งานชุดนี้ผมคิดว่ามันออกแนวชีวิตๆหน่อยนะฮะนี่ เห็นปกเป็นเชือกแล้วมีหยดน้ำตรงปลายแบบนี้แล้ว... สงสัยว่าคอนเซ็ปต์จะออกเป็นแบบ "บั้นปลายชีวิต" อย่างงี้รึ้เปล่า...
ตอบสั้นๆ นะครับ เชือกนี้เป็น "ศรัทธา" ของแก (มีืท่อนหนึ่งในชุดนี้ร้องว่า Jesus is my lifeline)
ตอบยาวๆ บ้าง
ถ้าคนเคยฟังเพลงของ Neal Morse คงรู้ว่าแกเลื่อมใสในพระผู้เป็นเจ้าเป็นอย่างยิ่ง งานเพลงทุกชุดที่ออกมา (เริ่มตั้งแต่ Snow สมัยยังอยู่กับ Spock's Beard) จะมีเนื้อหาที่พูดถึงศรัทธาของแกอย่างรุนแรง งานบางชิ้นก็เว่อร์ไปนะครับ (ชาวคริสต์แท้ๆ ยังตะขิดตะขวงใจเหมือนกัน) แต่บางชุดก็เขียน (เนื้อ + ดนตรี) ได้อย่างมีชั้นเชิงมาก ตัวอย่างเด่นๆ ก็ไล่มาตั้งแต่ Snow แล้วพอยุคงานเดี่ยวก็มี One, ?, แล้วก็ Sola Scriptura (ชุดแรก Testimony มีคนชอบเยอะ แต่ผมว่าแกศาสนาไปนิด แล้วก็ตรงไปตรงมาเกินไป) ทั้งสี่ชุดที่กล่าวมาข้างต้นเขียนได้แบบมีเชิงครับ แล้วก็เป็นคอนเส็ปต์อัลบั้มหมดเลย Snow นี่จะออกมาผสมๆ ระหว่าง The Lamb ของ Genesis กับ Tommy ของ The Who ส่วน One ภาคดนตรีถือว่ายอดเยี่ยมครับ ละเมียดละไมมาก ชุด ? เป็นงานที่ผมชอบที่สุดเพราะทั้งชุดทำเป็น Epic แบบเพลงเดียวร่วม 56 นาที (แต่ซอยเป็น Track สั้นๆ 12 tracks จะได้สะดวกในการฟัง+ขายผ่าน itune) เนื้อเพลงก็ทำได้ละเมียดละไมมาก ดนตรีก็เยี่ยมครับ แล้วได้แขกรับเชิญระดับ Roine Stolt, Jordan Rudess, Steve Hackett, Alan Morse (น้องชายที่ยังอยู่ Spock's Beard) แล้วก็ Kerry Livgren ครับ
ส่วนชุดก่อนหน้านี้ Sola Scriptura เป็นคอนเส็ปต์อัลบั้มเหมือนกัน พูดถึงชีวิตและผลงานของ Martin Luther ที่ประท้วงคริสตจักรในยุคกลางด้วยการคัดลอกบางส่วนจากคัมภีร์ไบเบิ้ลไปแปะหน้าประตูโบสถ์ จนที่สุดถูกตัดสินประหารชีวิต ดนตรีชุดนี้แกทำมาเป็น Progressive Metal ที่หนักมากครับ ออกจะแรงพอๆ กับ DT ด้วยซ้ำ และมี Paul Gilbert มาเล่นกีตาร์รับเชิญบางช่วง
เอ้อ... ลืมบอกไป 2 ข้อครับ 1) แขกรับเชิญประจำของ Neal Morse มี 2 คนนะครับ ได้แก่ Randy George (เบส - เป็นมือกีตาร์และคีย์บอร์ดของวง Ajalon ผมก็ไม่เคยฟังเหมือนกัน) กับ Mike Portnoy 2) งานของ Neal Morse จะมีทั้งเป็น Prog ที่เน้นเนื้อหาด้านศาสนา (เรียกว่า C-Prog) กับงานธรรมดาที่ผสมดนตรี Pop, folk, gospel เนื้อหาเน้นศาสนาเหมือนกัน
ถ้าใครอยากลองฟังก่อน PM บอกนะครับ แต่แนะนำว่าทั้งสี่ชุดที่ว่าน่ะ น่าซื้อหมดเลย