Thai Progressive Rock Community

  พอดีผมพึ่งหัดฟังเพลงแนวนี้อ่ะครับผมอยากรู้ประวัติวงนี้อ่ะคับว่าความเป้นมาเปงอย่างไรอ่ะคับช่วยตอบทีนะครับ

แทนเจอรีน ดรีม เป็นวงร็อคเยอรมันที่ถือกำเนิดขึ้นเมื่อปลายยุค 60 เป็นวงร็อคที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาหลายสิบปี จากรุ่นพ่อถึงรุ่นลูก และมีนักดนตรีเดินเข้าออกวงนี้จำนวนไม่น้อย เดิมเล่นดนตรีในแนวร็อคแอนด์โรลล์ทั่วไป แต่ต่อมาได้พัฒนาไปสู่ความเป็น psychedelic & space rock โดยได้รับอิทธิพลจากวงดนตรีที่โด่งดังในยุคนั้น คือ Pink Floyd อัลบั้มชุดแรก Electronic Meditation เป็นอัลบั้มเพียงเดียวที่มี Klaus Schulze ปรมาจารย์ดนตรีอิเล็กทรอนิกส์ร่วมวงอยู่ด้วย ส่วนอัลบั้มอื่นที่มีตามมาหลังจากนี้ได้แก่ Alpha Centauri, Atem, Zeit ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นแนว space rock ทั้งสิ้น

ยุครุ่งเรืองของ แทนเจอรีน ดรีม เริ่มต้นเมื่อได้เซ็นสัญญากับสังกัด Virgin Records ออกผลงานที่โด่งดังมาหลายชุด ได้แก่ Phaedra, Rubycon, Ricochet, Stratosfear, Encore (live) ระยะนี้ ทางวงมีสมาชิกค่อนข้างลงตัว ประกอบด้วย Edgar Froese, Christoph Franke และ Peter Baumann หลังจากอัลบั้มชุด Encore เพเทอร์ บาวมานน์ ได้ลาออกจากวงไป และในระยะนี้ก็มีสมาชิกผลัดกันเข้าออก ไม่ค่อยถาวรนัก แต่ผลงานยังพอใช้ได้หรืออาจถึงขั้นดี เช่น อัลบั้ม Cyclone, Force Majeure และสถานภาพทางวงก็ลงตัวอีกครั้งเมื่อ Johann Schmoelling ได้เข้ามาร่วมวง โดยระยะนี้ TD ได้เข้าสู่ยุค 80 แล้ว ดนตรีมีเสียงที่ทันสมัยและมีความเป็นพ็อพมากขึ้น แต่ผลงานส่วนใหญ่ก็ยังน่าฟังอยู่ เช่น Le Parc, Logos Live At The Dominion, White Eagle, Tangram เป็นต้น

หลังจากยุคนี้ไปแล้ว ผมก็ไม่ได้ติดตามผลงานของวงนี้อีก แต่ทราบว่าเป็นวงที่ออกผลงานมามากมายอย่างต่อเนื่อง ทั้งสติวดิโออัลบั้ม ไลฟ์อัลบั้ม และ original soundtracks ของภาพยนตร์หลายเรื่อง เช่น The Sorcerer, Legend, Thief เป็นต้น จวบจนปัจจุบัน Jerome Froese ลูกชายของ Edgar Froese ก็ได้เข้ามาเป็นสมาชิกคนหนึ่งของวงร่วมกับผู้เป็นพ่อแล้ว จึงถือเป็นวงดนตรีที่อยู่ยงคงกระพันจากรุ่นหนึ่งสู่อีกรุ่นหนึ่ง

เนื่องจากผลงานของวงนี้มีมากมาย แต่ที่ดีจริง ๆ คงจะมีไม่กี่ชุด หากจะเก็บก็คงต้องรู้จักเลือกหน่อย จึงขอแนะนำสั้น ๆ ว่าให้เก็บผลงานแรกสี่ชุดและผลงานในยุคที่อยู่กับสังกัด Virgin ราวช่วงปี 70 ถึง 80 เป็นหลัก แค่นี้ก็คงพอจะทำให้เห็นภาพของ Tangerine Dream ได้อย่างถึงแก่น

เห็นด้วยกับคุณปีศาจฯ ครับ พอวงนี้นำกีตาร์เข้ามาตั้งแต่ช่วงปลายทศวรรษที่ 1980 แล้ว ดนตรีเข้าใกล้ mainstream จนไม่น่าติดตามแล้วครับ ใครที่เคยชอบเพลง Loved by the Sun ที่ Jon Anderson ร้องใน OST Legend ถ้าได้ฟัง Tangerine Dream ยุคปัจจุบันนำเพลงนี้เล่นบรรเลงเวลาออกแสดงสดแล้วต้องจำไม่ได้ว่าเป็นเพลงเดียวกัน เพราะฟังแล้วกลายเป็นเพลง easy listening ไปเลยครับ

 ขอบคุงมากครับ

มีผลงานของวงนี้ เยอะมากๆ แนะนำให้หาชุดรวมเพลงหรือชุดแสดงสดฟังไปก่อน จะได้รู้จักเพลงดังๆของวงนี้
 มีกระทู้ที่คล้ายกัน ลองอ่านดูนะครับ

http://www.thaiprog.net/webboard/index.php?topic=201.0

ถ้าพอหาได้ บ็อกซ์เซ็ตรวมเพลงห้าแผ่นซีดีชุด Tangent ก็น่าสนใจ แต่เสียอย่างเดียวที่เพลงส่วนใหญ่ถูกนำมาแต่งเสียงและรีมิกซ์ ซึ่งโดยความเห็นส่วนตัวออกจะเสียอรรถรสของเพลงดั้งเดิมไปบ้าง ส่วนอัลบั้มแสดงสดที่ดีและทำให้เห็นเค้าลางของความเป็น แทนเจอรีน ดรีม ในยุครุ่งเรืองได้นั้น คืออัลบั้มคู่ชุด Encore (ถ้าเป็นซีดีจะเป็นแผ่นเดี่ยว) ครับ

เว็ป Progarchive.com แบ่งเฟสของวงไว้น่าสนใจมากๆ และมีอัลบั้มที่เป็นไฮไลท์ของแต่ละเฟสด้วย


1) The Pink Year (1970 - 1973):
1970 - Electronic Meditation
1971 - Alpha Centauri
1972 - Zeit 'Largo In 4 Movements'
1973 - Atem / Green Desert



2) The Virgin Years (1974 - early 80ies):
1974 - Phaedra
1975 - Rubycon
1976 - Stratosfear
1977 - Sorcerer
1978 - Cyclone
1979 - Force Majeure
1980 - Tangram
1981 - Exit
1982 - White Eagle
1983 - Hyperborea

3) The Blue Years (early 80ies - 1987):
1985 - Le Parc
1986 - Undewater Sunlight
1987 - Tyger

4) The Melrose Years (1988 - 1990):
1988 - Optical Race
1989 - Lily On The Beach
1990 - Melrose

5) The TDI Music Catalogue (1991 - present):
1992 - Rockoon
1994 - Turn Of The Tides
1995 - Tyranny Of Beauty / The Dreams Mixes (1 CD & 2 CDs)
1996 - Goblins' Club
1997 - Time Square "Dream Mixes 2"
1998 - Ambient Monkeys / Dream Encores
1999 - Mars Polaris
2000 - Seven Letters From Tibet
2001 - Dream Mixes 3 - The Past Hundred Moons
2002 - Inferno 'Dante Alighieri – La Divina Commedia'
2004 - Dream Mixes 4
2004 - Purgatorio 'Dante Alighieri – La Divina Commedia'


ยุคที่ 4 และ 5 ผมยังไม่เคยฟังสักชุดเลย

ยุคที่ 4 และ 5 มีกีตาร์เข้ามาและละทิ้งความเป็น prog ไปหาดนตรีติดหูง่ายครับ

มีกระทู้อื่นที่คล้ายๆกัน

http://www.forumtown.net/viewtopic.php?t=132&mforum=progrockthai

http://www.forumtown.net/viewtopic.php?t=178&mforum=progrockthai

http://www.thaiprog.net/webboard/index.php?topic=281.0

http://www.thaiprog.net/webboard/index.php?topic=201.0

อยากทราบความเห็นจากแฟน Tangerine Dream ครับว่ามีใครที่สามารถฟังอัลบั้ม Zeit (ลองเพลย์แผ่นคู่) ได้จนจบรวดเดียวทั้งอัลบั้มโดยไม่รู้สึกเบื่อบ้าง? โดยทั่วไปผมอาศัยฟังอัลบั้มนี้แบบแบ่งครึ่ง มีน้อยครั้งมากที่ฟังรวดเดียวจบ เพราะมันน่าเบื่อมาก ขนาดลูกชายของ Edgar Froese สมาชิกหลักของ TD ยังเกลียดผลงานชุดนี้เลยครับ (แต่ทำไมนักวิจารณ์เมืองนอกถึงได้ยกย่องผลงานชุดนี้กันจัง -- ไม่เข้าใจจริง ๆ)

แค่แผ่นเสียงหน้าเดียวก็แย่แล้วครับ ต้องฟังสลับกับแผ่นอื่น

รบกวนถามพี่ panyarak ว่า Tangerine Dream มีทำเป็น mini lp อัลบั้มยุคไหนบ้างครับ ?

The Pink Years

Tangerine Dream's first releases were on the Ohr label. The Ohr logo was a pink ear, thus fans refer to this era as the "Pink Years".

Released    Album    
1970    Electronic Meditation    
1971    Alpha Centauri    
1972    Zeit    
1973    Atem    

The Virgin Years

In 1974, the band switched to Virgin Records, thus "Virgin Years".

Released    Album    
1974    Phaedra    
1975    Rubycon    
1975    Ricochet    
1976    Stratosfear    
1977    Encore    
1978    Cyclone    
1979    Force Majeure    
1980    Quichotte
1980    Tangram    
1981    Exit    
1982    White Eagle    
1982    Logos Live    
1983    Hyperborea
   
The Blue Years

The switch to the Jive Records label with their blue logo was the start of the "Blue Years".

Released    Album    
1984    Poland    
1985    Le Parc    
1986    Green Desert(recorded 1973, re-mixed 1984)    
1986    Underwater Sunlight    
1987    Tyger
1988    Livemiles Re-released in 1996 as Live Miles.    

The Melrose Years

The "Melrose Years" started when Tangerine Dream switched to Peter Baumann's Private Music label, located on Melrose Avenue in Los Angeles, California. This was a period of rapid line-up changes, with the era's beginning coinciding with the departure of Christopher Franke, and its end with the departure of Paul Haslinger and the introduction of Jerome Froese and Linda Spa.

Released    Album
1988    Optical Race
1989    Lily on the Beach
1990    Melrose

The Seattle Years

A switch to the Miramar label in Seattle, Washington gave the name "Seattle Years".

Released    Album    
1992    Rockoon    
1992    Quinoa Originally a limited fanclub release of 1000 copies. An unlimited version came out in 1997.    
1993    220 Volt Live    
1994    Turn of the Tides    
1995    Tyranny of Beauty    

The Millennium or TDI Years

Named after the timeframe. Tangerine Dream moved to the Castle label in 1996 briefly before Edgar Froese created his own TDI label. Few regular albums were released in this period, with the Dream Mixes and Dante series (see below) taking much of the group's time, in addition to soundtracks.

Released    Album    
1996    Goblins Club    
1997    Ambient Monkeys Pre-concert ambient music    
1999    Mars Polaris    
2000    The Seven Letters From Tibet    
2005    Jeanne d'Arc    

The Eastgate Years

In late 2005 the label was re-named "Eastgate". In addition to regular albums and the occasional concert EP, TD have released numerous studio EPs, as well as a series of "cupdisks" shorter than a full album but longer than an EP (around 40 minutes). Going with this, later EPs have been called "mini-cupdisks". These are not connected in theme in any way. All of these except the first cupdisk One Times One have been limited edition releases.

Several side-series were also continued; see below.

Released    Albums/"Cupdisks"    
2006       40 Years Roadmap to Music
2006       Metaphor
2007           Madcap's Flaming Duty    
2007       Sleeping Watches Snoring in Silence
2007       Bells of Accra
2007          One Times One
2008       Armageddon in the Rose Garden
2008          Purple Diluvial
2008          Views from a Red Train    
2008       Das Romantische Opfer
2008       Fallen Angels
2008       Choice
2009          Flame
2009         Chandra - The Phantom Ferry Part I    
2009       A Cage in Search of a Bird
2010       Zeitgeist

Soundtrack albums

Tangerine Dream has provided soundtracks to more than sixty-five films and videos, one play and two audio novels. Around thirty soundtrack albums have been released, including:

Released    Soundtrack
1977    Sorcerer
1981    Thief
1982    Das Mädchen auf der Treppe
1983    Daydream – Moorland
               Risky Business
               Wavelength
1984    Firestarter
               Flashpoint
1985    Heartbreakers
                Legend *
1987    Three O'Clock High
1988    Near Dark
                Shy People
1989    Miracle Mile
                Destination Berlin
1990    Dead Solid Perfect
1991    Canyon Dreams
1991    The Park Is Mine
1991    Rumpelstiltskin (audio novel)
1991    L'Affaire Wallraff
1992    Deadly Care
1994    Catch Me If You Can
1996    Zoning
1997    Oasis
1997    The Keep
1997    Der Meteor (audio novel)
1998    Transsiberia
1998    ?    The Hollywood Years Vol. 1 **
1998    ?    The Hollywood Years Vol. 2 **
1999    What a Blast — Architecture in Motion
2000    1999    Great Wall of China
2003    Mota Atma

จำได้ว่าน้องเหม่งเคยแนะนำงานที่แกชอบไว้เกือบ 2 ปีที่แล้ว เห็นว่าไม่ค่อยเหมือนใคร ขออนุญาติเอามาลงไว้ที่นี่นะครับ

-Exit (บรรยากาศแบบเพลงบรรเลงของ The Alan Parsons Project)
-Phaedra, Stratofear (งานยุคคลาสสิค ฟังยาก แต่ถ้าชอบพวก Space/Ambient แล้วล่ะก็ งานนี้ไม่ควรพลาด)
-Lily on the Beach, Optical Race (สองชุดนี้ฟังง่าย แต่ถ้าชอบงานซินธ์แบบยุค 80's ที่ละเมียดๆหน่อย ก็น่าจะชอบครับ)
- The Seven Letters from Tibet (New Age เพราะเหนือคำบรรยาย)
-OST. Firestarter
-OST. Thief

ไม่รู้ป่านนี้แล้วมีอะไรเปลี่ยนแปลงหรือเปล่า  :D

ผมเองยังชอบอัลบั้มเหล่านี้อยู่ครับ นอกจากนี้อัลบั้มที่ออกในช่วงปีสองปีมานี้ก็มี Purple Diluvial และ Flame ที่ผมฟังแล้วเข้าท่าหน่อย แต่อัลบั้มอื่นๆก็ค่อนข้างธรรมดาและซ้ำซากครับ แต่โดยส่วนตัวคิดว่าผลงานเฟสที่ 1-3 จะมีเอกลักษณ์น่าฟังที่สุด (ส่วนเฟสที่สี่ถ้าจะฟังเอาเพราะ และรับความซ้ำซากได้ ก็ฟังได้ไม่มีปัญหาครับ)

ไปเจอมาเลยเอามาแปะไว้ เผื่อเป็นไอเดียสำหรับคนที่สนใจครับ

http://www.amazon.co.uk/Tangerine-Dream-Electronic-Meditation-Parc/lm/R3PWKYVBRULR94/ref=cm_lmt_srch_f_1_rsrsrs0

ชอบ -Phaedra, Stratofear (งานยุคคลาสสิค ฟังยาก แต่ถ้าชอบพวก Space/Ambient แล้วล่ะก็ งานนี้ไม่ควรพลาด) ที่สุดครับ  :D

สำหรับ วงฝันส้มจีนนี้ ผมว่ามันเหมือนน้ำเปล่าหละนะครัฟ

-กินกี่ขวด ก็รสชาติ เหมือนๆกัน

-แต่ถ้าคุณไม่กิน คุณตาย
(หมายความว่า ตายจากโลกของพร็อกอ้ะ..)
 ;D

มีหลายชุดที่ไม่ปรากฎอยู่ในรายชื่อที่คุณ Tron เรียงรายชื่อมา กรุณา search หา tangerine dream mini lp จากอีเบย์ จะมีหมดเลยครับ

ได้ฟัง Phaedra กับ Rubycon แล้ว(ขอบคุณพี่ตั๊มมากๆครับ) บอกได้เลยว่าชอบมากๆครับ สมัยก่อนได้ยินคนเรียกว่าเป็นแนว New Age ผมจึงมองข้ามมาตลอด จนได้ฟังเองแล้วเข้าใจครับว่าเป็นดนตรีลักษณะไหน สงสัยต้องเสียเงินอีกแน่ๆ  ;D

ผลงานของ TD หลังยุค 80 เป็นต้นมาก็คงจะเป็น New Age ได้ เพราะกระแสนิวเอจช่วงปี 80 แรงมาก เห็นอะไรบรรเลงออกลึกลับซับซ้อนหน่อยเป็นต้องจัดชั้นเป็นนิวเอจกันไปหมด แต่ผลงานของ TD ก่อนปี 80 ผมว่าไม่ใช่ New Age แต่อาจเรียกได้ว่าเป็นบรรพบุรุษของนิวเอจครับ

ครับ คือสำหรับผมคำว่า New Age ชวนให้นึกถึงดนตรีที่ใช้ซินธิ์เป็นหลักและบรรเลงในโทนไพเราะสบายๆน่ะครับ ทำให้ผมนึกกว่า TD เป็นแบบนั้น แต่เท่าที่ฟัง 2 ชุดนี้มันลึกลับกว่าแนว New Age ทั่วไปที่ผมเข้าใจครับเลยชอบมาก ส่วน 4 ชุดแรกอาจเรียกเป็น Space Rock พอได้ไหมครับ ฟังแล้วมันคล้าย Pink Floyd ยุค A Saucerful of Secret มากๆ

เป็น Space Rock ได้เลยครับ เผลอๆจะหลุดไปเป็น Krautrock ด้วยซ้ำ

เห็นนักวิจารณ์บางคนก็จัดประเภทผลงานสี่ชุดแรกของ TD ว่าเป็นแนว space rock คล้ายชุด A Sourcerful of Secrets อย่างที่คุณ TRON บอกมานั่นแหละครับ นัยว่าผลงานยุคนี้ของ TD ก็ได้รับอิทธิพลจาก Pink Floyd มาบ้างเหมือนกัน แต่ผมเห็นว่า TD ก็มีเอกลักษณ์ของเขาเองครับ

นับแต่ที่ Johannes Schmoelling เข้าร่วมวงกับ TD ในต้นยุค 80 จะเห็นได้ว่าดนตรีของ TD เริ่มฟังง่ายขึ้น มีโครงสร้างเป็นตัวตนมากขึ้น และมีเมโลดี้ไพเราะที่ติดหูมากขึ้นด้วย จนบางครั้งถูกนำไปจัดประเภทเป็นนิวเอจ ขอให้ลองไปฟังผลงานชุด Le Parc, Logos Live at the Dominion, Hypoberea, White Eagle ดูเป็นตัวอย่างเปรียบเทียบกับผลงานก่อนปี 80 ของพวกเขานะครับ

ขอบคุณครับ ไว้ผมไล่ฟังถึงชุด Force Majure แล้วจะหาชุดที่แนะนำมาฟังอีกทีครับ 

ผมว่าชุด Tangram, Exit, Poland (Live) และ Green Desert ก็ยังถือว่าน่าหามาฟังอยู่นะครับ สำหรับงานในยุค 80's ซึ่งอัลบั้มเหล่านี้ยังไม่เสียความสลับซับซ้อนในแง่ของการบรรเลงไปมากเท่าไรนัก โดยเฉพาะชุด Exit นี่ผมชอบมากเป็นการส่วนตัวเลยเพราะมันฟังดูคล้ายกับเพลงบรรเลงต่างๆของวง The Alan Parsons Project ดีครับ พอหลังจากนี้ทางวงก็เริ่มหันเข้าสู่แนวนิวเอจเรียบๆเต็มตัว ซึ่งตอนนี้ก็ตัวใครตัวมันล่ะครับว่าจะรับได้มั้ย ส่วนตัวผมแล้วเห็นว่าหลายชุดก็ไพเราะฟังได้เพลินๆดี แต่ก็มีอีกหลายชุดที่ไม่เอาอ่าวเลยเช่นกัน ผลงานในช่วงนี้ที่ผมชอบก็ได้แก่ Underwater Sunlight, Optical Race, Lily on the Beach, Tyranny of Beauty, The Seven Letters from Tibet, Kyoto, Madcap's Flaming Duty, Purple Diluvial และ Flame

ส่วนอัลบั้มซาวนด์แทร๊คที่ผมฟังแล้วชอบก็มี Sorcerer, Thief, Firestarter, Near Dark, Miracle Mile, Canyon Dreams และ Great Wall of China ครับ

ใครสนใจงานเดี่ยวของ EDGAR FROESE ชุด Aqua ก็โทรสั่งร้าน J.U.ได้เลยนะครับ เห็นมีเหลืออยู่ ไม่รู้ว่าชุดนี้ดีหรือไม่ครับ?

ฟัง Phaedra ถึง Force Majure ต้องบอกว่า Phaedra, Rubycon, Richochet สุดๆจริงๆครับ ส่วนที่เหลือก็ดีเช่นกัน จะมีก็ Cyclone ที่ไม่ค่อยชอบเท่าไหร่

เท่าที่ฟังงานยุคต้น 80's ที่ค่อนข้างลงตัวมากนี่ ผมว่าถ้าใครชอบ Mike Oldfield นี่ก็น่าจะชอบ Tangerine Dream ได้ด้วยเช่นกันครับ ถึงแม้ดนตรีจะไม่เหมือนกันก็ตาม

ไม่แน่ใจว่า เป็น original version หรืออันที่บันทึกเสียงใหม่โดยใช้คีย์บอร์ดสมัยใหม่ อัน original น่าฟังกว่าครับ

ปกสีฟัาๆครับ ไม่ทราบว่าใหม่หรือเก่า

ถ้าปกสีฟ้า เป็น original version ครับ

ผมฟังแผ่นเสียงชุดนี้แล้ว ก็ถือว่าดีเทียบเท่าผลงานในนามของ TD ในยุคนั้นได้เลยครับ จำได้ว่าเสียง mellotron ค่อนข้างเด่น

Phaedra, Rubycon, Ricochet รวมทั้ง Stratosfear ถือเป็นผลงานที่โดดเด่นมากในช่วงที่ Peter Baumann ยังร่วมงานอยู่กับ TD และถือเป็น classic albums ของวงนี้ด้วย ส่วน Force Majeure แม้จะออกในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อในการเปลี่ยนสมาชิกวงและกำลังย่างก้าวสู่ปี 80 ของวงนี้ แต่ก็ยังถือว่าเป็นผลงานที่ดีอยู่ และผมก็ไม่ค่อยชอบชุด Cyclone เช่นกันครับ

ฟังชุดนี้แล้วเหมือนกำลังใส่ชุดดำน้ำ ดำดิ่งลงไปใต้ทะเลลึก
แกสร้างเสียงคล้ายกับเสียงฟองอากาศที่หายใจออกมาเป็นระยะๆ
ยื่งดำลึกลงไปบรรยากาศวังเวง เปล่าเปลี่ยวครับ  :D
ชุดนี้ผมไม่ค่อยเปิดฟังเท่าไหร่ เพราะว่ายน้ำไม่เป็นครับ  ::)

ดูเหมือนช่วงนั้น TD และ Edgar Froese จะชอบเล่น concept ที่เกี่ยวกับน้ำนะครับ เพราะนอกจาก Aqua แล้ว อัลบั้ม Rubycon ของ TD ก็เป็น concept เกี่ยวกับน้ำด้วย โดยเฉพาะ Part 1

หลายคนไม่ชอบชุด Cyclone ที่เป็นเพลงร้องชุดแรกของวง แต่อัลบั้มเพลงร้องชุดที่ 2 ชื่อ Tyger เพราะดีครับ มีปก 4 แบบ

(http://i709.photobucket.com/albums/ww97/tanbeemkarn/td3-1.jpg) (http://i709.photobucket.com/albums/ww97/tanbeemkarn/td4-1.jpg) (http://i709.photobucket.com/albums/ww97/tanbeemkarn/td5-1.png) (http://i709.photobucket.com/albums/ww97/tanbeemkarn/tdd.jpg)

ว้า ชุดนี้ผมไม่มีซักแบบ เคยมีเทป ป่านนี้คงหาไม่เจอเสียแล้ว  :D

ไว้ผมไรท์ให้ได้ครับ เจอกันคราวหน้าเตือนอีกทีนะครับ

ลืมไปเลยว่าชุด Tyger นี่ก็ไพเราะน่าฟังเหมือนกันครับ

ขอบคุณครับ  :)

ผมมีหนังสือชื่อ Voices in the Dunes ซึ่งรวบรวมผลงานของ Tangerine Dream ทุกรูปแบบตั้งแต่ตั้งวงถึงปี 1991 ตัวหนังสือขนาดกระดาษ A4 หนากว่า 1 นิ้ว

(http://i709.photobucket.com/albums/ww97/tanbeemkarn/voice.jpg)

พอถึงยุคอินเตอร์เน็ต หนังสือนี้ก็พัฒนาเป็น Voices in the Net ซึ่งน่าจะเป็นแหล่งที่รวบรวมรายชื่อผลงานของ Tangerine Dream ทุกรูปแบบที่สมบูรณ์ที่สุดครับ

http://www.voices-in-the-net.de/voicesrc.htm


 

ไปค้นเจอเว็บนี้มาเหมือนกันครับ ข้อมูลดีมากละเอียดมากสำหรับคอ TD

เข้าไปอ่าน แล้ว นึกได้ว่า ใน CD 4 ชุดแรกที่มา remasterใหม่ คนที่เขียนคำนิยมใน sleeve note คือ Julian Cope นั่นเอง

ผมมีอัลบั้มชุดนี้เป็นปกแบบที่สามครับ (ซึ่งคิดว่าน่าจะเป็นปกที่คุ้นเคยที่สุด) ชุดนี้ได้ Paul Haslinger เข้ามาแทน Johannes Schmoelling เพลงก็เพราะดีครับ โดยเฉพาะเพลง Tyger ซึ่งเนื้อร้องเป็นโคลงที่แต่งไว้โดยกวีชาวอังกฤษ ผมเองก็นึกไม่ถึงว่า TD จะสามารถนำมาเรียบเรียงเป็นเพลงได้ครับ

ใครช่วยบอกหน่อยได้ไหมครับทำไมซีดีแผ่นญี่ปุ่นของ Tangerine Dream มันถึงประมูลกันราคาโหดแบบนี้  ???

http://shop.ebay.com/kazu1017/m.html?_nkw=tangerine+dream&_sacat=0&_trksid=p3911.m270.l1313&_odkw=&_osacat=0&bkBtn=

ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นไปได้ที่อีเบย์ครับ ถ้าแผ่นซีดี bid สู้กันเป็นร้อยเหรียญเนี่ย ผมซื้อแผ่นเสียงดีกว่าครับ

แนะนำผลงานเดี่ยวของ Christopher Franke ชุด Pacific Coast Highway

เป็น New Age ที่ไพเราะมากๆ ออกป็อบดี แต่ไม่เลี่ยน

+1 ครับ แนวนิวเอจที่ไพเราะมากอีกชุดคือ Enchanting Nature
(http://i709.photobucket.com/albums/ww97/tanbeemkarn/cf1.jpg)

ถ้าชอบแบบอวกาศ ก็ขอแนะนำชุด OST - Babylon 5 ครับ
(http://i709.photobucket.com/albums/ww97/tanbeemkarn/cf2.jpg)

ผมว่า Christopher Frank ทำเพลงออกป๊อป ฟังง่าย ไพเราะดี ผิดกับ สมาชิกวงคนอื่นๆเลย   :D

ช่วงนี้นำ Bootleg Box ทั้ง 2 กล่อง ซึ่งเป็นการแสดงจากยุค Seventies กับต้น Eighties มาเปิดฟังที่ทำงาน เพลินดีครับ

(http://i709.photobucket.com/albums/ww97/tanbeemkarn/tdd2.jpg) (http://i709.photobucket.com/albums/ww97/tanbeemkarn/tdd1.jpg)

เสียงเป็นไงบ้างครับ เห็นที่พี่ Arnold เคยซื้อบอกว่าเสียงไม่ค่อยดี แล้วเล่นเพลงชุดไหนบ้างครับ ?

เสียงไม่ได้ดีเลิศ แต่อยู่ในระดับที่ยอมรับได้  + เสียงไม่ก้องเหมือน bootleg หลายชุด การแสดงสดของ Tangerine Dream ในยุคนั้น เน้นการ improvise มากกว่าเล่นเพลงจากอัลบั้ม เพลงส่วนใหญ่ ยาว 20 - 30 นาทีครับ

ซื้อไว้หมดแล้วพร้อมกล่อง รอชุดที่เหลือจะได้ครบซะที

ถ้าชอบงานของ Tangerine Dream ยุค Seventies ก็ขอแนะนำผลงานเดี่ยวของ Klaus Schulze จากยุคเดียวกันครับ

+1 งานเดี่ยวของ Klaus Schulze ที่ผมชอบที่สุดคือชุด X แต่ต้องค่อยๆฟังแยกเป็นเพลงๆไป ถ้าให้ฟังตังแต่ต้นจนจบผมหลับแน่นอนครับ

เคยลองฟังมานานแล้ว เพราะทราบว่า Kitaro ก็ได้แรงบันดาลใจจากดนตรีของ Klaus Schulze้ ทำให้ผมไปหาฟัง Tangerine Dream แต่กลับไม่รู้สึกประทับใจ (ชุดไหนไม่ทราบลืมแระ) พอดีคุณ Tron (เรียกคุณ เพราะไม่ทราบชื่อเล่น) ขุดกระทุ้นี้แนะนำมา เลยไปหาฟังดูชุด Phaedra ชุดนี้ฟังแล้ว ชอบอยู่สองเพลง Mysterious Semblance at the Stand of Nightmares ,Phaedra (ชอบท่อนท้ายประมาณเลย 11 นาทีไปแล้ว) มีเสียง แว่วๆ แว่วๆ ดั่งค่ำคืนกลางป่าเขา มันช่างได้อรรถรสดีจริงๆ ฯ

Klause Schulze เคยเป็นผู้ปั้นวง Far East Family Band ซึ่ง Kitaro เคยร่วมเป็นสมาชิกอยู่ในระยะแรกครับ

วันนี้ว่าจะหาฟัง่เพลงของวง Tangerine Dream ให้เป็นชิ้นเป็นอันดูสักหน่อย ฯ

TD จะออกบ๊อกเซ็ทชื่อ TANGERINE DREAM: VIRGIN YEARS 1974-1978 (3CD Set) ในกล่อง Fax Box ส่วนที่จะออกขายในญี่ปุ่นจะเป็นรุ่น mini lp แต่จะมีโอบิให้เฉพาะชุด Phaedra และ Rubycon แต่ที่น่าสนใจก็พวกเวอร์ชั่นซิงเกิ้ล 7" ที่หายากนี่สิครับ

(http://www.uppiczz.com/pic/in/1719442.jpg) (http://www.uppiczz.com/pic/show.php?id=5cd8b409e741925cf32da5a8d7e24c3b)

Over 3 CD's this set collects together the five LP's that Tangerine Dream recorded for Virgin Records between 1974 and 1978. It comes in an old style Thick Triple CD Jewel Case with a generous Booklet.
Artwork and Booklet details are still to be finalised, and we will email the details to you as soon as we have them.

The set includes albums:

1) Phaedra [1974 - International breakthrough album reaching # 15 in the UK charts]
2) Rubycon [1975 - Well received 2nd album, which utilized the then revolutionary technology, such as electronic organs, Moog synthesizers and Mellotron keyboards, among other instruments]
3) Ricochet [1975 - Includes concert recordings from their 1975 European Tour, where they often improvised]
4) Stratosfear [1976 - Combining acoustic instruments with their traditional battery of electronica, the trio created a more melodic sound]
5) Cyclone [1978 - A major change of direction from their previous instrumental releases, as the group moved in a more progressive direction, marking not only the departure of Peter Baumann, but the addition of vocalist Steve Jolliffe and percussion from Klaus Krieger.
Rare Single Releases and 7" Edits, as well as Two Rarely Heard Contemporary Radio Adverts augment these five highly influential albums.

Track List - Disc 1:
01. Phaedra [1995 digital remaster]
02. Mysterious Semblance At The Strand Of Nightmares [1995 digital remaster]
03. Movements Of A Visionary [1995 digital remaster]
04. Sequent C [1995 digital remaster]
05. Rubycon - Part One [1995 digital remaster]
06. Rubycon - Part Two [1995 digital remaster]
Track List - Disc 2:
01. Rubycon - Part Two [excerpt - 2011 - remaster]
02. Rubycon [7" - side one - 2011 - remaster]
03. Rubycon [7" - side two - 2011 - remaster]
04. Ricochet - Part One [live - 1995 digital remaster]
05. Ricochet - Part Two [live - 1995 digital remaster]
06. Stratosfear [1995 - digital remaster]
07. Big Sleep In Search Of Hades [1995 - digital remaster]
Track List - Disc 3:
01. 3am At The Border Of The Marsh From Okefenokee [1995 digital remaster]
02. Invisible Limits [1995 digital remaster]
03. Stratosfear [7" single edit - 2011 - remaster]
04. Big Sleep In Search Of Hades [7" single edit - 2011 - remaster]
05. Bent Cold Sidewalk
06. Rising Runner Missed By Endless Sender
07. Madrigal Meridian
08. Madrigal Meridian [excerpt - 2011 - remaster]
09. Phaedra Advert [2011 - remaster]
10. Rubycon Advert [2011 - remaster]

+1 ดนตรีของ Klaus Schulze ฟังแล้วชวนหลับจริง ๆ ต้องใช้สมาธิแรงกล้าในการฟังครับ

ไม่ทราบมีท่านใดเคยดูหนังเรื่อง Thief ที่ TD เคยทำ soundtrack ประกอบบ้าง? อยากทราบว่าภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นแนวอะไรครับ?

(http://www.progarchives.com/progressive_rock_discography_covers/1295/cover_3215222842005.jpg)

ไม่เคยดูหนัง แต่เพลงฟังแล้วป๊อปดีครับ :D

Peter Baumann อดีตสมาชิกคนสำคัญในยุครุ่งเรืองของ TD ตอนนี้อาศัยอยู่ที่ซานฟรานซิสโกและเป็นผู้ก่อตั้งมูลนิธิ The Baumann Foundation ครับ

http://www.thebaumannfoundation.org/peter_baumann.php

Peter Baumann (กลาง) เมื่อครั้งอยู่กับวง TD (ประมาณปี 1974)

(http://www.gepr.net/tangerinedream74.jpg)

Baumann ในปัจจุบัน (2010)

(http://www.thebaumannfoundation.org/images/peter2010.jpg)

แล้วหนังเรื่อง Sorcerer ล่ะครับ มีใครเคยดูแล้วบ้าง?
ดนตรีชุดนี้ดีนะครับ แต่ไม่ทราบว่าภาพยนตร์นั้นจะเป็นอย่างไร

(http://www.vintageprog.com/tang9.jpg)

ได้ดูวิดีโอคอนเสิร์ตชุด Inferno โดย Tangerine Dream ไปแล้วรอบหนึ่ง รู้สึกไม่ค่อยเก็ทหรือซาบซึ้งเท่าที่ควร (อาจเป็นเพราะเพิ่งดูไปรอบแรกก็ได้) ตัว concept มีพื้นฐานจากนิยายเรื่อง The Divine Comedy ของ Dante กวีชาวอิตาลีในยุคศตวรรษที่ 13 ครั้นพอ TD นำมาเรียบเรียงออกแสดงเป็นดนตรี ผมดูแล้วมันเน้นไปในทางโอเปร่ามากกว่าจะเป็นงาน prog โดยมีนักร้องหญิงสองสามคนเป็นผู้ร้องและประสานเสียง ส่วนตัวนักดนตรีก็ตามคาด มีสองพ่อลูก Edgar และ Jerome Frose เล่นคีย์บอร์ดและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และมีมือเพอร์คัสชั่นเป็นผู้หญิงอีกคนหนึ่ง จะว่าเป็นอคติส่วนตัวก็ได้ คือผมไม่ชอบดนตรีของ TD ในยุคใหม่ที่มีสองพ่อลูก Froese คุมบังเหียนเอาเสียเลย และก็เป็นไปตามคาด ดนตรีเป็นการผสมผสานระหว่างอิเล็กทรอนิกส์มิวสิคกับโอเปร่า และค่อนข้างน่าเบื่อ ผมยังไม่ได้ดูซ้ำก็เลยไม่ค่อยรู้สึกซาบซึ้งกับการแสดงชุดนี้ ไม่ทราบคุณ panyarak และใครที่เคยดูการแสดงชุดนี้แล้วมีความเห็นอย่างไรกันบ้างครับ?

(http://www.progarchives.com/progressive_rock_discography_covers/1295/cover_535112082004.jpg)

ผมก็ว่าน่าเบื่ออยู่ไม่น้อยครับ ตอนที่ดูไปได้สัก 10 นาที ก็เลยลุกไปทำอย่างอื่นสลับไปมาครับ

เซอร์ไพร์สพอสมควร อัลบั้มใหม่ล่าสุดของ Tangerine Dream เป็นเพลงร้อง แถมเป็นเพลงคัฟเวอร์ล้วนชื่อ Under Cover Chapter One (หมายความว่า จะมีภาคต่อ) ฟังแล้วติดใจเพลงนี้ครับ

http://www.youtube.com/watch?v=Q0F83bK0TZU

ตอนเห็นปกอัลบั้ม ไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่ แต่พอได้ฟังแล้วช่างน่าหลงไหลดีจังครับ ผมยังฟังไม่จบเลย ชอบเพลงโปรดเพลงที่ 2 เป็นพิเศษครับ

(http://www.groove.nl/cd/4/gfx/42792.jpg)
1.   "Cry Little Sister"     Gerard McMahon, Michael Mainieri   5:40
2.   "Everybody Hurts"     R.E.M.   5:06
3.   "Precious"     Depeche Mode   4:20
4.   "Space Oddity"     David Bowie   5:34
5.   "The Model"     Kraftwerk   5:30
6.   "Wicked Game"     Chris Isaak   4:28
7.   "Hotel California"     Eagles   7:39
8.   "Suzanne"     Leonard Cohen   5:23
9.   "Heroes"     David Bowie, Brian Eno   4:35
10.   "Forever Young"     Alphaville   5:40
11.   "Iris"     Goo Goo Dolls   4:08
12.   "Norwegian Wood"     The Beatles   5:33
13.   "Hallelujah"     Leonard Cohen   6:19
14.   "Wish You Were Here"     Pink Floyd   6:53

ได้มีเวลามานั่งไล่ฟังอัลบั้มแรก Electronic Mediation แบบเต็มๆตั้งใจฟัง ฟังแล้วอดคิดถึงงานอย่าง A Saucerful of Secrets ของ Pink Floyd อย่างช่วยไม่ได้ (เพราะออกมา 2 ปีให้หลังด้วย) หรือบางช่วงก็ถือก็นึกถึง The Doors ด้วย แต่ก็ออกทดลองและฟังยากกว่าพอสมควร (เห็นเขาว่ากันว่าเป็นงานแบบ Krautrock) ถ้าใครเปิดเจอเพลงแรกที่เหมือนการแจมแบบไร้รูปแบบแล้วพาลไม่อยากฟังต่อ ลองอดทนฟังเพลงต่อๆไปแล้วอาจจะเพลินจนฟังจบแผ่นได้ไม่ยาก (แต่ต้องมีอารมณ์ที่จะฟังงานแบบนี้ด้วย) เพราะความยาวอัลบั้มนี้แค่ 30 นาทีกว่าๆ (ผมเองก็ฟังไปสองรอบติดๆกัน) แต่ยังไม่เข้าใจว่าให้ลูกโป่งมาในแผ่นเพื่ออะไร  ???

1.   "Genesis"     5:57
2.   "Journey Through a Burning Brain"     12:26
3.   "Cold Smoke"     10:38
4.   "Ashes to Ashes"     4:06
5.   "Resurrection"     3:27

(http://i324.photobucket.com/albums/k328/sithichai/Tangerine_Dream_1970.jpg)

ถ้าชอบงานแจมอีเลกทรอนิกส์แบบชุดนี้ (โดยเฉพาะแบบเพลง Genesis) ก็ลองไปดูวง _________ ของผม (และอีกหลายศิลปิน) ที่งาน Make Noise, Not War เสาร์นี้สิครับ น่าจะได้อารมณ์แบบนี้บ้างไม่มากก็น้อย ในอารมณ์ที่ noise ยิ่งขึ้น :)

จริงๆเพลง Genesis เป็นเพลงที่โหดสุดในชุดนั้นเลยนะครับ แต่จะหาเวลาไปดูให้ได้ :D

มีใครเคยฟังผลงานเดี่ยวของ Peter Baumann ชุด Repeat Repeat (1981) บ้างไหมครับ?
ถ้าดูจากปีที่ออก ผมว่าแนวน่าจะออกไปทางอิเล็กทรอนิกส์นิวเอจ แต่ไม่แน่ใจว่าจะเดาถูกรึเปล่านะครับ

(http://www.progarchives.com/progressive_rock_discography_covers/2079/cover_4831425102005.jpg)

หลังจากที่ Edgar Froese หัวเรือใหญ่ของ Tangerine Dream ได้เสียชีวิตไปแล้วเมื่อต้นปีนี้ ทิศทางของ Tangerine Dream ต่อจากนี้ไปจะเป็นอย่างไรบ้าง วงยังคงมีผลงานหรือดำรงสถานะอยู่หรือไม่? มีใครได้ติดตามข่าวบ้างหรือเปล่าครับ?

(http://www2.pictures.zimbio.com/gi/Edgar+Froese+NYFF+Live+Presents+Music+Grand+B-5yXMhTVPPl.jpg)

ฟังผลงานชุด Ricochet เพิ่งสังเกตว่ามีเมโลดี้อยู่ท่อนหนึ่งในอัลบั้มชุดนี้ที่คล้ายกันมากกับเมโลดี้ที่เป็น theme หลัก ซึ่ง The Alan Parsons Project มักใช้ในผลงานของตนเองจนเป็นสัญลักษณ์หรือลายเซ็นประจำตัววงนี้ไปเลย เช่นในอัลบั้มชุด I Robot คิดว่าฝีมือระดับพระกาฬทั้งคู่คงไม่มีการลอกเลียนกัน แต่โอกาสที่จะมีเมโลดี้ไปพ้องต้องกันก็คงจะมีบ้าง Ricochet เป็นผลงานที่ออกก่อน I Robot สองปีครับ

(http://www.vintageprog.com/tang7.jpg)

Jerome Froese เคยให้สัมภาษณ์ไว้ว่า Tangerine Dream เมื่อสิ้น Edgar Froese บิดาของตนไป ก็เหมือนไม่มีวงนี้อีกต่อไปแล้ว (คงเป็นเพราะ Edgar Froese คือ key man หลักของวง และแนวดนตรีของ TD ถูกกำหนดโดย Edgar Froese เป็นส่วนใหญ่ครับ)

ภาพจาก www.musikzirkus-magazin.de

(http://www.musikzirkus-magazin.de/dateien/IMAGES/konzerte-elektronik/e-live/2011/E-Live%202011%20-%2015.10.2011%20-%20001.jpg)

Peter Baumann หนึ่งในอดีตสมาชิกของ Tangerine Dream ในยุค 70's ได้ออกผลงานเดี่ยวอีกครั้งเมื่อปี 2016 ชื่อชุด Machines of Desire (ทั้งแผ่นเสียงและซีดี) ซึ่งเขาให้สัมภาษณ์ไว้ว่าเคยคุยกับ Edgar Froese ถึงการร่วมออกผลงานใหม่ด้วยกัน แต่ยังไม่ทันไร อยู่มาวันหนึ่ง เขาได้รับโทรศัพท์จากภรรยาของ Edgar Froese เขาชิงบอก Bianca ภรรยาของ Froese ก่อนว่า เขาพร้อมจะคุยเรื่องโปรเจ็คท์งานใหม่กับ Froese แล้ว แต่ภรรยาของ Froese กลับบอกว่ามีข่าวร้ายจริง ๆ จะบอก นั่นละครับ Peter Baumann ถึงได้ทราบว่าอดีตเพื่อนร่วมวง Tangerine Dream ของเขาได้เสียชีวิตแล้ว

http://teamrock.com/feature/2016-07-17/after-33-years-peter-baumann-is-back-to-expand-electronic-music-s-frontiers

Tangerine Dream Live at Coventry Church 1975

https://www.youtube.com/watch?v=4w8pbGz7E8c

หรือนี่คืิอที่มาของ Ricochet Part 1

Tangerine Dream '70-'80 Box Set 4 แผ่น รวมเพลงของ Tangerine Dream ตั้งแต่ Alpha Centauri และผลงานที่ยังไม่เคยออกที่ใดมาก่อน แถมสมุดภาพอีกหนึ่งเล่ม 28 หน้า มีรูปภาพและประวัติสมาชิกวง แผ่นออกจำหน่ายในอังกฤษเมื่อปี 1980 สังกัด Virgin Records เห็นแล้วนึกถึงรวมเพลงชุด Boxed ของ Mike Oldfield เลยครับ (ออกในสังกัด Virgin เหมือนกัน)

http://www.voices-in-the-net.de/70_80.htm

เครดิตภาพ www.progarchives.com

(http://www.progarchives.com/progressive_rock_discography_covers/1295/cover_1427162612013_r.jpeg)

เครดิตภาพ www.popsike.com

(https://www.popsike.com/pix/20110607/200617319838.jpg)

ถ้าคิดเสียว่าซื้อมาเพื่อเปิดฟังผ่านๆ ไปเรื่อยๆ ก็น่าสนใจมากครับ

ผมเป็นแฟนคนหนึ่งของ Tangerine Dream จึงต้องสะสมครับ 555 :D

ย้อนกลับไปสู่จุดเริ่มต้นของกระทู้ "พอดีผมพึ่งหัดฟังวง Tangerine Dream" บ็อกซ์เซ็ตไวนิล 4 แผ่นรวมเพลงตลอดหนึ่งทศวรรษของการทำงานของวงชุดนี้คือคำตอบไขข้อข้องใจได้ดีทีเดียวครับ

เครดิตภาพ www.progarchives.com

(http://www.progarchives.com/progressive_rock_discography_covers/1295/cover_1427162612013_r.jpeg)

Tangerine Dream Discography รายชื่อผลงานของ Tangerine Dream ซึ่งมีเยอะมาก ๆ ทั้งผลงานสติวดิโอ แสดงสด และอัลบั้มประกอบภาพยนตร์ เมื่อเทียบกับที่ผมมีเก็บไว้ จะถึง 1 ใน 20 หรือเปล่าก็ไม่ทราบ แฟนพันธุ์แท้ของ TD ที่ตามเก็บผลงานให้ครบคงจะเหนื่อยน่าดู แต่ทั้งนี้ ในจำนวนผลงานมากมายขนาดนี้ ย่อมมีทั้งผลงานที่ดี ยอดเยี่ยม ปานกลาง และ "ฟังแล้วไม่เข้าหู" ปะปนกันอยู่ ก็ต้องเลือกเอาเอง แล้วแต่ดุลยพินิจ ประสบการณ์ และการตัดสินใจของคนฟังแต่ละคน สำหรับผม ขอเก็บผลงานถึงแค่ยุคที่มี Johannes Schmoelling เป็นสมาชิกเท่านั้น ส่วนผลงานตั้งแต่ยุครุ่นลูกของ Edgar Froese (RIP) คือ Jerome Froese รู้สึกฟังไม่ค่อยเข้าหู จึงไม่เก็บ และโดยเฉพาะพวกผลงาน compilation ของ TD นั้น มีออกมาเยอะมาก เพราะ material ที่พวกเขามีและสะสมไว้ แต่ยังไม่ได้ปล่อยออกมา ยังมีอยู่อีกบานตะไท เห็นแล้วตาลาย ปวดหัว และเลือกไม่ถูกครับ

http://www.progarchives.com/artist.asp?id=1295