ขอแก้ความเข้าใจนิดนึงครับ
SACD มีความละเอียด 1บิทครับ แต่สุ่มความถี่ในการตรวจสอบ 2822.4 kHz หรือ เกือบ 3ล้านครั้งต่อวินาที
(อ่านเพิ่มเติมที่ -->
http://www.extremetech.com/article2/0,2845,1180143,00.asp)
ปฐมเหตุ เกิดจาก การพัฒนาเรื่องเครื่องเสียง ที่รุดหน้า
ทำให้มาตรฐาน redbook 16 bit/44.1 kHz
ถูกฟังออกได้ว่า คุณภาพต่ำเกินไป
คือมนุษย์เรา พัฒนาขึ้นแหละ ว่ากันง่ายๆ
พัฒนาทั้งการรับฟังของตัวเอง และพัฒนาทางเครื่องมือ
ไม่เกี่ยวกับว่า ใครหลอกใครครับ
มันเป็นเรื่องของกาลเวลา
ทางโซนี่+ฟิลลิปส์ เจ้าเก่า จึงคิดระบบ Direct Stream Digital (DSD) ขึ้นมา เพื่อเก็บค่าต๋ง
แต่บริษัทฯ อื่นๆ ไม่ยอมครับ
เห็นว่า มาตราฐาน Mpeg กำลังพัฒนาอยู่ และค่าต๋งก็ไม่มี
และที่สำคัญ มาตรฐาน Mpeg มีอยู่แล้ว ในสายการผลิต ดีวีดี-วิดีโอ
ซึ่งเดิม เข้ารหัสเสียงอยู่ที่ 24 bit / 48 kHz
ก็แค่เบิ้ลไป1เท่า โดยเพิ่มชิพฮาร์ดแวร์นิดเดียว เป็น 24 bit / 96 kHz
หรือ DVD-Audio นั่นเอง
ระหว่างนั้น ออดิโอ-วอร์ ก็เกิดกันไป ตาย หรือร่อแร่กันทั้งคู่ SACD - DVD Audio
ก็มีสงคราม ไฟล์ บีบอัด ขึ้นมาอีกคู่ ระหว่าง MP3 กับ Apple โดยมี ไมโครซอฟท์ ตามมาแหย่ๆ
แต่สิ่งที่กระเทือนวงการ ให้เกิดความตื่นตัวที่สุด น่าจะตอนฟอร์แมท Blu Ray DVD ปะทะ HD-DVD นี่แหละครับ
เพราะ แต่ละค่าย ฟิตซ้อมกันมาอย่างดี
ดูง่ายๆ ว่า ถ้าไม่มี มวยคู่นี้...
ชาตินี้ ผมจะได้ดู ทีวีพลาสม่า ราคาไม่ถึงสองหมื่น ไหมนี่
ตอนนี้ ก็รอ LED 3D ราคาลงต่ำๆ หน่อย คงถอยมาดูหนังการ์ตูนญี่ปุ่น เพลินล่ะ
มาเชียร์เครื่องไฮ-เด็ฟ ครับแต่ยังไม่ลงทุนหรอกครับท่าน (แด็กอะไรหว่า ราคาเป็นแสน ไปซื้อกีต้าร์สวยๆดีกว่าเนอะ)
ก็อย่างที่เคยบอกคุณอั๋นไว้ว่า
ไอ้ผมมันชอบ"น้ำสุดท้าย" ซุปก้นหม้อมันข้นดีครับ ฮิฮิ
ปล. 1 มาสเตอร์ไฟล์ ก่อนอัลบั้ม บราเทอร์ อิน อาร์ม เป็นอนาล็อกเทป ทั้งหมดครับท่านที่รัก
ปล. 2 วงที่เล่นดี แต่เสียงห่วย น่าฟังกว่า วงเล่นห่วย แต่เสียงดี นะครับ (อันนี้ เตือนใจผมคนเดียว
)