เป้ อารักษ์ “ออโต้อีโรติก” : สลัดสะเลอมาเจอดีแลน มีกึ๋น ไปไกล ไม่กลวง แค่กวนตีนพอหอมปากหอมคอ “กวนตีน”
เป็นความรู้สึกแรก เฉียบพลัน ในทันทีที่ผมได้ฟัง ท่อนฮุค ท่อนฮิต “มาเลย์ มาเลย์” ในเพลง”มาเลเซีย”จากริงโทนมือถือของน้องที่ออฟฟิศ ที่ร้องและเล่นโดยนายเป้ อารักษ์(อารักษ์ อมรศุภศิริ) มือกีตาร์วงสะเลอ พระเอกหนุ่มมลและหน้าจืดผู้มากความสามารถ
ครั้นเมื่อได้ฟังและได้ดู MV เพลงนี้แบบเต็มๆจนจบ อิทธิพลของเพลงมันทำให้ผมอดที่จะนึกถึง บ็อบ ดีแลน(Bob Dylan)ขึ้นมาไม่ได้ แต่ประทานโทษ ตอนนั้นผมไม่คิดหรอกว่านายเป้แกจะตั้งใจทำเพลงออกมาในสไตล์ที่อบอวลไปด้วย อิทธิพลของป๋าบ็อบถึงขนาดนี้
กระทั่งเมื่อได้มีโอกาสฟังเพลงชุด “อารักษ์ : ออโต้อีโรติก” แบบเต็มอัลบั้มและได้อ่านสารที่นายเป้ส่งถึง มันชัดเลยว่างานชุดนี้เขาตั้งใจฉีกหนีความเป็นสะเลอ แล้วใช้อิทธิพลเพลงของป๋าบ็อบทำอัลบั้มนี้มาออกมาในสไตล์โฟล์คดีแลน ที่ต้องยอมรับว่านายคนนี้กล้ามากที่ทำเพลงแบบนี้ออกมา(ในบ้านเรา)
นักวิจารณ์ในโลกไซเบอร์บางคนบอกว่า ถ้านายเป้ไม่มีต้นทุนทางชื่อเสียงหรือพูดง่ายๆว่าไม่เคยดังมาก่อนคงไม่กล้า ทำเพลงแบบนี้ออกมาหรอก เรื่องนี้คำตอบขึ้นอยู่กับความคิดใครความคิดมัน แต่สิ่งสำคัญที่เป้แสดงให้เห็นคือ เขาไม่ได้ทำเพลงแบบป๋าบ็อบออกมาแค่เพียงเปลือกกลวงๆ ด้วยรูปแบบทางดนตรี มีกีตาร์ตีคอร์ดฉึบฉับ มีเม้าท์ออร์แกนเป่าเท่ๆ แล้วให้แฟนคลับมาอวยกันเองว่า พี่เป้ แม่ง...โคตรเจ๋ง โคตรเท่ โคตรอินดี้ โคตรแนว โคตรฉีกเลย โดยที่เนื้อหายังวนเวียนอยู่กับความรักน้ำเน่าชวนเลี่ยนเอียนอ๊วกอย่างเพลง ส่วนสมัยนิยมใหญ่ในยุคนี้
หากแต่งานนี้นายเป้กล้าที่จะนำเสนอเนื้อหาสะท้อนเรื่องราวความจริง ความรัก(ในแบบของเขา) ปัญหา สาระ แง่มุมชีวิต และเรื่องที่สังคมมองข้าม ในวิถีความเป็นสังคมเมืองมาถ่ายทอดแบบมีกึ๋นผ่านการเล่าเรื่องด้วยเพลงใน สไตล์โฟล์คดีแลน ผสม เป้ อารักษ์ ที่มีทั้ง เศร้า ดิบ ตรงไปตรงมา เสียดสี และกวนตีน
“ออโต้อีโรติก” ชื่อนี้ในนิยามสาธารณะหมายถึงพฤติกรรมการเร้าอารมณ์ทางเพศของตัวเอง ในขณะที่การตีความออกมาเป็นชื่ออัลบั้มออโต้อีโรติกของนายเป้นั้น เขาบอกว่ามาจากการกระทำที่(เขา)ทุ่มเทกับอะไรบางอย่างมากนั่นเอง
อัลบั้มนี้มีเพลงมากถึง 15 เพลง มีเพลงเด่นๆที่ฟังแล้วต้องยกนิ้วให้อยู่หลายเพลงด้วยกัน ประเดิมด้วย เพลงแรก“ดอกไม้ตูม”ขึ้นต้นมาด้วยเสียงร้องคลอกับกีตาร์เกาเร็วๆแต่ไม่คัน ก่อนเข้าสู่ภาคเนื้อร้องสอดประสานกับการตีคอร์ดฉึบฉับๆ เป้พูดถึงน้องนางดอกไม้ตูมเมืองอุดรฯอายุ 17 ปี ที่ต้องการไปเมืองหลวงเป็นพริตตี้ เพื่อไต่เต้าหรือใช้เต้าไต่(กับบางคน)ผลักดันตัวเองเข้าสู่วงการ เป็นดารา ทั้งที่จริงควรเรียนให้จบก่อน มิฉะนั้นดอกไม้ตูมจะกลายเป็นดอกไม้บานก่อนกำหนด แล้วดอกไม้บานก่อนกำหนดก็จะกลายเป็นดอกไม้บวม และดอกไม้ยาน ดอกไม้เหี่ยว ก่อนวัยและเวลาอันควร
“เต้น” เป็นเพลงต่อไป ขึ้นต้นมาด้วยเสียงกีตาร์สไตล์คันทรี ตามต่อด้วยเสียงโซโลเมาท์ออร์แกนสั้น ส่งนำเข้าสู่เนื้อเพลงที่เล่าเรื่องราวของหนุ่มออฟฟิศผู้เซ็งกับการงาน แต่บังเอิญโชคดีที่มีน้องฝึกงานมาสร้างความกระชุ่มกระชวย และเขาก็ไปเที่ยวเต้นด้วยกัน เพื่อผ่อนคลายความเซ้งความเครียดจากการทำงาน
เต้น เป็นเรื่องราวชีวิตปกติของมนุษย์ออฟฟิศ มนุษย์เงินเดือนทั่วไป แต่เป้มีวิธีการเขียนเพลงที่ชวนให้คิด(ลึก)ไม่น้อย โดยเฉพาะในท่อนนี้ “...ฉันอยากให้เธอมาเต้นกับฉัน มายืนข้างกันเอากระดูกชนกัน ให้ผิวหนังมันรวมตัวกันก่อนจะแตกสลาย...” ในขณะที่กึ๋นในเพลงนั้น เป้แฝงไว้กับลูกเสียดสีที่สะท้อนความจริงบางประการของสังคมไทยด้วย “...ฉันขยันหวังจะเจริญ แต่ดันเกิดมาใช้ลิ้นไม่เป็น ไอ้คนที่ได้ขึ้นเงินเดือน คือคนที่เลียเก่งเท่านั้น...” เป็นไงล่ะ โดน โด๊น โดนมั๊ย พนักงานออฟฟิศเลียไม่เป็นทั้งหลาย
ต่อมาเป็นเพลง“มาเลเซีย” เพลงที่หลายคนคาดไม่ถึงว่ามันจะฮิตแต่มันก็ฮิตไปแล้ว สำหรับเพลงนี้จะว่าไป เนื้อหาฟังดูอ่อนด้อยทุกสุดในอัลบั้มนี้ แต่ด้วยความที่เนื้อร้องมีท่วงทำนอง(เมโลดี้)ชัดมากที่สุดในชุด แถมยังมีท่อนฮุคเก๋ๆ “มาเลย์ มาเลย์“ กับเนื้อร้องชิลล์ ชิลล์ ง่ายๆ ไม่ต้องคิดมาก ผสมวิธีการร้องกวนตีนๆของเป้ มันกลายเป็นความแปลกใหม่ที่ทำให้เพลงนี้โด่งดังเหนือความคาดหมาย และทำให้ใครหลายๆคนเลือกซื้อชุดออโต้อีโรติกเพราะเพลงนี้
จากนั้นเป็นเพลง “ชิงช้าสวรรค์” กับรักเบาๆฟังง่ายๆ แล้วต่อด้วย“แขวนอยู่บนเส้นด้าย” เป็นการมองโลกในแง่ร้ายแบบตรงๆง่ายๆแฝงถ้อยคำเสียดสีอย่างร้ายกาจ แต่น่าฟังด้วยดนตรีสนุกๆผสมเนื้อร้องกวนๆมันๆพูดถึงชีวิตที่ไม่ปลอดภัยใน เมืองหลวงทั้งจากอุบัติเหตุและโรคภัยไข้เจ็บ แถมด้วยการเล่นคำสัมผัส“สระอี” ไม่ว่าจะเป็น
“...จะเดินผ่านม็อบที่ตีกันอยู่จะไปขี้ กลับโดนลูกหลงเข้าปลายจมูก ฟื้นที่ราชวิถี...”-“...น้องสาวคนนึงก่อนเข้าวงการนมแบบเหมือนแอลซีดี แต่พอวันนึงนมมันตู้มกลายเป็นคัพอี...”-“...มีเงินหลายล้าน มีลูกชายหล่อ เขาเรียกว่าเศรษฐี แต่วันนึงมาเสือกโกง โดนห้ามเข้าประเทศ กลายเป็นยิปซี...” หรือกับท่อนจบที่สุดกวน(ตีน) อย่าง “...หน้าใสๆปากแดงๆ อินเทรนด์เป็นเกาหลี แต่ถึงวันนึงมันต้องเหี่ยวย่นระเบิดเหมือนรู...ฉี่...” โอ้ว ฟังเพลงนี้แล้วมันดี๊ดี
ถัดมาเป็น“บ้านนอก” เป็นการรำพึงรำพันของคนเมืองที่วิถีชนบทที่นับว่านับมายิ่งเหลือน้อยลงเต็ม ที เคล้าคลอไปกับดนตรีฟังสบายๆมีเมาท์ออร์แกนเป็นตัวเดินทำนอง
“เจ้าเด็กน้อย” เพลงที่ร้องถามเด็กๆบางคนแต่สะเทือนไปถึงนายกรัฐมนตรี เพราะมันสะท้อนถึงวิธีคิดของพ่อแม่ส่วนใหญ่ในยุคนี้อันส่งผลไปถึงเด็กๆ เยาวชน ซึ่งเด็กบางคนอยากเป็นเหมือนคนโน้นคนนี้ ก่อนที่เป้จะทิ้งความคลี่คลายไว้ในท่อนจบของเพลง ส่วนเพลง“สิ่งสวยงามมักจะอยู่ไกลออกไป” บอกชัดว่า ไม่ว่าสิ่งของหรือคน เมื่อมองใกล้ มองละเอียด มองแบบหาจุดบกพร่อง ย่อมจะพบตำหนิ เพราะสิ่งสวยงามมักจะอยู่ไกลออกไป
จากนั้นเป็น“ซาดิสม์” เพลงที่มันที่สุดในชุดนี้ โดยเฉพาะกับกีตาร์เล่นได้มันมาก ทั้งการตีคอร์ดอย่างหนาแน่น เล่นสไลด์อย่างไหลลื่น และลูกโซโลท่อนกลางดุดันสุดมัน ส่วนเนื้อเพลงนั้นไม่มีอะไรมากพูดถึงเธอ(ใครไม่รู้ ต้องไปถามเป้เอาเอง)ว่า เธอมันไอ้บ้า ไอ้ซาดิสม์
แล้วต่อด้วยเพลง“นอน” ฟังสบายๆแต่ไม่ชวนง่วงนอน “อดีต”ที่ว่าด้วยเรื่องราวความเป็นจริงของชีวิต ตั้งแต่เด็กจนแก่ ที่ใครฟังแล้วอาจจะเกิดอารมณ์โหยหาอดีตขึ้นมาอย่างยากจะหลีกเลี่ยง ก่อนต่อด้วยเพลง“ไม่รู้” เพลงจังหวะสนุกที่เล่าร้องแบบไม่รู้ ได้อย่างกวน(ตีน)ไม่น้อยเลย ไม่ว่าจะเป็น “...กระเป๋าที่น้องถือมามันเป็นของปลอมซื้อมา 20,000 วอน เราก็ไม่รู้,อาซ้ออาเสี่ย เลข 7 หรือเลข 5 เราก็ไม่รู้,ทำไมคนยิงสนธิถึงลอยนวลไป เค้าใส่พระอะไร เราก็ไม่รู้...”
เพลงนี้เมื่อฟังจบแล้ว สรุปว่า“ไม่รู้” รู้แต่ว่านายเป้แกหยิบข่าวเอามาร้อยเป็นเพลงได้ดีทีเดียว แต่กระนั้นก็ไม่รู้ว่าแกตกข่าวนี้ไปหรือเปล่า “...สาวสวยตาคมผมสั้น เธอทิ้งสะเลอไปเจอสแลมอย่างไร เราก็ไม่รู้...”
จากนั้นเป็น“ปากกาอันทรงพลัง” ที่เนื้อร้องฟังไม่รู้เรื่อง เพราะเป็นการอัดแบบให้เสียงจมหาย ฟังเบลอๆหลอนๆ ต้องดูเนื้อร้องประกอบจะเห็นว่านายเป้พูดถึงบรรดานักวิจารณ์และสื่อทั้งหลาย แบบมีแอบด่าในบางคน แต่ไม่รู้ทำไมแกถึงไม่ร้องออกมาแบบเต็มๆให้ฟังกันชัดๆ หรือมองว่าพวกนี้เป็นเทพเลยต้องส่งสารถึงกันด้วยภาษาเทพเหมือนกัน
ต่อมาเป็น “กระสุนปืน” ที่มีการแอบอิงกับเหตุการณ์ป่วนบ้านป่วนเมืองที่ผ่านมา แต่เป็นการบอกอย่างคลุมเครือ เพียงให้รู้ว่ากระสุนปืน เมื่อลั่นปังถูกจุดสำคัญก็ตายสถานเดียว
และสุดท้ายกับเพลง “ฉันจะคิดถึงเธอ” ในอารมณ์ สะทกสะท้อนความเป็นตัวเองออกมาปิดท้ายอัลบั้มกันแบบเหงาๆ เศร้าๆ กับอัลบั้มเพลงที่ยาวมาก เพราะมีถึง 15 เพลง ซึ่งถ้าใครไม่คุ้นกับเพลงบ็อบ ดีแลน อาจจะงงว่านายเป้แกกำลังทำอะไรอยู่นี่
ส่วนบางคนที่คิดว่าจะได้ฟังเพลงในแบบสะเลอหรือเพลงป็อบหวานๆอ้อนสาวอาจทนฟัง ไม่ได้ ขณะที่บางคนอาจเลิกฟัง(ไปเลย)เพราะอึ้งกับเสียงร้องและการร้องเพลงของนายเป้ ดังที่นักวิจารณ์เรื่อยเปื่อยในโลกไซเบอร์บางคน รับไม่ได้กับเสียงร้องของเป้ที่บอกว่าทั้งเสียงไม่ดีและร้องเพลงไม่ดีเลย
แต่หากใครได้รับรู้คอนเซ็ปต์ในการทำอัลบั้มชุดนี้ของเขาว่าได้รับอิทธิพล หนักๆมาจากป๋าบ็อบ ดังนั้นผมเชื่อโดยบริสุทธิ์ใจว่า เป้เขาตั้งใจร้องเพลงออกมาในสไตล์นี้(เพื่อให้คล้ายบ็อบ ดีแลนร้องเพลง)ส่วนเรื่องเสียงไม่ดีนั้นเป็นเรื่องธรรมชาติ ซึ่งที่ผ่านมามีคนเสียงไม่ดีแต่ร้องเพลงออกมาดีอยู่มากมาย
อย่างไรก็ตามในเรื่องของการร้องนั้น มีอยู่ 3-4 เพลงเป็นไปในลักษณะ เล่าเพลงหรือร้องพร่ำบ่นคลอเสียงกีตาร์แบบคลำหาทำนองหลักค่อนข้างยาก ฟังแล้วมันคล้ายๆกัน ทำให้ฟังไม่ค่อยเนียนเท่าไร
แต่ถึงกระนั้นไม่ว่านายเป้จะร้องเพลงชุดนี้ออกมาอย่างไร ร้องออกมาเหมือนบ่น เหมือนท่อง เหมือนเพ้อ แต่เขาร้องด้วยเสียงภาษาไทยที่ชัด ฟังไทยเป็นไทย ไม่กระแดะเหมือนนักร้องสมัยใหม่หลายๆคนที่ร้องภาษาไทยให้เป็นฝรั่งบ้าง เป็นเกาหลีบ้าง
ในขณะที่การเขียนเนื้อร้องนั้น แม้หลายๆเพลงจะฟังไม่ค่อยลงตัว ไม่ค่อยรื่นหู แต่ด้วยเนื้อหาที่เข้าใจเลือกหยิบประเด็นมานำเสนออย่างมีกึ๋น มีลูกเล่น และลูกกวนตีน มันก็ทำให้มือกีตาร์วงสะเลอและพระเอกผู้มากความสามารถคนนี้ไปไกลกว่าที่คิด แถมยังเป็นการไปไกลแบบมีอนาคตไม่ใช่ไปไกลแบบกู่ไม่กลับแต่อย่างใด
...
------------------------------------------------------------ที่มาจาก เวปผู้จัดการ ไม่อยากเอาลิงค์มาให้ เพราะไม่ชอบกระทู้วิจารณ์ด้านล่างของเวปนี้
------------------------------------------------------------ลองฟังดูแล้วครับ ก็เป็นไปตามคาด เป้ร้องได้แบบอย่างที่คิด เนื้อร้องแทบจะเป็นกลอนเปล่า ไม่มีสัมผัสสวยๆ เนื้อเพลงไม่มีความไพเราะ กีตาร์ไม่มีอะไรพิเศษ
แต่ว่าเสียงร้อง เหมือนพูด-บ่น กีตาร์โปร่งคู่เมาท์ออแกน เนื้อเพลงหยิบจับเรื่องเบาๆหนักๆรอบตัว ทำให้ผมนึกถึงตัวเองตอนเรียนมหาลัยไว้ผมยาว นุ่งยีนส์ขาดๆ ด้นสดกีตาร์กับเพื่อน ขึ้นมาอีกครั้งครับ
ปล. ชุดนี้ทำปกเป็นมินิแอลพีแถมมีโอบิด้วยครับ