ในฐานะที่ได้ไปดูมาขอเล่าสู่กันฟังตามสไตล์ผมอีกครั้งครับ
-----------------------------------------------
วันเสาร์ที่ ๑๙ กันยายน ๒๕๕๒ด้วยความอยากที่จะชมคอนเสิร์ตครั้งนี้มากด้วยปุจฉาส่วนตัว ๒ ประการ จึงฝ่าลมฟ้าพายุฝนปนน้ำท่วมกรุงให้ใจชวนขาตัวเองไปเซ็นทรัลเวิร์ลแทนที่จะนอนอยู่บ้านในสภาวะอากาศที่เลวร้ายเช่นนี้
ปุจฉาแรก : ผมไม่เคยเห็น พี่ "ตุ๊ก บราสเซอรี่" เล่นดนตรีก่อนพระอาทิตย์ตกดินสักครั้ง อยากรู้เหมือนกันว่าเวลาที่แกเล่นกีตาร์ในเวลาย่ำสนธยาอย่างสี่โมงกว่าๆ บวกกับสถานที่ที่ไม่ใช่แหล่งเริงอภิรมย์ อารมณ์บูลส์กรึ่มๆที่สัมผัสประจำนั้นจะมาหรือไม่
อีกอย่าง ถวิลหามหรสพทางดนตรีครับ เนื่องจากไม่ได้ดูดนตรีสดดีๆมานานมากแล้ว
ปุจฉาที่ ๒ : อยากรู้มานานแล้วว่าไอ้ TK park อุทยานการเรียนรู้นี่มันมีดีอะไร ไปเซ็นทรัลเวิร์ดก็บ่อยแต่ไม่เคยเข้าไปสักที
ปุจฉาสุดท้ายได้รับการเฉลยก่อนครับ การที่จะเข้าไปต้องมีบัตรผ่านประตู ซึ่งเป็นสมาชิก ๒๐๐ บาท หากชั่วคราวแค่วันเดียวก็ ๒๐ บาท ภายในมีสื่อการเรียนรู้มากมาย โดยมากเป็นของเด็กๆ แต่ที่เด็ดสุดๆครับคือห้องดนตรี มีหนังสือดนตรีดีๆมากมาย ใครที่ชอบอ่านประวัติวงดนตรีหรือหาข้อมูลทางดนตรีแล้วทำตาปริบๆกับราคาหนังสือเมืองนอกคุณภาพเยี่ยมที่แสนแพง เชิญที่นี่เลยครับ ผมเห็นมีประวัติ สี่เต่าทอง โรลลิ่งสโตน จิมมี่ เฮนดริกซ์ ประวัติดนตรีแจ๊ส, บูลส์ ฯลฯ ไม่ต้องไปยืนอ่านฟรีตามร้านหนังสือใหญ่ๆให้คนขายมองตาขวาง รวมทั้งมีคอมพิวเตอร์ทำฐานข้อมูลให้ศึกษาข้อมูลทางดนตรีเบื้องต้นได้อย่างน่าสนใจ ภายในห้องนั้นยังมีนักดนตรีสมัครเล่นแวะเวียนมาเล่นเพลงให้ท่านฟังเรื่อยๆ เพราะมีเครื่องดนตรีอย่างเปียโน ไวโอลีน กีตาร์ให้หยิบยืมเล่น ไม่น่าเชื่อใช่ไหมล่ะ
สี่โมงห้าสิบก็ตาลีตาเหลือกเข้าห้องที่จะแสดง ผมลงทะเบียนต่อจาก คุณเรียวตะ ซูซูกิ นักเขียนในหนังสืออะเดย์ เป็นหนุ่มร่างใหญ่ทีเดียว แกลงชื่อเป็นภาษาไทยเสียด้วย เผลอแป๊ปเดียวเดินหายไปไหนแล้วว่าจะทักสักหน่อย
ห้องที่จัดแสดงไม่เล็กไม่ใหญ่มากครับ ผมว่ากำลังดี ซึ่งน่าจะจุคนดูไม่เกินร้อยกว่าคน แม้คนยังไม่เต็มแต่รอไม่นานพิธีการก็เริ่ม โดยมีพิธีกรอย่างคุณอารี แท่นคำเป็นตัวชูโรง มีการฉายภาพงานครั้งก่อนๆด้วย ผมก็เพิ่งรู้ว่าที่นี่จัดคอนเสิร์ตดีๆมาหลายครั้งแล้ว คราวหน้าต้องติดตามข่าวอย่างใกล้ชิดแล้ว อย่างต้นเดือนที่ผ่านมา "ป๊อป เดอะซัน" รุ่นพี่ ม.ช. อีกท่านก็เพิ่งมาเล่นที่นี่ เพราะว่าเดือนนี้ที่นี่กำลังจัดธีมแห่งการเรียนรู้เรื่องดนตรีร็อค เรียงมาจาก เฮฟวี่, พังค์ คราวนี้บูลส์ คราวหน้าร็อคสะเดิด (มันไปด้วยกันได้ไงเนี่ย) โดยมีการกล่าวแนะนำประวัติดนตรีบูลส์และประวัติพี่ตุ๊กพอสมควร
หลังอารัมภบทจบ พี่ตุ๊กขึ้นมาแล้วครับ ไลน์อัพคุ้นตาจากเชียงใหม่เลย ยกเว้นมือเบสที่ทราบภายหลังว่าเพิ่งเข้ามาร่วมวงได้ไม่นาน
"White Room" จากคณะ
"Cream" เป็นเพลงแรกที่ถูกเลือก เพลงแรกก็ต้องบอกว่าโดนรับน้องแล้วครับ เนื่องจากกีตาร์พี่ตุ๊กเกิดงอแงเสียงไม่ดังขึ้นมาซะงั้น แต่แกก็เอาตัวรอดไปได้ ร้องไป เสียบ-ถอดแจ็คกีตาร์ หมุนนั่นปรับนี่อยู่นานกว่าจะกลับมาได้ เล่นเอาต้องลุ้นตัวโก่งเอาใจช่วยอยู่พักนึงทีเดียว พอเข้าที่เข้าทาง แกปล่อยของกระจาย ซึ่งเพลงนี้พี่ตุ๊กเล่น Wah wah ได้มันมากครับ ก่อนต่อด้วย
"Sunshine of your love" ซึ่งมาดุเหลือเกิน ตอนนี้ทางวงเครื่องเริ่มติดแล้วก็อัดอิมโพรไวซ์สลับกันยาวเหยียดเรียกเสียงปรบมือได้อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะโซโล่กลองอีกชุดใหญ่ จากมือกลองคุ้นหน้าคุ้นตากันดีจากวงร็อคดรีมทีมของ อ. ปราชญ์นั่นเอง ตอนนี้คนเริ่มทยอยกันเข้ามาจนห้องแน่นไปหมด รวมทั้งกระจายกันไปด้านข้างเวทีด้วย ปุจฉาแรกจึงคลี่คลายแล้วเนื่องจากวันนี้ทางวงเต็มที่ทุกคนครับแม้จะไม่มีแอลกอฮอล์เจือปนในกระแสโลหิตและคนดูส่วนใหญ่จะนั่งกอดอกดูกันเฉยๆก็ตาม (ฮา..)
จบเพลงนี้ก็มีสัมภาษณ์เส้นทางดนตรีของพี่ตุ๊กที่เคยไปทัวร์ในต่างแดน ก่อนเกริ่นเข้าช่วงการแสดงต่อที่พี่ตุ๊กกล่าวติดตลกว่าเป็นการรำลึกถึงมนุษย์ต่างดาวที่ชื่อว่า
"Jimi Hendrix" กับ
"Hey Joe" ตามด้วยเพลงช้าคุ้นหูอย่าง
"The Wind Cries Mary" ก่อนที่จะต่อด้วยเพลงสนุกๆที่เมื่อไรไปที่ร้าน "บราสเซอรี่" ต้องได้ฟังอยู่เป็นนิจอย่าง
"Foxy Lady" ซึ่งแกก็เล่นเสียงกีตาร์หอนกับแอมป์ได้อร่อยเหาะเหลือเกิน ก่อนจะปิดท้ายช่วงนี้ด้วยเพลงที่ผมชอบที่สุดของเฮนดริกซ์อย่าง
"Little Wing" โดยเพลงนี้โซโล่คีย์บอร์ดแบบวินเทจได้งามงด ก่อนที่พี่ตุ๊กจะรับช่วงต่อด้วยสไลด์กีตาร์ที่หวีดหวิวและล่องลอย ราวจะส่งไปให้ถึงเฮนดริกซ์ที่อยู่เบื้องบน
ถัดก็เป็นช่วงตอบคำถามชิงรางวัล ลองตอบคำถามดูเล่นๆนะครับ
๑. จิมมี่ เฮนดริกซ์มีชื่อกลางว่าอะไร
๒. จิมมี่ เฮนดริกซ์เกิดเมื่อไร
๓. คณะ
"The Yard Bird" มีกีตาร์ฮีโร่เชิดชูวงการผลัดเปลี่ยนไปมาอยู่ ๓ ท่าน มีใครกันบ้าง
ปล. ผมไม่ได้ยกมือตอบนะ ไปคนเดียวมันเขินน่ะ
จบช่วงนี้พี่ตุ๊กกลับขึ้นเวทีอีกครั้ง ด้วยพิธีกรกล่าวถึงเสียงร่ำลือของหงา คาราวานถึงฝีมือการเล่นกีตาร์โปร่งที่ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน พี่ตุ๊กไม่ว่าอะไรแต่หยิบยกงานบูลส์ชั้นครูอย่าง
"I Believe I'll Dust My Broom" ของ
"Robert Johnson" มาให้ฟังกันได้อย่างสุดยอด ก่อนที่จะลุกขึ้นมาหยิบกีตาร์ไฟฟ้าอีกครั้ง ไม่พูดพล่ามแต่ทำเพลงที่กล่าวว่าจะเล่นเป็นเพลงสุดท้ายอย่าง
"Layla" ของ
"The Derek and the Dominos" ซึ่งเล่นเอาผมลุ้นอยู่นานว่าจะเล่นจนจบเหมือนฉบับเต็มหรือไม่ (ผมชอบฟังฉบับเต็ม แต่หลายครั้งคนที่เอาไปเล่นสดชอบตัดท่อนบรรเลงตอนจบออก) ซึ่งทางวงไม่ทำให้ผิดหวัง เล่นเวอร์ชันเต็มสมใจอยาก เรียกเสียงปรบมือได้อย่างกึกก้อง
เพลงนี้จบก็ได้เวลาทางวงเก็บของหนีครับ เนื่องจากจริงๆมีงานต่อในช่วงสามทุ่มกว่าๆที่ร็อคผับ แต่มาถึงนี่มีรึจะปล่อยลงไปกันง่ายๆ แฟนๆจึงขออังกอร์กันอีกเพลง ซึ่งเพลงที่เล่นปิดท้ายในวันนี้ก็คือ
"Jessica" ของ
"The Allmans Brother's band" ที่ Unison ท่อนริฟท์กันทั้งคีย์บอร์ดและกีตาร์สองตัวได้อย่างสนุก ยิ่งเพลงนี้มีที่ให้เติมคำในช่องว่างอย่างอิสระ แต่ละคนจึงโชว์ของกันอย่างเต็มที่ ผลัดกันรุกกันรับอย่างเมามัน เล่นเอามีความสุขกันถ้วนหน้าทั้งคนเล่นและคนดู ถือเป็นเพลงปิดได้อย่างสมศักดิ์ศรี หลังจบเพลงนี้ งานเลี้ยงก็ได้เวลาเลิกรา สำหรับผมแล้วคอนเสิร์ตในวันนี้ถือว่า "หายอยาก" อาการเสพติดดนตรีบูลส์สดๆดีๆ ด้วย Set list เพลงที่สุดยอดแบบนี้ มันหาดูได้ยากในเมืองใหญ่อย่างกรุงเทพเหมือนกัน ซึ่งหาก TK Park หวังที่จะหาวิทยากรที่นำเสนอเพลงบูลส์ได้ถึงขนาด ผมว่าวันนี้ TK Park เลือกได้ถูกต้องแล้วกับเวลาแค่สองชั่วโมง แต่ได้ทำความรู้จักกับเพลงบูลส์ร็อคชั้นครูหลายยุคหลายสมัยแบบนี้ถือว่าบรรลุตามจุดประสงค์แล้วครับ
ขอขอบคุณ TK park อุทยานการเรียนรู้ที่จัดกิจกรรมดีๆให้ได้ดูกัน ไว้คราวหน้ามีงานคอนเสิร์ตดีๆอย่างนี้อีกจะแวะมาเยี่ยมอีกครั้งครับ
"เดอะตุ๊ก บราสเซอรี่" กีตาร์ฮีโร่แห่งล้านนา หรือ จิมมี่ เฮนดริกซ์แห่งลุ่มแม่น้ำปิง