ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

 
การค้นหาขั้นสูง

149686 กระทู้ ใน 4435 หัวข้อ- โดย 847 สมาชิก - สมาชิกล่าสุด: axlrose

05 พฤษภาคม 2024 | 08:44:52 AM
Thai Progressive Rock CommunityThaiProgKeep Talkingเรื่องของวง King Crimson
หน้า: 1 2 3 [4] 5 6 ... 11
พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: เรื่องของวง King Crimson  (อ่าน 70897 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 2 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
The Black Tulip
Blade Runner
*******
กระทู้: 2120


ดูรายละเอียด อีเมล์
« ตอบ #45 เมื่อ: 23 มกราคม 2008 | 12:19:34 PM »

วงนี้มี Plan จะออกอัลบั้มใหม่ไหมครับ

  เท่าที่ทราบ ทางวงก็กำลังซ้อมกันอยู่นะ แต่ไม่ทราบว่าจะออกทัวร์ หรือออกอัลบั้มใหม่ ทราบว่ามีมือกลองวง Porcupine Tree (Gavin Harrison) มาร่วมด้วย เป็นมือกลองคนที่สองของวง (ข่าวจาก wikipedia)

    Current band members

Robert Fripp — guitar and mellotron (1969–present)
Adrian Belew — guitar and vocals (1981–present)
Tony Levin — bass and Chapman stick (1981–1999; 2003–present)
Pat Mastelotto — drums (1994–present)
Gavin Harrison — drums (2007–present)
บันทึกการเข้า
kongbei
Administrator
The Snow Goose
*****
เพศ: ชาย
กระทู้: 6534


ขงปี่

pink_floyd@thaiprog.net
ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #46 เมื่อ: 01 กุมภาพันธ์ 2008 | 08:56:40 PM »

วงนี้มี Plan จะออกอัลบั้มใหม่ไหมครับ

  เท่าที่ทราบ ทางวงก็กำลังซ้อมกันอยู่นะ แต่ไม่ทราบว่าจะออกทัวร์ หรือออกอัลบั้มใหม่ ทราบว่ามีมือกลองวง Porcupine Tree (Gavin Harrison) มาร่วมด้วย เป็นมือกลองคนที่สองของวง (ข่าวจาก wikipedia)

    Current band members

Robert Fripp — guitar and mellotron (1969–present)
Adrian Belew — guitar and vocals (1981–present)
Tony Levin — bass and Chapman stick (1981–1999; 2003–present)
Pat Mastelotto — drums (1994–present)
Gavin Harrison — drums (2007–present)


แจ๋วเลยครับ รู้สึก ฟริปป์ จะเลือกแต่มือกลองที่จังหวะดีๆ แน่นๆ ทั้งนั้นเลย
บันทึกการเข้า
pd
In The Court Of The Crimson King
*
กระทู้: 11



ดูรายละเอียด อีเมล์
« ตอบ #47 เมื่อ: 01 กุมภาพันธ์ 2008 | 09:02:00 PM »

คุณThe Black Tulip สุดๆไปเลยค่ะกำลังหาข้อมูลพอดี
บันทึกการเข้า
kongbei
Administrator
The Snow Goose
*****
เพศ: ชาย
กระทู้: 6534


ขงปี่

pink_floyd@thaiprog.net
ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #48 เมื่อ: 01 กุมภาพันธ์ 2008 | 09:20:51 PM »

เห็น Tony Levin กลับมาแล้วก็รออัลบั้มใหม่ไม่ไหวแล้วครับ Line-Up สุดยอดมาก
บันทึกการเข้า
.. polotoon ..
The Snow Goose
**********
กระทู้: 18602



ดูรายละเอียด
« ตอบ #49 เมื่อ: 04 กุมภาพันธ์ 2008 | 01:59:30 PM »

สงสัยครับ ว่าทำไมปัจจุบัน KC ถึงออก official work ห่างกันมากๆในแต่ละ album ครับ
บันทึกการเข้า

ǝɹoɔǝsıɐuuoʎɐɯʎɹbuɐ
The Snow Goose
**********
เพศ: ชาย
กระทู้: 8547


nagoya_mega_snake@windowslive.com
ดูรายละเอียด เว็บไซต์ อีเมล์
« ตอบ #50 เมื่อ: 04 กุมภาพันธ์ 2008 | 04:16:40 PM »

เห็น Tony Levin กลับมาแล้วก็รออัลบั้มใหม่ไม่ไหวแล้วครับ Line-Up สุดยอดมาก
มี Gavin Harrison จากวง Porcupine Tree มาเป็นมือกลองคนที่สองด้วยครับ ดังนั้นไลน์อัพชุดปัจจุบันจึงมี 5 คนแล้วครับ
บันทึกการเข้า


Stay cheap, praise the explicit, embrace the scuzz, be true to art and yourself, eat shit, keep music evil.
lilivm's self-indulgence: https://rateyourmusic.com/~potatahtapapoh
.. polotoon ..
The Snow Goose
**********
กระทู้: 18602



ดูรายละเอียด
« ตอบ #51 เมื่อ: 19 มีนาคม 2008 | 09:40:19 PM »

KING CRIMSON

(by Panyarak Poolthup; 1988)
 



อาจกล่าวได้ว่า King Crimson เป็นวง Rock ที่เป็นผู้บุกเบิก และพัฒนาแนวดนตรี Progressive Rock ให้เจริญก้าวหน้าไปถึงขนาดกู่ไม่กลับ วง Progressive Rock หลายวง ต่างยอมรับว่า พวกตนได้รับอิทธิพลทางดนตรีมาจาก King Crimson ซึ่งผลิตผลจากความอัจฉริยะทางดนตรีของ Robert Fripp ซึ่งเป็นตัวยืนหลักของวงมาตลอด รวมทั้งสมาชิกของวงซึ่งเฝ้าเวียนเปลี่ยนหน้าเข้าออกกัน เพื่อสร้างสรรค์ดนตรี Rock อันทรงคุณค่าแก่โลกดนตรี

King Crimson มีการเปลี่ยนแปลงสมาชิกบ่อย พอๆกับการประกาศยุบวงโดยแนวดนตรีไม่ได้เปลี่ยนแปลงตามสมาชิกที่เข้าออกอย่างเช่นวง Rock หลายๆวง แต่ขึ้นอยู่กับผู้แต่งเนื้อร้องให้วง ซึ่ง Robert Fripp เป็นผู้เลือกสรรให้ความไว้วางใจในการรับหน้าที่ประพันธ์เนื้อร้องให้วง ในที่นี้จึงขอแบ่ง King Crimson ออกเป็น 3 ยุคสมัย โดยยึดถือผู้ประพันธ์เนื้อร้องให้วงเป็นหลัก ซึ่งแนวดนตรีในใน 3 ยุคนี้ มีความแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด

 


ยุคที่ 1

ผู้ประพันธ์เนื้อร้องคือ Peter Sinfield ซึ่งถือเป็นสมาชิกของวงมีหน้าที่หลักคือ ประพันธ์เนื้อร้องโดยไม่มีส่วนเล่นดนตรีหรือร้องใน LP ชุดใดๆ (เหมือน Pete Brown ของคณะ Cream) แต่ Sinfield มีบทบาทอื่นๆเวลาแสดงสดคือ เป็นคนควบคุมแสงและช่วยเล่นซินเธอไซเซอร์ VCS-3 เสริมนิดหน่อย เนื้อร้องที่แต่งโดย Sinfield จะฟังดูเหมือนบทกวีที่ฟังแล้วยากที่จะเข้าใจ แต่เต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์ และการมองความเป็นไปของโลกในแง่มุมที่สุดแปลก เพลงในยุคนี้ทำออกมาค่อนข้างจะมีเนื้อหาต่อเนื่องกันทั้งแผ่นแบบ Concept LP เครื่องดนตรีที่ปรากฏในยุคที่ 1 นี้นอกจากเครื่องดนตรีประจำวง Rock ทั่วไปแล้วก็มี Flute และ Sax เข้ามาช่วยให้หลายเพลงฟังดูชวนหลงใหลมากขึ้น LP ในยุคนี้มี 5 ชุดคือ



 

1. In The Court Of Crimson King (1969)

สมาชิกรุ่นก่อตั้งส่วนหน่งแตกกระจายมาจาก Giles, Giles & Fripp ซึ่งออก LP มาชุดเดียวก็ไปไม่รอด Robert Fripp เป้นมือกีตาร์ผู้ไม่ชอบยืนเล่นกีตาร์ แต่จะมีม้าสูงไว้นั่งเล่นบนเวที คนอื่นๆได้แก่ Greg Lake, Ian McDonald, Mike Giles และ Sinfield

LP ชุดนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับการต่อสู้อันไม่สิ้นสุดของมนุษย์ต่อความสับวนวุ่นวายที่เกิดจากสภาวะแวดล้อม LP ชุดนี้ถือกันว่าเป็น LP ที่ดีที่สุดของวงนี้ในยุคแรก ทั้งด้านดนตรีและเนื้อหาของเพลง สำหรับดนตรีนั้นฟังดูราวกับว่ามีวงออเคสตรามาเล่นสนับสนุน แต่ที่จริงทุกอย่างเป็นฝีมือการเรียบเรียงเสียงประสานของพวกเขาเองทั้งสิ้น และในเพลง 21st Century Schizoid Man เป็นครั้งแรกและครั้งเดียวที่จะได้ยิน Fripp ลีดกีตาร์หนักๆแบบวง Hard Rock เสียงร้องในเพลงนี้เป็นการร้องผ่านซินธ์ VCS-3 ซึ่งทำให้เสียงแหบแปลกๆ และฟังดูห่างไกล

หลังจากความสำเร็จของ LP ชุดนี้ McDonald และ Giles ก็ลาออกไป แต่ก็ยังมาช่วยใน LP ชุดที่ 2 กันอยู่โดยมี Gordon Haskell เข้ามาร้องนำในขณะที่ Lake เริ่มคิดตีจากไปตั้งวง ELP นอกจากนี้ยังมี Mel Collins เข้ามาเล่นเครื่องเป่าและ Pete Giles เล่นเบส



 

2. In The Wake Of Poseidon (1970)

พยายามเดินรอยตามชุดแรกแต่ทำไม่ได้ถึงครึ่ง แม้จะมีเพลงเพราะๆ อย่าง Cadence And Cascade และซิงเกิ้ลที่มีเนื้อหาประหลาดอย่าง Cat Food ดนตรีโดยรวมเรื่อยๆเอื่อยๆ หลังจากชุดนี้ Lake ก็ไปอยู่กับ ELP  Fripp เสนอตัวเองไปเป็นมือกีตาร์ให้วงใหม่ของ Lake แต่ถูกปฏิเสธ ในขณะที่ Fripp ปฏิเสธข้อเสนอของ Yes ที่กำลังมองหามือกีตาร์ฝีมือเข้าขั้นมาแทนที่ Pete Banks

Fripp กลับมารวบรวมวงของตนใหม่ โดยแก้ตัวเรื่องลาออกของสมาชิกเป็นว่าเล่นว่าจะทำให้วงไม่ต้องยึดมั่นอยู่ในสมาชิกคนใดคนหนึ่งว่า ถ้าขาดคนนั้นแล้วจะทำให้วงล่มสลาย หากแต่เป็นความยืดหยุ่นที่จะสร้างผลงานต่อไปหรือแม้แต่ขยายงานให้ใหญ่โต ถ้าจะให้ตีความง่ายๆ King Crimson ก็คือ Fripp นั่นเอง

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19 มีนาคม 2008 | 09:42:57 PM โดย polotoon » บันทึกการเข้า

.. polotoon ..
The Snow Goose
**********
กระทู้: 18602



ดูรายละเอียด
« ตอบ #52 เมื่อ: 19 มีนาคม 2008 | 09:40:35 PM »



3. Lizard (1970)

ผู้มาเล่นกลองในชุดนี้คือ Andy McCullough พร้อมทั้งนักดนตรีเสริมมากมาย รวมทั้ง Jon Anderson  ซึ่งมาฝากชื่อไว้ในเพลง Prince Rupert Awakes โดยที่เหลือ Haskell เป็นผู้ร้องนำแถมเล่นเบสด้วย ผู้ที่ได้ฟัง Jon Anderson ร้องในแผ่นนี้มักคิดว่า Fripp น่าจะให้ Jon ร้องเสียทุกเพลงเลยจะดีกว่า

ในบรรดาผลงานการประพันธ์เนื้อร้องของ Sinfield ทั้งหมด ผู้เขียนคิดว่าใน LP ชุดนี้น่าสนใจมากที่สุด เนื้อร้องในชุดนี้เต็มไปด้วยศัพท์แปลกๆ การร้องแบบซับซ้อนพิสดาร และการเล่นสัมผัสคำที่สุดที่จะบรรยาย เพลง Indoor Games หรือกีฬาในร่มเป็นเรื่องของการใช้เวลาว่างให้ผ่านไปของคนในราชสำนัก เพลง Happy Family ถ้าจะให้เดาก็น่าจะเป็นเรื่องของการแตกแยกของ The Beatles ซึ่ง Sinfield เปลี่ยนชื่อบุคคลทั้ง 4 ใหม่เป็น Rufus (Ringo) จมูกโด่ง, Silas (Paul) หัดไว้เครา, Jonah (John) มีเมีย และ Judas (George) เสพย์ยา ซึ่งบุคคลทั้ง 4 ในเพลงนี้ประกาศว่าจะไปตามทางของตน ตอนท้ายเพลงของเขาบรรยายสภาพการแตกแยกของ The Beatles ไว้ได้ใกล้เคียงความเป็นจริงมากคือ Happy Family, one hand clap, four went on but none came back (คงไม่ต้องแปลนะครับ)

ใน 2 เพลงที่กล่าวถึงนี้ ถ้าตัดสียงร้องออกหมดจะพบว่า ดนตรีออกไปทาง Jazz อย่างเห็นได้ชัด ซึ่งในยุคนั้นเรียกว่า Cosmic Jazz ซึ่งดนตรีใน 2 เพลงนี้เด่นเอามากๆ ราวกับพยายามที่จะข่มเนื้อร้องที่โดดเด่นสุดกู่เช่นกัน เพลงหวานประจำ LP ชุดนี้คือ Lady Of The Dancing Water

ใครที่อยากสัมผัสกับดนตรี Rock ที่ท้าทาย ก็ไม่ควรพลาดที่จะลองสัมผัสกับ LP นี้ แล้วจะได้พบกับความเป็นอัจฉริยะของ Fripp และ Sinfield






4. Islands (1971)

Boz Burrell และ Ian Wallace เข้ามาแทนที่ Haskell และ McCullough ตามลำดับ LP ชุดนี้เป็นชุดที่ฟังและรับได้ยากที่สุดสำหรับวงนี้ บางเพลงตลบอบอวลไปด้วยคาวโลกีย์ซึ่งมาจากฝีมือการประพันธ์เนื้อร้องอันเหลือรับประทานของ Sinfield เพลง ladies Of The Road เป็นเพลงที่กล่าวถึงผู้หญิงหากินได้เจ็บแสบดี

อย่างไรก็ดี เพลงต่างๆในชุดนี้มีแต่ความเย็นชา และดูเหมือนจะสร้างความห่างเหินระหว่างนักดนตรีและคนฟัง เปรียบเสมือน King Crimson เป็นเกาะสวรรค์เล็กๆ กลางมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ไพศาลซึ่งยากที่คนจะเข้าถึง ดังเพลง Title Track

ถ้าใครอยากรู้จัก King Crimson ไม่ควรเริ่มต้นจากชุดนี้เด็ดขาด เพราะจะทำให้เกลียดวงนี้ไปเลย LP ชุดนี้เหมาะกับผู้ที่ติดตาม LP 3 ชุดแรกของพวกเขามาเท่านั้นหลังจาก Sinfield ได้สนองตัณหาของตนด้วยเนื้อร้องแบบสุดกู่ใน LP นี้ Fripp ก็ไล่เขาออกด้วยเกรงว่า Sinfield กำลังจะมามีอิทธิพลเหนือวงของเขา เป็นการสิ้นสุดบทบาทในวงของ Sinfield ผู้ซึ่งเริ่มต้นโดยการสมัครเข้ามาเป็นช่างควบคุมไฟของวงจนก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งที่เกือบเทียบเท่าหัวหน้าวง






5. Earthbound (1972)

LP ชุดนี้ออกมาขัดตาทัพหลังจาก King Crimson แตกแยกกันไปพร้อมการไล่ Sinfield ออก อาจถือได้ว่า LP ชุดนี้เป็นบันทึกการแสดงสดที่ระบบเสียงแย่ที่สุดในโลกก็ว่าได้ แม้แต่บริษัท Atlantic ก็ของดนำ LP ชุดนี้ วางจำหน่ายในอเมริกาด้วยเหตุผลที่ว่า เป็นการบันทึกเสียงที่คุณภาพแย่มาก (King Crimson อยู่ในสังกัด E.G. โดยมี Atlantic เป็นผู้จัดจำหน่ายในอเมริกา)

LP ชุดนี้เปิดฉากด้วยการนำเพลง 21st Century Schizoid Man มาทำลายอย่างย่อยยับด้วยการเปลี่ยนจาก Rock เป็น Jazz เสียงเป่า Sax อย่างไม่ยั้งของ Mel Collins ได้ทำให้เพลงนี้กลายเป็น Jazz อย่างสมบูรณ์ เพลง Peoria ซึ่งไม่เคยบันทึกเสียงมาก่อนก็ออกไปทาง Funky อย่างเห็นได้ชัด เพลงที่เหลือก็เป็นการแจมกันแบบ Jazz เหมือนที่เล่นกันตาม Cocktail Lounge ของฝรั่ง
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19 มีนาคม 2008 | 09:43:35 PM โดย polotoon » บันทึกการเข้า

.. polotoon ..
The Snow Goose
**********
กระทู้: 18602



ดูรายละเอียด
« ตอบ #53 เมื่อ: 19 มีนาคม 2008 | 09:40:57 PM »

ยุคที่ 2

มี Richard Palmer-James ซึ่งไม่ถือเป็นสมาชิกของวงป็นคนแต่งเนื้อร้อง เนื้อร้องยังเป็น Progressive ที่ยากจะเข้าใจ แต่ดนตรีในยุคนี้ออกไปทาง Rock หนักๆ โดยมีเสียง Violin เข้ามาผ่อนคลาย เนื้อหาของเพลงเป็นการมองสังคมและชนชั้นในแง่มุมต่างๆ สมาชิกของวงที่ Fripp รวบรวมขึ้นใหม่ในครั้งนี้ค่อนข้างอยู่ตัวโดยมี David Cross เล่นไวโอลิน และคีย์บอร์ด John Wetton เบสและร้องนำ Bill Bruford กลองและเครื่องเคาะจังหวะ ในยุคนี้มี LP ออกมา 4 ชุดคือ



 


6. Larks' Tongues In Aspic (1973)

น่าจะเป็น LP ที่ยอดเยี่ยมที่สุดในยุคที่ 2 ของวง เพลงที่เด่นที่สุดคือ Easy Money ซึ่ง Wetton ร้องใส่อารมณ์เต็มที่ พอๆ กับการกระตุกสายเบสแบบสุดแรงเกิด พร้อมเสียงเครื่องเคาะจังหวะอันแพรวพราวจาก Jamie Muir ซึ่งเข้ามาร่วมงานเฉพาะใน LP นี้เท่านั้น ใน LP นี้มีเพลงบรรเลง Larks' Tongues In Aspic Two ซึ่งแต่งโดย Fripp คนเดียวและได้กลายเป็นเพลงที่ขาดไม่ได้สำหรับการออกแสดงสดทุกครั้ง แม้แต่ในยุคที่ 3



 


7. Starless And Bible Black (1974)

ชุดนี้เหมือนชุดที่ 2 ของวงที่พยายามเดินตามรอยแผ่นก่อน ซึ่งก็ทำไม่ได้ดีอีกตามเคย แม้หลายเพลงจะฟังดูคิอนข้างหนวกหูเอามากๆ แต่ก็มีเพลงเพราะๆ อยู่ 2 เพลงคือ The Night Watch และเพลงบรรเลง Trio

ข้อสังเกตสำหรับในยุคนี้ จะมีเพลงบรรเลงในแต่ละแผ่นมากกว่าเพลงร้อง ราวกับว่า Fripp กลัวที่ Palmer-James จะมามีอิทธิพลเหนือเขา ดังเช่นที่เป็นไปในสมัยของ Sinfield ส่วนตัว Fripp เองนั้น เขาแต่งเนื้อร้องไม่เป็นเอาเลย ดังจะเห็นได้ชัดในอัลบั้มเดี่ยวของเขาทุกชุด






8. Red (1974)

ใครที่ชอบเพลงมันๆ หนักๆ แบบ Hard Rock ต้องชอบชุดนี้เพราะเสียงเบสและกลองเล่นหนักมาก ในขณะที่เสียงลีดกีตาร์มีการลีดหวานๆ สอดแทรกสลับกันไป เพลงที่สมบูรณ์มากๆ ในชุดนี้คือ One More Red Nightmare และ Starless ซึ่งยากที่จะหาเพลง Rock ใดๆ มาเทียบเท่า และ Fripp ก้ประกาศยุบวงอีกครั้ง



 


9. USA (1975)

บันทึกการแสดงสดจากปี 1974 มีเพลง 21st Century Schizoid Man จาก LP แรกซึ่ง Wetton ร้องได้โหดกว่า Lake มาก ในขณะที่โทนเสียงของทั้ง 2 คล้ายคลึงกันมาก อันนี้อาจเป็นสาเหตุที่ Lake ถูกดึงไปแทน Wetton ชั่วคราวตอน Wetton ลาออกจาก Asia นอกนั้นเป็นเพลงในยุคที่ 2 ซึ่งเล่นได้ดีมากแต่ยังไม่ถึงที่สุด LP ชุดนี้มีเพลงที่ไม่เคยบันทึกเสียงมาก่อนคือ Asbury Park



 

10. The Young Person's Guide To King Crimson (1976)


LP คู่รวมเพลงเอกของวงรวบรวมโดย Fripp จาก LP 6 ชุด ทั้งนี้ไม่มีเพลงจากชุด Lizard มารวมไว้โดยไม่ปรากฏเหตุผล และมีพิเศษอยู่เพลงหนึ่งคือ I Talk To The Wind เพลงหวานๆจาก LP แรก ซึ่งใน LP นี้นักร้องสาว Judy Dyble ซึ่งเคยร่วมงานกับเขาตอนเป็น Giles, Giles & Fripp เป็นผู้ร้องเนื่องจากเพลงนี้เดิมเป็นของ Giles, Giles & Fripp แต่ไม่ทันจะบันทึกเป็นอัลบั้ม ก็แตกกันซะก่อน

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19 มีนาคม 2008 | 09:44:32 PM โดย polotoon » บันทึกการเข้า

.. polotoon ..
The Snow Goose
**********
กระทู้: 18602



ดูรายละเอียด
« ตอบ #54 เมื่อ: 19 มีนาคม 2008 | 09:41:13 PM »

ยุคที่ 3

Adrian Belew เป็นคนแต่งเนื้อร้อง เล่นกีตาร์ และร้องนำ เนื้อร้องหลายเพลงอยู่นอกเหนือความเข้าใจของผู้ฟัง ส่วนดนตรีเป็น Rock ผสม African Beat

Belew มีสไตล์การแต่งเนื้อร้องอยู่ 2 แนวที่แยกได้ชัดคือ ถ้าเป็นเพลงเกี่ยวกับความรักแล้ว เขาจะแต่งออกมาง่ายๆ แต่ถ้าเป็นเพลงเกี่ยวกับเรื่องอื่น จะฟังดูเหมือนการรำพึงรำพันของคนบ้าโรคจิตที่พูดพล่ามด้วยคำแปลกๆ บางทีเขาก็ร้องติดกันยาวเหยียดโดยไม่มีการเว้นช่วงหายใจเลย ส่วนฝีมือกีตาร์ของ Belew นั้นอยู่ในขั้นที่เรียกว่าสุดยอดในวงการ โดยเฉพาะการทำเสียงแปลกๆ จากกีตาร์ เช่นเสียงช้างร้อง ฯลฯ จุดด้อยของ Belew คือ เขาไม่ถนัดด้านแต่งดนตรีเอง สังเกตได้จาก LP เดี่ยวของเขา ที่ทำออกมาจะมีหลายทิศทาง ทำให้ไม่สามารถแสดงความเด่นเฉพาะตัวในการแต่งเนื้อร้องและการเล่นกีตาร์ออกมาได้มากนัก

หลังจากทิ้งช่วงไป 6 ปี เพื่อการแสวงหาวัตถุดิบใหม่ๆ รวมทั้งการฝึกปรือการเล่น Frippertronics ซึ่งเขาคิดขึ้นเอง Fripp ก็กลับมารวบรวมวงขึ้นใหม่โดยมี Bill Bruford ที่เหลือรอดมาจากยุคที่ 2 ส่วนมือเบสหัวล้านนามว่า Tony Levin ก็เป็นนักดนตรีรับจ้าง ซึ่งต้องแบ่งเวลาระหว่างการเป็นนักดนตรีรับจ้างกับการออกแสดงกับ King Crimson






11. Discipline (1981)

เพลงแรกของ LP ชุดนี้เป็นการเปิดตัวแนะนำ Adrian Belew ต่อแฟนเพลง  คือเพลง Elephant Talk เป็นการโชว์ความสามารถทุกด้านของ Belew ในการแต่งเพลง เล่นกีตาร์ และร้องนำ การแต่งเนื้อร้องแบบแหวกแนวของเขามีการเล่นคำอย่างสนุกสนาน และการขุดค้นหาศัพท์แปลกๆ มาใช้ รวมทั้งการเล่นกีตาร์เสียงแปลกๆ โดยเฉพาะการทำเสียงช้างร้องในเพลงนี้ทำให้แฟนเพลงตระหนักว่า Fripp เลือกคนไม่ผิด LP ชุดนี้ยังมีเพลงหวานๆ อย่าง Matte Kudasai และเพลงที่ร้องเป็นภาษาประหลาดอย่าง Thela Hun Ginjeet



 


12. Beat (1982)

ด้วยสมาชิกเดิม และแนวดนตรีแบบเดิม พวกเขาทำ LP ชุดนี้ได้ดีเทียบเท่าชุดก่อน ในเพลง Neurotica ซึ่งเกี่ยวกับ นครที่เต็มไปด้วยสัตว์ป่า Belew แสดงความสามารถในการรวบรวมชื่อสัตว์แปลกๆกว่า 20 ตัว และการร้องติดกันเป็นพรืดโดยไม่หายใจ และเพลง Sartori in Tangier ก็เป็นเพลงบรรเลงที่เล่นได้มันมาก โดยเฉพาะการเดินเบสอันแพรวพราวของ Levin
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19 มีนาคม 2008 | 09:45:01 PM โดย polotoon » บันทึกการเข้า

.. polotoon ..
The Snow Goose
**********
กระทู้: 18602



ดูรายละเอียด
« ตอบ #55 เมื่อ: 19 มีนาคม 2008 | 09:41:34 PM »



13. Three of a  Perfect Pair (1984)

LP ที่ดีที่สุด และเป็นชุดสุดท้ายของ King Crimson ยุคที่ 3 จากชุดนี้มีการตัดเพลง Sleepless ซึ่งมีจังหวะชวนเต้นรำออกเป็น  Single เพลงนี้ยังมีการนำไป Remix ใหม่เป็นแผ่น 12 นิ้สำหรับดิสโก้เธค ซึ่ง Levin เล่นเบสได้มันและโดดเด่นมาก และเพลงที่มีเนื้อร้องโดดเด่นคือการรำพึงรำพันของรถเก่าๆในสุสานรถ ในเพลง Dig Me ขอให้ขุดมันขึ้นไปใช้ใหม่ แทนที่จะฝังมันไว้ ส่วนเพลง Title Track ก้เป็นเพลงที่ Belew แต่งเนื้อร้องได้กวนประสาทและยากที่จะเข้าใจ

นับเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องที่ Fripp ประกาศยุบวง King Crimson หลังจากการออกทัวร์เพื่อสนับสนุนอัลบั้มนี้สิ้นสุดลง นับเป็นการยุบวงหลังจากที่พวกเขาได้ผลิตผลงานที่ดีที่สุดออกมา โดยไม่มีปัญหาเรื่องสมาชิกในวง ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเสียดายสำหรับแฟนเพลงวงนี้อยู่บ้าง เพราะไม่รู้ว่าจะต้องรอไปอีกนานแค่ไหนกว่า Fripp จะกลับมารวบรวมวงขึ้นอีก เพื่อเปิดแนวทางใหม่ๆแก่วงการดนตรี Rock



 


14. The Compact (1986)

LP คู่รวมเพลงเอกจากชุดแรก Red และ 3 ชุดหลัง แฟนเพลงวงนี้ผิดหวังมากที่ไม่เป็น LP แสดงสด อย่างไรก็ดี ก็มีวีดีโอบันทึกการแสดงสดของวงนี้ออกมา 2 ชุดคือ The Noise (1982) และ Three of a  Perfect Pair – Live In Japan (1984) ซึ่งยังไม่เคยเห็นมีให้เช่าดูในเมืองไทย

Fripp คงเห็นว่า ด้วยสมาชิกปัจจุบันขณะนั้น พวกเขาได้บรรลุถึงจุดสุดยอดตามเจตนารมณ์ที่ Fripp มีอยู่ตอนรวบรวมสมาชิกชุดนี้ข้น นั่นคือ ผลงานชั้นยอดจากนักดนตรีชั้นยอด (สมาชิกทั้ง 4 เป็นเซียนเหยียบเมฆในวงการกันทั้งนั้น) จึงไม่มีเหตุผลใดที่จะต้องทำผลงานร่วมกันต่อไปอีก การกลับมาใหม่ของ King Crimson วงใหม่ที่มี Fripp เป็นแกนหลักของวง พร้อมกับนักดนตรีที่ไม่ใช่ชุดนี้ ซึ่งจะกลับมาสร้างสรรค์ และเปิดประตูไปสู่ดนตรีแนวใหม่ที่ Fripp จะเป็นผู้วางรากฐานให้กับวงการดนตรี Rock ต่อไป สิ่งที่เป็นปัญหาอยู่ขณะนี้คือ … จะมีวันนั้นหรือไม่

 


End.

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19 มีนาคม 2008 | 09:45:24 PM โดย polotoon » บันทึกการเข้า

Delirium Demon
Selling England By The Pound
**
เพศ: ชาย
กระทู้: 216



ดูรายละเอียด
« ตอบ #56 เมื่อ: 20 มีนาคม 2008 | 12:45:27 AM »

มีเซนเซอร์บางคำ ยิงฟันยิ้ม
บันทึกการเข้า
.. polotoon ..
The Snow Goose
**********
กระทู้: 18602



ดูรายละเอียด
« ตอบ #57 เมื่อ: 18 กรกฎาคม 2009 | 08:51:39 AM »

น่าสนใจนะครับ  ยิ้มกว้างๆ

King Crimson - Red (CD/DVDA)

King Crimson's classic 1974 album as it should be heard.

CD: Features the original album, plus three extra tracks (stunning pre-overdub trio versions of Red & Fallen Angel and the full version of Providence).

DVD-A: Features the original album in Hi-Res Stereo and a new 5.1 Surround Sound version by Steven Wilson. This also includes the three additional tracks from the CD, plus Journey to the Centre of the Cosmos, available in Hi-Res Stereo. The trio version of Fallen Angel and the full versions of Providence and Journey to the Centre of the Cosmos are also available in 5.1 Surround Sound.

Video footage: Rarely seen footage from French TV from 1974 featuring performances of Larks’ Tongues in Aspic II, The Night Watch, Lament & Starless.

* Containing new sleeve-notes by Robert Fripp and King Crimson biographer Sid Smith.
* Featuring newly designed booklet with rarely seen photos and other archive material.
* Presented in double Digipack format with outer card slipcase.





Andrew Keeling - Musical Guide to In The Court of the Crimson King by King Crimson (Book)

An informative and insightful guide to the mysterious and powerful music of King Crimson.

Generously illustrated with photographs and musical notation diagrams, this is a scholastic yet accessible work.

Andrew Keeling essential guide provides a revealing insight into the complexities of King Crimson's startling debut album, exploring the inner workings of the exquisite machinery of harmony, counterpoint and rhythm that go together to make the iconic masterpiece that is In The Court Of The Crimson King.

"Comprehensive and authoratative." - Sid Smith

"The guide is stunning, an exemplary piece of work. It sets a standard in the field." - Robert Fripp

 
บันทึกการเข้า

TRON
The Snow Goose
**********
เพศ: ชาย
กระทู้: 12866



ดูรายละเอียด
« ตอบ #58 เมื่อ: 18 กรกฎาคม 2009 | 08:58:34 AM »

เคยทราบข่าวมาว่า Steve Wilson แกเสนอตัวทำโปรเจค 5.1 ให้ KC สุดท้ายก็ทำออกมาจริงๆ พี่ตีฟนี่แกบ้า 5.1 มากๆ วงไหนแกรู้จักด้วยนี่ต้องทำ 5.1 ทุกวงเลย สำหรับชุดนี้น่าสนใจครับ น่าจะซื้อนะเพราะผมมันพวกบ้า 5.1 เหมือนกัน  ยิ้มกว้างๆ
บันทึกการเข้า
cocoon
Selling England By The Pound
**
กระทู้: 269



ดูรายละเอียด อีเมล์
« ตอบ #59 เมื่อ: 18 กรกฎาคม 2009 | 11:27:34 AM »

โอวร่ายยาวได้ละเอียดละออดีแท้ครับ วงนี้ฟังจนเลิกฟังจนกลับมาฟังใหม่ หลังๆผมชอบชุด power to believe ครับ ใช้ได้เลย ช่วงที่เลิกฟังไปคือ ชุด vrooooooooom อะไรช่วงนั้นนะสะกดไม่ถูกครับ ชุด Thrak มั้งครับ  ก้ช่วงนั้นเล่นมีนักดนตรีสองชุด สมาชิกเพียบยังกะวงเพื่อนแนะ ก็มีเบื่อๆพร็อกผสมอยู่ด้วยนิดหน่อย
  แต่นับถือตาพริบแกอย่าง แกไม่เคยหมดไฟเลยนะ มีงานมาได้ตลอดสี่สิบปีได้แล้วเนี่ย
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18 กรกฎาคม 2009 | 11:32:37 AM โดย cocoon » บันทึกการเข้า
หน้า: 1 2 3 [4] 5 6 ... 11
พิมพ์
กระโดดไป:  

ThaiProg.net Ver 4.0 by tisanai,Shineon,kongbei
Top 10 Best Sellers in Kindle eBooks Reviewer 2016 Top 10 Best Sellers In Automotive Parts And Accessories Reviewer 2016 Top 10 Best Sellers in Tools and Home Improvement Under $10, Reviewer 2016
Top 10 Best Sellers in Clothing for 2017 Top 10 Best Sellers in Clothing Best Sellers in Clothing
Top 10 Best Sellers in Books reviewer 2017 Top 10 Best Sellers in Books Best Sellers in Books
Top 10 Best Sellers In Best Sellers In Grocery Reviewer 2017 Top 10 Best Sellers In Best Sellers In Grocery Best Sellers In Grocery