Thai Progressive Rock Community

เดิมได้เขียนแนะนำผลงานที่น่าสนใจของ Eloy ทั้งสิบชุดไว้ในบอร์ดเก่า แต่ข้อมูลเดิมไม่ได้สูญหายไปไหน และจะนำมารวบรวมไว้ในหัวข้อนี้ต่อไปครับ

Title: Inside (1973, LP EMI Electrola 1C 062-29 479 D Made in Germany)
 
Track Listing: Land Of Nobody; Inside; Future City; Up And Down
 
Musicians: Frank Bornemann (guitar, vocals, percussions); Manfred Wieczorke (organ, guitar, vocals, percussion); Wolfgang Stocker (bass); Fritz Randow (drums, percussion, acoustic guitar, flute)

Personal Rating: ***1/2

เริ่มจากผลงานชุด Inside (1973) ซึ่งเป็นงานเก่าที่สุดที่ผมได้ฟัง ทั้ง ๆ ที่จริงแล้วก่อนหน้านี้ Eloy ได้ออกอัลบั้มแรกคือ Eloy ซึ่งเป็นแนวฮาร์ดร็อค/ไซคิเดลิค แต่ความเป็น progressive ที่แท้จริงเริ่มฉายแววจากชุด Inside นี้ หลังจากที่มีการปรับเปลี่ยนสมาชิกบางคนในวง และแกนนำของวง คือ Frank Bornemann (guitar/lead vocals) ได้เข้ามารับหน้าที่ร้องนำเต็มสูบ อัลบั้มชุดนี้มีเพลงทั้งหมดสี่เพลง ได้แก่ Land Of Nobody ซึ่งมีความยาวเต็มหน้าแรกของแผ่นไวนิล, Inside, Future City และ Up And Down ดนตรีเป็นแนว heavy progressive rock ในแบบฉบับของต้นยุคปี 70 และเสียงร้องตลอดจนภาคดนตรีบางส่วนได้รับอิทธิพลจากดนตรีของ Jethro Tull (เข้าใจว่าน่าจะมาจากความฮ็อตของอัลบั้ม Thick As A Brick) ภาคคีย์บอร์ดใช้ hammond organ เล่นโดยฝีมือของ Manfred Wieczorke (guitar/keyboard) และสามารถริฟฟ์และโซโลได้มันถึงใจมาก เพลงยาว Land Of Nobody เป็นเพลงระดับอีพิคที่มีหลายรสชาติในเพลงเดียวกัน ทั้งช้า เร็ว หนักหน่วง และลึกลับดำมืด ดูเหมือน Frank Bornemann จะพยายามลอกเลียนสไตล์เสียงร้องของ Ian Anderson แห่ง JT เพลงไทเทิลแทร็ค Inside มีท่อนบรรเลงและโซโลออร์แกนที่ดิบและมันมาก ในอดีตเพลงนี้ได้รับการเปิดออกอากาศบ่อยในรายการวิทยุ Top Teen Talent เพลง Future City เน้นดนตรีไปในแบบอะคูสติก มีเสียงเพอร์คัสชั่นที่แพรวพราวและการดวลกันอย่างมันหยดของกีตาร์สองตัวในช่วงกลางเพลง และปิดฉากด้วยเพลงสุดท้าย Up And Down ซึ่งมีเสียงร้องออกไปในทางไซคิเดลิคและมีเนื้อหาที่คิดว่าจะเกี่ยวกับประเด็นทางการเมืองในยุคนั้น โดยสรุป Inside ถือเป็นอัลบั้มระดับแลนด์มาร์คของ Eloy ในการที่จะก้าวไปสู่ความเป็นวงดนตรี progressive rock ชั้นนำของเยอรมนีและของโลกในเวลาต่อมา

(http://i321.photobucket.com/albums/nn367/paiboonp/022.jpg)

Title: Floating (1974, LP EMI Electrola 1C 064-29 51 Made in Germany)
 
Track Listing: Floating; The Light From Deep Darkness; Castle In The Air; Plastic Girl; Madhouse
 
Musicians: Frank Bornemann (guitar, vocals); Manfred Wieczorke (organ, guitar); Luitjen Janssen (bass); Fritz Randow (drums)

Personal Rating: ***1/2

Floating (1974) เป็นผลงานที่เปรียบเสมือนอัลบั้มคู่แฝดของ Inside ความดิบและหนักหน่วงในสไตล์เฮฟวี่โพรเกรสสีฟว์ยังมีให้ได้ยินเฉกเช่นอัลบั้มชุดก่อน แต่ในอัลบั้ม Flaoting นี้ได้ลดทอนภาคเนื้อร้องลงไป และเน้นการแจมดนตรีเป็นหลัก ภาคคีย์บอร์ดส่วนใหญ่ยังคงใช้ hammond organ อยู่ และโชว์ทักษะการเล่นและสีสันแพรวพราวมากกว่าชุดก่อน เพลงเปิดชุดนี้คือ ไทเทิลแทร็ค Floating ซึ่งเริ่มต้นก็ได้ยินเสียงแผดกระหน่ำอันนำไปสู่การร่วมแจมอย่างเมามันของเครื่องดนตรีทุกชิ้น เพลงนี้เป็นเพลงบรรเลงสั้น ๆ ไม่ยาวมากและเล่นได้จังหวะจะโคนกระชับดีมาก, เพลง The Light From Deep Darkness มีความยาวประมาณ 14 นาทีกว่า อาจถือได้ว่าเป็น highlight ของงานชุดนี้ เมื่อได้ยินเสียงออร์แกนเริ่มต้นเพลงนี้ก็ให้นึกถึงดนตรีร็อคในแบบฉบับต้นทศวรรษที่ 70 แล้ว ดนตรีจะเริ่มจากความอ่อนเบาในช่วงแรกเพื่อไปสู่ความหนักหน่วงในแบบฉบับเฮฟวี่แทบจะตลอดทั้งเพลง โดยมีเสียงออร์แกนบรรเลงคลออย่างยอดเยี่ยม, เพลง Castle In The Air มีท่อนร้องสั้น ๆ คล้ายเสียงพูดมากกว่า ในส่วนที่เหลือเป็นการดวลและแจมดนตรีอันสุดมัน เพลงนี้ใช้กีตาร์เล่นสองตัว, เพลง Plastic Girl กลับไปสู่ความเป็น psychedelic อีกครั้ง แต่เพลงนี้พิเศษตรงที่เริ่มมีการนำเอา moog synthesizer มาเล่นหยอดไว้ในเพลงด้วย (ซึ่งจะพบว่าเสียง moog จะมีบทบาทในอัลบั้มชุดต่อไปของ Eloy) และเพลงปิดท้าย Madhouse ยังคงความเป็น heavy prog ที่เข้มข้น มันสะใจ ใส่กันไม่ยั้ง ฟังดี ๆ จะได้ยินองค์ประกอบดนตรีที่เป็นเอกลักษณ์ของ Jethro Tull และ Uriah Heep แฝงมาด้วย นักวิจารณ์หลายคนมองว่าผลงานชุดนี้อ่อนด้อยกว่า Inside และเดินตามรอยชุด Inside จนแทบจะเรียกได้ว่าเป็นงานคู่แฝดกัน แต่ในส่วนตัวของผม ผลงานชุดนี้คือความสนุกสนาน ความมันและความสะใจ สรุปว่าถ้ามีและชอบเพลงในชุด Inside แล้ว ก็ต้องหาผลงานชุดนี้มาไว้ในครอบครองเช่นกัน

(http://i321.photobucket.com/albums/nn367/paiboonp/025.jpg)

Title: Power And The Passion (1975, LP EMI Electrola 1C 064-29 602 Made in Germany)
 
Track Listing: Introduction; Journey Into 1358; Love Over Six Centuries; Mutiny; Imprisonment; Daylight; Thoughts Of Home; The Zany Magician; Back Into The Present; The Bells Of Notre Dame
 
Musicians: Detlef Schwaar (guitar); Frank Bornemann (guitar, vocals); Manfred Wieczorke (organ, moog synth, mellotron, piano); Luitjen Janssen (bass); Fritz Randow (drums)

Personal Rating: ***

ผลงานลำดับถัดไปของ Eloy ซึ่งออกในปี 1975 คืออัลบั้มชุด Power And The Passion และเป็นคอนเส็พท์อัลบั้มชุดแรกของ Eloy อีกด้วย โดยแต่ละเพลงจะร้อยเรียงกันต่อเนื่องกันเป็นเนื้อหาที่กล่าวถึงการเดินทางย้อนเวลาสู่อดีตในปีค.ศ. 1358 ของชายหนุ่มที่ชื่อ Jamie จากการหลงไปดื่ม time-eroding drug ที่พ่อของตนเองได้ปรุงเอาไว้ เมื่อ Jamie ได้หลงยุคมาถึงศตวรรษที่ 14 (ซึ่งฉากตามท้องเรื่องน่าจะเป็นประเทศฝรั่งเศส) ที่นั่นเขาได้พบรักกับหญิงสาวนามว่า Jeanne ซึ่งมีคู่หมั้นคู่หมายเป็นบุตรชายของหัวหน้าเขตปกครองซึ่งใช้กฎเหล็กในการปกครองชาวบ้าน แต่หญิงสาวที่ชื่อ Jeanne มิได้รักชายดังกล่าว บิดาของ Jeanne แอบซ่องสุมกำลังคนในหมู่บ้านเพื่อก่อการกำเริบต่อต้านหัวหน้าผู้ปกครอง และ Jamie ก็ได้เข้าร่วมในการต่อต้านครั้งนี้ด้วย แต่ในที่สุดก็ถูกจับขังคุก และได้รับความช่วยเหลือจากจอมขมังเวทย์ The Zany Magician ซึ่งช่วยให้ Jamie เดินทางข้ามเวลากลับสู่ปัจจุบันได้สำเร็จ และทิ้งไว้ซึ่งความทรงจำและความอาลัยของ Jamie ที่มีต่อ Jeanne (ในบทสนทนาตอนหนึ่งระหว่าง Jamie กับ Jeanne มีการกล่าวถึงกัญชา ซึ่ง Jamie ได้พกติดตัวมาและได้ยื่นให้ Jeanne สูบเพื่อผ่อนคลายความเครียดด้วย)

เดิมที Eloy มุ่งหมายให้งานชุดนี้เป็นอัลบั้มคู่ แต่ผู้จัดการวงตัวแสบ Jay Partridge ไม่ยอม จึงทำออกมาได้แค่อัลบั้มเดี่ยวอย่างน่าเสียดาย (ทั้ง ๆ ที่เนื้อหาคอนเส็พท์ขนาดนี้อำนวยให้ทำเป็นอัลบั้มคู่ได้สบาย ๆ อยู่แล้ว) อย่างไรก็ดี ผลงานชุดนี้นอกจากจะเป็น concept album ชุดแรกของ Eloy แล้ว ยังมีการเพิ่มมือกีตาร์เข้ามาช่วยงานอีกหนึ่งคน คือ Detlef Schwaar และใช้คีย์บอร์ดหลากชนิดขึ้น เช่น moog, string synths, mellotron (ผมพยายามฟังเสียง mellotron จากงานชุดนี้อยู่หลายเที่ยวแล้ว แต่ยังฟังไม่ออกสักทีว่าเล่นอยู่ไหนช่วงไหนกันแน่) ซึ่งสร้างสีสันให้ดนตรีมีกลิ่นอายและบรรยากาศที่ดูขลังในแบบ Gothic สมกับที่ย้อนกลับไปในยุคโบราณ เพลงเด่นของอัลบั้มชุดนี้ ได้แก่ Love Over Six Centuries ซึ่งมี dialogue เสียงสนทนาระหว่าง Jamie กับ Jeanne มีการโซโล minimoog และริฟฟ์เสียงกีตาร์ในสำเนียงของ Uriah Heep ซึ่งอาจทำให้นึกถึงเพลง Gypsie ขึ้นมาทันที, เพลง Mutiny ซึ่งโดดเด่นด้วยการโซโล minimoog และ string synths, เพลง Daylight ที่ฟังแล้วนึกถึงเพลง Aqualung ของ Jethro Tull, เพลง The Zany Magician ซึ่งเล่นในสไตล์ heavy metal และมีเสียงร้องบาดแหลมและฟังดูแปลก และปิดท้ายด้วยเพลง The Bells Of Notre Dame อันเป็นตอนที่ Jamie ได้เดินทางกลับสู่ยุคปัจจุบันได้สำเร็จ นอกจากนี้ บางช่วงบางตอนของอัลบั้มชุดนี้ฟังแล้วอาจนึกถึง Uriah Heep และ Manfred Mann's Earth Band ขึ้นมาตะหงิด ๆ แม้จะเป็นงานที่ออกจะขาดตกบกพร่องไปบ้าง แต่ก็แสดงให้เห็นถึงจุดเปลี่ยนของ Eloy ในการทำคอนเส็พท์อัลบั้ม ซึ่งจะมีต่อไปอีกหลายชุดหลังจากผลงานชุดนี้

(http://i321.photobucket.com/albums/nn367/paiboonp/020.jpg)

Title: Dawn (1976, LP EMI Electrola 064-31 787 Made in Germany)
 
Track Listing: Awakening; Between The Times; Memory Flash; Appearance Of The Voice; Return Of The Voice; The Sun Song; The Dance In Doubt And Fear; Lost!??? (Introduction); Lost (The Decision); The Midnight Fight/The Victory Of Mental Force; Gliding Into Light And Knowledge/The Dawn
 
Musicians: Frank Bornemann (guitars, vocals); Klaus-Peter Matziol (Rickenbacker bass); Detlev Schmidtchen (keyboards, guitars); Jurgen Rosenthal (drums & percussions)

Personal Rating: ****1/2

อัลบั้มที่ออกถัดมาในปี 1976 คือชุด Dawn ซึ่งเปรียบเสมือนอรุณเบิกฟ้าแห่งยุค symphonic progressive ที่แท้จริงของ Eloy หลังจากที่ได้ออกอัลบั้มชุด Power And The Passion ในปี 1975 โดยต่อมาได้มีการยุบวงชั่วคราวพร้อมกับการไล่ผู้จัดการวงคนเดิม คือ Jay Partridge ออกไป ทางต้นสังกัด คือ EMI Electrola เห็นว่าผลงานชุด Power And The Passion มียอดขายที่ดีพอสมควร จึงให้โอกาสแก่ Frank Bornemann ในการฟอร์มวง Eloy ขึ้นมาอีกครั้ง โดยทีมนักดนตรีชุดใหม่ของ Eloy ในยุคนี้ได้แก่ Frank Bornemann (vocals, guitars), Klaus-Peter Matziol (bass guitar), Detlev Schmidtchen (keyboards, guitars) และ Jurgen Rosenthal (drums & percussions, อดีตมือกลองของ Scorpions ในงานชุด Fly To The Rainbow) ซึ่งถือเป็นไลน์อัพที่แกร่งและมั่นคงที่สุดในยุครุ่งเรือง นอกจากนี้ Eloy ยังได้รับการสนับสนุนด้านดนตรีซิมโฟนีออร์เคสตร้าจากบริษัทต้นสังกัด ทำให้ดนตรีในชุด Dawn นี้มีความประณีตเลิศหรูอลังการกว่าผลงานในชุดก่อน ๆ ภาคเนื้อร้อง (lyrics) ดูแลโดย Jurgen Rosenthal มือกลอง แต่เครดิตในการทำดนตรีเป็นของสมาชิกทุกคนในวง

จากการที่ได้สมาชิกที่เป็นเลือดใหม่ทั้งสามคนมาร่วมงาน ทำให้ดนตรีในงานชุดนี้มีสีสันแตกต่างผิดแผกไปจากผลงานในชุดก่อน ๆ ฝีมือและลวดลายในการเล่นกลองของ Rosenthal ละม้ายคล้ายคลึงกับ Neil Peart แห่งวง Rush มาก เต็มไปด้วยเทคนิค ลูกเล่น และมีความละเอียดซับซ้อนแพรวพราว, การเดินเบสส์ของ Klaus-Peter Matziol นิยมใช้ Rickenbacker ซึ่งให้โทนเสียงที่อุ่นหนาและมีพลังหนักแน่น, Detlev Schmidtchen ซึ่งเดิมเล่นกีตาร์ แต่พอมาสังกัดอยู่วงนี้จึงรับหน้าที่เล่นคีย์บอร์ดนานาชนิด และเล่นออกมาได้ดีพอสมควร

ผลงานชุดนี้เป็นคอนเส็พท์อัลบั้มอีกชุดหนึ่ง ผมไม่แน่ใจว่า Eloy ต้องการจะสื่อถึงอะไร, เพราะดูจากเนื้อเพลงที่ให้มาด้วยนั้น เป็นภาษาอังกฤษที่อ่านแล้วเข้าใจยาก -- จะว่าจงใจเขียนให้ดูเข้าใจยากและกำกวม หรือภาษาอังกฤษของคนเยอรมันอย่าง Rosenthal นั้นเป็น broken English อันนี้ก็สุดที่จะเดา (คล้าย ๆ กับเนื้อร้องที่เขียนโดย Jon Anderson ของวงเยส) -- แต่พอจะจับความได้ว่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับธรรมชาติ จิตวิญญาณ เรื่องราวเหนือจริง ความสับสน การต่อสู้ของจิต และการตรัสรู้ (โดยใช้คำว่า Dawn เป็นสัญลักษณ์?) หรืออาจจะเป็นเรื่องที่เกี่ยวพันกับอภิปรัชญา (metaphysics) ก็ได้ นอกจากนี้ยังมีการเอ่ยชื่อตัวละครที่ชื่อ Jeanne (ในอัลบั้ม Power And The Passion) ด้วย จึงไม่แน่ใจว่าผลงานชุดนี้เป็นภาคสองต่อจาก Power And The Passion หรือเปล่า?

หากตัดความยากและกำกวมของภาษาออกไป ผลงานชุดนี้ถือเป็นงานดนตรี symphonic progressive ที่ยอดเยี่ยมงดงามมากไม่แพ้ผลงานคลาสสิกของวง Yes และถือเป็นมาสเตอร์พีซชุดหนึ่งของ Eloy เลยก็ว่าได้ ดนตรีเล่นได้ดีทุกชิ้นและใช้เครื่องดนตรีมากมายหลายชนิด ทำให้เสียงที่ได้ออกมานั้นมีความหลากหลายและซับซ้อน เสมือนพรมที่ถูกถักทอมาอย่างวิจิตรบรรจง แต่เสียอยู่นิดเดียวเท่านั้นคือภาคคีย์บอร์ดซึ่งฟังดูเนือย ๆ ชอบกล ไม่ค่อยเร้าใจเท่าที่ควร เสียงร้องของ Bornemann มักถูกตำหนิจากเจ้าของภาษาหรือ native speaker ว่า เป็นภาษาอังกฤษที่เป็นสำเนียงเยอรมันหรือ thick accent มากไปหน่อย แต่โดยส่วนตัว ผมว่าเสียงของเขามีเสน่ห์ครับ เพลงเด่นในชุดนี้ได้แก่ Awakening ซึ่งเริ่มต้นก็มีเสียงเอฟเฟ็คท์กัมปนาทครั่นครืนของลมฟ้าอากาศ, Between The Times ร็อคมัน ๆ จังหวะจะโคนคล้ายผลงานยุคแรกของ Scorpions, The Sun Song ซึ่งมีสำเนียงคีย์บอร์ดในแบบตะวันออกคล้ายของ Kitaro, The Dance In Doubt And Fear ซึ่งมีเนื้อร้องยาวและร้องในลักษณะพูด dialogue มากกว่า, Lost (The Decision) เพลงร็อคที่ฟังแล้วติดหูง่ายอีกเพลงหนึ่ง และโครงสร้างไม่ซับซ้อนมาก, The Midnight Fight/The Victory Of Mental Force จังหวะจะโคนคึกคักสนุกสนานเต็มไปด้วยความสับสน, Gliding Into Light And Knowledge ซึ่งโทนเพลงออกหวาน เศร้า ดื่มด่ำ โหยหา และเต็มไปด้วยอารมณ์, การบันทึกเสียงยอดเยี่ยม ฟังดูโปร่งกระจ่างและสะอาดหูกว่าชุด Ocean ซึ่งถือเป็นงานชิ้นสุดยอดของ Eloy เสียอีก, อย่างไรก็ดี ผลงานชุดนี้ต้องฟังตั้งแต่ต้นจนจบ เพราะทุกเพลงต่างเรียงร้อยเข้าด้วยกันอย่างต่อเนื่อง จะขาดไปเสียเพลงใดเพลงหนึ่งมิได้ -- และนี่คือผลงานระดับเอกอันถือเสมือนเป็นเพชรงามเลอค่าเม็ดหนึ่งแห่งโลกดนตรี progressive rock -- เอาไปเลยครับ สี่ดาวครึ่ง สำหรับผลงานอันยอดเยี่ยมชุดนี้

(http://i321.photobucket.com/albums/nn367/paiboonp/015.jpg)

Title: Ocean (1977, LP EMI Electrola 1C 064-32 596 Made in Germany)
 
Track Listing: Poseidon's Creation; Incarnation Of The Logos; Decay Of The Logos; Atlantis' Agony At June 5th 8498. 13 P.M. Gregorian Earthtime
 
Musicians: Frank Bornemann (electric, acoustic & effect guitars, vocals); Klaus-Peter Matziol (bass guitars); Detlev Schmidtchen (keyboards); Jurgen Rosenthal (drums & percussions)

Personal Rating: ****1/2

หลังจากประสบความสำเร็จมากพอสมควรกับอัลบั้มชุด Dawn แล้ว ในปีต่อมาคือ 1977 Eloy จึงได้ออกผลงานอีกชุดหนึ่งซึ่งเป็นการตอกย้ำความสำเร็จที่มีอยู่เดิม อัลบั้มชุดนี้มีชื่อว่า Ocean และยังเป็นคอนเส็พท์อัลบั้มเช่นเดียวกับชุดก่อน โดยในชุดนี้ Eloy ได้กล่าวถึงกำเนิด ความเจริญ ความเสื่อม และการล่มสลายของทวีปแอตแลนติสซึ่งจมหายไปในท้องสมุทรตั้งแต่ดึกดำบรรพ์ตามความเชื่อของชาวกรีกโบราณ อัลบั้มชุดนี้มีเพลงทั้งหมดสี่เพลง ได้แก่ Poseidon's Creation, Incarnation Of The Logos, Decay Of The Logos และ Atlantis' Agony At June 5th 8498. 13 P.M. Gregorian Earthtime ตามลำดับ ทุกเพลงเล่นได้ยอดเยี่ยมและประณีตตามแบบฉบับของซิมโฟนิคโพรเกรสสีฟว์ เครื่องดนตรีทุกชิ้นที่เล่นมีความโดดเด่นไม่แพ้กัน -- ไม่ว่าจะเป็นกลองและเพอร์คัสชั่นสารพัดชนิดซึ่งเล่นโดย Jurgen Rosenthal ในสไตล์ของ Neil Peart แห่งวง Rush (ผมไม่แน่ใจว่าระหว่างมือกลองทั้งสองคนนี้ ใครลอกทางกลองของใครกันแน่ เพราะสไตล์คล้ายกันจริง ๆ), ลีดกีตาร์ที่ได้รับอิทธิพลจาก David Gilmour (ในเพลง Poseidon's Creation), fretless bass ที่เล่นด้วยชั้นเชิงแพรวพราวโดย Klaus-Peter Matziol และคีย์บอร์ด/ซินธ์นานาชนิดที่สร้างความหรูหรา สวยงามและซับซ้อนให้กับบทเพลงชุดนี้ และฝีมือการริฟฟ์และโซโลคีย์บอร์ดของ Detlev Schmidtchen ในอัลบั้มชุดนี้มีพัฒนามากขึ้นกว่าในชุด Dawn เสียอีก -- จังหวะจะโคนดนตรีของอัลบั้มชุดนี้ส่วนใหญ่สนุกสนาน ขึงขังอลังการ ยกเว้นเพลงสุดท้าย Atlantis' Agony At June 5th 8498. 13 P.M. Gregorian Earthtime ซึ่งเป็นเพลงที่ยาวที่สุดของอัลบั้ม แต่ในช่วงอินโทรถึงกลางเพลงดูออกจะเนิบ ๆ เอื่อย ๆ ไปสักหน่อย เพราะเป็นการเล่นกับเสียงคีย์บอร์ด อิเล็กทรอนิกส์เอฟเฟคท์ และเสียงพูดเหมือนเสียงประกาศิตที่ลอยมาจากท้องฟ้าเบื้องบนจนฟังดูน่าเบื่อ โดยรวมแล้วถือเป็นงาน symphonic progressive ที่นักวิจารณ์ทั่วไปต่างยกย่องว่ายอดเยี่ยมที่สุดของ Eloy แต่โดยความเห็นส่วนตัว ผมกลับชอบความกลมกลืนต่อเนื่องของอัลบั้มชุด Dawn มากกว่า

แถมท้ายให้นิดหนึ่งคือหน้าปกในแบบแฟนตาซีอาร์ตของชุดนี้ซึ่งวาดออกมาในโทนสีน้ำเงินของมหาสมุทร เป็นอาร์ตเวิร์คที่สวยงามมาก โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่มีแผ่นไวนิล ซึ่งปกเป็นแบบ gatefold ดูดีและน่าสะสมมากเลยทีเดียว

(http://i321.photobucket.com/albums/nn367/paiboonp/013.jpg)

Title: Eloy Live (1978, Double LP EMI Electrola 1C 064-32 934/35 Made in Germany)
 
Track Listing: Poseidon's Creation (From "Ocean"); Incarnation Of The Logos (From "Ocean"); The Sun Song (From "Dawn"); The Dance In Doubt And Fear (From "Dawn"); Mutiny (From "Power And The Passion"); Gliding Into Light And Knowledge (From "Dawn"); Inside (From "Inside"); Atlantis' Agony At June 5th 8498. 13 P.M. Gregorian Earthtime (From "Ocean")
 
Musicians: Frank Bornemann (guitars, lead vocals); Klaus-Peter Matziol (bass guitars, vocals); Detlev Schmidtchen (keyboards); Jurgen Rosenthal (drums & percussions)

Personal Rating: ***1/2

Worlds atomize and oceans evaporate in eternity!
Man erects out of the darkness,
laughs into the glimmering light and disappears...
(Introductory speech at the beginning of the song "Poseidon's Creation" in "Eloy Live")

Eloy Live (1978) เป็นอัลบั้มคู่บันทึกการแสดงสดเมื่อครั้งที่ Eloy ออกทัวร์เพื่อโปรโมทผลงานชุด Ocean ในประเทศเยอรมนี บ้านเกิดของพวกตน ดังจะเห็นได้ว่าในอัลบั้มไลฟ์วชุดนี้มีเพลงจากงานชุด Ocean บันทึกอยู่เกือบทั้งหมด ยกเว้นเพลง Decay Of The Logos (อันที่จริง Eloy ก็เล่นเพลงนี้บนเวทีด้วยเช่นกัน แต่ด้วยเหตุผลและปัญหาทางเทคนิคบางประการ ทำให้เพลง Decay Of The Logos ถูกตัดออกไป) นอกจากนั้นก็มีเพลงจากอัลบั้มชุด Dawn, Power And The Passion และ Inside ในอัลบั้มการแสดงสดชุดนี้ สมาชิกวงทุกคนยังฟอร์มสดและฝีไม้ลายมือยังเฉียบคม เพลงทุกเพลงเล่นได้ใกล้เคียงกับเพลงในสติวดิโออัลบั้ม จะมีพิเศษก็ในบางเพลงอย่าง The Sun Song ซึ่งใช้เวลาพูดแนะนำในช่วงต้นเพลงเป็นภาษาเยอรมันค่อนข้างนาน ทำให้ค่อนข้างน่าเบื่อในช่วงแรก (เพราะฟังภาษาเยอรมันไม่ออก???), เพลง The Dance In Doubt And Fear ที่เน้นการบรรเลงดนตรีโดยปราศจากเนื้อร้อง เพลงนี้เป็นเพลงโปรดเพลงหนึ่งของผม ซึ่งสมัยก่อนมักจะได้ยินเปิดออกอากาศในรายการ Top Teen Talent อยู่บ่อย ๆ, เพลง Mutiny (จากชุด Power And The Passion) และเพลง Inside (จากชุด Inside) ทั้งสองเพลงนี้น่าสนใจตรงที่เล่นสดโดยไลน์อัพชุดใหม่ (ไม่ใช่ไลน์อัพชุดเดิมที่เล่นเพลงนี้ในสติวดิโอ) และเล่นได้ใกล้เคียงกับของเดิมมาก, น่าเสียดายที่คุณภาพเสียงของอัลบั้มชุดนี้ไม่สู้จะดีนัก คือ เสียงออกจะแบนฟุ้งไปหน่อยและความดังของเสียงในแต่ละเพลงไม่สมานเสมอกัน สาเหตุเท่าที่ทราบจากข้อมูลที่ได้มาคือปัญหาด้านเทคนิคและไฟฟ้าบนเวที ทำให้ต้องมีการแต่งซ่อมเพลงบางเพลงในสติวดิโอกันในภายหลัง แต่ก็เป็นอัลบั้มแสดงสดที่น่าสนใจมากของ Eloy ในยุครุ่งเรือง และเหมาะอย่างยิ่งสำหรับแฟนใหม่หรือผู้ที่ต้องการจะทำความรู้จักผลงานของ Eloy ในเบื้องต้น อัลบั้มแสดงสดชุดนี้เปรียบเสมือนชุดรวมเพลงที่ยอดเยี่ยมชุดหนึ่งของ Eloy เลยทีเดียว

(http://i321.photobucket.com/albums/nn367/paiboonp/018.jpg)

Title: Silent Cries And Mighty Echoes (1979, LP EMI Electrola 1C 064-45 269 Made in Germany)
 
Track Listing: Astral Entrance/Master Of Sensation; The Apocalypse: a) Silent Cries Divide The Nights, b) The Vision - Burning, c) Force Majeure; Pilot To Paradise; De Labore Solis; Mighty Echoes
 
Musicians: Frank Bornemann (guitars, vocals); Klaus-Peter Matziol (bass guitar); Detlev Schmidtchen (keyboards); Jurgen Rosenthal (drums & percussions)

Personal Rating: ****

แม้จะล่วงเข้าปี 1979 ซึ่งเป็นช่วงที่มนต์ขลังแห่งกระแสดนตรี progressive rock เริ่มจะแผ่วลง เพราะถูกกระแสคลื่นดนตรียุคใหม่ถาโถมซัดเข้ามาเป็นระลอกเพื่อต้อนรับการมาถึงของทศวรรษใหม่ แต่ Eloy ก็ยังออกคอนเส็พท์อัลบั้มชั้นเยี่ยมมาให้แฟน ๆ ได้สัมผัสอีกหนึ่งชุด คือ Silent Cries And Mighty Echoes ซึ่งครั้งนี้ Eloy จะพาคุณท่องอวกาศอันไกลโพ้นหรือดำดิ่งสู่เรื่องราวเหนือจริงในเบื้องลึกแห่งความรู้สึก, อิทธิพลของดนตรีแนว space rock ปรากฏให้เห็นเด่นชัดมากกว่าผลงานชุดก่อน ๆ โดยเฉพาะช่วงอินโทรในเพลงแรกของอัลบั้ม คือเพลง Astral Entrance/Master Of Sensation นั้น ได้รับอิทธิพลจากดนตรีของ Pink Floyd (โดยเฉพาะเพลง Shine On You Crazy Diamond จากอัลบั้มชุด Wish You Were Here) มาอย่างเห็นได้ชัด เสียงลีดกีตาร์ก็เป็นเสียงในสไตล์ของ David Gilmour, เป็นผลงานที่นักวิจารณ์มีความเห็นสองด้าน คือ เป็นมาสเตอร์พีซที่รองจากอัลบั้มชุด Ocean (แต่โดยส่วนตัว ผมให้ Silent Cries And Mighty Echoes เป็นรองจาก Dawn และ Ocean ตามลำดับ) หรือไม่ก็เป็นงานที่ (บางช่วงบางตอน) ลอกเลียนสไตล์ดนตรี space rock ของ Pink Floyd (โดยเฉพาะงานชุด WYWH) แต่โดยความเห็นส่วนตัว อัลบั้มชุดนี้มีความเป็นตัวของตัวเองอยู่พอสมควร และเพลงที่มีกลิ่นอายของ Pink Floyd น่าจะเป็นเพลงแรกของอัลบั้มเท่านั้น, หลังจากออกอัลบั้มนี้แล้ว Detlev Schmidtchen และ Jurgen Rosenthal ได้ลาออกจากวงไป และนี่คือผลงานที่ยอดเยี่ยมอีกชุดหนึ่งซึ่งเป็นการปิดฉากงานในยุค symphonic prog อันสวยงามอลังการของ Eloy โดยมีระดับความยอดเยี่ยมใกล้เคียงกับผลงานชุด Ocean และ Dawn ที่ออกมาก่อนหน้านี้ และอัลบั้มถัดจากชุดนี้จะเป็นงานที่ก้าวสู่ยุค 80 ซึ่งจะมีรายละเอียดดนตรีผิดแผกไปจากงานในทศวรรษที่ 70 ของ Eloy อยู่พอสมควร

(http://i321.photobucket.com/albums/nn367/paiboonp/017.jpg)

Title: Colours (1980, LP EMI Electrola 1C 064-45 936 Made in Germany)
 
Track Listing: Horizon; Illuminations; Giant; Impressions; Child Migration; Gallery; Silhouette; Sunset
 
Musicians: Frank Bornemann (guitars, lead vocals); Klaus-Peter Matziol (bass guitar); Hans Arkona (guitars); Hans Folberth (keyboards); Jim McGillivray (drums & percussions)

Personal Rating: ****

หลังจากออกอัลบั้ม Silent Cries And Mighty Echoes สมาชิกสองคนของ Eloy คือ Detlev Schmidtchen และ Jurgen Rosenthal ได้ออกจากวงไปตั้งวงดูโอกรุ๊ปที่ชื่อ Ego On The Rocks ส่วน Eloy ได้สรรหาสมาชิกใหม่เข้ามาร่วมวง ได้แก่ Hans Arkona (guitars, keyboards), Hans Folberth (keyboards) และ Jim McGillivray (drums & percussions) ไลน์อัพใหม่ของ Eloy นี้ได้ร่วมกันออกผลงานประเดิมต้นทศวรรษที่ 80 ในชื่อชุด Colours ซึ่งเพลงในผลงานชุดนี้แตกต่างไปจากอัลบั้มชุดก่อนมากพอสมควร -- จากเพลงที่เคยเล่นกันในแบบ epic ซึ่งมีความยาวในสติวดิโออัลบั้มสองสามชุดก่อน พอมาถึงอัลบั้มชุดนี้ Eloy ได้เปลี่ยนสูตรหันไปทำเพลง progressive rock ที่มีความยาวอยู่ระหว่างสามนาทีกว่าไปจนถึงเจ็ดนาทีกว่าและเป็นเพลงร็อคที่เล่นกันอย่างกระชับมากขึ้น ตัดความหรูหราอลังการในแบบซิมโฟนิคออกไป อัลบั้มชุดนี้บรรจุเพลงทั้งหมดแปดเพลง โดยเพลงส่วนใหญ่ในชุดนี้ใช้ชื่อไทเทิลด้วยคำเพียงคำเดียว (ยกเว้นเพลง Child Migration) เสียงร้องนำของ Frank Bornemann ดูเหมือนจะปรับให้คล้ายกับเสียงของ Peter Gabriel แห่งวง Genesis -- เพลงแรกของอัลบั้มและเป็นไทเทิลแทร็คด้วย คือ Colours มีเสียงร้องประสานของกลุ่มนักร้องหญิง ภาคดนตรีบางส่วนในตอนท้ายดูเหมือนจะได้รับอิทธิพลจาก The Alan Parsons Project, เพลง Illuminations และ Child Migration สองเพลงนี้เป็นเพลงที่มีลูกผสมของฮาร์ดร็อคมัน ๆ และเพลงบรรเลงปิดท้าย Sunset ฟังแล้วนึกถึงเสียงคีย์บอร์ดที่บรรเลงโดย Kitaro โดยรวมแล้วผลงานชุดนี้ยังน่าฟัง กระชับ สนุกสนาน และมีความเป็น progressive rock แม้ Eloy จะได้ก้าวล่วงเข้ามาถึงต้นยุคแห่งความเสื่อมถอยของดนตรีโพรเกรสสีฟว์ร็อคแล้วก็ตาม

(http://i321.photobucket.com/albums/nn367/paiboonp/014.jpg)

Title: Planets (1981, LP EMI Electrola 1C 064-46 483 Made in Germany)
 
Track Listing: Introduction; On The Verge Of Darkening Lights; Point Of No Return; Mysterious Monolith; Queen Of The Night; At The Gate Of Dawn; Sphinx; Carried By Cosmic Winds
 
Musicians: Frank Bornemann (guitars, lead vocals); Klaus-Peter Matziol (bass guitar); Hans Arkona (guitars, keyboards); Hans Folberth (keyboards); Jim McGillivray (drums & percussions)

Personal Rating: ***1/2

ต่อมาในปี 1981 ไลน์อัพใหม่ของ Eloy ยังคงเดินหน้าออกผลงานต่อจากชุด Colours อันเป็นผลงานซึ่ง Eloy ได้ทดลองเล่นกับงานเพลงร็อคที่หนักแน่นและสั้นกระชับ แต่มาคราวนี้ Eloy ได้หันกลับไปใช้สูตรทำคอนเส็พท์อัลบั้มในแบบ symphonic progressive เหมือนดังเช่นที่เคยประสบความสำเร็จในยุคปลายปี 70 โดยเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับดาวเคราะห์ที่ชื่อ Salta และ The Ikareens ผู้อาศัยในดาวเคราะห์ดวงนั้น ในระบบสุริยะที่มีชื่อว่า Hel (มีรายละเอียดให้อ่านอยู่ในซองใส่แผ่นเสียง) คอนเส็พท์อัลบั้มที่เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับห้วงอวกาศนี้มีอยู่สองชุดซึ่งเป็นภาคต่อเนื่องกัน คือ Planets (1981) และ Time To Turn (1982) โดยครั้งนี้จะขอพูดถึงอัลบั้มชุด Planets ซึ่งถือเป็นภาคแรกก่อน อัลบั้ม Planets นี้อาจจะเรียกได้ว่าเป็นแนว space rock ได้อย่างเต็มตัว เพราะมีเนื้อหาเกี่ยวกับห้วงอวกาศและจักรวาล บทบาทของคีย์บอร์ดและเครื่องสังเคราะห์มีส่วนช่วยเป็นอันมากในการแต่งแต้มสีสันแบบอวกาศให้แก่อัลบั้มชุดนี้ (แต่ยังดีที่คีย์บอร์ดส่วนใหญ่ซึ่งนำมาเล่นในผลงานชุดนี้ยังเป็น vintage keyboards อยู่) ดังที่จะได้ยินจากเพลงเปิดอัลบั้ม Introduction ซึ่งเสียงซินธ์จะพาจินตนาการผู้ฟังหลุดลอยสู่ห้วงอวกาศ, เพลง On The Verge Of Darkening Lights ออกแนวฮาร์ดร็อคมัน ๆ ซึ่งตามมาด้วยเพลง Point Of No Return ซึ่งมีไลน์เบสส์ที่ราบเรียบ กระชับและทรงพลัง, Mysterious Monolith เป็นเพลงที่มีหลายรสชาติแห่งความเป็น progressive อยู่ในเพลงเดียว และโชว์การทักษะเล่นดนตรีได้อย่างยอดเยี่ยม โดยเฉพาะเบสส์ คีย์บอร์ดและกลอง, เพลง Queen Of The Night ได้หันกลับไปสู่แนวฮาร์ดร็อคสนุกสนานซึ่งเจือเสียงเครื่องสายออร์เคสตร้า พร้อมด้วยเสียงคอรัสหญิง เพลงนี้เป็นเพลงที่ผมชอบมากที่สุดเพลงหนึ่งของ Eloy (สมัยก่อน รายการ Top Teen Talent ช่วงของคุณสุทธิณาดาได้เปิดเพลงนี้ให้ฟังกันบ่อย), ต่อจากนั้นท่านจะดื่มด่ำผ่อนคลายไปกับเพลงบรรเลง At The Gates Of Dawn ซึ่งฟังแล้วพาลให้นึกถึงเสียงคีย์บอร์ดในสไตล์นิวเอจของ Kitaro (อีกแล้ว), และหลังจากนั้น เพลง Sphinx ในจังหวะที่คึกคักพอสมควรจะมาปลุกเร้าพาท่านผจญภัยต่อไป, และปิดท้ายด้วย Carried By Cosmic Winds เพลงที่ทรงพลังซึ่งเน้นการริฟฟ์คีย์บอร์ดและซินธ์ เสริมด้วยเสียงเครื่องสายออร์เคสตร้าและคอรัสหญิง เป็นการปิดฉากอัลบั้ม Planets ซึ่งโดยรวมถือเป็นงานคอนเส็พท์ที่ยอดเยี่ยมอีกชุดหนึ่งของ Eloy เช่นเดียวกับ Ocean, Dawn, Silent Cries And Mighty Echoes และเป็นผลงานที่หาฟังได้ไม่ง่ายนักในยุคถดถอยของเพลงแนวนี้ในทศวรรษที่ 80 จึงขอแนะนำให้ไปหามาลองฟังกันครับ

(http://i321.photobucket.com/albums/nn367/paiboonp/028.jpg)

Title: Time To Turn (1982, LP EMI Electrola 1C 064-46 548 Made in Germany)
 
Track Listing: Through A Sombre Galaxy; Behind The Walls Of Imagination; Time To Turn; Magic Mirrors; End Of An Odyssey; The Flash; Say, Is It Really True
 
Musicians: Frank Bornemann (guitars, lead vocals); Klaus-Peter Matziol (bass guitar); Hans Arkona (guitars, keyboards); Hans Folberth (keyboards); Fritz Randow (drums & percussions)

Personal Rating: ***

หลังจากออกอัลบั้ม Planets แล้ว Jim McGillivray มือกลองได้ลาออกจากวงไป Fritz Randow อดีตมือกลองของ Eloy ในยุคต้นก็ได้เข้ามาแทนที่ และ Eloy ได้ออกผลงานชุดใหม่ คือ Time To Turn (1982) ซึ่งเปรียบเสมือนคอนเส็พท์ภาคต่อจากอัลบั้มชุด Planets ถึงตอนนี้ก็คงพอจะเดาได้ว่า Time To Turn คงไม่ต่างไปจากภาพยนตร์ภาคสอง ซึ่งโดยทั่วไปมักจะอ่อนด้อยกว่าภาคแรกในแง่ของคุณภาพ -- เพลงในชุดนี้ส่วนใหญ่ไม่ยาวมากนัก เพลงที่ยาวที่สุดในอัลบั้มนี้และเป็นเพลงบรรเลงด้วย คือ End Of An Odyssey -- โดยทั่วไป Eloy ยังคงแนวทางการนำเสนอบทเพลงในแบบซิมโฟนิคเช่นในผลงานชุดก่อน แต่เมื่อได้ฟังผลงานชุดนี้จบ ผมรู้สึกว่าพลัง ความเข้มข้นและมนต์ขลังของ Time To Turn สู้ชุด Planets ไม่ได้ -- มันอ่อนด้อยกว่าจริง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเพลง Through A Sombre Galaxy, Behind The Walls Of Imagination หรือแม้กระทั่ง Time To Turn ซึ่งมีจังหวะคึกคักสนุกสนานตามแบบฉบับเฮฟวี่เมทัล ครั้นเมื่อได้ฟังดูดี ๆ แล้ว มันรู้สึกเนือย ๆ ชืด ๆ อย่างไรชอบกล เหมือนกับผลงานชุดนี้ขาดวิญญาณและความมีชีวิตชีวาไปเล็กน้อย, เพลงที่ผมชอบที่สุดในชุดนี้คือ Time To Turn ซึ่งจังหวะจะโคนเป็นร็อคกึ่งเฮฟวี่เมทัลที่มีการเดินเบสส์แสนจะเรียบง่าย ฟังแล้วนึกถึงเพลง Discovery ของ Mike Oldfield ส่วนเพลง End Of An Odyssey นั้นก็บรรเลงคีย์บอร์ดได้หวือหวาอลังการ ฟังดูยิ่งใหญ่ดี, และเพลงสุดท้าย Say, Is It Really True ก็ปิดฉากอัลบั้มชุดนี้ไปแบบเนิบ ๆ เนือย ๆ ไม่มีความคึกคักหรืออลังการใด ๆ เป็นพิเศษ, เนื่องจากผลงานชิ้นนี้เป็นภาคต่อจากงานชุด Planets ดังนั้นจึงคงจำเป็นต้องมีสำหรับผู้ที่เก็บอัลบั้มชุด Planets ไว้แล้วอย่างหลีกเลี่ยงมิได้

(http://i321.photobucket.com/albums/nn367/paiboonp/030.jpg)

ก็เป็นอันจบสิ้นกระบวนความสำหรับการแนะนำผลงานของวง Eloy ทั้งสิบชุดซึ่ง โดยความเห็นส่วนตัวของผม เป็นผลงานที่สำคัญพอที่จะทำให้ได้สัมผัสกับวงนี้ได้อย่างถึงแก่น ส่วนผลงานอื่น ๆ ซึ่งต่อจาก Time To Turn เป็นต้นไปนั้น ขอให้เป็นทางเลือกสำหรับแฟน ๆ ที่จะเลือกหามาเสพหรือเติมเต็มคอลเล็คชั่นของตนเอง ผลงานเหล่านี้ได้แก่

Performance (1983)
Metromania (1984)
Codename: Wildgeese (original soundtrack, 1985)
Ra (1988)
Rarities (1991) - a compilation of Eloy's singles
Destination (1992)
The Tides Return Forever (1994)
Ocean 2 - The Answer (1998)

นอกจากนี้ยังมีงานประเภทคอมไพเลชั่นหรือรวบรวมผลงานเก่าประเภท The Best Of Eloy ออกมาเป็นครั้งคราว หรือไม่ก็มีงานที่เป็นของเก่าเอามาเล่นและรีมิกซ์ใหม่ ผมจึงไม่ขอแนะนำงานประเภทเหล่านี้นอกจากสำหรับผู้ที่อยากจะทำความรู้จัก Eloy ในเบื้องต้นเท่านั้นและยังไม่อยากเสี่ยงที่จะต้องไปหาอัลบั้มเต็มมาฟัง

ในอัลบั้ม Performance, Metromania และ Codename: Wildgeese ยังคงเป็นไลน์อัพชุดเดิมจาก Time To Turn อยู่ หลังจากนั้น Eloy ก็ไม่มีผลงานใดออกมา และดูเหมือนจะพักวงไปชั่วคราว ต่อมาในปี 1988 Frank Bornemann ได้ร่วมกับสมาชิกใหม่ คือ Michael Gerlach (keyboards) ฟอร์มวง Eloy ขึ้นมาใหม่เป็นดูโอกรุ๊ปพร้อมด้วยนักดนตรีรับเชิญบางคน และได้ออกผลงานคอนเส็พท์อัลบั้ม Ra ซึ่งโดยความเห็นส่วนตัว เป็นงานที่ดีมากอีกชุดหนึ่ง แต่ Eloy เลือกที่จะใช้ drum machine/programming แทนที่จะสรรหามือกลองสักคนมาร่วมงาน ผลลัพธ์คือเสียงให้จังหวะที่คมแข็งและไม่เป็นธรรมชาติ Frank Bornemann ร่วมงานในฐานะ duo group กับ Michael Gerlach ออกอัลบั้มต่อมาอีกสองชุดคือ Destination และ The Tides Return Forever จนกระทั่งถึงปี 1998 จึงได้ออกอัลบั้ม Ocean 2 - The Answer (อัลบั้มภาคสองของ Ocean ที่ออกในปี 1977) ซึ่งได้เชิญสมาชิกใหม่บางคนเข้ามาร่วมงาน รวมทั้งสมาชิกเก่าอย่าง Klaus-Peter Matziol มือเบสส์ด้วย แฟน ๆ ก็คงจะต้องจับตาดูกันต่อไปว่า Eloy จะมีผลงานอะไรออกมาให้ฟังกันอีก

และผมขอจบการแนะนำผลงานที่มีนัยสำคัญทั้งสิบชุดของ Eloy วงดนตรีโพรเกรสสีฟว์ร็อคชั้นนำของเยอรมนีและของโลก ไว้แต่เพียงเท่านี้

(http://www.khonkaenlink.com/upload/images/20071171253481.jpg)

Above: Eloy circa "Floating" recording session in 1974
Image Credit: www.progweed.net

ว้าวว  เจ๋ง ค่ะ ขอบคุณทีแนะนำ ( ยาวและละเอียดมาก แฮ่ก ๆ  ;D ) ไม่รู้ยักอ่ะค่ะ ( หลังเขา )  :-[  เดี๋ยววันหลังมาไล่อ่านให้จบ

วงนี้รับประกันความหลอนครับ

ล่าสุด ผมได้ปรับปรุงแก้ไขรูปแบบการนำเสนอเล็กน้อยโดยยกเอารายละเอียดทั่วไปเกี่ยวกับอัลบั้มแต่ละชุดขึ้นมาไว้ข้างบน (ซึ่งแต่เดิมอยู่ข้างล่าง) และยังได้เพิ่มการจัดอันดับหรือให้คะแนนส่วนตัว (personal rating) เข้าไป นอกจากนี้ยังได้แก้ไขเพิ่มเติมข้อความบางตอนของอัลบั้มชุด Dawn อีกด้วย

การให้คะแนนตามจำนวน *

* แย่หรือห่วย (คำจำกัดความสั้น ๆ)
** พอใช้ แต่ถ้ายังไม่ได้ฟังหรือยังไม่มี ก็ไม่จำเป็นต้องไปดิ้นรนหามา เว้นแต่เงินเหลือใช้
*** ดี ถ้าเจอหรือมีโอกาสฟังก็ไปหามาฟังเสีย
**** ยอดเยี่ยม ให้รีบไปหามาฟังได้เลย
***** งานชิ้นเอกหรือมาสเตอร์พีซ ไม่มีไม่ได้ มิฉะนั้น ไม่ใช่แฟนตัวจริง

กล่องนี้มีสิ่งที่คุณปีศาจฯ รอคอยมานับแรมปีคร้บ

(http://www.uppicfree.com/images/671_eloy.jpg) (http://www.uppicfree.com/view-671_eloy.jpg)

The Legacy Box is scheduled for release in early December. The 'The Legacy Box' contains numerous videos and TV recordings from all the band's periods, as well as a comprehensive documentary of the band's history with interviews, a photo gallery and many other features.

ขอบคุณครับ
December ปีนี้หรือครับ?

จะลองฟังดูครับ ขอแนะนำให้ซัก 3-4 เพลงหน่อยครับ ถ้าฟังแล้วชอบจะมาตามอ่านอีกที (เยอะจัด).....ฯ

ย้อนกลับไปดูอีกที ภาพตัวอย่างประกอบของแต่ละอัลบั้มหายไปไหนหมดก็ไม่ทราบ จึงใช้ภาพถ่ายอัลบั้มของจริงซะเลยครับ :D

ปีนี้ครับ แต่อาจจะล่าช้าเล็กน้อย เพราะเลือกวางตลาดช่วงเทศกาลหยุดยาว

เพลงแนะนำฉบับย่อตามคำขอ

ยุคแรก - Land of Nobody, Inside, The Light from Deep Darkness, Castle in the Air, Mad House, Love over Six Centuries, Mutiny
ยุคที่สอง (ยุครุ่งเรือง) - Awakening, The Dance in Doubt and Fear, Lost!!?, The Sun Song (เพลงนี้มีอิทธิพลของ Kitaro ปรากฏอยู่ในสำเนียงคีย์บอร์ดด้วย), Poseidon's Creation, Incarnation of the Logos, Astral Entrance
ยุคที่สาม (ล่วงเข้าปี 80's) - Horizons, Illuminations, On the Verge of Darkening Light, Monolith, Queen of the Night, Child Migration, Sunset (เพลงนี้ก็ออกสไตล์ของ Kitaro)
ยุคที่สี่ถึงปัจจุบัน - ไม่มีความเห็น แต่ว่าชุด Ra ก็พอฟังได้ ถ้าไม่ติดที่ใช้เสียงกลองสังเคราะห์แทนที่จะเล่นด้วยกลองสดครับ

ขอบคุณครับผม ฯ

ขอเดาว่าแฟนคอนเสิร์ตอย่างคุณ panyarak คงไม่พลาดแน่ ผมเองก็อยากจะเก็บชุดนี้เหมือนกัน และรอลุ้นว่าจะมี material ของอัลบั้ม Eloy Live มาให้ชมด้วยหรือเปล่า ถ้ามี งานนี้ก็คงแฮปปี้สมใจนึกล่ะครับ :D

ชอบเพลง Horizons กับ Sunset ครับ สงสัยอัลบั้มนี้น่าจะเหมาะกับจริตของผมอยู่นะครับ ฯ

ปล.หลงรักเพลง Sunset เลยครับ ฯ

(http://www.uppicfree.com/images/334_Eloy_Colours_Front.jpg) (http://www.uppicfree.com/view-334_Eloy_Colours_Front.jpg)

โดยรวมแล้ว Colours เป็นผลงานที่ฟังง่ายกว่าชุดอื่น ๆ ก่อนหน้านี้ คงเนื่องเพราะตอนนั้นกำลังย่างเข้าปี 80's ทางวงจึงต้องปรับตัวโดยทำดนตรีให้สั้นกระชับเหมาะแก่ยุคสมัย แต่ก็ยังคงความเป็น prog ไว้อย่างมั่นคง
เมื่อก่อน ผมเคยฟังเพลง Horizons และ Sunset ผ่านทางรายการ Top Teen Talent ในช่วงยามเย็น และฟังแล้วได้บรรยากาศดีมาก โดยเฉพาะเพลง Sunset นั้น สมชื่อเพลงจริง ๆ ครับ

เพลง Sunset ยิ่งฟังยิ่งไพเราะจริงๆครับ เสียดายเพลงสั้นไปนิด ผมคิดว่ามันออกสำเนียงแบบไซคิเดลิคด้วย (ว่าแบบนั้นมั๊ยคับ) แล้วพวกเพลงไซคิเดลิค เพราะๆพอจะแนะนำให้หน่อยได้ป่าวคับ ฯ

ไม่ถนัดแนวไซคิเดลิคเลยครับ แต่ถ้าเป็น Eloy ผมคิดว่าผลงานสามชุดแรก คือ Eloy, Inside และ Floating น่าจะมีแนวไซคิเดลิคผสมฮาร์ดร็อคอยู่บ้างพอสมควร บางคนที่ได้ฟังสามชุดนี้แล้วเขาว่ามัน "หลอน" ดีครับ

ชุดอื่นยังไม่ได้หาฟังเลยครับ เด๋วไว้หามาฟัง ฯ

รายละเอียดเพิ่มเติมครับ

With this cinematic document Germany's most successful progressive rock band Eloy take the friends of their music on a journey through their 40 years of band history.  In the documentary 'Mighty Echoes - The Story Of Eloy (DVD 1) former and current Eloy musicians (Frank Bornemann, Klaus-Peter Matziol, Jurgen Rosenthal, Hannes Folberth, Michael Gerlach, Fritz Randow and Hannes Arkona) talk about their time and work with Eloy. The footage also brings in interviews with studio engineers, product managers and other important companions of the band, all of whom have their say about what it was like working on their landmark albums. With a running time of over 90 minutes, this outstanding documentary is a must for any Eloy fan.
Rarely seen outside of their native Germany, the 2nd DVD: 'The Video Collection' brings together a collection of TV Performances, Live Videos and Promotional Videos such as: 'The Midnight Fight', 'The Sun Song', 'Decay Of Logos', 'Silhouette' and 'Voyager Of The Future Race'. If you are a fan of the band it will be a joy to see some of this stuff on high quality DVD footage as opposed to the very poor material that has graced YouTube in recent years.
With 'The Legacy Box' all fans of this great band will at long last get something they have desired for a very long time  - It's the ultimate Eloy collection.
Track List - Disc 1 [Mighty Echoes...The Story Of Eloy]:
01.     Introduction
02.     The Beginning & First Steps Forward [1969 - 1975]
03.     Years Of Success [1976 - 1979]
04.     New Paths & Old Values [1980 - 1984]
05.     From Project To Band [1985 to the present]

Track List - Disc 2 [The Video Collection]:
01.     Sun-Song (4:06)
02.     Music The Midnight Fight (4:26)
03.     Decay Of Logos (6:07)
04.     Illuminations (4:37)
05.     Silhouette (3:28)
06.     Shadow & Light (5:05)
07.     Fools (4:45)
08.     Heartbeat 5:27)
09.     On The Verge Of Darkening Lights (4:07)
10.     Voyager Of The Future Race (6:20)
11.     Rainbow (5:01)
12.     Poseidon's Creation (11:22)
13.     Generation Of Innocence (5:46)
14.     Tides Return Forever (7:07)
15.     Age Of Insanity (5:44)
16.     I Work It Out (4:10)
17.     Midnight Fight / Victory Of Mental Force (8:05)
18.     Shadow & Light (3:56)
19.     Fools (3:51)

ขอบคุณครับ น่าสนใจมาก โดยเฉพาะแผ่นที่เป็นสารคดีเบื้องหลังการทำเพลงแต่ละอัลบั้ม
ปีใหม่นี้คงต้องเตรียมเงินไว้ซื้ออย่างแน่นอน พอจะทราบไหมครับว่าเขาให้สั่งซื้อจากที่ไหนบ้าง?

^^ วางตลาดวันแรกวันที่ 13 ธันวาคม มีจำหน่ายที่เว็ปเหล่านี้ครับ

http://www.recordheaven.net/index.cfm?x=browseArtist&ID=360&iID=102467&sc=&ob=dt&so=ASC&pp=50&pn=1&sl=false
http://www.play.com/Music/MusicDVD/4-/17594671/Eloy-The-Legacy-Box/Product.html

เห็นมีขายอยู่ในอีเบย์ด้วย แต่ราคา 28 ปอนด์สเตอร์ลิง บวกค่าส่งอีกเกือบ 4 ปอนด์
แพงกว่าที่ขายในเว็บที่คุณ panyarak แนะนำครับ

Eloy The Legacy, DVD Video ผมเพิ่งสั่งซื้อไป หลังจากที่ได้ดูราคามานาน เพราะเพิ่งได้ราคาที่เหมาะสมซึ่งรวมค่าส่งแล้วไม่เกิน 20 ยูโรครับ

(http://sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-snc4/hs963.snc4/75598_454131096724_739171724_5575564_7708049_n.jpg)

ยินดีด้วยครับ ไม่ได้ทำสำเนาให้เพราะทราบว่า คุณปีศาจฯ จะซื้ออยู่แล้ว

ขอบคุณครับ
คุณ panyarak ทายใจผมถูกเผงเลยครับ :D

วันนี้ผมได้รับ The Legacy DVD ของ Eloy แล้ว พอแกะซีลกล่องออกดู ข้างในก็มี DVD อยู่สองแผ่นและมี booklet รวมภาพและเรื่องราวโดยย่อของ Eloy เล่มหนึ่ง และอีกเล่มหนึ่งเป็นโบรชัวร์โฆษณาเสื้อยืด อยู่ออฟฟิศว่าง ๆ หลังจากเคลียร์งานแล้วก็เลยถือโอกาสลองเล่นแผ่นแรกซะเลย ;D แผ่นนี้เป็นการเล่าประวัติของวงย้อนไปถึงปี 1969 โดยผ่านถ้อยคำของสมาชิกและอดีตสมาชิกวงหลายคน แค่แผ่นแรกแผ่นเดียวผมก็รู้สึกว่าคุ้มแล้ว ดีวีดีชุดนี้มีซับไทเทิลเป็นภาษาอังกฤษให้ด้วยครับ

(http://sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-snc4/hs963.snc4/75598_454131096724_739171724_5575564_7708049_n.jpg)

ผมได้ดู The Legacy Box แผ่นแรกซึ่งว่าด้วยประวัติของ Eloy จบไปแล้ว ได้ข้อสรุปว่า Eloy แบ่งออกเป็นสี่ยุค คือ ยุคแรก (1971-1975), ยุคที่สองซึ่งถือเป็นยุครุ่งเรือง (1976-1979), ยุคที่สาม (1980-1985) และยุคที่สี่ (1988 ถึงปัจจุบัน) โดยมี Frank Bornemann มือกีตาร์เป็นตัวยืน ซึ่งก็คงคล้าย Robert Fripp ที่เป็นแกนนำของ King Crimson มาทุกยุคสมัย

นักดนตรีสมาชิกวงทั้งในอดีตและปัจจุบันซึ่งมาร่วมให้ข้อมูลเกี่ยวกับการทำผลงานในแต่ละอัลบั้ม นอกจาก Frank Bornemann ซึ่งเป็นตัวหลักแล้ว ก็ยังมี
- Klaus-Peter Matziol มือเบสส์ในยุคที่สอง, ยุคที่สาม และยุคปัจจุบัน
- Fritz Randow มือกลองในยุคแรกและยุคที่สาม ตั้งแต่อัลบั้ม Time To Turn เป็นต้นไป และเป็นมือกลองเฉพาะกิจในยุคปัจจุบัน อีกทั้งยังเคยเป็นมือกลองให้วง Jane ด้วย (Fritz Randow ให้สัมภาษณ์ติดตลกร้ายในทำนองว่าเขาชอบทำตัวเป็นมือปืนรับจ้างที่ทำเพื่อเงินมากกว่าจะเป็นสมาชิกถาวรของ Eloy ถ้ามีงานเมื่อไรก็เรียกหาได้เลย)
- Jurgen Rosenthal อดีตมือกลองในยุคที่สอง ซึ่งปัจจุบันมีรูปร่างอ้วนท้วน และดูเหมือนจะสูบบุหรี่จัดในระหว่างให้สัมภาษณ์
- Michael Gerlarch มือคีย์บอร์ดในยุคที่สี่
- Hans Arkona มือกีตาร์และคีย์บอร์ดในยุคที่สาม ซึ่งหน้าตาของเขาในปัจจุบันดูต่างจากตอนที่ไว้ผมยาวและหนวดเคราในยุค 80's
- Hans Folberth มือคีย์บอร์ดในยุคที่สาม คนนี้น่าจะดูเด็กที่สุด เพราะรูปร่างหน้าตาในปัจจุบันดูไม่ค่อยโทรมเท่าไรและโกนหนวดเคราเกลี้ยงเกลา

อดีตสมาชิกที่ผมอยากเห็นอยากเจอ แต่ไม่มาปรากฏตัว คือ
- Manfred Wieczorke มือคีย์บอร์ดในยุคแรก
- Detlef Schmidtchen มือคีย์บอร์ดในยุคที่สอง
- Jim MacGillivray มือกลองในยุคที่สาม (อัลบั้ม Colours และ Planets) อันที่จริงผมประทับใจฝีมือกลองอันทรงพลังของ MacGillivray เอามาก ๆ แต่ดูเหมือนสมาชิกคนอื่นของ Eloy ไม่ได้พูดถึงเขาเลย แต่กลับพูดในเชิงยกย่อง Fritz Randow มากกว่า ว่าเขาเป็นมือกลองที่เหมาะสมกับดนตรีของ Eloy มากที่สุด

ในตอนหนึ่ง Frank Bornemann บอกว่า ต้นยุค 70's เป็นช่วงจังหวะที่เหมาะสมแก่ดนตรีร็อคในยุคนั้นที่จะผงาดเด่นด้วยการสร้างสรรค์ผลงานที่แปลกใหม่ แต่การจะทำเช่นนั้นได้ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย อย่างไรก็ตามบรรยากาศและกระแสในยุคนั้นมันเอื้อให้สร้างสรรค์ผลงานที่แตกต่างและแปลกแยก และ Klaus-Peter Matziol ยังบอกอีกด้วยว่าบริษัทแผ่นเสียงในยุคนั้นยังให้โอกาสนักดนตรีในการสร้างสรรค์ผลงานอย่างเต็มที่ ไม่เหมือนในยุคนี้ ซึ่งไม่ให้โอกาสอย่างว่าแก่นักดนตรีอีกต่อไปแล้ว

ผมเปิดไปพบเวปขายแผ่นเยอรมัน ในstore มี eloy ชุดแรก rare-original gimmick แต่ราคา 1,087.86 เหรียญ ค่าส่ง 10.97 เหรียญ ครับท่านปีศาจ

ถ้าอยากฟังผลงานชุดนี้ ผมแนะนำให้หาแผ่นซีดีมาฟังดีกว่าครับ ถูกเงินกว่าเยอะ เพราะปกอัลบั้มที่เป็นรูปฝาปิดถังขยะก็บ่งบอกเป็นนัย ๆ ว่าเนื้อหาข้างในนั้นเป็นเช่นใด อัลบั้มชุดนี้มีคนเรียกอีกชื่อหนึ่งเป็นภาษาเยอรมันว่า "Mulltonne" ซึ่งแปลว่า "ถังขยะ" ดนตรีในอัลบั้มชุดนี้เป็นเฮฟวี่ร็อคต้นยุค 70's ในสไตล์ของ Black Sabbath เหมาะกับแฟนพันธุ์แท้และนักสะสมผลงานของ Eloy มากกว่า แผ่นเสียงอัลบั้มชุดแรกนี้มีทั้งแผ่น original และรีอิชชู่ ผมเคยเห็นราคาแผ่นรีอิชชู่ในอีเบย์แล้วก็ยังแพงอยู่ดี เพราะฉะนั้นถ้าไม่มีก็ไม่ต้องเสียดายหรือถึงกับต้องดิ้นรนหรอกครับ

(http://www.vintageprog.com/eloy1.jpg)

ข่าวดีสำหรับคุณ eric camen ครับ Missing Vinyl ได้ออกแผ่นเสียงรีอิชชู่ผลงานชุดแรกของ Eloy แล้ว เบอร์แผ่น MV 038 ซึ่งหน้าปกทำเลียนปกของเดิมทุกประการ เป็นแผ่นไวนิล 180 กรัม งานผลิตระดับ audiophile ผลิตจำกัดจำนวน 1000 แผ่นเท่านั้น งานนี้ผมคงไม่พลาดเช่นกัน -- เอาให้เต็มคอลเล็คชั่น Eloy ไปเลย -- ดีกว่าซื้อแผ่นเก่าราคาหลายร้อยเหรียญและหลายร้อยยูโรครับ

This is the debut album of the famous German group. It was originally released in 1971 on the PHILIPS label, with a great heavy psychedelic progressive rock sound, totally different to their later works. Reissued in an edition of 1000 pieces, pressed on deluxe 180-gram vinyl, with sound taken from the original analogue masters. The artwork is an exact reproduction of the first pressing's, with die cut dustbin lid cover and UNIVERSAL labels inside. First ever audiophile edition.

• Originally released on PHILIPS in 1971
• First ever audiophile edition
• Exact replica of the original die cut cover
• Taken from the original master tapes
• Official, deluxe 180g vinyl pressing
• 1000 pieces limited

01. Today - 5:56
02. Something Yellow - 8:15
03. Eloy - 6:15
04. Song of a Paranoid Soldier - 4:50
05. Voice of Revolution - 3:07
06. Isle of Sun - 6:03
07. Dillus Roady - 6:32

ลืมบอกไปว่า แผ่น Eloy ชุดแรกโดย Missing Vinyl ถ้าซื้อราคาเกิน 25 ยูโร ถือว่าขายแพงครับ

 ท่านพี่ปีศาจ จะซื้อกี่แผ่นครับ

ถ้าสนใจและอยากได้ ผมจะซื้อเผื่อมาให้คุณหนึ่งแผ่นครับ

    ผมก็ตั้งใจจะสั่งซื้ออยู่แล้วครับ ดังนั้น รบกวนท่านพี่ปีศาจเป็นธุระด้วยครับ สำหรับราคาแผ่นเสียงรวมค่าจัดส่งมีมูลค่าเท่าไร บอกได้เลยครับ

ผมจะสั่งให้ในปลายสัปดาห์นี้ -- ของผมกับของคุณคนละหนึ่งแผ่น -- ส่วนเรื่องราคาเดี๋ยวจะแจ้งให้ทราบอีกทีครับ

ผมได้ฟังอัลบั้มของ Eloy ชุดแรก ซึ่งย้อนออกเป็นแผ่นไวนิล 180 กรัม โดย Missing Vinyl แล้ว พบว่าให้คุณภาพเสียงที่นวลเนียนชวนฟัง พื้นเสียงเงียบสงัดมาก แทบไม่มีเสียงกรอบแกรบให้ได้ยินรำคาญหูเลย อาร์ตเวิร์คปกทำเลียนปก gimmick ของเดิม คุ้มค่ามาก มีแผ่นรุ่นนี้แล้วก็ไม่จำเป็นต้องเสาะหาแผ่น original ราคาแพงให้เมื่อยกระเป๋า ขอให้ Missing Vinyl ทำแผ่นหายากแบบนี้ออกมาอีกเรื่อย ๆ นะครับ (ต้องไปเขียนฟีดแบ็คให้กำลังใจที่เว็บไซต์ของเขาซะหน่อย ;D)

เกือบลืมบอกไปว่าผลงานชุดนี้เอ็นจิเนียร์โดย Conny Plank ซึ่งถือเป็นซาวน์ดเอ็นจิเนียร์ระดับตำนานคนหนึ่งของเยอรมัน ผลงาน prog จำนวนมากที่มีคุณภาพเสียงชั้นเลิศในสังกัด Brain, Sky etc. ก็มาจากฝีมือการสร้างสรรค์ของ Conny Plank นี่แหละครับ เสียดายที่แกบุญน้อยไปหน่อย R.I.P.

คิดว่าจะหยุดแค่นี้มั้ยครับ

(http://i321.photobucket.com/albums/nn367/paiboonp/eloy_ocean_zpsrpkjkoty.jpg)

อย่าหยุดเลยครับ
เด๋วคุณหมอกับท่านสารวัตร ไม่มีแผ่นเล่น

ผมหักคอพี่ปีศาจมาแล้วหลายแผ่นครับ 55555

สำหรับผม มิตรภาพอยู่เหนือสิ่งอื่นใด ถ้าชอบพอกันจะยกให้ฟรี ๆ เลยก็ได้ แต่ถ้าไม่ชอบขี้หน้ากันแล้ว ต่อให้ร้องขอเท่าไหร่ก็อย่าหวังครับ (เอ๊ะ นี่เราพูดตรงเกินไปรึเปล่า 555) :D

Reincarnation on Stage อัลบั้มแสดงสด เล่นเพลงทั้งยุคกลางเก่ากลางใหม่ (โดยเฉพาะเพลงจากอัลบั้ม Oceans และ Colours) และเพลงยุคใหม่ ออกจำหน่ายเมื่อปี 2014 มีทั้งแบบแผ่นเสียงและซีดี โดยเฉพาะแผ่นเสียงเป็นแบบ 3 แผ่นชุด ปกพับสามทบ รูปภาพและข้อมูลเพียบ มีทั้งแบบไวนิลดำและไวนิลสี พิมพ์จำกัดจำนวน 1000 แผ่น แฟน Eloy ห้ามพลาดครับ

เครดิตภาพ www.progarchives.com

(http://www.progarchives.com/progressive_rock_discography_covers/95/cover_4152113122013_r.jpg)

The Vision, The Sword and The Pyre - Part 1 สติวดิโออัลบั้มล่าสุดของ Eloy ออกจำหน่ายแล้วในปีนี้ (สิงหาคม 2017) เป็น concept album เล่าเรื่องราวของ Jeanne d'Arc หรือ โจน ออฟ อาร์ค (ดูจากชื่ออัลบั้มก็คงเดาไม่ยาก เพราะมีความหมายทำนองว่า "เห็นภาพนิมิต มือจับดาบ และตายบนกองฟอน" ไม่ทราบ Frank Bornemann แกนนำยืนยงของ Eloy ติดใจอะไรนักหนากับเรื่องราวของวีรสตรีฝรั่งเศสนางนี้ เห็นเขาพูดถึงนางมาตั้งแต่อัลบั้มชุด Destination (1992) และ The Tide Returns Forever (1994) แล้ว) ตอนนี้มีจำหน่ายในรูปแบบซีดี แต่ต่อไปอาจมี LP ออกมาก็ได้ครับ

เครดิตภาพ www.progarchives.com

(http://www.progarchives.com/progressive_rock_discography_covers/95/cover_64320472017_r.jpg)

The Vision, The Sword and The Pyre - Part I แค่เป็นซีดี ก็ราคาสูงเอาเรื่อง ราคาอยู่ประมาณสิบกว่า ถึงยี่สิบกว่ายูโร ราคาพอกันกับแผ่นเสียงรีอิชชู่บางชุดเลยครับ

กัดฟันซื้อมาจนได้ เพราะใจรักและเป็นแฟน Eloy ราคาในเว็บออนไลน์หลากหลายมาก ต้องเลือกดูดี ๆ ราคาต่ำสุดสิบกว่าปอนด์อังกฤษ พยายามหลีกเลี่ยงผู้ขายที่อยู่ในรัสเซียนะครับ แผ่นราคาไม่ถึงสิบเหรียญหรือยูโร น่ากลัวจะเป็นของปลอมครับ 555

เครดิตภาพ www.rockreport.be

(https://www.rockreport.be/files/albums/2017/098dc6f4-44ac-4150-8bfa-8ee7ea2419f1.jpg)

สุดสัปดาห์ที่ผ่านมานี้ ผมได้ไป "ทำการบ้าน" มาแล้วเกี่ยวกับผลงานแสดงสดชุด Reincarnation on Stage (แผนไวนิล 3 แผ่น) ฟังแล้วรู้สึกว่า Eloy พาผมกลับไปสู่ยุค 80's ซึ่งเป็นช่วงปีที่พวกเขาออกผลงานชุด Colours, Planets และ Time To Turn เพราะเพลงที่เล่นในชุด Reincarnation on Stage นี้ หลายเพลงมาจากสติวดิโออัลบั้ม 3 ชุดดังกล่าว และในการแสดงครั้งนี้ Klaus-Peter Matziol มือเบสส์ และ Hannes Folberth มือคีย์บอร์ด ที่เคยเล่นในสติวดิโออัลบั้ม 3 ชุดนั้น ก็มาร่วมเล่นด้วย หากสังเกตสไตล์การเดินเบสส์และเล่นคีย์บอร์ดของทั้งสองคนนี้ นี่แหละใช่เลย Eloy ยุคต้น 80's พร้อมด้วยนักร้องสาวคอรัสอีก 3 นาง งานนี้ Frank Bornemann สมาชิกยืนพื้น มือกีตาร์และร้องนำ แม้ปีนี้จะอายุ 72 แล้ว (ตอนที่เล่นคอนเสิร์ตครั้งนี้ อายุน่าจะยังไม่ถึง 70) แต่นั่นไม่ใช่อุปสรรคของเขาเลย (แก่แต่ยังมีไฟ) ขอยกนิ้วให้ครับ

เครดิตภาพ www.progarchives.com

(http://www.progarchives.com/progressive_rock_discography_covers/95/cover_4152113122013_r.jpg)

เมื่อปี 2014 Manfred Wieczorke และ Detlev Schmidtchen ซึ่งทั้งคู่เคยเป็นอดีตมือคีย์บอร์ดของ Eloy ได้ร่วมโปรเจ็คท์กันในนาม Choco ออกผลงานแนวอิเล็กทรอนิกส์มาชุดหนึ่งชื่อ Bubbles In Your Brain ใครที่เคยฟังแล้วช่วยเข้ามาเล่าหน่อยครับ

http://www.musicpool.de/Musik/Choco/choco.htm

ดู teaser หรือน้ำจิ้มตัวอย่างของอัลบั้ม The Vision, The Sword and The Pyre ได้ตามคลิปข้างล่างนี้ ส่วนผมเองได้ฟังอัลบั้มชุดนี้แล้วทันทีที่มาถึงมือ หากไม่เป็นการพูดเกินเลยไปนัก นี่คือมหากาพย์หรือร็อคโอเปร่าอันยิ่งใหญ่แห่งปลายทศวรรษที่ 2010 ไม่แพ้ Tommy ของ The Who และ The Wall ของ Pink Floyd ตอนแรกผมนึกว่า Frank Bornemann และ Eloy หมดไฟที่จะออกผลงานที่ยอดเยี่ยมเกรียงไกรมาอีกสักชุด แต่เมื่อได้ฟังผลงานล่าสุดชุดนี้แล้ว ผมคิดผิดครับ

https://www.youtube.com/watch?v=N6qiax6Aj1Q

(https://www.rockreport.be/files/albums/2017/098dc6f4-44ac-4150-8bfa-8ee7ea2419f1.jpg)

ในที่สุดก็มีแผ่นไวนิล (แผ่นคู่) ออกวางจำหน่ายแล้วครับ (ลุ้นซะตั้งนาน นึกว่าจะไม่มีทำออกมาเป็นแผ่นเสียงเสียอีก 555)

เครดิตภาพ www.rockreport.be

(https://www.rockreport.be/files/albums/2017/098dc6f4-44ac-4150-8bfa-8ee7ea2419f1.jpg)

บทสัมภาษณ์ Frank Bornemann สมาชิกยืนพื้นของ Eloy ตั้งแต่ยุคก่อตั้งจนถึงปัจจุบัน บังเอิญเจอบทสัมภาษณ์นี้เข้า อ่าน ๆ ไปชักเข้าที ก็เลยเอามาแปะไว้ให้ช่วยอ่านครับ 555 :D

http://www.dprp.net/wp/interviews/?page_id=443

เพื่อเฉลิมฉลองที่ Eloy มีอายุวงครบ 50 ปี (วงก่อตั้งเมื่อปี 1969) จึงได้ออก box set ชื่อ The Classic Years Trilogy โดยรวมผลงานสติวดิโอในยุครุ่งโรจน์ระหว่างปี 1976-1979 จำนวน 3 ชุด คือ Dawn, Ocean และ Silent Cries and Mighty Echoes ซึ่งใน box set ดังกล่าวนี้มีทั้งในรูปแผ่นเสียง 180 กรัม 3 แผ่น และซีดี 3 แผ่น รีมาสเตอร์โดย Eroc อาร์ตเวิร์คปกแผ่นเสียงชุด Dawn จากเดิมที่เคยเป็นปกเดี่ยว ใน box set นี้เป็นปกแบบ gatefold ใช้กระดาษคุณภาพสูง box set นี้ออกจำหน่ายเมื่อวันที่ 26 เมษายน 2562 จำกัดจำนวนผลิตและระบุหมายเลขประจำแต่ละกล่อง งานนี้สงสัยต้องตุนมาม่าไว้กินถึงปลายปีละครับ

ข้อมูลและภาพจาก www.progarchives.com

(https://www.progarchives.com/progressive_rock_discography_covers/95/cover_254372052019_r.jpg)

Releases information

Label: Vertigo Berlin
Release date: 26-04-2019
Format: 3LP + 3CD

On the occasion of the 50th anniversary of the founding of progressive rock formation ELOY in 1969, The Classic Years Trilogy will be released on 26.04.2019 a limited and numbered box set. Handsigned by Frank Bornemann!

Included are the three albums Dawn, Ocean and Silent Cries And Mighty Echoes - each as a 180 gram vinyl record with the three corresponding CDs which have been remastered by remastering legend Eroc.

The legendary original artwork of the three albums has of course been used on the outside. The album Dawn, like Ocean and Silent Cries And Mighty Echoes, is now also available with a high quality gatefold cover. The gatefold cover for the 3 CDs also contains statements from the original musicians on each album.

Eloy - The Classic Years Trilogy จะว่าไปแล้ว ผมว่าเขาน่าจะทำออกมาเฉพาะในรูปแผ่นเสียงก็พอแล้ว ลูกค้าและแฟน ๆ คงประหยัดสตางค์ไปได้เยอะ ซีดีทำให้ราคา box set ชุดนี้สูงเกินความจำเป็นครับ

เครดิตภาพ www.hrrshop.de

(https://www.hrrshop.de/bilder/produkte/gross/ELOY-The-Classic-Years-Trilogy-BOX-SET.jpg)

Eloy - The Vision, The Sword And The Pyre Part II กลางเดือนสิงหาคม 2562 นี้ เจอกันครับ

เครดิตภาพ www.eloy-legacy.com

(https://www.eloy-legacy.com/images/misc/VSP2Banner700.jpg)

อยากรู้ว่าแผ่นเสียงรีมาสเตอร์นั้นเสียงดีกว่าแผ่นต้นฉบับเดิมหรือไม่ เมื่อเทียบราคาของคนขายสองสามเจ้า มีเจ้าหนึ่งขายถูกสุด และรวมค่าส่งด้วย (นอกนั้นคิดค่าส่งแพงมาก สงสัย box set คงจะหนัก) จึงยอมกัดฟันซื้อครับ

เครดิตภาพ www.wp.rocktimes.de

(http://www.wp.rocktimes.de/wp-content/uploads/2019/05/eloy-the-classic-years-trilogy-box.jpg)

ข้อความจาก Eloy Fan Forum โพสต์โดยผู้ใช้นามว่า Robin ครับ

Eloy 50th anniversary

1969 was an eventful and exciting year: Apollo 11 landed on the Moon, social democratic party SPD first time took over leading political positions in Germany, outbreak of the conflict in Northern Ireland, maiden flights of the "Jumbo-Jet" and the "Concorde", birth of the "Woodstock" legend and only a few months later the "Altamont" desaster during a Rolling Stones performance, "Easy Rider" at the cinemas, "Abbey Road" and "Tommy", Black Sabbath and King Crimson on the turntables for the very first time.

And it's also 50 years ago that the German prog rock band Eloy was formed in Hanover by guitarist, singer and composer Frank Bornemann. To date he's the only permanent member of the band. The following year saw the first single "Walk On", and in 1971 the Philips label released the first full album with the now famous garbage can cover. After that Eloy switched over to Cologne based company Electrola and its legendary Harvest label, where they, after three more albums, released the trilogy "Dawn" (1976), "Ocean" (1977) and "Silent Cries And Mighty Echoes" (1979). These records represented the first musical and creative highlight of the band, and album sales also reached new dimensions.

Due to this anniversary these famous three albums will be reissued. On April 26th, 2019, Universal will release a box set, entitled "The Classic Years Trilogy", which includes three 180 gram vinyl discs and the equivalent CDs in a specially designed slipcase. All recordings, taken from the original master tapes, were remastered under the direction of remaster expert Eroc. In total the numbered box set is limited to 2,000 units.

The gatefolds of "Ocean" and "Silent Cries And Mighty Echoes" stayed unchanged on the outside and were adapted on the inside by long-time Eloy graphic designer Michael Narten. The original single sleeve of "Dawn" was expanded into a gatefold, with the lyrics from the original inner sleeve now printed inside of the gatefold using a new photo. Another gatefold cover features the three CDs plus statements about each album from the original musicians.

Today Eloy still is one of the most requested prog rock acts with an always growing international fan community. The official Eloy discography counts 18 studio albums and two live recordings. In 2017 the album "The Vision, The Sword And The Pyre - Part I", an adaption of the story of the French freedom fighter Jeanne d'Arc, reached a high position in the German album charts. Frank Bornemann and his musical guests are now working hard on "Part II". And there's also a plan for further catalogue releases.

ของส่งมาถึงมือผมแล้วประมาณอาทิตย์หนึ่ง กล่องนี้ค่อนข้างหนักอย่างที่คาดไว้เสียด้วย หมายเลขประจำกล่อง 1599 (ของจำนวน 2000 กล่อง) ครับ

เครดิตภาพ www.wp.rocktimes.de

(http://www.wp.rocktimes.de/wp-content/uploads/2019/05/eloy-the-classic-years-trilogy-box.jpg)

Eloy - The Classic Years Trilogy (3LP + 3CD box set) ผมเพิ่งมีโอกาสได้ฟัง box set ชุดนี้ของ Eloy เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ฟังแผ่นเสียงรวดเดียวทั้งสามชุดต่อเนื่องกันเลย นั่นคือชุด Dawn, Ocean และ Silent Cries And Mighty Echoes หลังจากที่ได้ฟังครบทั้งสามอัลบั้มแล้ว โดยความเห็นส่วนตัว ผมว่าคุณภาพเสียงโดยรวมสู้แผ่น original ไม่ได้ แผ่นรีมาสเตอร์กล่องนี้ให้โทนเสียงที่ออกนุ่มนวล ไม่ดิบหยาบ ฟังดูเป็นผู้ดี เบสส์หนามีตัวตน การแยกมิติสเตริโอทำได้ดี (หมายถึงการเน้นชิ้นเครื่องดนตรีที่โผล่ออกลำโพงข้างโน้นข้างนี้) และเวทีเสียงค่อนข้างถอยร่นไปข้างหลัง (laid back) ซึ่งเมื่อเทียบกับแผ่น original ที่ผมมีอยู่และฟังมาอย่างทะลุปรุโปร่งแล้ว แผ่น original หรือต้นฉบับให้เสียงที่รุกเร้า เข้มข้น สด ดิบ มีไดนามิค ฟังแล้วรู้สึกสะใจกว่า และให้เวทีเสียงยื่นออกมาข้างหน้าหรือ forward ซึ่งลักษณะเหล่านี้น่าจะเหมาะสมกับแนวเพลงร็อค / progressive rock ยกตัวอย่างอัลบั้มชุด Dawn ที่เป็นแผ่นรีมาสเตอร์ พอเริ่มต้นเพลงแรก Awakening เสียงสายฟ้าฟาดและ effects ต่าง ๆ ฟังดูไม่ค่อยเร้าใจและเสียดแทงแก้วหูเท่าแผ่น original และผมต้องเร่ง volume แอมป์ขึ้นไปอีกหนึ่ง step จึงจะได้ยินเสียงครบเต็มอิ่ม คือจากเดิมที่เคยฟังแผ่น original ผมเร่ง volume แอมป์ถึงแค่ระดับ 9 นาฬิกาก็ได้ยินเสียงดังเต็มห้องแล้ว แต่พอมาฟังแผ่นรีมาสเตอร์ ผมต้องสวิง volume ขึ้นไปถึงระดับ 10 นาฬิกาจึงจะฟังแล้วรู้สึกโอเค สรุปว่าผมรู้สึกค่อนข้างผิดหวังกับคุณภาพเสียงของแผ่นรีมาสเตอร์กล่องนี้ แต่ผู้ฟังหรือแฟนของ Eloy คนอื่น ๆ อาจเห็นต่างจากผมก็ได้ อย่างไรก็ตาม ผมคงไม่ถึงกับเสียดายเงินสามพันกว่าบาทเพื่อให้ได้ box set กล่องนี้มาหรอกครับ 555

เครดิตภาพ www.wp.rocktimes.de

(http://www.wp.rocktimes.de/wp-content/uploads/2019/05/eloy-the-classic-years-trilogy-box.jpg)

Eloy อัลบั้มชุด The Vision, The Sword and The Pyre Part II ออกวางจำหน่ายแล้วเมื่อวันที่ 16 ส.ค. 2562 ส่วนแผ่นเสียงผมว่าคงต้องรออีกสักพักครับ

เครดิตภาพ www.progarchives.com

(http://www.progarchives.com/progressive_rock_discography_covers/95/cover_485292372019_r.jpg)

Eloy - The Vision, The Sword and The Pyre Part II ในรูปแผ่นเสียงไวนิล ตอนนี้มีวางจำหน่ายแล้วครับ

สำหรับอัลบั้มชุดนี้ ตอนนี้มีผู้รีวิวอยู่แค่รายเดียวใน progarchives แกสับ Frank Bornemann ซะเละเลย แต่จะเห็นด้วยกับเขาหรือไม่ ก็ต้องไปลองทำการบ้านกันดู ส่วนผมเองก็ยังไม่ได้ทำครับ 555 ;D

คำรีวิวใน progarchives

This is an awful, awful, awful, awful, awful album. Even worse than their last.

Frank is getting worse as a singer, and that's all that he does on this album. The album is just short songs with terrible fadeouts and absolutely no traces of symphonic sounds or spacey rock.

The songs are boring, and really bad. The only good thing about this album is the production. Frank should engineer and mix other bands and stop making music as Eloy.

The legacy of Eloy is tainted by this release and the release before it. Avoid listening to this album and stick with their symphonic spacerock-albums.

Eloy - The Vision, The Sword and The Pyre Part II

มีแผ่นเสียง Part I (2LP) แล้ว จะไม่ซื้อ Part II เลยก็กระไรอยู่ มีจังหวะปะเหมาะก็ซื้อไว้ซะ จะได้มีครบทั้ง 2 parts ก่อนที่ title จะ out of print

เครดิตภาพ www.metal-temple.com/

(http://www.metal-temple.com/uploads/catalogues/Eloy%20-%20The%20Vision%2C%20the%20Sword%20and%20the%20Pyre%20%28Part%20II%29%20-%20Metal%20Temple.jpg)

ผมได้รับแผ่นเสียงชุด The Vision, The Sword and The Pyre Part II ของ Eloy ที่ส่งมาจากเยอรมนีแล้ว พอแกะซีลออกดูเนื้อในมีแผ่นเสียงอยู่ 2 แผ่นในปก jacket ที่ไม่ใช่แบบ gatefold ซึ่งในนั้นมี inner sleeve อยู่อันหนึ่งที่เป็นกระดาษอาบมัน มีเนื้อร้องและข้อความพิมพ์ไว้ ส่วน inner sleeve อีกอันหนึ่งเป็นซองสีขาวล้วนทั่วไป แผ่นเสียงทั้งสองแผ่นมีเพลงอยู่แค่ 3 หน้าเท่านั้น ส่วนหน้าสุดท้ายของแผ่นที่สองเป็นหน้าว่างเปล่าครับ

เครดิตภาพ www.metal-temple.com

(http://www.metal-temple.com/uploads/catalogues/Eloy%20-%20The%20Vision%2C%20the%20Sword%20and%20the%20Pyre%20%28Part%20II%29%20-%20Metal%20Temple.jpg)

ขอเรียนตรง ๆ ว่า ผมได้ฟัง The Vision, The Sword and The Pyre Part I ไปแล้ว รู้สึกยังไม่ค่อยซาบซึ้งเท่าที่ควร หรือเป็นเพราะไม่คุ้นกับแนวทางดนตรีของ Eloy ในยุคใกล้ปี 2020 ก็ไม่ทราบ (ซึ่งผมเห็นว่าแตกต่างจากดนตรีของพวกเขาในยุค 1970's ถึง 1980's อยู่พอสมควร กล่าวคือ ยังเป็น Eloy อยู่ก็จริง แต่เป็น Eloy ยุคใหม่ เกือบสองทศวรรษหลังปี ค.ศ. 2000) เมื่อฟังผลงานในลักษณะ opera rock concept เช่นนี้ ก็เหมือนอ่านหนังสือเป็นเล่ม ยิ่งมี Vol. 1, Vol. 2 etc. ด้วยแล้ว ยิ่งสนุก ชวนให้ติดตาม และต้องใช้ความพยายามค่อนข้างมาก ถ้าอ่าน Vol. 1 แล้วยังไม่เข้าใจ ก็ต้องกลับไปอ่านมันอยู่อย่างนั้นจนกว่าจะเข้าใจ... ไม่ทราบเคยเป็นกันบ้างหรือเปล่าครับ 555

เครดิตภาพ www.rockreport.be

(https://www.rockreport.be/files/albums/2017/098dc6f4-44ac-4150-8bfa-8ee7ea2419f1.jpg)

ถ้ามีร้านแผ่นเสียงในบ้านเราที่ขายแผ่นเสียงแนว progressive rock แบบกว้างละเอียด และลึก (ไม่ใช่รู้จักและมีขายอยู่เพียงไม่กี่วงที่คนทั่วไปรู้จักกันดี) และรับสั่งจองและสั่งซื้อแผ่นจากเมืองนอกให้ด้วยนี่ ผมรักตายเลยและจะเป็นลูกค้าขาประจำด้วยครับ พับผ่าสิเอ้า 555 ;D