ้นไป 700 บาทพอทนร้านบอกว่ามีของอยู่ 5-6 ลูก

ประกันกี่ปีครับ ประกัยขออะไรเอ่ย แถวบ้านผม ยังไม่ต่ำกว่า 5000 เลยครับเซงมาก

ของยี่ห้อ WD น่าจะประกัน 3 ปีถ้าของซัมซุงประกัน 5 ปีรู้สึกว่ารุ่นใหม่เป็น sata 3 เห็นบอกผมว่าเร็วกว่ารุ่นเก่า
ไม่แน่ใจว่าเป็นประกันของ คอม7 หรือเปล่าลืมถามไปผมซื้อมาก่อนน้ำท่วมไว้ 2 ลูกยังไม่ได้แกะใช้เลย(2700 บาท)

แนะนำว่าใครจะซื้อ HDD ช่วงนี้ ถ้าซื้อแบบ External จะถูกกว่ามากครับ และควรจะตรวจดูราคาให้แน่ใจด้วย วันนี้ไปเดินพันธ์ทิพย์เจอยี่ห้อเดียวกันความจุเท่ากัน แต่บางร้านขายราคาต่างกันร่วมๆ 700 บาท เข้าใจว่าบางร้านยังมีสต๊อกราคาเก่าอยู่

คอม 7 ประกันดีครับ เสียเปลี่ยนลูกใหม่ หน้าศูนย์ประกันเลย
SATA3 จะเร็ว ต้องต่อกับ เมนบอร์ดที่มี พอร์ต SATA 3 ครับ  ความเร็วต่างกันเยอะจริงๆ  ถ้าฮาร์ดดิส SATA3 มาต่อบอร์ดที่มีเฉพาะพอร์ต SATA2 ความเร็วจะเท่ากับ SATA 2  

ความเร็วของ Green Sata2 จะอยู่ที 40Mbถึง 110 Mb ต่อวิครับ ส่วนSata3 จะอยู่ที่ 75Mb-170mb ครับ

ถ้าเป็นBlack SATA 3 ความเร็วจะอยู่ที่ 100-200 MBเลยครับ ตอนนี้ราคาเหยียบ 10000 2TB  ผมาได้ 1 TB ก่อนน้ำท่วมมา 2700 บาท


http://www.thesystem.co.th/prod_manager/prev_order1_test1.php?code=A0046179  เอทเทอนอล 2 เทร่า ที่ถูกที่สุดครับ(ตอนนี้)

บางทีอาจจะคนละรุ่นกันก็ได้ครับ
บางรุ่นแพงเพราะ มี USB 3.0 หรือ E-sata  ครับ

ดูแล้วเป็น USB 2.0 เหมือนกันครับ หน้าตาเหมือนกันเด๊ะ และไม่ใช่ร้านเดียวที่แพงกว่า มีหลายร้านที่แพงกว่าและหลายยี่ห้อด้วยครับ วันนี้ผมเดินสำรวจมา บางร้านอาจฉวยโอกาสปั่นราคาก็ได้

แนะนำไว้หากเจอราคาไม่แพงขึ้นเท่าไหร่ให้ซื้อเก็บไว้บ้างก็จะดีเพราะไม่แน่ช่วงปีใหม่ราคาอาจจะขึ้นไปอีกก็ได้  ผมว่าต้องรอถึงกลางปีหน้า
เป็นอย่างเร็วราคาน่าจะกลับมาเหมือนก่อนน้ำท่วม

เมื่อวานพึ่งไปซื้อฮาร์ดดีสก์ 2TB ราคาล่าสุด 4,600 บาท(WD) เสียดายมาก เมื่ออาทิตย์ก่อนเจอราคาแค่ 3400 บาทแต่ไม่ได้ซื้อ
เป็นราคาล็อตเก่า ถ้าใครเจอราคาล็อตเก่าให้สอยเก็บไว้ได้เลย

  วัยรุ่นใจร้อนจริงๆ ทำไมคุณอั๋นไม่รอให้มันลงราคาหน่อยล่ะครับ ตอนนี้มีอยู่กี่ลูกแล้ว
  อ้อ แล้วอย่าลืมฮาร์ดดิสของผมล่ะ เก็บไว้นานๆเดี๋ยวขึ้นรา   :D

มีความจำเป็นต้องซื้อเพราะหนังไม่มีที่เก็บแล้ว   ส่วนของเฮียมีปัญหาเพราะผมยังไม่ได้ฮาร์ดดีสก์ที่เฮียส่งมาให้เลย
ใบรับวัสถุทางไปรณีย์หายตอนน้ำท่วม  เฮียต้องเอาใบส่งของไปรับของคืนที่ไปรณีย์ต้นทางเองแล้วส่งมาใหม่

http://www.overclockzone.com/forums/forumdisplay.php/96-Storage


หามือ 2 แบบมีประกันในเว็บนี้ก็ได้ครับ  จะมีสองราคา คือขึ้นตามน้ำกับ ไม่ขึ้นถ้าโชคดีก็จะได้ในราคา ที่ถูกมากครับ โดยเฉพาะ พวกWD  แบบประกัน 5 ปี มาปล่อยในราคา มือ 1 ก่อนน้ำท่วม

 ฮาร์ดดิสผมไม่ค่อยกล้าซื้อเก็บไว้เยอะ เพราะไม่ค่อยมั่นใจเรื่องอายุการใช้งาน
 เห็นเพื่อนบอกว่าฮาร์ดดิสเริ่มเสียเมื่อหมดอายุประกัน  :D
 

5555 มันเสียตั้งแต่ไม่หมดประกันครับ ส่วนใหญ่ ผมมีประมาณ 50 ลูก(เพราะเปิดร้านคอม) 80% เคยส่งเครมครับ และยังไม่หมดประกัน

  มิน่าถึงได้รู้เรื่องคอมดี  ส่วนใหญ่จะประมาณกี่ปีถึงเสียครับ
  ถึงจะเคลมได้แต่ก็เสียดายหนังหรือเพลงที่เก็บไว้
  มันคงเหมาะที่จะมีไว้ใช้มากกว่าเก็บไว้สะสมเหมือนซีดีหรือแผ่นเสียงนะครับ

อยู่ที่ การเก็บรักษาครับ ถ้าใช้งาน ไม่หนักก็อยู่ได้นาน ไฟไม่กระชาก ไม่ส่าย จะดีมากกว่า ของผมส่วนใหญ่จะโดนไฟกระชาก(วิญญาณ)ตายกันเกลื่อน ตัวที่ผทเคยใช้นานสุดก็ประมาณ 4 ปีครับ เคยเครมครั้งเดียว เพราะทำตกเอง(ไม่บุบ) ของ Seagate ครับ

เป็นเรื่องปกติของฮาร์ดดีสก์หรือเครื่องใช้ไฟฟ้าทุกประเภทอื่นๆ   อย่างว่าแต่ฮาร์ดดีสก์เสียเลยขนาดแผ่นบูลเรย์ก็ยังมีเสียเช่นกัน
หากฮาร์ดดีสก์เสียถ้าอยู่ในประกันก็เครมประกันไป   เรื่องข้อมูลหนังหรือเพลงนั้นไม่ต้องเป็นห่วงถ้ามีเล่นกันเป็นกลุ่มใช้เพื่อนๆแบ็คอัพให้
หรือจะใช้ฮาร์ดดีสก์เก็บแบ็คอัพเหมือนข้อมูลสำคัญอื่นๆก็ย่อมได้  โอกาสฮาร์ดดีสก์เสียย่อมมีเกิดขึ้นได้เสมอ  ผมมีฮาร์ดดีสก์เก็บหนังและเพลง
ไว้หลายสิบลูกยังไม่กลัวเลยครับ นับประสาอะไรกับคนที่มีไม่กี่ลูกจะไปกลัวทำไม 

  ตอนบ่ายกลับมานั่งทำงานมีพัสดุจากไปรษณีย์ส่งกลับ(เป็นฮาร์ดดิส) วางอยู่บนโต๊ะทำงาน
  รออยู่ตั้งหลายเดือนพอทวงถามคุณอั๋น ไปรษณีย์รีบส่งมาให้เลยเหมือนรู้   ;D  ;D  ;D

ช่วงน้ำท่วมไปรษณีย์ที่แถวบ้านผมโดนน้ำท่วมหนัก เวลานี้ยังต้องใช้สถานที่ชั่วคราวเป็นที่ทำการเลยครับ
พัสดุจากเมืองนอก(อังกฤษ)ส่งมาให้ผมเป็นเดือนแล้วยังมาไม่ถึงเลยครับ  แสดงว่ามีปัญหาจากการขนส่ง
เมื่อวานผมพึ่งได้รับหนังสือออดิโอไฟล์ส่งมาให้ผมเป็นอาทิตย์แล้วทั้งๆที่อยู่แค่นี้เอง

จริงๆอย่างส่งHDDให้พี่อั๋น ไส่หนังหรือคอนเสิตมาให้เหมือน ติดอยู่ที่ว่า ยังไม่กลับจากเคลมเลยครับ เฮ้ออ

ผมว่าคงอีกไม่นานฮาร์ดดีสก์ที่เป็นลักษณะแบบแฟลซไดร์ฟหรือทรัมไดร์ฟน่าจะมีความจุมากขึ้นและราคาที่ถูกลงเรื่อยๆ
โอกาสที่จะเสียมีน้อยมากและใช้งานสะดวกขึ้นด้วยครับ  หากว่าพวกทรัมไดร์ฟมีความจุ 500 - 1000 GB ในราคาหลักพันบาทได้
ต่อไปในอนาคตพวกแผ่นเปล่าซีดี ดีวีดี บูลเรย์คงน่าจะตายไปได้เลย  เพราะเวลานี้ทรัมไดร์ฟความจุ 16 GB ราคาสี่ร้อยกว่าบาท
แถมรูปทรงสวยงามด้วยครับ(ออกแบบหน้าตาเป็นอะไรก็ได้)  เพราะผมดูว่าวิถีทางการเล่นกับฟอร์แม็ตบันเทิงบูลเรย์ ดีวีดีหรือแม้แต่ซีดี
คงไม่ต้องใช้แผ่นเล่นอีกต่อไป เปลี่ยนรูปแบบเป็นพวกทรัมไดร์ฟเก็บข้อมูลหนังและเพลงแทนตัวแผ่น  ซึ่งสามารถเอามาใช้งานอย่างอื่นๆได้ด้วย
แต่ ณ เวลานี้ต้นทุนค่าทรัมไดร์ฟยังแพงอยู่  ผมว่ารออีกไม่กี่ปีราคาน่าจะถูกลงเรื่อยๆ(ถ้าน้ำไม่ท่วมโรงผลิตเสียก่อน)

แฟลชไดร์ หรือ ทัมไดฟ์ มันมีข้อจำกัดด้านความเร็วครับ

รอลุ่มความเร็วของUSB 3.0 ครับ

ข้อนค้างเห็นด้วยกับพี่อั๋นนะครับ
ว่า CD DVD Blu ray  อาจจะตายครับ แต่ด้วยความแตกต่างด้านต้นทุน คงยังอีกนานซักหน่อย

แฟลช ไดร์ ปัจจุบัน 2 กิ๊ก อยู่ที่ 150-160 4 กิ๊ก อยู่ที่ 200-250 บาท    36 กิ๊ก อยู่ที่ 1000-1300 บาท   เคยเห้นขนาดใหญ่สุด 128 กิ๊ก ราคาคงประมาณ เอทเทอร์นอล ขนาด 2 เทร่าไบตร์เลยที่เดียว

ซีดี ปัจจุบัน 700 MB แผ่นละ 1.5-50 บาท  DVD5 4.7GB 3-15 บาท   DVD9 8.5GB  20-35 บาท  Blu ray25GB แผ่นละ 80-150 บาท 50GB 150-300 บาท

ยังไม่นับ พวก RW ที่ลบและเขียนใหม่ได้ครับ

การเล่นไฟล์หนังไฟล์เพลงนั้น   ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องฮาร์ดดีสก์จะเสียหรอกครับ  เพราะอะไรรู้ไหมการลงทุนกับฮาร์ดดีสก์นั้นคุ้มค่ามากๆ
หากเทียบกับการเล่นแผ่น   ผมว่าเราสามารถแบ็กอัพข้อมูลเพลงไว้ทั้งหมดโดยเก็บเป็นฮาร์ดดีสก์สำรองแบบเก็บข้อมูลสำคัญเรื่องงาน
ที่ต้องการเก็บรักษาไว้เผื่อในกรณีที่เกิดฮาร์ดดีสก์เสีย  ฮาร์ดีสก์ 1 ลูกราคาถูกกว่าแผ่นเสียงหรือมินิแอลพีซีดีอีกครับ  เพียงแต่ว่าคนที่เล่นไฟล์
มัวแต่กลัวเสียเงินที่จะลงทุนซื้อฮาร์ดดีสก์เพิ่มเพื่อเก็บแบ็กอัพข้อมูลเพลงหรือหนังเท่านั้น  มีคนเล่นแผ่นมากมายที่เก็บแผ่นซ้ำๆไม่เห็นจะแปลกอะไร
หากแผ่นหายหรือขายไปบ้างก็ยังมีแผ่นสำรองไว้ฟังอีก  เป็นกรณีเดียวกันกับการเก็บแบ็กอัพข้อมูลเพลงหรือหนังลงทุนน้อยกว่าตั้งมากมาย
จะเก็บแบ็กอัพข้อมูลเพลงสัก 2-3 ลูกก็ไม่เห็นจะยากอะำไรเลย   ไม่ต้องไปกลัวว่าฮาร์ดดีสก์จะเสียหรอกครับ ถามตัวเองดูก่อนกล้าที่จะลงทุน
ซื้อแผ่นแท้ไม่ว่าจะเป็นแผ่นเสียง,ซีดี, ดีวีดี หรือบูลเรย์หรือเปล่าหากกล้าที่จะซื้อค่าราคาฮาร์ดดีสก์นั้นจิ๊บๆครับ

วันนี้ไปซื้อฮาร์ดดีสก์ราคาลงมาบ้างแล้ว  WD 2TB(หัวเขียว) 4,350 บาท  ถ้าของ Seagate 2TB 4,100 บาท
ราคาน่าจะลงมาเรื่อยๆแต่อาจจะใช้เวลาหน่อย  ร้านค้าเล็กๆจะไม่ตุนฮาร์ดดีสก์เก็บไว้เลยเพราะกลัวราคาลงแล้วขาดทุน
บางร้านมีขนาด 2TB อยู่แค่ลูกเดียวเท่านั้น บ้างร้านก็มีเก็บไว้แค่ 2-3 ลูกราคาบางร้านอาจจะแตกต่างกัน 2-3 ร้อยบาท
หากไม่รีบร้อนใช้งานรอสักพักราคาน่าจะลงต่ำกว่า 4,000 บาท นับว่ายังแพงอยู่หากเทียบราคาช่วงก่อนน้ำท่วม(2,700 บาท)
สำหรับผมแล้วราคาฮาร์ดดีสก์ในขณะนี้ไม่ถือว่าแพง  เพราะช่วง 2-3 ปีก่อนฮาร์ดดีสก์ 1.5TBราคา 5,000 กว่าบาท
และนี่ 2TB ไม่ถึงห้าพัน  มาคิดมูลค่าของการเก็บข้อมูลหนังบูลเรย์ยิ่งไม่แพงใหญ่

เมื่อวานไปซื้อฮาร์ดดีสก์ขนาดความจุ 2TBราคายังไม่ลดลงเท่าไร  แต่ถ้าลูก 2.5" ความจุ 500-1000 GB ราคาใกล้เคียงกับช่วงก่อนน้ำท่วม
ช่วงนี้ร้านค้าไม่ตุนฮาร์ดดีสก์ไว้เลยกลัวราคาลงแล้วขาดทุน  หากรออีกซักเดือนสองเดือนราคาจะลงอีกน่าจะต่ำกว่าสี่พันบาทต่อ 2TB

วันนี้ไปหาซื้อ Ex-ฮาร์ดดิส หาดู 3-4 ร้าน ตามหาของซีเกต 4TB 3TB ไม่มี เลยได้ของเวสเทิร์น 3TB มา ก่อนหาซื้อ ได้เช็คดูในเน็ตแล้ว รู้สึกราคาของซีเกตจะแพงกว่าเวสเทิร์นอยู่พอสมควร ประมาณ 1,000 บาท เวสเทิร์น 3TB ได้มาวันนี้ราคา 5,300 บาท อยากให้ฮาร์ดดิสราคาลดลงๆ เร็วๆ เรื่อยๆ กว่านี้ๆ.

commart commart  5555+

มีคนเค้าเคยบอกผมว่า สาเหตุที่ Drive ของซีเกต แพงกว่า WD อยู่นิดหน่อยนั้น เนื่องจากวัสดุภายในที่ใช้ในไดร์ฟของซีเกตนั้นส่วนใหญ่จะเป็นโลหะ ในขณะที่ของ WD มักจะใช้พลาสติกทดแทนมากกว่า อันนี้จริงหรือเปล่าก็ไม่รู้นะครับ (เพราะผมไม่ได้อยู่ไดร์ฟ)

โดนแจ๊คพอตเข้าซะแล้ว เจ็บปวดจริงๆ ดีวีดี 449 กิ๊ก ไฟล์หนัง 264 กิ๊ก เพิ่งย้ายมาเก็บได้แค่อาทิตย์เดียว เปิดเ่ล่นไม่ได้ เจ็บปวด...ปวดหัวใจเจงๆ
หมด...หมดกัน